ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 00:55
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เปิดผลวิจัยเครือข่าย'ต้มยำกุ้ง' เกือบ 100% ไม่เกี่ยวป่วนใต้ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เปิดผลวิจัยเครือข่าย'ต้มยำกุ้ง' เกือบ 100% ไม่เกี่ยวป่วนใต้  (อ่าน 1278 ครั้ง)
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« เมื่อ: 23-11-2006, 09:54 »

ฟังหูไว้หูก่อนนะเรื่องนี้  มันซ่อนเงื่อนซ่อนปมยังไงไม่รู้
รัฐบาลจะไขว้เขว้กับการแสดงความคิดเห็นของนักวิชาการบางท่าน
หรือไม่  ประเด็นนี้น่าคิด  และน่าติดตาม 



ตอนนี้  ประเด็นมันอยู่ที่ว่า  ผลวิจัยที่ทำไป  ทำแบบ
ผักชีโรยหน้า  หรือตามสภาพจริง  เชื่อถือได้มากน้อยขนาดไหน
     





----------------------------------------------------------------------------



            กลายเป็นประเด็นร้อนไปเสียแล้ว กับข้อมูลที่ออกจากปาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ว่าแหล่งเงินทุนสนับสนุนการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาจากเครือข่ายร้านอาหารไทยในมาเลเซีย ที่เรียกว่า "ต้มยำกุ้ง"
 


ล่าสุดรัฐบาลมาเลเซีย รวมถึงเครือข่ายร้านอาหารไทยในมาเลย์ ตลอดจนผู้นำศาสนา นักธุรกิจ และนักวิชาการด้านสันติวิธี ได้ออกมาตำหนิการให้ข้อมูลของ พล.อ.สุรยุทธ์ อย่างกว้างขวาง


เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีท่านนี้ที่ถูกวิจารณ์ในแง่ลบเกี่ยวกับปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังได้รับกระแสสนับสนุนอย่างสูงกับการเอ่ยคำ "ขอโทษ" จากความผิดพลาดของรัฐบาลในอดีต


จริงๆ แล้วองค์ความรู้เกี่ยวกับ "เครือข่ายต้มยำกุ้ง" ที่นอกเหนือจากข้อมูลด้านลบของหน่วยข่าวกรอง ในบ้านเราเองก็มีศึกษาวิจัยอยู่พอสมควร โดยงานวิจัยชิ้นล่าสุดคือ "โครงการวิจัยแนวทางการจัดสวัสดิการการกำหนดค่าธรรมเนียมที่มีผลต่อการสร้างแรงจูงใจให้แรงงานร้านอาหารไทยผันเข้าสู่ระบบการจ้างแรงงานต่างด้าวของมาเลเซียอย่างถูกกฎหมาย" ซึ่งมี ผศ.ชิดชนก ราฮิมมูลา อาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นหัวหน้าโครงการ และได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)


ผศ.ชิดชนก เล่าให้ฟังว่า ธุรกิจร้านอาหารไทยในมาเลเซียที่เรียกกันติดปากว่า "ร้านต้มยำ" นั้น ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะเมนูเด็ด "ต้มยำกุ้ง" ที่ถูกปากถูกใจ ประกอบกับวัฒนธรรมของชาวมาเลย์ที่นิยมรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะในช่วงเดือนรอมฎอน ทำให้ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูอย่างยิ่งในมาเลเซีย

ทั้งนี้ จากที่ได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูล พบว่าคนไทยที่อยู่ในธุรกิจร้านต้มยำมีไม่ต่ำกว่า 80,000 คน และแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ


1.เจ้าของร้านต้มยำ ซึ่งเดิมเป็นคนไทย แต่เข้าไปบุกเบิกธุรกิจนี้เป็นรุ่นแรกๆ เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน จนปัจจุบันได้สัญชาติมาเลเซีย และมีฐานะร่ำรวยไปแล้ว โดยคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่พื้นเพเดิมมาจากจังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช และพัทลุง แต่ไม่มีคนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้


2.กลุ่มแรงงานสตรีในร้านต้มยำ ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นคนจาก 3 จังหวัดชายแดน โดยเจ้าของร้านติดต่อผ่านทางเครือญาติ แล้วดึงๆ กันไป บางหมู่บ้านไปกันหลายสิบคน เพราะรายได้ดี


3.กลุ่มแรงงานชายในร้านต้มยำ ซึ่งคนกลุ่มนี้เข้าไปทำงานหลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวดชายแดนภาคใต้แล้ว แต่ทำงานไม่ค่อยทน ไม่เหมือนกับแรงงานผู้หญิง


ผศ.ชิดชนก กล่าวต่อว่า แรงงานในร้านต้มยำเกือบ 100 % เป็นคนสัญชาติไทยที่ข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซียอย่างถูกกฎหมาย แต่ใช้วีซ่าท่องเที่ยว มีอายุ 1 เดือน ซึ่งวีซ่าประเภทดังกล่าวไม่สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานในการประกอบอาชีพได้ ฉะนั้นเมื่อคนกลุ่มนี้ไปลักลอบทำงาน ก็จะต้องมาจ๊อบพาสปอร์ตทุกเดือน บางรายต้องยอมจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อขอโอกาสทำงานต่อไป


"ถ้าแรงงานเหล่านี้ต้องการทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม เรียกว่าค่า privy เป็นเงินถึง 20,000 บาทต่อคน หลายคนจึงไม่ยอมจ่าย ก็ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ถือเป็นกลุ่มที่น่าสงสารมาก"

"ต่อมา หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเหตุการณ์ตากใบ เมื่อปลายปี 2547 มีคนจาก 3 จังหวัดข้ามฝั่งไปทำงานในมาเลเซียเป็นจำนวนมาก ทางการมาเลย์จึงเห็นใจ และลดหย่อนค่าธรรมเนียมให้ ซึ่งถือเป็นสิทธิพิเศษที่คนจาก 3 จังหวัดได้รับเหนือกว่าแรงงานจากประเทศอื่นๆ"

ผศ.ชิดชนก กล่าวอีกว่า จากที่ได้ไปสัมภาษณ์แรงงานในร้านต้มยำ ทำให้ได้ข้อมูลว่าแรงงานเหล่านี้ส่งเงินกลับมายังฝั่งไทย ให้พ่อแม่ ครอบครัว ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อสวนยาง หรือแม้แต่สร้างมัสยิด โดยส่วนใหญ่จะใช้วิธีฝากกันมา ไม่ได้ส่งผ่านธนาคาร ด้วยเหตุนี้หลายครอบครัวจึงถูกเพ่งเล็งจากทางการไทย เพราะเห็นว่าไม่ได้ทำมาหากินอะไร แต่กลับมีบ้านมีรถ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเงินจากหยาดเหงื่อแรงงานร้านต้มยำที่ส่งกลับไปให้

"ในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีปัญหาการว่างงานสูง และรัฐบาลก็แก้ปัญหาไม่ได้ คนที่ว่างงานก็ต้องข้ามฝั่งไปหางานทำในมาเลเซีย ถือเป็นการแสวงหาโอกาส และลดปัญหาการว่างงานตามแนวชายแดนไทยด้วยซ้ำ"

ส่วนข้อมูลที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า เครือข่ายร้านต้มยำในมาเลเซีย เป็นแหล่งเงินทุนสนับสนุนการก่อความไม่สงบนั้น ผศ.ชิดชนก ยืนยันว่า หากจะมีอยู่จริงก็เป็นส่วนน้อยมาก

"จากการสัมภาษณ์แรงงานร้านต้มยำ ก็ถามเขาว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรจากรัฐบาลบ้าง เขาตอบว่าไม่ต้องการเลย นอกจากความเข้าใจ อย่าคิดว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ เพราะคนที่เกี่ยวข้องเป็นส่วนน้อยมาก เป็นการต่อสู้ในยุคเก่า ตั้งแต่สมัย นายสะมะแอ ท่าน้ำ ที่มาเปิดร้านอาหารไทยอยู่ในรัฐหนึ่งของมาเลเซีย แต่เมื่อ สะมะแอ ท่าน้ำ ถูกจับกุม ขบวนการพูโลที่อยู่นอกประเทศก็กระจัดกระจายกันไป ก็ถือว่าหมดยุคของผู้ที่เกี่ยวพันกับการก่อความไม่สงบ"

ผศ.ชิดชนก บอกด้วยว่า สถานการณ์ในปัจจุบันต้องถือว่าเป็นความน่าสงสารของแรงงานไทยในมาเลเซียมากกว่า เพราะทุกคนต้องทำงานหนัก ต้องแอบไปจ๊อบพาสปอร์ต ต้องเสียเงินใต้โต๊ะ ซึ่งทั้งหมดก็ทำไปเพื่อหาเลี้ยงชีพและดูแลครอบครัว แต่กลับถูกมองในแง่ลบจากรัฐบาล ทั้งๆ ที่เป็นช่องทางบรรเทาความยากจนในพื้นที่ได้ระดับหนึ่ง

"ดิฉันอยากเสนอรัฐบาลว่า การจะบอกว่าเงินสนับสนุนการก่อความไม่สงบมาจากตรงไหน ต้องอาศัยข้อมูลที่มาจากภาคสนามมากพอสมควร และไม่สามารถนำประเด็นเล็กๆ มาขยายให้เป็นภาพกว้างได้ มิฉะนั้นจะคลุมเครือ และส่งผลกระทบต่อจิตใจผู้คนจำนวนมาก"
 
 

 
http://www.bangkokbiznews.com/level3/news_130969.jsp
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2006, 11:04 โดย รวงข้าวล้อลม » บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 23-11-2006, 10:06 »

----  คำพูด  และการให้สัมภาษณ์ของ  พลเอก  กิตติ  จะมีคุณค่าต่อรัฐบาลหรือไม่
  นี่เป็นอีกประเด็นหนึ่ง   เรื่องฝีมือการปราบ  ผกค ของพลเอกกิตติ  คิดว่ารัฐบาลพอทราบ
 แต่ทว่า---จะเอาประวัติการทำงานของคนๆ หนึ่งมาเป็นอุทาหรณ์เป็นกระจกสะท้อนต่อเหตุการณ์ปัจจุบันหรือไม่เท่านั้นเอง----



----------------------------------------------------------------------------------------------------




พล.อ.กิตติ ยันมีการเก็บค่าคุ้มครองร้านอาหารในมาเลเซีย

 
   09:26 น. พล.อ.กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาค 4 กล่าวถึงกรณีที่นายกฯออกมาเปิดเผยเรื่องร้านต้มยำกุ้งในมาเลเซีย ซึ่งเกี่ยวข้องกับความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ว่า มีการลงทุนทำร้านอาหารในมาเลเซียเยอะ ซึ่งประกอบการโดยคนสองสัญชาติ และมีการข่มขู่เรียกเก็บค่าคุ้มครองจากขบวนการพูโล และนำเงินที่ได้มาสนับสนุนการก่อการร้ายในภาคใต้ เพียงแต่ที่ผ่านมาทางการไทยไม่ได้สนใจ แต่เมื่อนายกฯพูดก็กลายเป็นข่าวใหญ่ ส่วนเส้นทางเงินของร้านอาหารไทยนั้น ไม่มาก แต่มีการเชื่อมโยงเป็นขบวนการโจรก่อการร้ายในไทยเพื่อแบ่งแยกดินแดน เพียงแต่ไทยไม่ยอมรับความจริงจึงแก้ไขปัญหาไม่ได้ ทั้งนี้หลังจากมหาเธย์ ออกจากตำแหน่งแล้วก็ไปประชุมครั้งสองครั้ง และช่วยเป็นตัวกลางจึงสอดคล้องกับข้อมูลที่ได้ และมีข้อมูลด้านข่าวสารในพื้นที่รู้กัน


"เรื่องปรากฏในแฟ้มข่าว ซึ่งผมก็พูดเรื่องนี้ไปตั้งนานแล้ว และนายกฯก็มีสายตรงอยู่แล้ว แต่ไม่มีมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเชื่อ ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หากเรามีหลักฐานอย่างนี้ ก็ให้เจ้าหน้าที่มาแปลภาษา และนำไปให้ทางการมาเลย์" พล.อ.กิตติ กล่าว

--------------------------

อัญมินทร์ เรียบเรียง


http://203.154.97.19/citizen_report/breaking/read.php?lang=T&newsid=226959
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2006, 11:31 โดย รวงข้าวล้อลม » บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 23-11-2006, 10:59 »

---- สลดใจ  เศร้าใจ --- ยังไงบอกไม่ถูก  เมื่อเช้าฟังข้าวเรื่อง--  เผาโรงเรียน
เรื่อง  ----โรงเรียนหลายโรงปิดกระทันหัน   เรื่อง----โจรไต้เหิมเกริมถึงกับ
ประกาศว่ามีสายในรัฐบาล     ช่วยคิดหน่อยสิคะว่า---


จะต่อสู้โจรใต้ด้วยวิธีการอย่างไรดี  สามจังหวัดชายแดน
เป็นของคนไทยนะ  และคนที่อยู่ที่นั่น  ก็เป็นคนไทย
   ??? ???


---เราจะเรียกร้องประชาธิปไตย  จะต่อต้านทักษิณ
อย่างไรก็ตาม  แต่ถ้าเราสูญเสียสามจังหวัดไป
จะคุ้มกันไหม ---- ช่วยๆคิด----  ช่วยต่อสู้หน่อยสิคะ[
/color]
--------------------------------------------------------------------



แกะรอย 'ต้มยำกุ้ง' ถุงเงินป่วนใต้
 
โดย ผู้จัดการรายวัน 22 พฤศจิกายน 2549 22:32 น.
 
 
       ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - แกะรอย "ต้มยำกุ้ง" ชมรมร้านอาหารของชาวชายแดนใต้ในมาเลเซีย เผยมีสมาชิกราว 50,000 คน ทุกคนต้องจ่าย 100 ริงกิต/เดือน แฉเบื้องหลังเกี่ยวโยงการอำนวยความสะดวกในการทำมาหากินในแดนเสือเหลือง-การเมืองที่จะเป็นฐานกำลังสำคัญในการเลือกตั้งทั้งในไทย-มาเลย์ เปิดสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ "กลุ่มวาดะห์" ขณะที่กลุ่มชาวมุสลิมใน 5 จชต.ที่ขายต้มยำกุ้งเช็คข่าววุ่น ผวาถูกขึ้นบัญชีดำ หน่วยข่าวเผยกลุ่ม BRN เตรียมป่วน 3 จชต.ห้วงปลาย พ.ย.-ต้น ธ.ค.นี้โดยรับเงินกว่า 50 ล้านบาทจากเครือข่ายในมาเลย์
       
       หลังจากที่ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่ามีร้านอาหารไทยชื่อ "ต้มยำกุ้ง"ในประเทศมาเลเชีย เป็นผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อใช้ในการก่อความไม่สงบ ซึ่งไม่เพียงทำให้กลุ่มชาวมุสลิมในพื้นที่ชายแดนใต้ที่เปิดร้านขายอาหาร "ต้มยำกุ้ง" อยู่ในมาเลเซียต่างต้องตกใจกลัว และมีการตรวจสอบข่าวที่เกิดขึ้นมายังญาติพี่น้องรวมถึงคนที่รู้จักกันครั้งใหญ่ในฝั่งไทย เพราะกลัวว่าจะถูกขึ้นบัญชีดำเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือนต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล และกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับเพื่อนบ้านชิดใกล้อย่างประเทศมาเลเซียด้วย
       
       สำหรับ "ต้มยำกุ้ง" อาหารอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยได้กลายเป็นที่รู้จักและชื่นชอบของผู้คนทั่วโลกไปแล้ว อย่างเมื่อครั้งเกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในยุคที่ฟองสบู่แตกช่วงปี 2540 อาหารไทยชนิดนี้ก็ถูกทำให้เป็นสัญลักษณ์ของผลกระทบที่ส่งผ่านจากไทยไปสู้ประเทศต่างๆ ทั่วโลก และคนไทยที่ไปเปิดร้านอาหารในต่างประเทศก็มักจะหยิบยกอาหารไทยชนิดนี้เป็นเมนูหลัก หรือถึงขั้นนำไปตั้งเป็นชื่อร้านอาหารเลยก็มี
       
       ในส่วนของต้มยำกุ้งที่ พล.อ.สุรยุทธ กล่าวถึงนั้น เป็นที่รับรู้กันว่า หมายถึงร้านอาหารไทยในประเทศมาเลเซีย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นของคนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยที่ไปเปิดให้บริการทั้งขนาดเล็กและใหญ่อยู่ในพื้นที่แถบรัฐตอนเหนือ รวมถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซียด้วย
       
      **พบต้มยำกุ้งพัวพันกลุ่มป่วนใต้ 

     
       คนในชายแดนใต้ของไทยแห่ไปเปิดร้านขายอาหารในมาเลเซียมาเนิ่นนานแล้ว และเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วได้มีการรวมตัวกันตั้งเป็นชมรมขึ้นมา และมีข้อตกลงร่วมกันว่า สมาชิกต้องจ่ายเงินค่าบำรุงให้กับชมรมเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องการอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยจ่ายให้กับกลุ่มคนในมาเลเซีย เช่น กลุ่มอิทธิพลท้องถิ่น เจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้การค้าขายไม่ติดขัด รวมถึงให้สามารถทำงานเป็นลูกจ้างในมาเลเซียได้แบบไร้อุปสรรค
       
       นอกจากนี้ คณะกรรมการในชมรมต้มยำกุ้งจะเป็นธุระในการทำให้คนไทยจากจังหวัดชายแดนภาคใต้กลายเป็นคนสองสัญชาติได้ด้วย ซึ่งสามารถเนรมิตบัตรประชาชนของประเทศมาเลเซีย ให้มาอยู่ในมือได้อย่างไม่ยากเย็น โดยคิดค่าใช้จ่ายต่างหากที่ไม่เกี่ยวกับค่าการเป็นสมาชิก หรือค่าบำรุงชนรมที่ทุกคนต้องจ่าย 100 ริงกิต/เดือน
       
       สิ่งเหล่านี้เองที่ได้ชักนำให้ชมรมร้านอาหารไทย หรือชมรมต้มยำกุ้งในมาเลเซีย ได้ถูกชักนำให้เข้าไปมีส่วนพัวพันกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะขบวนการต่างๆ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทั้งเป็นขบวนการที่จะมีหรือไม่มีอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนของจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยหรือไม่ก็ตาม
       
       ในการก่อตั้งครั้งแรกผู้ที่เป็นกรรมการชมรมส่วนใหญ่อยู่ในขบวนการพูโลเก่า หรือไม่ก็พูโลใหม่ รวมถึงขบวนการบีอาร์เอ็น (BRN) ด้วย ซึ่งเป็น ขจก.ที่ยุติการก่อการร้ายไปแล้วในเวลานี้ และได้หลบหนีไปอยู่ในมาเลเซีย เพราะมีหมายจับของไทย ซึ่งมักจะหาเลี้ยงชีพกันด้วยการทำธุรกิจร้านอาหารไทย และปรากฏการณ์นี้ก็สืบเนื่องต่อมาจากเดี๋ยวนี้

       
       **สัมพันธ์การเมืองสองสัญชาติ


       
       เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า ชมรมต้มยำกุ้งของชาวชายแดนใต้ของไทยได้รับการช่วยเหลือจากคนของ ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซียด้วย เพราะคนเหล่านี้ถือเป็นฐานคะแนนเสียงให้กับพรรคอัมโน ที่เป็นพรรครัฐบาลมาตลอด และเมื่อมีการเลือกตั้งในไทยคนเหล่านี้ก็จะกลับมาลงคะแนนให้กับพรรคความหวังใหม่ เนื่องจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นผู้หนึ่งที่ให้การสนับสนุนชมรมต้นยำกุ้ง
       
       ว่ากันว่าช่วงที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้สานสัมพันธ์อันแนบแน่นกับชาวชายแดนใต้ที่ไปเปิดร้านอาหารไทยในมาเลเซียก็ช่วงที่ผันตัวเองขึ้นไปเป็นแกนนำหลักของกลุ่มเอกภาพ หรือกลุ่มวาดะห์ และสามารถก้าวขึ้นนั่งในตำแหน่งสำคัญๆ ทั้งที่ได้เป็นรัฐมนตรีและผู้นำในรัฐสภาในสมัยสังกัดพรรคความหวังใหม่ และต่อเนื่องมาถึงพรรคไทยรักไทย โดยหลายครั้งที่มีโอกาสเดินทางไปมาเลเซียก็จะมีการนัดแกนนำชมรมต้มยำกุ้งพูดคุยด้วยเกือบจะทุกครั้ง
       
       เกี่ยวกับเรื่องนี้ แหล่งข่าวผู้ค่ำหวอดในแวดวงการเมืองในพื้นที่ชายแดนใต้เพิ่มเติมว่า แม้ภาพโดยทั่วไปคนจะเห็นสัมพันธ์ของนายวันมูหะมัดนอร์ กับชมรมต้มยำกุ้งว่าแนบแน่น แต่ความจริงเป็นสัมพันธ์เพียงช่วงไม่นานนัก โดยมีชาวชายแดนใต้กลุ่มหนึ่งเคยไปขอทุนสนับสนุนเพื่อไปตั้งร้านอาหารในมาเลเซีย จากนั้นกลุ่มนี้ก็ขยายเครือข่ายใหญ่โตขึ้น ภายหลังมีนักการเมืองในสังกัดกลุ่มวาดะห์ เข้าไปสานสัมพันธ์ต่อ และแนบแน่นต่อกันมาจนถึงเวลานี้
       
       สำหรับประธานชมรมต้มยำกุ้งคนปัจจุบัน ได้แก่ นายสุเบ ดอฆอ เป็นชาว อ.รามัน จ.ยะลา โดยเปิดร้านต้มยำกุ้งอยู่ที่รัฐเปรัคและที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในประเทศมาเลเซีย สำหรับผู้ที่เป็นเหมือนกระเป๋าเงินของชมรมในเวลานี้ก็คือ นายสุเบง ซึ่งพื้นเพก็เป็นคนจากชายแดนใต้ของไทยเช่นกัน และมีรายงานว่าปัจจุบันชมรมต้มยำกุ้งมีสมาชิกมากถึงประมาณ 50,000 คน

       
       **เชื่อมโยงถึงตะวันออกกลาง

       
       ความจริงแล้วในระยะแรกของการก่อตั้งชมรมร้านอาหารต้มยำกุ้ง ในประเทศมาเลเซียนั้น ยังมีภาพที่มองเห็นความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงได้ถึงประทศมุสลิมในตะวันออกกลางด้วย โดยเฉพาะเมื่อจับตามองไปบนเส้นทางด้านเงินทุนสนับสนุนกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ชายแดนใต้ของไทย แม้จะไม่ใช่เส้นสายที่สัมพันธ์กันในทางตรงก็ตาม
       
       เนื่องเพราะในสมัยนั้นการระดมทุนให้กับกลุ่มปฏิบัติการในพื้นที่ชายแดนใต้ไม่ได้ผ่านมาจากทางชมรมต้มยำกุ้งแต่เพียงสายเดียว แต่มีการระดมได้จากหลายทาง ซึ่งจากประเทศมุสลิมในตะวันออกกลางก็ถือเป็นแหล่งสำคัญมากแหล่งหนึ่ง โดยมีแกนหลักในการรวบรวมทุนก็คืนคนไทยที่ไปศึกษาหรืออยู่อาศัยที่นั่น ซึ่งผู้ให้ก็มิใช่จะมีแต่ผู้ศรัทธาต่อขบวนการเสมอไป บางคนให้เพราะจำใจ หรือมีเงื่อนไขบังคับ ซึ่งภาพเหล่านี้ก็เป็นเช่นเดียวกันกับสมาชิกชมรมต้มยำกุ้งนั่นเอง


       
       **แฉรับ 50 ล้านเครือข่ายในมาเลย์

       
   

   หน่วยข่าวความมั่นคงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ในห้วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ กลุ่มบีอาร์เอ็นที่มีนายสะแปอิง บาซอ เป็นหัวหน้า และมีคนสนิทในแต่ละพื้นที่ ได้เตรียมที่ก่อเหตุความไม่สงบครั้งใหญ่อีกครั้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการเตรียมก่อเหตุครั้งนี้พวกเขาได้รับเงินสนับสนุนในการปฏิบัติการร่วม 50 ล้านบาท โดยเงินสนับสนุนดังกล่าวนั้นมาจาก 1.การระดมเงินจากสมาชิกที่ได้สาบานตน (ซูเปาะ) จากพื้นที่ต่างๆ
       
       2.การรับเงินสนับสนุนจากการประกอบธุรกิจร้านค้าในต่างประเทศคือ การเปิดร้านอาหาร และมีการตั้งชมรมต้มยำกุ้ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางกิจการร้านอาหารของมุสลิมจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเก็บเงินค่าบำรุงจากสมาชิก โดยมีการเรียกเก็บเงินร้านละ 30-200 ริงกิต/เดือน/ร้าน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับรายได้และขนาดของร้านที่เปิด 3.การแสวงประโยชน์จากเงินสนับสนุนของภาครัฐ โดยส่วนใหญ่พบในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา และปอเนาะบางแห่ง วิธีการ คือ นำเงินที่ได้จากการอุดหนุนจากภาครัฐบาลส่วนหนึ่ง เช่น เงินสนับสนุนนักเรียนเป็นรายหัว เงินพัฒนาโรงเรียน

       
       และ 4.การแสวงประโยชน์จากการบริหารส่วนท้องถิ่น โดยใช้ช่องว่างทางกฎหมายท้องถิ่นดึงงบประมาณไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งนายก อบต.ที่เป็นสมาชิกของกลุ่มสามารถอนุมัติได้เองโดยไม่ต้องผ่านสภา อบต.หรือที่เรียกว่า "งบเก้าหมื่น"โดยมีวิธีการ คือ การสนับสนุนการศึกษาในท้องถิ่นที่ตามกฎหมาย อบต.ต้องให้เงินสนับสนุนสถาบันการศึกษาหรือกิจกรรมด้านการศึกษาร้อยละ 5 ของงบประมาณที่มีอยู่ ซึ่งสมาชิก อบต.ที่เป็นแนวร่วมสามารถนำเงินดังกล่าวไปให้สถานศึกษาที่มีพฤติการณ์ได้
       


       **เปิดขุมข่ายกลุ่มโจรป่วนใต้
   

    
       หน่วยข่าวความมั่นคง เปิดเผยด้วยว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มนายสะแปอิง ที่ได้รับงบสนับสนุนร่วม 50 บาทในการก่อความไม่สงบครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมาย คือ การปักธงสถาปนารัฐอิสลามใน จ.ยะลา โดยได้ทำการแบ่งเขตให้กับเครือข่ายการปฏิบัติการก่อเหตุทุกรูปแบบ 11 คน แบ่งเป็น อ.ยะหา 4 คน อ.บันนังสตา 1 คน อ.กาบัง 4 คน อ.กรงปินัง 2 คน อ.ธารโต 4 คน และ อ.เบตง 1 คน
       

       ส่วนในพื้นที่ อ.รามันมีการแบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 2 ฝั่งคือ พื้นที่ฝั่งขวามีชุดปฏิบัติการคอมมานโด 14 คน พื้นที่ฝั่งซ้ายมีกลุ่มบือมัง และกลุ่มโบ๊ะบือโน มีสมาชิกร่วม 20 คน ซึ่งกลุ่มปฏิบัติการทั้งหมดมีวัตถุประสงค์เพื่อทำการแบ่งแยกดินแดน แต่จะแยกกันปฏิบัติการ โดยมีการปิดลับระหว่างกลุ่มในการปฏิบัติการเพื่อป้องกันข่าวรั่ว ทั้งนี้กลุ่มที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดคือ กลุ่มบีอาร์เอ็น

       
       ในอดีตที่ผ่านมามีการขัดแย้งระหว่างกลุ่ม จึงมีการแยกตัวออกมาทั้งหมด 4 กลุ่ม และแต่ละกลุ่มมีแนวทางการทำงานของตนเองไม่ร่วมมือกัน และมีการแย่งชิงสมาชิกแนวร่วม แม้ว่าสมาชิกจะมีกลุ่มอยู่แล้วก็ตาม ทำให้เกิดการบาดหมางกันระหว่างอุสตาซ ในแต่ละกลุ่ม และล่าสุดหน่วยข่าวพบว่า ทั้งหมดได้มีการเจราจาและได้ผลสรุปคือ การแบ่งเขตรับผิดชอบดังกล่าว
       
       โดยกลุ่มบีอาร์เอ็นมีนายสะแปอิง บาซอ เป็นหัวหน้า และมีคนสนิทของนายสะแปอิง เป็นหัวหน้าฝ่ายวิชาการและสมาชิกที่เหลือล้วนเป็นอุสตาซที่มีการศึกษาชั้น 5 จบ จากปากีสถานและจากวิทยาลัยมาดีนะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย
       
       ส่วนกลุ่มบาริสซัน หรือบาเรซัน (แปลว่าแนวร่วม) สมาชิกส่วนใหญ่เป็นอุสตาซเช่นกัน คนกลุ่มนี้จบการศึกษาจากประเทศปากีสถาน อียิปต์และซาอุดีอาระเบีย โดยกลุ่มนี้จะมีชาวซาอุดีอาระเบียรวมอยู่ด้วย และอุสตาซกลุ่มนี้ในอดีตเป็นครูสอนศาสนาในระดับชั้น 7-10 และมีการปลูกฝังอุดมการณ์โดยเน้นในกลุ่มเด็กโต กลุ่มนี้ถูกจัดตั้งมานานแล้ว และมีสมาชิกจำนวนมาก สมาชิกส่วนใหญ่จะสวมชุดดาวะห์ กลุ่มบารัสซันมีสาขาอยู่ตามปอเนาะใน จ.ยะลาหลายแห่ง และเหตุการณ์ในปัจจุบันเจ้าหน้าที่เชื่อว่ากลุ่มบารัสซัน อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานี้

       
       กลุ่มอาบาดัน หรือ อาบาแด (แปลว่าคงกะพัน) ในกลุ่มนี้มีการแบ่งหน้าที่ออกเป็นสาย คือ สายปลุกระดม, สายชักชวน และสายปฏิบัติการ โดยมีอุสตาซโซ๊ะ หรือนายอิสมาแอ ระยะหลง เป็นหัวหน้าปฏิบัติการ โดยมีแกนนำในพื้นที่บ้านลากอ ม.4 อ.ยะหา จ.ยะลา เป็นผู้ช่วย ส่วนฝ่ายปลุกระดมและฝ่ายชักชวนมีระดับอุสตาซเป็นผู้ดำเนินงาน และมีผู้ช่วยฝ่ายปลุกระดม ซึ่งจบจากประเทศอินโดนีเซีย โดยเน้นเป้าหมายในกลุ่มเด็กวัยรุ่นอายุระหว่าง 13-15 และมีสาขาอยู่ตามปอเนาะในพื้นที่ จ.ยะลาและ จ.ปัตตานี


       
       กลุ่มมูจาฮีดีน ซึ่งกลุ่มนี้ในอดีต มีอุสตาซมะแมเราะ เป็นหัวหน้าแต่หลังจากอุสตาซมะ เสียชีวิตหลังจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วทำให้สมาชิกภายในกลุ่มได้เป็นรวมอยู่กับกลุ่มอื่นๆ และได้ยุบรวมไปแล้ว
       
       ส่วนในพื้นที่ จ.นราธิวาส ขณะนี้พบว่านายมะแซ อุเซ็ง แกนนำระดับจังหวัดได้รวบร่วมสมาชิกแนวร่วมที่หลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศมาเลเซียและแนวร่วมที่กระจายอยู่ตามหมู่บ้านที่ได้รับการจัดตั้งเตรียมแผนปฏิวัติขั้น 7 แล้ว

       
       นอกจากนี้ ยังมีรายงานพบว่า นายมะแซ อุเซ็ง มีแผนที่จะทำการยึดหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.นราธิวาส เพื่อทำการปักธงเช่นเดียวกับในพื้นที่ จ.ยะลาอีกด้วย และหน่วยข่าวคาดว่าจะลงมีก่อเหตุพร้อมกันกับชุดปฏิบัติการใน จ.ยะลาในห้วงปลายเดือนพฤศจิกายนและต้นเดือนธันวาคมนี้ และในการปฏิบัติการครั้งนี้อาจรวมไปถึงการฉลองครบรอบที่นายสะแปอิง บาซอ ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าบีอาร์เอ็นเมื่อเดือนธันวาคมปี 2547 ด้วย
 
 
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000144433
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2006, 11:22 โดย รวงข้าวล้อลม » บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
engg
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 388


« ตอบ #3 เมื่อ: 23-11-2006, 11:12 »

จำนวนชาวบ้านไปร่วมงานศพโจรใต้ ที่ทหารยิงตายประมาณ 300 คน ถ้าจำนวนคนถูกต้อง ภาคใต้ไม่จบแน่ ไม่ว่าจะตั้งศอบต หรือขอโทษ

เกี่ยวหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริง ทำไมไปวิจัย?
บันทึกการเข้า
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 23-11-2006, 11:53 »

จำนวนชาวบ้านไปร่วมงานศพโจรใต้ ที่ทหารยิงตายประมาณ 300 คน ถ้าจำนวนคนถูกต้อง ภาคใต้ไม่จบแน่ ไม่ว่าจะตั้งศอบต หรือขอโทษ

เกี่ยวหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริง ทำไมไปวิจัย?


---  ขอบคุณค่ะ  สำหรับข้อมูลที่เล่ามา
บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
TAKSIN THE BEST PM.
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 258


« ตอบ #5 เมื่อ: 23-11-2006, 11:56 »

ต้มยำลวกปาก...

ปรับปรุงตัวหน่อย..

นายเถื่อนที่ใครๆก็ไม่รัก

บันทึกการเข้า
Doss
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 155


เมื่อ ยาม ทำตัวเป็นโจร สิบปีเจอกันที


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 23-11-2006, 12:00 »

ท่าน นายยก สุรยุทธ พูดจริงครับ ท่านมาถูกทางแล้วครับ 
บันทึกการเข้า

รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 23-11-2006, 12:09 »

ต้มยำลวกปาก...

ปรับปรุงตัวหน่อย..

นายเถื่อนที่ใครๆก็ไม่รัก




รู้ได้ไงว่า---ต้มยำลวกปาก

ท่านคิด  ท่านไตร่ตรองดีแล้ว

อาจจะล่อเสือออกจากถ้ำก็ได้ใครจะไปรู้-

---
บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 23-11-2006, 12:21 »

ท่าน นายยก สุรยุทธ พูดจริงครับ ท่านมาถูกทางแล้วครับ 


----


เจ้าของกระทู้ฉลาดน้อยจ๊ะ  แปลความไม่ถูก
บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
มดโฟร์
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 122



« ตอบ #9 เมื่อ: 23-11-2006, 12:37 »

วัันนี้ผลวิจัยมีเขื่อเเฮะ  บางทีก็บอกว่าบอกว่างานวิจัย หรือโพลไม่น่าเชื่อถือ  ไอ้เบอร์นี่พูดดี แต่น่าจะบอกให้หมด ตำรวจ รุ่นไหน นายกสมัยไหน

สสสอบตกพรรคไหน  ประเทศไหนบ้างที่ต้องการให้ปัญหา 3 จังหวัดเป็นปัญหาระดับสากล เพื่อหวังผลเเบบเดียวกับที่อิรัก 

วันนี้เเม้คนไทยถูกฆ่ายังเอามาสาดโคลนกัน  สิ้นชาติแล้ว มีแต่ใครจะกอบโกยได้มากกว่า ถ้าตำรวจเลวได้กลับมา  หัดพูดภาษาจีนไว้บ้าง เผื่อสอนลูกหลาน

เวลาเป็นทาสสิงค์โปร์เต็มรูปแบบ  มือไม่พายเอาตีนราน้ำ
บันทึกการเข้า

หลอกคนอื่นนะหลอกง่าย แต่หลอกตัวเองอะไม่มีทาง
TAKSIN THE BEST PM.
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 258


« ตอบ #10 เมื่อ: 23-11-2006, 13:12 »

อาจจะล่อเสือออกจากถ้ำก็ได้ใครจะไปรู้-

----------------------------------------------

ตอนนี้เห็นมันล่อกับเสือกระดาษอยู่ในถ้ำ

 อึก อัก อะ เอ้อ อะ อัก อุ อึก

ว่างๆไปบาสพายหัวใจหน่อยก็ดี

มัวแต่อ่านตามโพย ตอแหลไปวันๆ

ทำอะไรก็ไม่มีใครรัก...มีลูกเปิดทีวี

สอนลูกสอนหลานจำไว้ให้มัน

โง่แต่ขยัน มันเป็นเช่นนี้แล

ส่วนปากอ้างคุณธรรมศีลธรรม

มันเป็นโลโก้ เบิกทางของท่านเซ่ออยู่แล้ว

หุ ๆ ใครๆ ก็ไม่รัก ใครๆ ก็ไม่รัก

บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #11 เมื่อ: 27-11-2006, 21:12 »

อธิบายให้คุณรวงข้าวฟังค่ะ

ถ้ากลับไปอ่านประวัติศาสตร์ไทยสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เราจะพบว่ามีขบวนการเสรีไทย ขบวนการพยัฆค์ร้ายไทยถีบ ขบวนการตีหัวญี่ปุ่น และสารพัดขบวนการที่จะทำอะไรก็ได้ให้ญี่ปุ่นซึ่งเข้ามายึดครองประเทศไทยนั้น ย่อยยับไป

ใครกันหรือคือคนรักชาติพวกนั้น ยุทธปัจจัยของญี่ปุ่นถูกขโมยไม่เว้นแต่ละวัน จนญี่ปุ่นสามารถสรุปผลโดยไม่ต้องใช้โพลว่า คนไทยเก้าคนเป็นขโมยเสียสิบคน

คำสรุปนั้นอาจจะฟังเหมือนการดูถูกคนไทย แต่ถ้าอ่านระหว่างบรรทัดให้ดีจะพบว่า มันมีความหมายชัดเจนว่า คนไทยทุกคนไม่เอาด้วยกับญี่ปุ่น และหาทางทุกวิถีทางที่จะทำให้กองทัพญี่ปุ่นพินาศ ไม่ว่าจะด้วยหนทางใด คนไทยที่ยิ้มให้ญี่ปุ่น ยอมทำตามคำสั่งของญี่ปุ่น และดูเหมือนจะเป็นมิตรและเชื่อฟังญี่ปุ่น

ลูกออกไปขโมยของญี่ปุ่นหรือโจมตีญี่ปุ่น หนีการจับกุมกลับมาบ้านพ่อแม่ก็ช่วยนำตัวไปซ่อน ญาตพี่น้อง เพื่อนบ้าน คนในหมู่บ้าน ในอำเภอ ในจังหวัด ก็ช่วยกันปกปิด ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น เพื่อรอเวลากลับไปปฎิบัติการใหม่

ประวัติศาสตร์ค่ะ ลองเปลี่ยนคำว่า ญี่ป่น เป็น รัฐไทย และคนไทย เป็นคนรัฐปัตตานี ในบางแห่งของข้อความนี้ แล้วคุณรวงข้าวจะถึงบางอ้อ

ต่อไปเป็นเรื่องจริงไม่ต้องแก้ไข

รัฐไทยยึดครองรัฐปัตตานีมานานนับร้อยปีแล้ว การกลืนชาติพันธ์ใดชาติพันธ์หนึ่งนั้น หากไม่ฆ่าล้างเผ่าพันธ์โดยเหลือไว้แต่เด็ก ก็ต้องทำด้วยควมละมุนละม่อม หากมองผลงานที่ผ่านมานับร้อยปี ก็ต้องบอกว่ารัฐไทยทำได้ไม่เลวเลย คนในรัฐปัตตานี พูดภาษาไทยได้แล้วเป็นส่วนใหญ่ ยอมรับวัฒนธรรมประเพณีที่แตกต่างได้แล้วเป็นส่วนใหญ่ แต่พวกที่ไม่พอใจยังคงมีอยู่เสมอ

หากไอ้กระบือไทยรักไทย ไม่ไปยกเลิก ศอ.บต. การปกครองดินแดนในแถบนั้นก็จะเป็นอย่างที่เราเห็นมาในระยะหลายปีก่อนทรราชย์ขึ้นครองอำนาจ นั่นคือมีความรุนแรงประปราย นานๆครั้ง และสามารถควบคุมได้  หากรักษาสภาพเช่นนี้ไว้ได้ อีกสักร้อยปีข้างหน้า เด็กรุ่นใหม่ที่มาทดแทนคนรุ่นเก่าที่ตายไป จะเข้ามาในกรอบของรัฐไทยมากขึ้นๆ และในที่สุดแผ่นดินนี้ก็จะกลายเป็นไทยอย่างสมบูรณ์

การกลืนชาติพันธ์นั้นต้องอาศัยระยะเวลา อย่าเพ้อฝันที่จะให้เรื่องราวจบลงโดยเร็ว การทำงานนี้ต้องอาศัยความอดทน ถ้าต้องการความรวดเร็วแบบโง่ๆอย่างไอ้หน้าเหลี่ยมมันทำ ก็เหมือนซัดดัมฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวเคิร์ด เหมือนฮิตเลอร์ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิว โลกไม่สรรเสริญ แม่ไม่ปลื้ม และไม่มีทางสำเร็จ

คนโง่ คนงั่ง และคนใจร้อน ทำงานใหญ่ที่บรรพบุรุษเราปูพื้นฐานไว้ให้ไม่สำเร็จหรอกค่ะ ต้องใจเย็นและสุขุม

ดังนั้นใครก็ตามที่สรุปว่า "เปิดผลวิจัยเครือข่าย'ต้มยำกุ้ง' เกือบ 100% ไม่เกี่ยวป่วนใต้" โปรดกลับไปคิดดูใหม่ค่ะ

คำพูดของท่านนายกสุรยุทธ ตีปลาหน้าไซจนดิ้นพราด บีบท่อน้ำเลี้ยงเส้นใหญ่ของโจรใต้ และจะทำการตัดให้ขาดในเวลาต่อมา จะสำเร็จหรือไม่ ขอเอาใจช่วยค่ะ 
บันทึกการเข้า
1ktip
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,457



« ตอบ #12 เมื่อ: 27-11-2006, 21:32 »

ถ้าที่ไหนมันมืดสลัว ก็ต้องเอาไฟส่องเข้าไปให้มันสว่างครับ จะได้รู้ว่าที่ตรงนั้นมีแค่แมลงสาปป้วนเปี้ยน หรือเป็นรังพญางู

อะไรที่ไม่ชัดเจนว่าใช่หรือไม่ ตอนนี้ก็ทำให้มันชัดเจน ชี้ลงไปแล้วจับตามอง คนทำงานสุจริตหาเช้ากินค่ำอาจรำคาญแสงไฟที่ส่องเข้าตาบ้าง

แต่ถ้ามันจะช่วยลดช่องทางหาเงินของโจร เพิ่มโอกาสให้เกิดความสงบได้สักนิด ก็จำเป็นต้องทำครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: