ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
31-01-2025, 19:56
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เปลวสีเงิน : หลักนิติธรรมของประเสริฐ นาสกุล คำวินิจฉัยผู้ถูกร้อง(ทักษิณ ชินวัตร) 0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เปลวสีเงิน : หลักนิติธรรมของประเสริฐ นาสกุล คำวินิจฉัยผู้ถูกร้อง(ทักษิณ ชินวัตร)  (อ่าน 935 ครั้ง)
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« เมื่อ: 21-11-2006, 19:29 »

 
.........
    ผมอยากให้ท่านเปิดไปที่ "เว็บไซต์  ไทยโพสต์" แล้วคลิกย้อนไปอ่านไทยโพสต์ ฉบับวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๔๔ เพราะที่นี่-ที่เดียว ๑๐ ปีก็ยังมีให้ค้น

    ตรงนั้นจะมีคำวินิจฉัยส่วนตนของท่านประเสริฐ นาสกุล ให้ท่านอ่าน ครบ-สมบูรณ์!

    ผมจะยก "ตอนหนึ่ง" ในคำวินิจฉัยส่วนตนมาให้ท่านได้เห็นว่า คำวินิจฉัยเมื่อ ๕ ปีที่แล้ว  ถึงวันนี้นั่นคือ "ความจริงแท้" อันประจักษ์ชัดแล้วจาก "เทพนิติธรรม" ดังนี้



    ...การพัฒนาระบบการเมือง  เศรษฐกิจ  และสังคม โดยลอกเลียนความรู้จากกฎหมายของต่างประเทศในระบบทุนนิยมมาประยุกต์ใช้เพียง อย่างเดียว  แต่ไม่ใช้สติและปัญญานำเอาวิธีปฏิบัติที่ดีและเหมาะสม   ตลอดจนวิธีการป้องกันการเอาเปรียบ การเลี่ยงปฏิบัติตามกฎหมายมาใช้ด้วย

    ประกอบกับการเอาความสะดวกสบาย  โดยไม่รู้จักคิดปล่อย หรือยอมให้ผู้อื่นคิดแทน  โดยไม่มีการพิจารณาว่า  ระบบดังกล่าวสอดคล้องกับ ศีลธรรม  และวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทยหรือไม่

    เพราะผู้นำเข้ามุ่งแต่การมีระเบียบแบบแผน  กฎหมาย  และหวังความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ  ขาดประสบการณ์ ไม่ทราบหรือคาดคิดมาก่อนว่า ความรู้ที่นำมานั้นอาจจะก่อให้เกิดปัญหาการเมือง  เศรษฐกิจ  และสังคม  และเตรียมการป้องกันไว้ด้วย

    เช่น  การประกอบธุรกิจแบบครอบครัว ได้พัฒนาเป็นห้างหุ้นส่วน  บริษัทเอกชน  บริษัทมหาชน  และกลุ่มบริษัท โดยมีตลาดหลักทรัพย์เป็นแหล่งระดมเงินทุน และต่อไปจะมีตลาดกลางสินค้าเกษตรล่วงหน้า  แต่มีผู้คิดหาช่องทางต่างๆ ของกฎหมาย  เช่น  การค้าเสรีเปิดโอกาสให้ใครมือยาวสาวได้สาวเอา โดยใช้ความได้เปรียบในฐานะทางเศรษฐกิจ  ถิ่นที่อยู่  และการศึกษา การเอาประโยชน์โดยใช้ผู้ใกล้ชิดให้มีจำนวนเพียงพอที่จะก่อตั้งบริษัท แล้วโอนลอยหุ้น

    การใช้ชื่อบุคคลอื่นถือหุ้นแทน  การปล่อยเงินกู้เฉพาะแก่คนรู้จัก การโอนถ่ายกำไรระหว่างบริษัท  การใช้ข้อมูลภายในของบริษัท และกลุ่มบริษัทเพื่อขยายกิจการ การซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เป็นธรรม

    ผู้ถูกร้อง (พ.ต.ท.ทักษิณ) จะทราบความจริงนี้หรือไม่ก็ตาม แต่ได้กล่าวอย่างภาคภูมิใจและชัดถ้อยชัดคำว่า   การที่ผู้ถูกร้องประกอบธุรกิจประสบความสำเร็จ  จนมีบริษัทในเครือและทรัพย์สินมากมาย  โอนลอยหุ้น  และใช้ชื่อบุคคลอื่นถือหุ้นแทนนั้น "เป็นการประกอบธุรกิจตามปกติธรรมดาที่ใครๆ ก็ทำกันอย่างนั้น"

    ทั้งๆ ที่การทำธุรกิจในระบบนายทุนของต่างประเทศเป็นการกระทำมุ่งแสวงหากำไร  เป็นความโลภและความฟุ่มเฟือย  ฟุ้งเฟ้อ ไม่คำนึงถึงศีลธรรมและวัฒนธรรมอันดีงามของไทย

    นอกจากนี้  ผู้ถูกร้อง (พ.ต.ท.ทักษิณ) อ้างว่าเลิกกระทำธุรกิจ   หันมาทำงานการเมืองแล้วตั้งแต่ปี   ๒๕๓๗  และมอบการบริหารธุรกิจในกลุ่มบริษัทให้แก่คู่สมรส และผู้ถูกร้อง (พ.ต.ท.ทักษิณ) เข้าใจผิดว่า

    จำนวนประชาชนที่ออกเสียงเลือกผู้ถูกร้องในการเลือกตั้งทั่วไป   เพราะผู้ ถูกร้องและคู่สมรสมีทรัพย์สินและหนี้สินจริงในวันที่ยื่นบัญชี  ตามรัฐธรรมนูญ  มาตรา ๒๙๑  วรรคสอง เพราะประชาชน ๑๑ ล้านกว่าคนนั้น ไม่ทราบจำนวนทรัพย์สินและหนี้สินจริงของผู้ถูกร้องและคู่สมรสดีไปกว่า เลขานุการส่วนตัวเพียง   ๒   คนของผู้ถูกร้องและคู่สมรส เพราะเป็นคนละเรื่องกัน

    การกระทำของผู้ถูกร้อง (พ.ต.ท.ทักษิณ) ดังกล่าวข้างต้นย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกร้อง  ซึ่งเป็นผลของอดีตยังคงคิดและทำเหมือนเดิม เหมือนนักธุรกิจคนอื่นในระบบทุนนิยมในประเทศไทย   แต่ยังคงเข้าใจผิดคิดว่าแนวความคิดที่จะบริหารประเทศของผู้ถูกร้อง  เป็นการคิดใหม่และทำใหม่  ไม่เข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาทางการเมือง  เศรษฐกิจ และสังคมของชาติ ซึ่งแก้ไขไม่ได้ด้วย "เงิน" อย่างเดียว  ผู้ถูกร้อง (พ.ต.ท.ทักษิณ) โฆษณาให้ประชาชนทราบเพียงว่า   ผู้ถูกร้องประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ มีเงินทองมากมาย ไม่ทุจริต ผิดกฎหมาย และไม่อำพราง  แล้วอุทิศตัวหันมาทำงานทางการเมือง  โดยโอนการจัดการธุรกิจให้แก่คู่สมรส บุตร และเครือญาติ

    ผู้ถูกร้อง (พ.ต.ท.ทักษิณ) รู้ปัญหาของบ้านเมืองดี จึงอาสาเข้ามาแก้ไข แต่ผู้ถูกร้อง  มิได้แสดงหรือเปิดเผยว่า  ความสำเร็จในการประกอบธุรกิจในอดีตของผู้ถูกร้องภายในระยะเวลาอันสั้นนั้น กระทำได้อย่างไร?

    ปัญหาของบ้านเมืองบางอย่างอาจแก้ไขได้   โดยไม่ต้องใช้เงินทองเลย เพียงแต่ผู้นำของประเทศต้องประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี ในการคิด พูด และทำตรงกัน ชี้นำประชาชนในชาติว่าปัญหาของชาตินั้น

    อยู่ที่ทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขด้วยการลด  ละ และเลิก "ความเห็นแก่ตัว" เป็นอันดับแรก


    ยิ่งทำได้มากและรวดเร็วเท่าใด จะสามารถนำพาชาติบ้านเมืองให้รอดพ้นจากภาวะวิกฤติ  สู่ความเป็นปกติรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น หากไม่แก้ไขความเห็นแก่ตัวก่อนแล้ว เห็นว่าหมดหวัง เพราะไม่มีทางอื่นใดที่จะแก้ไขปัญหาของชาติในเวลานี้ได้

    อนึ่ง  เป็นที่น่าสังเกตว่า  เมื่อผู้ร้อง (ป.ป.ช.) กล่าวหาผู้ถูกร้องว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบว่า  มีข่าวที่ค่อยๆ เบี่ยงเบนประเด็นที่ผู้ถูกร้อง (พ.ต.ท.ทักษิณ) ถูกกล่าวหาทีละน้อยๆ และเป็นระยะๆ ว่าผู้ถูกร้องประกอบธุรกิจจนร่ำรวยด้วยน้ำพักน้ำแรง ไม่มีการทุจริตผิดกฎหมาย

    ผู้ถูกร้องเป็นคนแรกที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินให้ประชาชน ทราบ  ในขณะที่ยังไม่มีกฎหมายบังคับ  ผู้ถูกร้องสมัครใจยื่นรายการทรัพย์สินและหนี้สินเพิ่มเติมเอง  หากศาลเห็น ว่าผู้ถูกร้องกระทำผิด  ก็เป็นการทำผิดโดยสุจริต ควรใช้หลักรัฐศาสตร์ชะลอการตัดสินคดี  หรือยกโทษให้ผู้ถูกร้อง ซึ่งไม่ควรลงโทษผู้ถูกร้อง   ซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน  ๑๐  กว่าล้านคน  เพื่อให้โอกาสผู้ถูกร้องบริหารประเทศต่อไปอีกระยะหนึ่ง  เพราะไม่มีใครดีกว่าผู้ถูกร้อง  ประเทศไทยขาดผู้ถูกร้องไม่ได้ ซึ่งไม่มีบทบัญญัติให้ศาลทำได้

    และเมื่อใกล้จะถึงวันที่ศาลลงมติ   มีข่าวหนาหูขึ้นว่า   ฝ่ายผู้สนับสนุนผู้ถูกร้องจะชุมนุมกันเพื่อกดดันศาล  จะวางเพลิงศาล  ตลอด จนจะทำร้ายตุลาการบางคน  จนกระทั่งมีผู้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปให้ความคุ้ม ครอง   ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินไปอย่างน่าเสียดาย เป็นต้น

    ข่าวต่างๆ ดังกล่าวมานี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร?

    หากมิใช่เป็นการแสดง "ความเห็นแก่ตัว" ของคน

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=21/Nov/2549&news_id=133624&cat_id=200

ผ่านมาตั้ง 5 ปี คำวินิจฉัยของประเสริฐ นาสกุล ยังใช้ได้อยู่เลย 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2006, 19:37 โดย Cherub Rock » บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
แอบอ่าน ซุ่มเงียบ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 249


stand, fight, live or die for what?


« ตอบ #1 เมื่อ: 21-11-2006, 19:57 »

นึกถึงตอนนั้น ขนาดหมอเสม ยังอุตส่าห์ล่ารายชื่อเพื่อใช้สนับสนุนทักษิณเลย

คงจะไม่มีใครทันนึกว่า คนไทยคนหนึ่ง มันจะชั่วช้าเลวทรามได้ถึงเพียงนี้

เราคงต้องโทษตัวเองกันทุกคน ที่ปล่อยให้ความโลภและความเห็นแก่ตัวมาบดบังวิจารณญาณของเราเอง
บันทึกการเข้า

IF YOU DON'T STAND FOR SOMETHING, YOU MIGHT FALL FOR ANYTHING.
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #2 เมื่อ: 21-11-2006, 22:05 »

    ปัญหาของบ้านเมืองบางอย่างอาจแก้ไขได้   โดยไม่ต้องใช้เงินทองเลย เพียงแต่ผู้นำของประเทศต้องประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี ในการคิด พูด และทำตรงกัน ชี้นำประชาชนในชาติว่าปัญหาของชาตินั้น

    อยู่ที่ทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขด้วยการลด  ละ และเลิก "ความเห็นแก่ตัว" เป็นอันดับแรก


..ขอคารวะงามๆ ให้กับประโยคนี้ครับ..
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
eAT
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,066



« ตอบ #3 เมื่อ: 21-11-2006, 22:10 »

หมอเสมดีตรงไหนกัน ประชาธิปไตย รู้จักหรือเปล่า
มาเรียกร้องพร้มอกับ ส. ศิวลักษณ์ ตอนที่แท๊กซี่
ฆ่าตัวตาย ก็จะศพไปแห่ซะอีก ทำไมไม่ฆ่าตัวเอง
แล้วใช้ศพตัวเองแห่

ได้ยินพวกที่อ้าง รัฐศาสตร์ มาย่ำยี รัฐธรรมนูญ
จนไม่เหลือซาก แล้วเซ็ง

ฆ่าข่มขืน จนเหลือแต่ชื่อ ต้องรอให้ คปค มาช่วย
นำร่างไร้วิญญาณไปเผา เพราะอุจาดตาเหลือเกิน

พวกนี้น่าจะโดนขับออกนอกประเทศเหมือนเหลี่ยมนะ
แผ่นดินจะได้สูงขึ้น
บันทึกการเข้า
เซนเบ้
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 135



« ตอบ #4 เมื่อ: 21-11-2006, 23:26 »

กว่าถั่วจะสุก งาก็(เกือบ)ใหม้

ต้องใช้พลังสถาบัน+พลังประชาธิปไตย+พลัง.......... (จำไม่ได้แร่ะ  Tongue out) อย่างที่ อ.ธีรยุทธ์ ว่าไว้ ถึงจะหยุดเชื้อชั่วนี้ได้


แถมตอนนี้ยังเร่ร่อนเป็นสัมภเวสี  หาทางหลอกหลอนชาวบ้านอีกคำรบหนึ่ง 
บันทึกการเข้า

เหลี่ยมมาตั้งแต่เกิด
หน้า: [1]
    กระโดดไป: