ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« เมื่อ: 08-12-2006, 22:37 » |
|
ทอดเบคอนยังไง ไม่หงิกงอการทอดเบคอนไม่ให้หงิกงอเป็นตะขอ อย่างที่เห็นๆกัน
เป็นประจำ เคล็ดลับง่ายๆที่บางคนอาจไม่ทราบ
คือนำเบคอนไปจุ่มในนมสด ที่เทใส่จานแบนๆ พลิกกลับทั้งสองด้าน
ผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปทอดไฟกลางๆจะได้เบคอนที่มีเส้นตรงดูสวยงาม
น่าทานเหมือนอาหารเช้าที่ตามโรงแรมขายเลยเชียวค่ะ ใครมีเคล็ดลับอะไรดีๆ กรุณามาแลกเปลี่ยนได้นะคะ :slime_bigsmile:G
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2008, 22:24 โดย ดอกฟ้ากับหมาวัด »
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ooo
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 08-12-2006, 22:51 » |
|
ได้เคล็ดลับทันเวลาพอดี เพราะกำลังจะเป็นเมนูพรุ่งนี้เช้าอยู่เชียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 08-12-2006, 22:52 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 08-12-2006, 22:57 » |
|
ปอกหัวหอมโดยไม่แสบตาวิธีง่ายๆที่ทำให้ไม่ต้องร้องไห้เวลาปอกหัวหอมคือ
ต้มน้ำให้เดือดแล้วจุ่มหัวหอมลงไป รีบตักขึ้นในทันทีแช่ในน้ำเย็นจัด
แล้วจึงปอก ก็จะปอกได้ง่ายและจะไม่ต้องเสียน้ำตาอีกต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 08-12-2006, 23:17 » |
|
ขนมปังที่เหลือ
ขนมปังที่เหลือใหล้หมดอายุอย่าโยนทิ้ง หากทานไม่หมด
นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำเข้าเตาอบในอุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส
อบจนเหลืองกรอบ เก็บใส่โหลไว้ ใช้โรยหน้าสลัดจานโปรด หรือใส่ในซุป
รับประทานได้อีกยาวนาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 09-12-2006, 14:09 » |
|
ต้มผักให้มีสีสวยน่ารับประทาน
การต้มผักให้มีสีสวยน่ารับประทาน อาทิเช่น บล็อคโคลี่
คะน้าหรือแครอท ฯลฯ ควรต้มด้วยน้ำเดือดปานกลาง
ควรใส่เกลือเล็กน้อยและน้ำมันพืชลงไปในน้ำที่ต้มด้วย
พอผักสุกได้ที่ ควรราดด้วยน้ำเย็นจัดอีกครั้ง แล้วพักให้สะเด็ดน้ำ
นำไปเป็นเครื่องตกแต่งจานอาหารต่างๆ ผักที่ได้จะกรอบมีสีสวยน่าทาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ใบไม้ทะเล
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 09-12-2006, 14:23 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 09-12-2006, 14:43 » |
|
ขอบคุณคับ เด๋วอนาเอาไปทำมั่ง ด้วยความยินดีค่ะ
เดี๋ยวจะหาเคล็ดลับวิธีรักษาหัวใจให้แข็งแรงมาฝากด้วย อิ อิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ใบไม้ทะเล
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 09-12-2006, 15:01 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 09-12-2006, 15:35 » |
|
ปล. ใครที่ทานข้าวเที่ยงแล้ว กรุณาอย่าอ่านหลายรอบ ฮี่ๆๆๆ รอดตัวไป...พี่ทานข้าวเที่ยงเรียบร้อยแล้ว
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างผักที่ต้านทานโรคหัวใจมาฝาก อิ อิ
ขึ้นช่าย Celerry
สรรพคุณ มีกลิ่นหอม ช่วยเจริญอาหาร มีวิตามินเอ บีและซี
บำรุงสมอง ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด
หอมหัวใหญ่ Onion
สรรคุณ มีสารฟลาโวนอยด์ ลดอาการของโรคหัวใจ
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
กระเทียม Garlic
สรรพคุณ ลดไขมันในเลือด ป้องกันโรคหัวใจขาดรัก เอ๊ยย...ขาดเลือด
ใบกระเทียมมีโฟเลท เหล็ก วิตามินซีสูง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 10-12-2006, 17:03 » |
|
ปอกหัวหอมโดยไม่แสบตาวิธีง่ายๆที่ทำให้ไม่ต้องร้องไห้เวลาปอกหัวหอมคือ
ต้มน้ำให้เดือดแล้วจุ่มหัวหอมลงไป รีบตักขึ้นในทันทีแช่ในน้ำเย็นจัด
แล้วจึงปอก ก็จะปอกได้ง่ายและจะไม่ต้องเสียน้ำตาอีกต่อไป ดีจังค่ะ เด๋วใครไม่รู้ว่า นึกว่ากะลังเฮิร์ท ขอบคุณมากหลายค่ะ สำหรับเคล็ดลับที่นำไปปฏิบัติได้จริง มีอีกเยอะมั้ยคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 13-12-2006, 18:24 » |
|
ความรู้เรื่อง เพชร คำว่าเพชร Diamond มาจากคำว่า Adamas ในภาษากรีก ซึ่งหมายถึงชัยชนะ และมีความหมายถึง ความรักที่นิรันดร เพชร จึงเป็นสัญลักษณ์ที่เราใช้พิธี
หมั้น เป็นการแสดงออกถึงความรักของชายหญิงที่มีต่อกัน คนอินเดียสมัยโบราณ เชื่อว่าเพชรมีพลังอำนาจทำให้ได้รับชัยชนะ และยังใช้เพชรประดับเทวรูป
เพื่อสักการะบูชา กษัตริย์ของอินเดีย มีความเชื่อว่าเพชรสามารถป้องกันภยันตรายจากปีศาจ และชัยชนะแห่งสงครามอีกด้วย เพชร ถือเป็นสารที่แข็งที่สุด มี
ความแข็งเท่ากับ 10 ในโมห์สเกล หรือมีความแข็งมากกว่าทับทิม 140 เท่า เพชร เกิดจากการตกผลึกภายใต้ความร้อนและความกดดันใต้เปลือกโลกนับเป็น
เวลาหลายล้านปี ผลึกเพชรที่พบบ่อยเป็นรปทรงปิรามิดสองชิ้นมีฐานติดกันและแยกจากกันไม่ได้ จึงหมายถึงความรักที่เป็นนิรันดร์ เพชร เป็นผลึกบริสุทธิ์
ของ คาร์บอน ซึ่งเป็นสสารตามธรรมชาติที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุด เพชรเท่านั้นที่จะขีดข่วนหรือตัดเพชรอีกเม็ดหนึ่งได้ เมื่อเป็นดังนี้ ใครที่มีเครื่องประดับเพชรก็
ไม่ควรวางใกล้ชิดกันมากเกินไป เพราะหากเกิดการเสียดสีก็จะเป็นรอยได้ เพชรก่อตัวจากส่วนลึกในผิวโลก เมื่อคาร์บอนตกผลึกภายใต้แรงดันมหาศาลก็เคลื่อน
ตัวขึ้นมาพร้อมกับการระเบิดของภูเขาไฟ และเมื่อภูเขาไฟสงบลง ผลึกเพชรจะถูกฝังอย่ในแมกม่าที่แข็งตัวแล้ว ซึ่งทางธรณีวิทยาเรียกว่า คิมเบอร์ไลท์
Kimberlite
เราจะหาเพชรได้จากที่ไหน?เราหาได้จากในน้ำ ตามชายฝั่งทะเล ตามลำธารน้ำ หรือต้องไปขุดที่เหมืองเพชร แล้วเหมืองเพชรล่ะอยู่ที่ไหน? แหล่งที่ค้นพบ
เพชรและเป็นที่รู้จักกันดี คือที่อินเดีย จากนั้นก็พบที่บราซิล ออสเตรเลีย รัสเซีย บอสวานา และที่อัฟริกาใต้ เราจะขุดหาเพชร จะต้องไปหาสายแร่กันก่อน ทำ
วิจัย ติดต่อสัมปทานที่ดิน อีกทั้งลงทุนนำเครื่องขุด เครื่องร่อน เครื่องมือต่าง ๆ อีกร้อยแปดอย่าง เดอร์เบียส์จึงก่อตั้งขึ้นเพื่อกิจกรรมข้างต้น มีนักวิชาการหัว
กระทิเดินทางไปทั่วเพื่อหาสายแร่ ทำวิจัยว่าถ้าลงทุนเครื่องมือเครื่องจัก คนงาน ไปแล้วจะสามารถขุดเพชรได้ปริมาณเพียงพอคุ้มค่าใช้จ่ายหรือไม่ เมื่อขุดพบ
แล้วจะเก็บรักษาและขายก้อนเพชรดิบไปให้แก่โรงงานต่อไปได้อย่างไร รวมถึงการควบคุมราคาเพชรดิบไม่ให้เกิดภาวะเฟ้อในตลาด
คุณค่าของเพชร ดูตรงไหน?4 c's ได้แก่1. Carat Weight น้ำหนักกะรัต เพชร 1 กะรัต เท่ากับ 100 สตางค์ หรือเท่ากับ 0.2 กรัม คุณค่าของเพชรจะเพิ่มขึ้น
ตามน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 2. Clarity ความสะอาดในเนื้อเพชร เราดูเกรดความสะอาดจากกล้องที่มีกำลังขยาย 10 เท่า โดยจะแบ่งเป็นหลายเกรด คือ FL
Flawless ปราศจากตำหนิใด ๆ โดยสิ้นเชิง IF Internal Flawless ปราศจากตำหนิภายใน VVS Very Very Slightly Included ตำหนิที่เห็นได้ยากมาก แบ่ง
เป็น VVS1 และ VVS2 VS Very Slightly Included ตำหนิเล็กน้อย แบ่งเป็น VS1 VS2 SI Slightly Included ตำหนิที่เห็นได้ง่ายด้วยตาเปล่า แบ่งเป็น
SI1 SI2 I Included เห็นตำหนิด้วยตาเปล่า และตำหนินั้นมีผลต่อความคงทน โดยแบ่งเป็น I1, I2, I33. Color ตามมาตรฐานของ GIA D-H ใส ไม่มีสี I-J
เกือบใส ไม่มีสี K-M มีสีเหลืองแทรกน้อยมาก N-R มีสีเหลืองอ่อนมาก S-Z มีสีเหลืองอ่อน ส่วนสี FANCY หมายถึงสีที่ต่ำกว่า Z 4. Cut จากเพชรดิบเหมือน
ก้อนดินไร้ค่า มาเป็นเพชรที่มีแสงวาวระยิบ จากการเจียระไนที่ดี การเจียระไนจึงมีผลอย่างมากต่อคุณค่าของเพชร เพราะเป็นองค์สำคัญต่อการสะท้อนแสง
ความวาว และความเป็นประกาย การเจียระไนมักเจียเป็นรูปกลม เหลี่ยมเกสร ซึ่งจะทำให้การสะท้อน การหักเห และเป็นประกายได้มากที่สุด เหลี่ยมเกสร จะ
มี 57 เหลี่ยม ในตลาดเมืองไทย แบ่งเกรดการเจียระไนได้กว้าง ๆ เป็น 3 เกรดด้วยกัน คือ อินเดียน เป็นเกรดการเจียระไนที่ร้านค้าทั่วไปมักใช้ เป็นเหลี่ยม
เจียคุณภาพต่ำ ถึงปานกลาง ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องความงามมากนัก เป็นการเจียระไนที่เลี้ยงน้ำหนักเพชรมากกว่า เบลเยี่ยม เป็นเกรดการเจียระไนที่ดี xxxส่วนดี
การขัดเงาดี ทำให้การหักเหของแสงดี รัสเชียน เป็นเกรดการเจียระไนที่ดีเลิศ เสียน้ำหนักมากกว่า หน้ากระดานจะแคบกว่าแบบเบลเยี่ยม
ทริก ในการซื้อเพชร1. หากเลือกได้ ให้เลือกเพชรเม็ดที่มีน้ำหนักเผื่อไว้ เช่น ถ้ามีเม็ด น้ำหนัก 0.50 กะรัตกับเม็ด 0.53 กะรัต แนะนำให้ซื้อเม็ดหลัง เพราะ
หากเกิดการผิดพลาด หน้าเพชรเป็นรอย ถึงขั้นต้องนำมาเจียระไนใหม่น้ำหนักจะได้ไม่ตกต่ำกว่า 0.50 กะรัต2. สำหรับเพชรขนาด 0.20 กะรัตขึ้นไป หากเลือก
ได้ พยายามซื้อเพชรที่มีเหลี่ยมดี คือเกรดรัสเชียน หรืออย่างต่ำก็เป็นเบลเยี่ยม ต้องให้แน่ใจว่าเป็นเบลเยี่ยมแท้ ๆ เพราะจะเล่นไฟ ดูสวยกว่าอินเดียนเป็น
ไหน ๆ3. สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อเพชรขนาด 1 กะรัตขึ้นไป โปรดเรียกขอใบรับประกัน หรือภาษาพ่อค้าเพชร คือขอใบรับประกันคุณภาพ (Certificate) จาก
ห้องแลบที่เชื่อถือได้จากผู้ขาย ห้องแลบที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ ได้แก่ ของ GIA, HRD, IGI ของในประเทศก็ไปขอได้ที่ AIGS 4. ตัวเรือนสำหรับเพชร
เม็ดเล็กคงไม่มีต้องมีข้อระวังมากมาย แต่ถ้าเป็นเม็ดใหญ่ เพชรหล่นหายเพราะตัวเรือนไม่ดี ก็คงเสียใจแย่ ฉะนั้น หากเป็นเพชรเม็ดใหญ่ ควรจะใช้ตัวเรือนจับ
เพชรที่มีความแข็งแรง สำหรับลักษณะการจับเพชรที่แข็งแรงที่สุด เห็นจะเป็นแบบหนามเตย 6 เตย รองลงมาก็ หนาม 4 เตย และตัวเรือนที่เหมาะจะทำ
แหวนหมั้นเพชรที่มากที่สุด เห็นจะเป็นตัวเรือนแพลตินั่ม (เลือกใช้ได้ หากมีงบประมาณมากพอ) เพราะแพลตินั่ม ถึงแม้ความแข็งจะน้อยกว่าทอง แต่มีความ
เหนียวมากกว่า รองลงมาน่าจะเป็นตัวเรือนทองคำหรือทองคำขาวที่มีความแข็งมากสักหน่อย สัก 18K น่าจะดี ตัวเรือนทองคำขาวจะช่วยให้เพชรเล่นไฟได้ดี
กว่า แต่ทั้งนี้ ต้องดูที่สีผิวผู้สวมใส่ด้วย หากผิวขาวใส่ทองคำขาวจะดูดี แต่หากผิวสีแทน สีน้ำผึ้ง หากเลือกใช้แหวนสีทองจะเหมาะกว่า
เอาเกร็ดความรู้เรื่องเพชรมาฝากบางท่านที่สนใจ หรืออาจกำลังหาซื้อแหวนหมั้น ไปหมั้นสาว หรือซื้อเป็นของขวัญปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงค่ะ อ้างอิงจาก เฟรนด์ไทยดอทคอม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกเข็มขาว
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 16-12-2006, 13:11 » |
|
มีเคล็ดลับมาฝากด้วยคนคะ
เรื่องของไข่ขาว
นอกจากที่เรารู้มาว่า "ไข่ขาว" สามารถที่จะช่วยขจัดสิ้วเสี้ยนได้แล้ว ไข่ขาวยังสามารถที่จะรักษาแผลที่โดนน้ำร้อนลวกได้ด้วย ใช้ไข่ขาวมาทาบริเวณที่ถูกน้ำร้อนลวก หลังจากนั้น ก็ปล่อยทิ้งไว้จนแห้ง ทิ้งไว้ครู่ใหญ่ (แกล้งลืมไปนาน ๆ เลยก้ได้นะคะ แต่อย่านานเกินล่ะ เดี๋ยวจะเน่า) แล้วจึงล้างออก ผิวหนังบริเวณที่โดนน้ำร้อนลวกนั้น จะไม่มีรอยแดง หรือพองอีกเลย แต่มีข้อห้ามนิดนึงนะคะ คือ ก่อนที่จะทาไข่ขาวนั้นอย่าเพิ่งให้แผลถูกน้ำเย็น หรือยาอื่น ๆ เลย แล้วก็อย่าซนไปแกะตอนที่แผลใกล้จะแห้งเด็ดขาด มิฉะนั้น เป็นแผลเป็นด้วยล่ะ แล้วจะหาว่าไม่เตือนกัน
วิธีรักษาถุงน่องไม่ให้ขาดง่าย
สาว ๆ หลายคนคงจะประสบพบเจอกับปัญหา ถุงน่องสีโปรดขาดง่าย เวลาซัก ทำให้หงุดหงิดใจ แถมยังเสียเวลาต้องไปหาซื้อคู่ใหม่ด้วย แต่วันนี้เรามีเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย ในการคงสภาพถุงน่องให้อยู่ทนนานมาฝากกันค่ะ วิธีง่าย ๆ เพียงนำเกลือ 2 ถ้วยผสมกับน้ำ 1 แกลอน แช่ถุงน่องใหม่ไว้นาน 3 ชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ยกถุงน่องขึ้น มาตากให้น้ำหยดจนแห้ง เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้ถุงน่องคงสภาพ และเหนียวทนนาน ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 16-12-2006, 14:18 » |
|
ขอบคุณคุณเข็มขาวมากค่ะ ที่เอาเกร็ดมาความรู้มาให้
หากมีอีกอย่าลืมเอามาฝากบ้างนะคะ ทายนิสัยจากการกิน ทายนิสัยจากท่าทางการกินอาหาร นิสัยในการทานอาหารของคนเรานั้น แตกต่างกันอย่างแน่นอนเพราะอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูตั้งแต่วัยเด็ก...แต่ความแตกต่างนี้เอง ที่ทำให้นำมาทายใจกันได้ จะแม่นยำอย่างไรแค่ไหนก็ต้องลองดูซินะ
ทานอาหารด้วยท่าทางอ้อยอิ่ง สำหรับคนที่รับประทานอาหารอย่างอ้อยอิ่ง ค่อยๆละเลียดทานทีละนิดๆนั้น แสดงว่าเป็นคนที่เรียกร้องความสนใจเก่ง ต้องการให้คนอื่นสนใจตัวเองเสมอ และยังเป็นคนที่ต้องการความรักและความเอาใจใส่อยู่เสมอ เมื่อผูกพันกับใครมักจะยึดถือจริงจัง และเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวมากกับเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ จะทนไม่ได้เลยหากถูกเฉยชาหรือไม่ได้รับความไยดีจากคนที่รัก
ทานอาหารรวดเร็วแต่ไม่เลอะเทอะ ส่วนคนที่ทานอาหารอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ได้มูมมามเลอะเทอะ แสดงว่าเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นคนแอ็คทีฟ มีพลัง ชอบคิดชอบทำอะไรทีละหลายๆอย่างพร้อมกัน แต่ทำอะไรก็จะมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นคนใจร้อน คิดอะไรได้ก็ทำเลยจนบางทีขาดความรอบคอบในการตัดสินใจ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องรายละเอียดอะไรนัก มักให้ความสำคัญแต่กับเรื่องใหญ่ๆเท่านั้น มีแนวโน้มว่ามักได้ทำงานระดับบริหารอยู่เสมอ
ทานอาหารอย่างตั้งใจ คนที่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารอย่างตั้งใจมากๆ จนกว่าจะอิ่มแล้วค่อยทำอย่างอื่นนั้น แสดงว่าเป็นคนที่มีความตั้งใจสูงที่จะพัฒนาปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ทั้งในด้านฐานะความเป็นอยู่หรือด้านอื่นๆเป็นคนที่มีความอดทน อดกลั้น เมื่อมีสิ่งไม่พอใจก็จะเงียบมากกว่าที่จะเอะอะโวยวายแสดงอารมณ์ออกมาให้คนอื่นเห็น
ทานอาหารมูมมาม ส่วนคนที่ทานอาหาด้วยลักษณะนี้ มักจะเป็นคนที่มีความปรารถนาต้องการสูงในทุกๆเรื่อง เป็นคนที่ต้องการความเป็นหนึ่ง มีความฝักใฝ่เรื่องเกียรติยศมาก และยังเป็นคนที่ดื้อรั้น แต่มักจะสับสนเกี่ยวกับความต้องการของตัวเอง
ทานอาหารอย่างมีชีวิตชีวา สำหรับคนที่มักจะทานอาหารอย่างมีชีวิตชีวาประมาณว่าไม่ว่าทานอะไรก็จะดูอร่อยไปเสียหมดนนั้น แสดงว่าเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน มีความอบอุ่น เป็นคนใจกว้าง เปิดเผย มีความสามารถในการแก้ปัญหาทั้งของตัวเองและคนอื่น เป็นที่ปรึกษาที่ดี มีคำแนะนำที่น่าทึ่งมาให้อยู่เสมอ แต่จะไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จกับการทำงานที่ต้องลงมือเอง นอกจากนี้ ยังเป็นคนที่รักอิสระ และชอบการผจญภัยอีกด้วย
ทานอาหารอย่างเบื่อๆ คนที่เมื่อทานอาหารมักจะทานด้วยท่าทางเบื่อๆหน่ายๆนั้น มีท่าทีเนือยๆแสดงว่าเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง มักมีความต้องการเร้นลับอยู่ในใจ แต่ไม่ค่อยยอมปริปากพูด นอกจากนี้ยังเป็นคนช่างคิดช่างฝัน มีจินตนาการสูงและชอบการอยู่ตามลำพัง เพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองพอใจ และยังเป็นคนที่มีโลกส่วนตัว ไม่ชอบให้ใครเข้ามาก้าวก่ายในเรื่องของตัวเอง ไม่ว่าจะมีความสนิทสนมกันสักเท่าไหร่ก็ตาม เมื่อรักใครก็จะฝังใจในรักนั้นจนเนิ่นนาน
ทานอาหารอย่างไม่พอใจ ส่วนคนที่มักทานอาหารแบบไม่พอใจเสมอ ไม่ติดที่รสชาติอาหาร ก็ติดที่บรรยากาศรอบๆ หรือคนที่ร่วมโต๊กันอยู่ด้วยแสดงว่าเป็นคนมีอารมณ์แปรปรวน หรือเจ้าอารมณ์ก็ว่าได้ เป็นคนหงุดหงิดง่าย ปรับตัวไม่ค่อยเก่ง เป็นคนที่มีมาตรฐานของตัวเอง แต่ไม่เชื่อในมาตรฐานของคนอื่น แต่ก็ต้องการความรักความเข้าใจจากคนอื่นเสมอ
ทานอาหารอย่างเรียบร้อย คนที่ทานอาหารเรียบร้อยนั้น มักจะเป็นคนที่ใจอ่อน แต่มีความระวังตัว เป็นคนที่อยู่ในระเบียบวินัย ให้ความเคารพต่อกฎเกณฑ์ทางสังคม รู้จักกาละเทศะ และเป็นผู้ที่คนอื่นเดาใจยาก ให้ความเค้ารพผู้ใหญ่ และมีแนวคิดในเรื่องความกตัญญู และยังให้คึวามสำคัญกับความเป็นระเบียบเรียบร้อยและมารยาทสังคม
เอามาจาก...mahamodo.com
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ใบไม้ทะเล
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 16-12-2006, 17:00 » |
|
แต่ก่อนอนาทานอาหารช้ามา แต่มาอยู่นี้ ยังกะจะรีบไปไหนไม่รู้ ติดนิสัยกับคนที่นี้ไปแล้ว บางคนนั่งทานสิบห้านาทีก็ลุกไปทำงานต่อ ไม่มีเบรคไม่มีอ้อยอิ่งแบบเราๆๆเลยค่ะ หลังๆๆมาเลยตามๆๆเขาไปเลย เพราะนั่งทานไป มองคนข้างๆๆไปก็อดสปิดตามไม่ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 16-12-2006, 20:28 » |
|
แต่ก่อนอนาทานอาหารช้ามา แต่มาอยู่นี้ ยังกะจะรีบไปไหนไม่รู้ ติดนิสัยกับคนที่นี้ไปแล้ว บางคนนั่งทานสิบห้านาทีก็ลุกไปทำงานต่อ ไม่มีเบรคไม่มีอ้อยอิ่งแบบเราๆๆเลยค่ะ หลังๆๆมาเลยตามๆๆเขาไปเลย เพราะนั่งทานไป มองคนข้างๆๆไปก็อดสปิดตามไม่ได้ อิ อิ สงสารหนูอนาจังเลยค่ะ ของพีนะคะส่วนใหญ่แล้วทานไปทำงานไป
บางครั้งทำงานเพลินจนลืมไป ต้องยกอาหารไปอุ่นใหม่เพราะว่าเย็นชืดแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 16-12-2006, 22:29 » |
|
ขิง
ขิงเป็นเครื่องเทศที่ใช้ในครัวจีนมากที่สุด
โดยเฉพาะการต้ม ผัด อาหารที่มีเนื้อสัตว์ และยังใช้ในการอาหารสดแบบจีนด้วย
เช่นยำกุ้งแห้ง ยำไก่ จะใส่ขิงเป็นเส้นยาวๆหรือขิงสับแทนหัวหอม
ชาวจีนเชื่อว่า ขิง เป็นเครื่องเทศที่ช่วยขับความเย็น ช่วยให้เหงื่อออก
และช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ฉะนั้นเวลาอากาศเย็นเขาจะใช้ขิง
หั่นบางๆต้มกับน้ำตาลอ้อยแล้วดื่ม ทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้น หรือขณะไม่สบายมีไข้
ก็จะต้มมันเทศกับขิงเหยาะเกลือนิดหน่อย รับประทานร้อนๆ แล้วช่วยให้เหงื่อออก ไข้ลดเป็นต้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ใบไม้ทะเล
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 16-12-2006, 22:35 » |
|
บัวลอยน้ำขิงนี้ ของโปรดหนูอนาเลยค่ะ ไปเอ็มเคทีไร ต้องตบท้าย ของโปรดชนิดนี้เลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 16-12-2006, 22:46 » |
|
เอาของชอบนู๋อนามาฝากค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 17-12-2006, 00:06 » |
|
สีที่ถูกโฉลกตามวันเกิด และสีของเครื่องแต่งกายหรือเสื้อผ้าที่ถูกโฉลกตามวันเกิด
๑. คนเกิดวันอาทิตย์ สีที่นิยมนำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ได้แก่ สีเขียวสด สีเขียวแก่ สีขาว สีชมพู
สีที่ไม่นิยมนำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ได้แก่ สีฟ้า สีน้ำเงิน
๒. คนเกิดวันจันทร์ สีที่นิยมนำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันจันทร์ ได้แก่ สีเขียวสด สีม่วงอ่อน สีม่วง
สีที่ไม่นิยมนำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันจันทร์ ได้แก่ สีแดง
๓. คนเกิดวันอังคาร สีที่นิยมนำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันอังคาร ได้แก่ สีม่วง สีแดง สีแสด
สีที่ไม่นิยมนำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันอังคาร ได้แก่ สีเหลือง สีขาว
๔. คนเกิดวันพุธ สีที่นิยมนำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันพุธ ได้แก่ สีเขียว สีเหลืองอ่อน สีเหลืองแก่
สีที่ไม่นิยมนำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันพุธ สีชมพู
๕. คนเกิดวันพฤหัสบดี สีที่นิยมนำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี ได้แก่ สีน้ำเงิน สีฟ้า สีเขียวสด สีแดง
สีที่ไม่นิยมนำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี ได้แก่ สีม่วงอ่อน สีม่วงแก่
๖. คนเกิดวันศุกร์ สีที่นิยมนำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันศุกร์ ได้แก่ สีเหลือง สีชมพูอ่อน สีแสด
สีที่ไม่นิยมนำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันศุกร์ ได้แก่ สีเขียวแก่
๗. คนเกิดวันเสาร์ สีที่นิยมนำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันเสาร์ ได้แก่ สีเขียวจัด สีเขียวเข้ม สีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน สีฟ้า สีชมพู สีน้ำตาล
สีที่ไม่นิยมนำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันเสาร์ ได้แก่ สีเขียวอ่อน สีเขียวสด
เอามาฝากไว้ให้อ่านกันเล่นๆค่ะ....
จาก mahamodo.com
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ไทมุง
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 17-12-2006, 00:30 » |
|
ปอกหัวหอมโดยไม่แสบตา
ให้คนอื่นปอกให้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 17-12-2006, 00:32 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 17-12-2006, 00:48 » |
|
ยาหม่องสามารถใช้ขจัดหมากฝรั่งเปื้อนเสื้อผ้าได้
โดยการใช้ยาหม่องถูตรงยางเหนียวๆ ของหมากฝรั่งไปมา
ไม่นานยางของหมากฝรั่งก็จะหลุดออกมาหมด แล้วจึงนำผ้าไปซักตามปกติ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 17-12-2006, 01:02 » |
|
หมากฝรั่งก็มีประโยชน์
เคยได้ยินมาว่า เวลาเครื่องบินจะขึ้น ให้เคี้ยว หมากฝรั่ง หรืออมลูกอมเอาไว้
ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะว่า เวลาเครื่องบินขึ้นไป บนอากาศ ซึ่งจะมีความสูง ในระดับหนึ่ง
ความดันอากาศ ภายนอกจะลดลง ความดันอากาศ ภายในหูส่วนกลาง จะสูงกว่าข้างนอก ทำให้แก้วหูปูดออก
แล้วภายในช่องหู ก็จะมีความรู้สึก ไม่สบาย จากอาการนี้ และมีส่วนทำให้สมรรถภาพ ในการฟังของเราลดลงด้วย
ถ้าหากว่า เราเคี้ยวหมากฝรั่ง หรืออมลูกอมไว้ ปากของเรา ก็จะต้องขบเคี้ยวไม่หยุด
และกลืนน้ำลายไปด้วย ทำให้หลอดลมกับปาก และโพรงจมูก เปิดถึงกันได้
อากาศก็สามารถ ไหลออกจากแก้วหู ได้อย่างอิสระ
ดังนั้นการเคี้ยวหมากฝรั่ง จึงช่วยปรับความดัน ของแก้วหู กับอากาศภายนอกได้
แล้วยังช่วยรักษา ภาวะปกติให้แก่ แก้วหูของเราได้อีก ...เวลาขึ้นเครื่อง ก็อย่าลืม พกหมากฝรั่ง ติดไปด้วยหล่ะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2006, 01:04 โดย ดอกฟ้ากับหมาวัด »
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 17-12-2006, 14:11 » |
|
คริสต์มาสคืออะไร
วันคริสต์มาส คือ การฉลองวันประสูติของพระเยซูผู้เป็นศาสดาสูงสุดของชาวคริสต์ทั่วโลก
เป็นวันฉลองที่มีความสำคัญ และมีความหมายมากที่สุดวันหนึ่ง เพราะชาวคริสต์ถือว่า พระเยซูมิใช่เป็น แต่เพียงมนุษย์ธรรดาๆ
ที่มาเกิดเหมือนเด็กทั่วไป แต่พระองค์เป็นบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด และมีพระธรรมชาติเป็น พระเจ้า
และเป็นมนุษย์ในพระองค์เอง การบังเกิดของพระองค์ จึงเป็นเหตุการณ์ พิเศษ ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนด้วย
ประวัติการประสูติพระเยซูเจ้า ในเวลานั้น จักรพรรดิออกัสตัส รับสั่งให้ราษฎรทุกคน ในอาณาจักรโรมัน ไปลงทะเบียนสำมะโน ประชากร
โยเซฟและมารีย์ ซึ่งมีครรภ์แก่จึงต้องเดินทางไปยังเมืองเบธเลเฮม อันเป็นเมืองที่กษัตริย์ดาวิดประสูติ
พอดีถึงกำหนดที่มารีย์จะคลอดบุตร เธอก็ได้คลอดบุตรชายหัวปี เธอเอาผ้าพันกายพระกุมารแล้ววางไว้ใน รางหญ้า
เนื่องจากตามโรงแรมไม่มีที่พักเลย คืนนั้นทูตสวรรค์ของพระเจ้า ปรากฎแก่พวกเลี้ยงแกะ พวกเขาตกใจกลัวมาก
แต่ทูตสวรรค์ปลอบพวกเขาว่า "อย่ากลัวไปเลย เพราะเรานำข่าวดีมาบอก คืนนี้เอง ในเมืองของกษัตริย์ ดาวิด
มีพระผู้ช่วยให้รอดประสูติ พระองค์นั้นเป็นพระคริสต์พระเป็นเจ้า นี่จะเป็น หลักฐานให้พวกท่านแน่ใจคือ พวกท่านจะพบพระกุมารมีผ้าพันกาย
นอนอยู่ในรางหญ้า"
ทันใดนั้น มีทูตสวรรค์อีกมากมาย ร้องเพลง สรรเสริญ พระเจ้าว่า " Gloria in Excelsis Deo
ขอเทิด พระเกียรติพระเจ้าผู้สถิตย์ในสวรรค์ชั้นสูงสุด สันติสุขบนพิภพจงเป็นของผู้ที่พระองค์ทรงพอพระทัย
ทำไมจึงฉลองคริสต์มาสวันที่ 25 ธันวาคม
ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ (ลก.2:1-3) บันทึกไว้ว่าพระเยซูเจ้าบังเกิด ในสมัยที่จักรพรรดิซีซ่าร์ออกัสตัส
ให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยมีคีรินิอัสเป็นเจ้าครองเมืองซีเรีย ซึ่งในพระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่า เป็นวัน หรือเดือนอะไร
แต่นักประวัติศาสตร์ให้เหตุผลว่า ทื่คริสตชน เลือกเอาวันที่ 25 ธันวาคม
เป็นวันฉลองคริสต์มาส ตั้งแต่ ศตวรรษที่ 4 เป็นต้นมา เนื่องจาก ในปี ค.ศ. 274 จักรพรรดิเอาเรเลียน
ได้กำหนดให้วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันฉลอง วันเกิดของสุริยเทพผู้ทรงพลัง ชาวโรมันฉลองวันนี้อย่างสง่า
และถือเสมือนว่าเป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะพระจักรพรรดิก็เปรียบเสมือน ดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์
คริสตชนที่อยู่ในจักรวรรดิ โรมันรู้สึกอึดอัดใจที่จะฉลอง วันเกิดของสุริยเทพตามประเพณีของ ชาวโรมัน
จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 330 จึงเริ่มมีการฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการ
และอย่างเปิดเผย เนื่องจากก่อนนั้น มีการเบียดเบียนศาสนาอย่างรุนแรง (ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 64-313) ทำให้คริสตชนไม่มีโอกาสฉลองอะไรอย่างเปิดเผย
ความสำคัญของวันคริสต์มาส
คริสต์มาส เป็นวันที่มีความสำคัญอย่างยิ่งวันหนึ่งในศาสนาคริสต์ มิใช่เป็นวันสำคัญฝ่ายร่างกายจัดงาน รื่นเริงภายนอกเท่านั้น
ซึ่งเป็นแต่เพียงเปลือกนอกของการฉลองคริสต์มาส แต่แก่นแท้อยู่ที่ความรัก ของพระเจ้าที่ มีต่อโลกมนุษย์
นั่นคือ พระเจ้าทรงรักมนุษย์ มากจน ถึงกับยอมส่งพระบุตรแต่องค์เดียว ของพระองค์ ให้มาเกิดเป็น มนุษย์ มีเนื้อหนังมังสา ชื่อว่า "เยซู"
การที่พระเจ้าได้ถ่อมองค์และเกียรติลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากการเป็นทาส ของความชั่ว และบาปต่างๆ นั่นเอง
ดังนั้นความสำคัญของวันคริสต์มาสจึงอยู่ที่การฉลองความรักที่พระเจ้ามีต่อโลกมนุษย์ อย่างเป็นจริง เป็นจัง
และเห็นตัวตนในพระเยซูคริสต์ที่มาเกิดเป็นมนุษย์ มากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น
ประวัติวันคริสต์มาส
คริสต์มาส คือการฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้า เรา เฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม
คำว่า คริสต์มาส เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ Christmas ซึ่งมาจากภาษาอังกฤษ
โบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า เพราะการร่วมพิธีมิสซาเป็นประเพณีสำคัญที่สุดที่ชาวคริสต์
ถือปฎิบัติกันในวันคริสต์มาส คำว่า Christes Maesse พบครั้งแรก ในเอกสารโบราณ เป็นภาษาอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1038
และคำนี้ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas คำทักทายที่เราได้ฟังบ่อย ๆ ในเทศกาลนี้คือ Merry Christmas
คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุข และความสงบทางใจ
เพราะฉะนั้นคำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุขและความสงบ ทางใจ
เนื่องใน โอกาสเทศกาลคริสต์มาส ส่วนภาษาไทยใช้อวยพรด้วยประโยคว่า "สุขสันต์วันคริสต์มาส
Merry Christmas "
การร้องเพลงคริสต์มาส
เพลงคริสต์มาสที่เรานิยมร้องมากที่สุดในปัจจุบันได้แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19 จากประเทศอังกฤษเป็นส่วนใหญ่
เพลงที่มีเสียงมากได้แก่ Silent Night, Holy Night เป็นภาษาไทยว่า "ราตรีสวัสดิ์ คืนอันศักดิสิทธ์ "
ความเป็นมาของเพลงนี้คือ วันก่อนวัน คริสต์มาส ของปี ค.ศ. 1818 คุณพ่อ Joseph Mohr
เจ้าอากาสวัดที่ Oberndorf ประเทศออสเตรเลีย ได้ข่าวว่าออร์แกนในวัดเสีย ทำให้วงขับไม่สามารถร้องเพลงตามที่ซ้อมไว้ได้
คุณพ่อเองตั้งใจจะแต่งเพลงคริสต์มาส หลังจากแต่งเสร็จก็เอาไปให้เพื่อนคนหนึ่งชื่อ Franz Gruber
ที่อยู่หมู่บ้านใกล้เคียงใส่ทำนองในคืนวันที่ 24 นั้นเอง สัตบุรุษวัดใกล้ก็ได้ฟังเพลง Silent Night เป็นครั้งแรก
โดยการเล่นกีตาร์ประกอบการขับร้อง ซึ่งกลายเป็นเพลงที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก
เทียนและพวงมาลัย ในสมัยก่อนมีกลุ่มคริสตชนกลุ่มหนึ่งในเยอรมัน ได้เอากิ่งไม้มาประกอบเป็นวงกลมคล้ายพวงมาลัย แล้วเอาเทียน 4 เล่ม
วางไว้บนพวงมาลัยนั้นในตอนกลางคืนของวันอาทิตย์แรกของเทศกาลเตรียมรับเสด็จ ทุกคนในครอบครัวจะมารวมกัน ดับไฟ แล้วจุดเทียนเล่มหนึ่ง สวด ภาวนาและร้องเพลงคริสต์มาสร่วมกัน
เขาจะทำดังนี้ทุกอาทิตย์จนครบ 4 อาทิตย์ก่อนคริสต์มาส ประเพณีนี้เป็นที่นิยมและแพร่หลายในที่หลายแห่ง โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกา
ซึ่งต่อมามีการเพิ่ม โดยเอาพวงมาลัยพร้อมกับเทียนที่จุดไว้ตรงกลาง 1 เล่มไปแขวนไว้ที่หน้าต่างเพื่อช่วย ให้คนที่ผ่านไปมา
ได้ระลึกถึงการเตรียมตัวรับวันคริสต์มาสที่ใกล้เข้ามา และพวงมาลัยนั้นยังเป็นสัญลักษณ์ที่คน สมัยโบราณใช้หมายถึงชัยชนะ
แต่ในที่นี้หมายถึงการที่พระองค์มาบังเกิดในโลก และทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างครบ บริบูรณ์ตามแผนการณ์ของพระเป็นเจ้า
การทำมิสซาเที่ยงคืน เมื่อพระสันตะปาปาจูลีอัสที่1 ได้ประกาศให้วันที่ 25 ธันวาคมเป็นฉลองพระคริสตสมภพ (วันคริสต์มาส) แล้วในปี นั้นเอง
พระองค์และสัตบุรุษได้พากันเดินสวดภาวนา และขับร้องไปยังตำบลเบธเลเฮม ยังถ้ำที่พระเยซูเจ้าประสูติ
พอไปถึงก็เป็นเวลาเที่ยงคืน พระสัน ตะปาปาก็ทรงถวายบูชา ณ ที่นั้น เมื่อเสร็จแล้วก็กลับมาที่พัก
เป็นเวลาเช้ามืดราวๆ ตี 3 พระองค์ก็ถวายมิสซาอีกครั้ง และสัตบุรุษเหล่านั้นก็พากันกลับ
แต่ก็ยังมีสัตบุรุษหลายคนที่ไม่ได้ไป พระสันตะปาปาก็ทรงถวายบูชามิสซาอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ 3 เพื่อ สัตบุรุษเหล่านั้น
ด้วยเหตุนี้เองพระสันตะปาปาจึงทรงอนุญาตในพระสงฆ์ถวายบูชามิสซาได้ 3 ครั้ง ในวันคริสต์มาส
เหมือนกับการปฏิบัติ ของพระองค์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงมี ธรรมเนียมถวายมิสซาเที่ยงคืน ในวันคริสต์มาส
และพระสงฆ์ก็สามารถถวายมิสซาได้ 3 มิสซา ใน โอกาสวันคริสต์มาสเช่นเดียวกัน
ซานตาครอส ตัวจริงของซานตาครอส คือ นักบุญนิโคลัสซึ่งเป็นบาทหลวงในตุรกี ช่วงคริสต์ศตวรรษที่สี่ ผู้ขึ้นชื่อในเรื่องความใจดี
โดยเฉพาะกับเด็กๆ ต่อมาท่านเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วฮอลแลนด์ในชื่อ "ซินเตอร์คลาส" ราวค.ศ.1870 ชาวอเมริกันเรียกชื่อเพี้ยนไป
เป็น"ซานตาคลอส" ตั้งแต่แรกจนถึงค.ศ. 1890
ภาพของซานตาคลอสเป็นชายร่างผอมสูงสวมชุดสีเขียว หรือน้ำตาลสลับแดง เจนนี ไนสตรอม ศิลปินชาวสวีเดน
เป็นผู้คิดค้นรูปลักษณ์ของซานตาครอสอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน โดยวาดภาพลงในบัตรอวยพรคริสต์มาส
ภาพเหล่านี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เมื่อชาวสวีเดนอีกคนชื่อ แฮดดอน ซันด์บลอม นำภาพวาดของไนสตรอมสวมชุดขาว
อ้างอิงจาก campus.sanook.com
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกเข็มขาว
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 19-12-2006, 14:24 » |
|
นำเคล็ดลับมาฝากต่อคะ...
ดับคาวในลูกชิ้นปลา
ใครที่ชอบรับประทานลูกชิ้นปลา ควรรีบหันมาฟังทางนี้โดยด่วน เพราะว่าคุณอาจจะเคยเจอกับปัญหาแบบนี้ นั่นคือ เวลาที่ซื้อลูกชิ้นปลามาแล้ว ลูกชิ้นปลากลับมีกลิ่นคาวแรงจนไม่น่ารับประทาน ทำให้ต้องทิ้งไปบ้าง แต่วันนี้เรามีวิธีในการกำจัดกลิ่นคาวอันรุนแรงในลูกชิ้นปลามาฝากกันค่ะ วิธีที่ว่านี้ก็คือ ผสมน้ำกับน้ำส้มสายชูในปริมาณที่พอเหมาะ แล้วนำลูกชิ้นปลาลงแช่ไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง แล้วนำขึ้นมาล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง เพียงเท่านี้ กลิ่นคาวที่มากับลูกชิ้นปลาก็จะหมดไป นำไปประกอบอาหารก็ไม่มีกลิ่นมากวนใจ และไม่ทำให้อาหารเสียรสชาติอีกด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 19-12-2006, 15:26 » |
|
นำเคล็ดลับมาฝากต่อคะ...
ดับคาวในลูกชิ้นปลา ขอบคุณ คุณเข็มขาวมากเลยค่ะ
เพิ่งทราบเคล็ดลับนี้จริงๆนะ เพราะดอกฟ้าฯก็ชอบทานลูกชิ้นปลา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 22-12-2006, 00:07 » |
|
การทะเลาะกันทำให้แผลหายช้า เพราะ ความเครียดที่เกิดขึ้น
ทั้งระหว่างและหลังจากการทะเลาะกัน จะส่งผลให้ร่างกายลดการผลิตโปรตีนเม็ดเลือด
ที่มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผล หรือส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้น้อยลง ทำให้บาดแผลต่างๆ หายช้า
เพราะฉะนั้นเราไม่ควรทะเลาะกันและพูดจาส่งภาษาดอกไม้กันทุกวัน
fw.mail
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 22-12-2006, 01:57 » |
|
ขจัดคราบเปื้อน ที่เตาไมโครเวฟ
เตาไมโครเวฟ กลายเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กับความเป็นอยู่ที่เร่งด่วนของคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ
หลังจากการใช้ไมโครเวฟ ปรุงอาหารหรืออุ่นอาหาร มักจะมีคราบอาหาร
ต่างๆ ของอาหารติดอยู่
วิธีทำความสะอาดง่ายๆ ก็คือ ใช้ฟองน้ำชุบน้ำบิดหมาดๆ โรยผง เบคกิ้ง โชดา
ที่เราใช้ทำขนมเค็ก หาซื้อได้ตามซุปเปอร์ฯทั่วไป เช็ดออกให้ทั่ว
แล้วเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำอีกครั้ง ไมโครเวฟของท่าน
ก็จะสะอาด ปราศจากคราบอาหารอีกต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 28-12-2006, 14:26 » |
|
ไข่เค็ม
ไข่เป็ด 24 ฟอง
เกลือเม็ด 3 ถ้วยตวง
สารส้ม 1 ชต.
น้ำเปล่า 12 ถ้วยตวง
วิธีทำ
ผสมน้ำ กับน้ำเกลือใส่หม้อตั้งไฟจนเดือดและเกลือละลาย
ยกลงตั้งทิ้งให้เย็น กรองด้วยผ้าขาวบาง เทใส่ขวดโหล
ที่เตรียมใว้
ใส่ไข่เป็ดที่เตรียมใว้เรียงลงในโหลน้ำเกลือ ใช้ถุงพลาสิกใส่น้ำเปล่า
รัดปากถุงให้แน่นวางใว้ข้างบน เพื่อถ่วงให้ไข่จม ใส่สารส้มลงในขวดโหล
ที่ดองไข่ลงไป สารส้มจะทำให้ผิวไข่เค็มออกสีขาวนวลแบบที่เขาขายกัน
ดองทิ้งไว้ประมาณ 10 วัน ก็นำมารับประทานได้ หรือนำไปเป็นของฝาก
ใส่กระเช้าน่ารักๆ เป็นของขวัญในเทศกาลปีใหม่นี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ใบไม้ทะเล
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 28-12-2006, 16:47 » |
|
แสดงว่า ไม่มีสารส้มก็ทำได้ใช่ป่าวค่ะ
ไว้ว่างๆๆ อนาทำทานดีกว่า ไม่ได้ทานยำไข่เค็มนานแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #31 เมื่อ: 28-12-2006, 17:29 » |
|
แสดงว่า ไม่มีสารส้มก็ทำได้ใช่ป่าวค่ะ
ไว้ว่างๆๆ อนาทำทานดีกว่า ไม่ได้ทานยำไข่เค็มนานแล้ว
ไม่มีสารส้ม ก็ไม่ต้องใส่ค่ะ แต่ต้องใช้เวลา
ในการดองนานกว่าจากสิบวัน เป็น 15 วันถึงจะทานได้
หลังจากนั้นจึงนำมาต้ม 10 นาทีแล้วทิ้งไว้ให้เย็น
หากทำแล้วอร่อยเปิดร้านขายไข่เค็มที่นู่นเลยนะคะ อิ อิ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2006, 17:36 โดย ดอกฟ้ากับหมาวัด »
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 28-12-2006, 22:17 » |
|
ขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้า
1. คราบเลือด....ในกรณีที่เพิ่งเปื้อนมาใหม่ ๆ ให้รีบนำเสื้อผ้าไปแช่น้ำผสมผงซักฟอก แล้วซักตามปกติ
แต่ถ้าเป็นคราบเลือดฝังแน่นให้ใช้น้ำมะนาวผสมเกลือ ถูบริเวณที่เปื้อนก่อน แล้วนำไปซักในน้ำเย็น
2. โคลน.....ถ้าเปื้อนโคลนต้องปล่อยให้โคลนแห้งก่อนแล้วใช้แปรงปัดออก จากนั้นซักด้วยน้ำเย็นหลาย ๆ ครั้ง จนไม่มีน้ำโคลนออกมา จึงซักด้วยผงซักฟอก
3. รอยลิปสติก.....ใช้น้ำมันหมูทาตรงรอยเปื้อนแล้วจึงซักในน้ำสบู่ร้อน ๆ จากนั้นซักตามปกติ อีก
วิธีคือใช้วาสลินถูตรงรอยเปื้อนก่อนที่จะนำมาซัก
คำเตือน : ถ้ามีหลายรอย ก็จงจัดการซักฟอกพ่อตัวดีคนใส่ หรือไม่ก็เผาทิ้งซะเลยแฮ่ ๆ
4. ยางกล้วย.....นำมะนาวมาฝานเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วนำมาถูตรงรอยเปื้อนที่เป็นคราบดำ แล้วรีบนำมาซักต่อทันที
5. ยาทาเล็บ.....วิธีง่าย ๆ คือให้ใช้น้ำยาล้างเล็บมาซับที่รอยเปื้อน และเช็ดด้วยผ้าสะอาดกระทั่งรอยเปื้อนจางลง แต่ควรลองหยดน้ำยาล้างเล็บลงบนผ้าใน
ส่วนที่ไม่สำคัญก่อน เพราะเนื้อผ้าบางประเภทอาจมีปฏิกิริยากับน้ำยาล้างเล็บ
6. รอยสนิม.....ให้นำผ้าที่เปื้อนมาชุบน้ำให้เปียกก่อน บีบน้ำมะนาวลงไปบนรอยเปื้อน ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงนำไปซักตามปกติ
7. หมากฝรั่ง.....อันดับแรกให้ขูดยางหมากฝรั่งออกด้วยสันมีด แล้วใช้น้ำแข็งถูเพื่อให้หมากฝรั่งที่ยังติดอยู่แข็งตัว เพื่อจะได้แกะออกง่าย แล้วใช้สำลีชุบ
แอลกอฮอล์เช็ดอีกที ก่อนนำไปซักในน้ำสบู่อ่อน แต่บางคนแนะนำให้เอาเสื้อผ้าที่มีหมากฝรั่งติดไปแช่ในช่องทำน้ำแข็งเลย เพื่อให้หมากฝรั่งแข็งตัว ดึงออก
ง่าย
8. คราบกาแฟ.....เติมบอแรกซ์ 2 ช้อนโต๊ะในน้ำอุ่น 2 ถ้วย นำมาซับที่รอยเปื้อน ล้างออกให้หมด
จึงซักตามวิธีปกติ ถ้าเป็นคราบเก่าที่ทิ้งไว้นานแล้ว ให้ใช้ลีเซอรีนทาทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมง จึงล้าง
ออกด้วยน้ำอุ่น แล้วซักตามวิธีปกติ
9. หมึกปากกา.....ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดจนรอยเลอะจางลง ถ้ารอยเปื้อนยังไม่ออกให้หยดน้ำมะนาวลงไปที่รอยเปื้อน ทิ้งไว้สักครู่แล้วนำไปซักในน้ำ
ผสมโซดาไบคาร์บอเนต รอยเปื้อนจะจาง
10. ไวน์.....ในกรณีที่ไวน์หกใส่ ให้หาน้ำโซดามาราดลงไปบริเวณที่เปื้อน หรือใช้วิธีโรยเกลือทิ้งเอาไว้ แล้วค่อยซักออกด้วยน้ำสบู่
*** หวังว่าคงพอจะช่วยได้บ้างนะคะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ หรือวิธีง่ายที่สุดก็คือนำเสื้อผ้าที่มีรอยคราบเหล่านั้นไปบริจาคต่อ แล้วก็ซื้อใหม่
ลอกเค้ามาจาก www.mthai.comเอามาฝากน้องไทมุงและทุกๆท่านค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #33 เมื่อ: 30-12-2006, 21:14 » |
|
แกะป้ายราคาที่ติดมากับภาชนะที่ซื้อมาใหม่ไม่ออก....
อุตส่าห์ซื้อจาน ชาม ฯลฯ มาใหม่ แต่แกะป้ายออกไม่หมด แถมยังเหลือกาวติดอยู่อีกแบบเหนียวแน่น
แค่ใช้น้ำมันพืชทาบนรอยเปื้อน แล้วทิ้งไว้อีกสักพักนึง แล้วจึงลองทำความสะอาดอีกที คราบกาวทั้งหลาย
ก็หลุดลอกออกจนหายรำคาญตา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ลับ ลวง พราง
|
|
« ตอบ #34 เมื่อ: 30-12-2006, 21:27 » |
|
แล้วใช้น้ำมันพืชแบบไหนทาฮับ แบบสำหรับทอด หรือแบบสำหรับนึ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"คนฟุ่มเฟือย แม้จะรวยก็มักขัดสน คนประหยัด แม้จะจนก็มักมีเหลือเก็บ"
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: 30-12-2006, 22:07 » |
|
แล้วใช้น้ำมันพืชแบบไหนทาฮับ แบบสำหรับทอด หรือแบบสำหรับนึ่ง อันที่จริง...น่าจะใช้ได้ทั้งสองชนิดค่ะ
แต่ถ้าเกิดน้ำมันพืชทั้งสองชนิดดันหมด อาจใช้น้ำมันมวยลองดู
อาจได้ผลใกล้เคียงกันมังคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ไทมุง
|
|
« ตอบ #36 เมื่อ: 02-01-2007, 07:48 » |
|
ขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้า
9. หมึกปากกา.....ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดจนรอยเลอะจางลง ถ้ารอยเปื้อนยังไม่ออกให้หยดน้ำมะนาวลงไปที่รอยเปื้อน ทิ้งไว้สักครู่แล้วนำไปซักในน้ำ
ผสมโซดาไบคาร์บอเนต รอยเปื้อนจะจาง
ลอกเค้ามาจาก www.mthai.comเอามาฝากน้องไทมุงและทุกๆท่านค่ะ ขอบคุณพี่ดอกฟ้าฯ หลายๆ และสวัสดีปีใหม่เด้อ...ขอให้สมาชิกทุกท่านแคล้วคลาดจากระเบิดเมืองกรุง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ใบไม้ทะเล
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: 02-01-2007, 09:16 » |
|
มีขจัดรอยเปื้อนหัวใจไหมค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
|
|
|
ไทมุง
|
|
« ตอบ #38 เมื่อ: 02-01-2007, 10:43 » |
|
มีขจัดรอยเปื้อนหัวใจไหมค่ะ ยังซ่าเหมือนเดิม น้องใบไม้ฯ สวัสดีปีใหม่ สำหรับรอยเปื้อนที่หัวใจไม่ต้องซัก ปล่อยให้ตำตาอยู่หยั่งงั้นแหละดีแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ใบไม้ทะเล
|
|
« ตอบ #39 เมื่อ: 02-01-2007, 11:00 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #40 เมื่อ: 02-01-2007, 21:17 » |
|
แก้อาการเมาค้าง
แก้อาการเมาค้างได้โดยการดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไปได้
เอามาฝากเพราะมีบางคนอาจฉลองปีใหม่มากไปหน่อยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #41 เมื่อ: 05-01-2007, 13:33 » |
|
สารพันความงาม : ขิงแก่แก้ผมร่วงสวัสดีปีกุนค่ะคุณสาวๆ...ปีใหม่นี้ก็ยังมีเสียงค่อนขอดเรื่องขิงๆ ทั้งขิงสด ขิงแก่กันอยู่ได้ อุ้ยต๊าย...ตาย...วกมาเข้าเรื่องความงามของเราดีกว่าค่ะ
คุณขา เชื่อว่าคุณสาวๆ หลายคนคงทราบกันดีว่า "ขิง" ถือเป็นสมุนไพรมหัศจรรย์สารพัดประโยชน์ และหนึ่งในนั้นก็คือการแก้ผมร่วงนี่ล่ะจ้า
เคล็ดลับนี้ก็ไม่ยาก เพียงนำเหง้าขิงขนาดเท่าหัวแม่มือมาอังไฟให้อุ่นจัด แล้วนำไปบดให้ละเอียด จากนั้นก็ทาให้ทั่วหนังศีรษะ น้ำมันในขิงจะช่วยกระตุ้น
การงอกของเส้นผม ทำให้ผมที่ขึ้นมาใหม่มีความแข็งแรงด้วยล่ะค่ะ http://www.komchadluek.net/
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #42 เมื่อ: 05-01-2007, 13:48 » |
|
ขอบคุณมากค่ะ และรบกวนขอสูตรแก้ผมหงอกเพิ่มด้วยสิคะ แบบธรรมชาติค่ะแบบธรรมชาติ ไม่ใช่น้ำยาย้อมผมเพราะอาจจะก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองเป็นผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ แทนที่ผมจะดำเงางาม อาจจะผมร่วงกราวววแทน พูดจริงนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #43 เมื่อ: 06-01-2007, 01:22 » |
|
จุ๊...จุ๊ อย่าเอ็ดไปสิเม่ย เดี๋ยวใครเค้าจะรู้ฟามลับเราหมดว่ารุ่นคุณยาย
วิธีชะลอไม่ให้ผมหงอกก่อนวัยอันควร จงทานสาหร่ายทะเลทุกชนิด
โดยเฉพาะสาหร่ายเส้นผม สาหร่ายทะเลอบแห้ง ยำสาหร่าย แกงจืดสาหร่ายฯ
อันนี้ม่าม๊าบอกมาค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ลับ ลวง พราง
|
|
« ตอบ #44 เมื่อ: 06-01-2007, 01:28 » |
|
เห็นด้วยครับ เพราะเพื่อนผมก็ชอบทานสาหร่าย
เสียอย่างเดียว ตรงที่เพื่อนผมหัวโล้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"คนฟุ่มเฟือย แม้จะรวยก็มักขัดสน คนประหยัด แม้จะจนก็มักมีเหลือเก็บ"
|
|
|
ดอกเข็มขาว
|
|
« ตอบ #45 เมื่อ: 06-01-2007, 09:25 » |
|
ทำไข่เค็มทานเองน่าจะอร่อยกว่าที่ซื้อมานะคะ
เพราะเราต้องการให้เค็มน้อยหรือมากก็ทำได้ขึ้นอยู่กับเรา
ขอบคุณดอกฟ้ามากคะที่ให้สูตรวิธีทำคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #46 เมื่อ: 06-01-2007, 21:55 » |
|
เห็นด้วยครับ เพราะเพื่อนผมก็ชอบทานสาหร่าย
เสียอย่างเดียว ตรงที่เพื่อนผมหัวโล้น
เอ้อ...น่าจะเป็นเพราะเพื่อนคุณอำพรางเพิ่งลาสิขาบท มารึป่าวคะ ทำไข่เค็มทานเองน่าจะอร่อยกว่าที่ซื้อมานะคะ
เพราะเราต้องการให้เค็มน้อยหรือมากก็ทำได้ขึ้นอยู่กับเรา
ขอบคุณดอกฟ้ามากคะที่ให้สูตรวิธีทำคะ
ด้วยความยินดีค่ะ คุณเข็มขาว ดอกฟ้าฯมีกำลังใจขึ้นอักโขเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #47 เมื่อ: 09-01-2007, 01:08 » |
|
ทำนายนิสัย
ลองมาสังเกตนิสัยการกินของคนรอบข้างกันเถอะ
ว่าแต่ละคนนั้นมีพฤติกรรมการกิน เป็นแบบไหนบ้าง เพราะแต่ละอย่างแต่ละความชอบน่ะ บอกได้ถึงนิสัยใจคอ ที่แท้จริงของเขาเชียวนะ
- ชอบดื่มน้ำรวดเดียวหมดแก้วหรือดื่ม 2-3 อึกใหญ่ๆ ก็หมดแก้วแล้ว คือไม่ชอบมานั่งจิบๆทีละนิดที ละน้อย อาการประมาณนี้แสดงว่าเขาเป็นคนที่มี ความตรงไปตรงมาสูงมาก ถ้าไม่ชอบก็จะออกอาการ ทางสีหน้าเลย จะไม่มาฝืนยิ้มเป็นอันขาด รักใครก็บอกว่ารัก เมื่อรักแล้วก็รักมั่นคงซะด้วยซี แต่บางทีก็ดุ และใจร้อนไปหน่อยนะ
- ชอบกัดหลอดดูดน้ำเวลาดูดน้ำผลไม้ หรือน้ำอัดลมจากแก้ว ถ้าใครมักจะชอบเผลอกัดหลอดเล่นๆ ทุกทีเลย แสดงว่าเป็นคนขี้เหงาไม่น้อยเลยแหละ บางทีไม่อยากจะไปไหนแต่ถ้าเพื่อนเฮไปก็ขอไปด้วย จิตใจน่ะอ่อนไหวสุดๆ ประมาณว่าเห็นฝนตกเบาๆ ก็รู้สึกเหงาได้เป็นวันๆ แล้วล่ะ แต่จะขี้แย ยังไงก็มี จิตใจดีนะ เอื้ออารีและแคร์คนรอบข้างเสมอ
- ชอบกัดผลไม้เวลาจะกินแอปเปิ้ล หรือฝรั่ง บางคนอาจต้องไปหามีดปอกมาเฉาะให้เป็นชิ้นๆ จะได้กินง่าย แต่บางคนอาจจะชอบกัดลงไปทั้งลูกเลยด้วยความเคยชินจนเป็นนิสัย คนๆนี้น่ะอ่านใจได้เลย ว่าเป็นคนที่มักจะลงความเห็นโดยไม่ไตร่ตรองให้ลุ่มลึกเสียก่อน เป็นคนตัดสินใจเร็วๆ ง่ายๆ ไม่ค่อย รอบคอบ ความอดทนก็มีน้อยมาก แต่ก็เป็นคนเรียบๆ ง่ายๆ ติดดินได้รอมชอมเป็น ไม่ค่อยอยากชิงดีชิงเด่นกับใครเขาหรอกนะ
- ชอบกินก๋วยเตี๋ยวมากกว่าข้าวคนๆ นี้น่ะมีความสดใสน่ารักอยู่ในตัวเสมอ แต่หลายๆ ครั้งที่ทำให้ เพื่อนๆ สุดเซ็งได้กับความสุดจะดื้อ และแสนจะเอาแต่ใจตัวเอง แม้จะเป็นคนที่เน้นความสวย ความหล่อ มาก่อนเป็นอันดับ 1 แต่ถ้ารู้จักประนีประนอมให้มากขึ้น ดื้อให้น้อยลง ก็จะมีเสน่ห์กว่านี้เป็นแน่แท้
- ชอบใส่เครื่องปรุงสารพัดไม่ว่าจะไปกินอะไรที่ไหน คงยากที่จะตักของกินใส่ปากทันทีเหมือนชาวบ้าน เพราะคนแบบนี้จะต้องวุ่นวายกับพนักงานเสิร์ฟอยู่นานสองนาน ประมาณว่า ขอน้ำปลาพริกหน่อย ขอซอสมะเขือเทศ ขอซอสพริก ขอแม็กกี้หน่อย ขอมะนาวอีกนิด พริกป่นอีกหน่อย อะไรทำนองนี้ ทาย ใจได้เลยว่าคนๆ นี้น่ะไม่ธรรมดา เวลาจะยิงมุขตลกก็จะตลกกว่าใครๆ แบบว่าตลกโหดซะด้วยซี หัวเราะไปต้องขนลุกไปด้วย แต่เขาเป็นคนมีไอเดียเก๋ไก๋สุดฤทธิ์เลยนะ ใครอยู่ใกล้ๆ รับรองไม่เบื่อ เพราะมีแต่เรื่องเร้าใจเสมอเลยเชียว
- ชอบใช้สองมือกุมถ้วยกาแฟท่าทีประมาณนี้เป็นทีท่าของคนที่มีหัวใจสุดแสนจะโรแมนติกแบบว่าถ้า ชวนแฟนมาบ้านก็คงต้องจุดเทียนบนโต๊ะกินข้าวด้วยนั่นแหละ คนอารมณ์ นี้น่ะรักง่ายหลงง่าย ขี้น้อยใจแต่ก็รักเพื่อน และมีน้ำใจมากเลยนะ
- ชอบดูดตะเกียบเวลากินก๋วยเตี๋ยว หรือข้าวต้มกุ๊ยถ้าใครมีอาการแบบว่าเผลอดูดปลายตะเกียบอยู่ เรื่อยๆ เชียว แสดงว่าคนๆ นั้นน่ะเป็นคนขี้ระแวงระวังมาก น้อยใจเก่ง แถมขี้หึงเป็นที่ 1 อีกต่าง หาก ถ้ารักใครแล้วจะทุ่มเทมากจนถึงมากที่สุด
- ชอบกินไข่แดงของไข่ดาวก่อนพวกชอบเจาะไข่แดงก่อนเนี่ยนะ เป็นคนรักอิสระมาก หัวนอกคอกอีก ต่างหาก แบบว่ามีความคิดขบถๆ ไม่ค่อยจะคล้อยตามกระแสโลก ชอบต่อต้าน ไม่ชอบให้ใครมาบงการ แต่บางทีตัวเองก็เผด็จการเหมือนกัน ลึกๆ ในใจน่ะอ่อนไหวนะ ชอบสัตว์เลี้ยง ชอบบันเทิงเริงรมย์ แล้วก็ช่างติช่างวิเคราะห์น่าดู
- ชอบกินไข่ขาวของไข่ดาวก่อนคนที่เหลือไข่แดงไว้กินทีหลัง ส่วนใหญ่เป็นคนรู้จักพูดจาดีมีหลักการ เสมอ ใช้สมองมากกว่าอารมณ์ ในจิตใจน่ะดีเสมอ แต่บางทีก็ชอบแสดงออกแบบนิ่งๆ หรือหยิ่งๆ ไปบ้างจนคนรอบข้างคิดว่าขาดความอ่อนโยนไปหลายขีดเหมือนกัน นะไม่ชอบปรุงบางคนกินข้าวกะเพราแบบไม่ง้อน้ำปลา กินก๋วยเตี๋ยวราดหน้า-ผัดซีอิ๊ว ก็ไม่ใส่พริกน้ำส้มพริกป่นน้ำตาล คนประมาณนี้มักมีอารมณ์ศิลปินจัด อารมณ์ปรวนแปรง่าย รักอิสระสูงมาก ดูเหมือนเป็น คนง่ายๆ สบายๆ แต่จริงๆ แล้วค่อนข้างเข้มงวด และเจ้าระเบียบสุดเดชทีเดียวเชียว เป็นคนสุดโต่ง แบบว่าเวลาหวานก็หวานจัด เวลาโมโหก็น่ากลัวจัดเหมือนhttp://www.narak.com/webboard/show.php?No=45652
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
THE THIRD WAY
|
|
« ตอบ #48 เมื่อ: 10-01-2007, 18:06 » |
|
แบบว่า.............. ทำอย่างไรจึงจะถูกใจสาวๆมั่งอะ เขินพิลึกกึกกือ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้ ************************ การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #49 เมื่อ: 10-01-2007, 19:41 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007, 19:45 โดย ดอกฟ้ากับหมาวัด »
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
|