Sky
|
|
« เมื่อ: 21-11-2006, 15:15 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2006, 15:17 โดย Sky »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
buntoshi
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 21-11-2006, 15:22 » |
|
เจ๊ง เพราะอะไรหล่ะครับ
แล้วมันเจ๊ง น้อยลง เมื่อเทียบกับปีก่อน ไม่ดีใจ เหรอครับ หรืออยากให้มันเจ๊งเพิ่มขึ้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น.... ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ---------------------------
|
|
|
eAT
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 21-11-2006, 15:29 » |
|
รวมเทมาเส็กด้วยหรือเปล่า?? ที่ว่าเจ๊งล่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
นิรนาม
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 21-11-2006, 16:28 » |
|
งงครับกับข่าวที่คุณSkyเอามาให้ดู เลยหยิบข่าวนี้จาก "ช่าวสด" มาฝาก http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03eco01211149&day=2006/11/21ผงะ!10เดือนดุลการค้าติดลบ1.7หมื่นล. ส่งออกช้ำบาทแข็งโป๊ก-พาณิชย์ลุ้นปีนี้โตทะลุ17%นายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึง ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนต.ค.2549 ว่า การส่งออกมีมูลค่า 11,500.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.1% การนำเข้ามีมูลค่า 10,690.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.5% เกินดุลการค้า 810.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค.2549) การส่งออกมีมูลค่า 107,117.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.8% มูลค่าการนำเข้า 106,670.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.9% ไทยเกินดุลการค้า 447.2 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่หากคิดดุลการค้า ในช่วง 10 เดือน ในรูปของเงินบาท พบว่ายอดการขาดดุลการค้าได้ขยายตัวติดลบสูงถึง 17,080.2 ล้านบาท เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม คาดว่าดุลการค้าในปีนี้จะบวกลบประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ "การส่งออกเดือนต.ค.ที่ผ่านมาสูงกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และสูงเป็นอันดับ 3 ในรอบ 5 ปี ซึ่งเป็นการส่งออกเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า โดยสินค้าเกษตรกรรม-อุตสาหกรรมการเกษตรเพิ่มขึ้น 26.9% สินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 16.5% และสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้น 29% และการส่งออกช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ขึ้นหลัก 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว จริงๆ แล้วปีนี้ผมคาดว่าจะเกินดุลการค้า แต่เพื่อความรอบคอบเลยต้องเผื่อไว้ก่อนว่าจะบวกลบประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ" นายการุณกล่าว นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า มูลค่าการส่งออก 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ที่ 107,117.6 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 82.2% ของเป้าหมายการส่งออกที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าไว้ว่าจะขยายตัว 17.5% หรือคิดเป็นมูลค่า 130,370 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหากจะให้การส่งออกเป็นไปตามเป้าหมายนั้น ในช่วง 2 เดือนที่เหลือ (พ.ย.-ธ.ค.) การส่งออกจะต้องขยายตัว 20% ขึ้นไป หรือส่งออกเดือนละ 11,626 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม คาดว่าการส่งออกในปีนี้จะขยายตัวได้ในระดับ 16-17.5% คิดเป็นมูลค่า 128,700-130,400 ล้านเหรียญสหรัฐ "ตัวเลขเป้าหมายการส่งออกที่ 17.5% ตั้งภายใต้สมมติฐานค่าเงินบาทที่ 40 บาท/เหรียญสหรัฐ ซึ่งขณะนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณ 12% แต่การส่งออกก็ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการหารือกับผู้ส่งออกในช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ผู้ส่งออกต้องการให้เงินบาทมีเสถียรภาพ เพราะหากไม่นิ่งจะทำให้การบริหารจัดการเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยค่าเงินบาทเป็นหนึ่งในหลายปัจจัยที่เอกชนต้องการให้รัฐบาลดูแล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เงินบาทค่อยๆ อ่อนตัวลงแล้ว และเชื่อว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงจะหามาตรการดูแลในเรื่องดังกล่าว" นายราเชนทร์กล่าว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"คืนที่ดำทะมึนมืดสนิท ยังรอแสงอาทิตย์ส่องสว่าง มีที่ไหนถูกปิดทุกทิศทาง เพียงม่านควันหมอกบางมันพรางตา"ถ้อยวลีของ..ประเสริฐ จันดำถ้อยวลี - จาก; "บันทึกจากกองร้อย ทหารปลดแอก" โดย..เสกสรรค์ ประเสริฐกุล นักรบจรยุทธอย่างพวกเราไม่รู้ว่าบ้านของตัวเองอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเรามีปิตุภูมิเป็นของพวกเรา ทุกหนทุกแห่งที่เราล้มตัวลงนอนที่นั่นก็คือบ้าน บ้านของเราก็คือประเทศชาติ พ่อแม่ของเราก็คือประชาชน และเราจะไปทุกหนทุกแห่งเพื่อจัดการกับเจ้าคนที่มันเหยียบย่ำบ้านกับพ่อแม่ของเรา
|
|
|
นิรนาม
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 21-11-2006, 16:42 » |
|
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งยอดจดทะเบียนธุรกิจ ไตรมาส 3 นายดุสิต อุชุพงศ์อมร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยสถิติจดทะเบียนธุรกิจในไตรมาส 3 ปี 2549 (กรกฎาคม กันยายน) มีผู้ประกอบธุรกิจขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ทั่วราชอาณาจักร จำนวน 11,913 ราย เงินทุนจดทะเบียน จำนวน 34,642.24 ล้านบาท แยกเป็นกรุงเทพฯ จำนวน 5,018 รายและส่วนภูมิภาค จำนวน 6,895 ราย เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส3 ของปี 2548 ปรากฏว่าในปี 2549 มีจำนวนนิติบุคคลจดทะเบียนตั้งใหม่ลดลง 11.55 % สำหรับนิติบุคคลตั้งใหม่ที่มีทุนจดทะเบียนสูงสุดในไตรมาส 3 คือ บริษัท เอส.ที.เอ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีทุนจดทะเบียน 2,000 ล้านบาท ประกอบธุรกิจขายส่งวัสดุก่อสร้าง ในส่วนของประเภทธุรกิจที่มีการจดทะเบียนสูงสุด 3 อันดับแรก คิดเป็น 17.37 % ของการจทะเบียนตั้งใหม่ทั้งหมด คือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคาร จำนวน 1,156 ราย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 610 ราย และธุรกิจบริการให้คำปรึกษาทางธุรกิจและการจัดการ จำนวน 303 ราย สำหรับ บริษัทมหาชน จำกัด ที่จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในไตรมาส 3 ปี 2549 มีจำนวน 3 ราย เงินทุนจดทะเบียน 3,675 ล้านบาท แยกเป็น กรุงเทพฯ จำนวน 1 ราย และส่วนภูมิภาค จำนวน 2 รายในส่วนของการจดทะเบียนเพิ่มทุนทั่วราชอาณาจักรในไตรมาส 3 มีจำนวน 3,687 ราย เงินทุนที่จดเพิ่ม จำนวน 125,397.22 ล้านบาท และหมวดธุรกิจที่จดทะเบียนเพิ่มทุนสูงสุด คือ หมวดการขายส่ง ขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ จักรยานยนต์ของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือน จำนวน 1,332 ราย หรือ 36.13%ของธุรกิจที่จดทะเบียนเพิ่มทุนทั้งหมด และบริษัทมหาชน จำกัดที่มีการจดทะเบียนเพิ่มทุนทั่วราชอาณาจักร มีจำนวน 20 ราย เงินทุนที่จดเพิ่ม 265,586.83 ล้านบาท แยกเป็นกรุงเทพฯ จำนวน 10 ราย และส่วนภูมิภาค จำนวน 10 ราย สำหรับนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วราชอาณาจักรในไตรมาส 3 มีจำนวน 4,054 ราย เงินทุนจดทะเบียน 71,724.65 ล้านบาท แยกเป็นกรุงเทพฯ จำนวน 2,068 รายและส่วนภูมิภาค จำนวน 1,986 ราย เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2548 ปรากฏว่าในปี 2549 มีนิติบุคคลจดทะเบียนเลิกลดลง 5.96 % ในส่วนของประเภทธุรกิจที่มีการจดทะเบียนเลิกสูงสุด 3 อันดับแรก คิดเป็น 14.73 % ของการจดทะเบียนเลิกทั้งหมด คือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคาร จำนวน 340 ราย ธุรกิจบริการอื่นๆ จำนวน 143 ราย และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 114 ราย ทั้งนี้มีจำนวนนิติบุคคลคงอยู่ทั่วราชอาณาจักร ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 จำนวน 517,044 ราย --------------------- ที่มา : สำนักบริการข้อมูลธุรกิจ ฉบับที่ 55 / 2 พฤศจิกายน 2549 http://www.dbd.go.th/thai/news/detail_news.phtml?id=878
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"คืนที่ดำทะมึนมืดสนิท ยังรอแสงอาทิตย์ส่องสว่าง มีที่ไหนถูกปิดทุกทิศทาง เพียงม่านควันหมอกบางมันพรางตา"ถ้อยวลีของ..ประเสริฐ จันดำถ้อยวลี - จาก; "บันทึกจากกองร้อย ทหารปลดแอก" โดย..เสกสรรค์ ประเสริฐกุล นักรบจรยุทธอย่างพวกเราไม่รู้ว่าบ้านของตัวเองอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเรามีปิตุภูมิเป็นของพวกเรา ทุกหนทุกแห่งที่เราล้มตัวลงนอนที่นั่นก็คือบ้าน บ้านของเราก็คือประเทศชาติ พ่อแม่ของเราก็คือประชาชน และเราจะไปทุกหนทุกแห่งเพื่อจัดการกับเจ้าคนที่มันเหยียบย่ำบ้านกับพ่อแม่ของเรา
|
|
|
นิรนาม
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 21-11-2006, 16:50 » |
|
การจดทะเบียนนิติบุคคลสิ้นสภาพ(เลิก,ร้าง และล้มละลาย) เดือนตุลาคม 2548 กับ 2549 เป็นอย่างไร ผมว่าดูกันเอาเองดีกว่าน่ะ http://www.dbd.go.th/thai/statistics/stat_m2.phtml
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"คืนที่ดำทะมึนมืดสนิท ยังรอแสงอาทิตย์ส่องสว่าง มีที่ไหนถูกปิดทุกทิศทาง เพียงม่านควันหมอกบางมันพรางตา"ถ้อยวลีของ..ประเสริฐ จันดำถ้อยวลี - จาก; "บันทึกจากกองร้อย ทหารปลดแอก" โดย..เสกสรรค์ ประเสริฐกุล นักรบจรยุทธอย่างพวกเราไม่รู้ว่าบ้านของตัวเองอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเรามีปิตุภูมิเป็นของพวกเรา ทุกหนทุกแห่งที่เราล้มตัวลงนอนที่นั่นก็คือบ้าน บ้านของเราก็คือประเทศชาติ พ่อแม่ของเราก็คือประชาชน และเราจะไปทุกหนทุกแห่งเพื่อจัดการกับเจ้าคนที่มันเหยียบย่ำบ้านกับพ่อแม่ของเรา
|
|
|
Sky
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 21-11-2006, 16:53 » |
|
วันนีคุยกับเพื่อน ๆ เพื่อน ๆ บอกว่าเศรษฐกิจไม่ดีเลย สู้ก่อนปฎิวัติไม่ได้ ตอนนั้นเศรษฐกิจดีกว่าเยอะ ผมก็เลยถามไปว่าสมัยท่านนายกทักษิณใช่ไหม เพื่อนบอกว่าใช่ เพื่อนบอกว่าสมัยนายกฯ ทักษิณ มีเงินในกระเป๋ามากกว่าปัจจุบันนี้ เศรษฐกิจมันฟุบ .. คาดว่าภาวะเศรษฐกิจสมัยพลเอกชวลิต และคุณชวน จะกลับมาเร็วกว่าที่คิด ว่าไหมครับ ... คงต้องเตรียมตัว อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องลงทุนทำอะไร อยู่เฉย ๆ .... ดีกว่า เห็นเพื่อนเล่าให้ฟังอย่างนี้ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชอบแถ
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 21-11-2006, 16:54 » |
|
ปีก่อนมันเจ๊งทางเทคนิค ปีนี้เจ๊งจริง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 21-11-2006, 17:09 » |
|
เจ๊งลดลงกว่าปีก่อน 2.5%
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sky
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 21-11-2006, 17:18 » |
|
ปีก่อนมันเจ๊งทางเทคนิค ปีนี้เจ๊งจริง
ช่ายครับ ปีก่อนเจ๊ง เพื่อเริ่มต้นใหม่ ปีนี้เจ๊งจริง ๆ ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
buntoshi
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 21-11-2006, 17:25 » |
|
ปีก่อนมันเจ๊งทางเทคนิค ปีนี้เจ๊งจริง
ช่ายครับ ปีก่อนเจ๊ง เพื่อเริ่มต้นใหม่ ปีนี้เจ๊งจริง ๆ ครับ 555
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น.... ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ---------------------------
|
|
|
ลับ ลวง พราง
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 21-11-2006, 17:31 » |
|
เป็นธรรมดา กิจการไหนถ้าไม่อยู่ในเครือไทยรักไทย ถ้าสายป่านไม่ยาวพอ แล้วแถมยังเป็นคู่แข่งก็ต้องจบเห่อย่างนี้ละ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"คนฟุ่มเฟือย แม้จะรวยก็มักขัดสน คนประหยัด แม้จะจนก็มักมีเหลือเก็บ"
|
|
|
อมพระมาพูด
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 21-11-2006, 17:36 » |
|
ปีก่อนมันเจ๊งทางเทคนิค ปีนี้เจ๊งจริง
ช่ายครับ ปีก่อนเจ๊ง เพื่อเริ่มต้นใหม่ เพื่อเริ่มต้นเจ๊งใหม่ปีนี้เจ๊งจริง ๆ ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
พึงทำความเพียรในวันนี้ ใครเล่าจะรู้วันตายในวันพรุ่ง
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 21-11-2006, 17:43 » |
|
สำหรับเอกชนมันเผาหลอก เผาจริงกันมาหลายปีแล้วครับ
และจะยังมีผลกระทบมาถึงเรื่องอื่น ๆ เยอะมาก เช่นการตั้งงบประมาณใช้หนี้เก่า ๆ โยกบัญชีให้ถูกต้อง
แต่ดูเรื่อง "งบลงุทน" ก็ยังเพิ่มในงบประมาณอยู่นี่นะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
qazwsx
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 21-11-2006, 18:03 » |
|
ยืนยันว่า "เงินเข้า" กิจการน้อยลง บริษัทของผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
เครียดครับ ลูกน้องเริ่มรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ แล้วว่าปลายปีไม่มีโบนัส - ต้นปีหน้าไม่มีแต๊ะเอีย
เพราะที่ผ่านมา บริษัทผมทำมาหากินอยู่กับแก๊งไทยรักไทยพอสมควร ( รายได้โดยสุจริตของกิจการเกินครึ่งมาจากงานภาคราชการ...ในขณะที่รายได้อย่าง "เทา ๆ" ประมาณครึ่งหนึ่งมาจากภาคไทยรักไทย )
แต่จะบอกอะไรให้อย่างนึงนะ 2 เดือนที่ผานมานี้ "อดอยากแต่สบายใจ" ไม่ต้องคอยมองหลัง และไม่ต้องรำคาญพวกสถุลตอแหลที่หมั่นเพียรเข้ามาพ่น ๆๆๆ สร้างภาพ หากแต่ "รับปาก - ให้คำมั่น" อะไรไม่ได้สักอย่าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
A-NOY
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 21-11-2006, 19:13 » |
|
ถ้ามันเจ๊งก็เจ๊งเพราะไอ้เหลี่ยมนั่นแหละ รัฐบาลนี้ยังไม่ทันบริหารบ้านเมืองเท่าไรเลยจะทำให้บริษัทเจ๊งได้ก็เก่งล่ะว้า ง่าวเอ๋ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
A-NOY
|
|
|
|
ไทมุง
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 21-11-2006, 21:55 » |
|
ขึ้นอยู่กับว่าตะกายจะแถแบบไหน ครั้งนี้ เอาสีข้างแถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 21-11-2006, 23:28 » |
|
บอกเค้าด้วยสิครับ สกาย ว่าที่เลิกกิจการส่วนใหญ่ เป็นบริษัทที่ค้าขายผูกพันกับเครือชินของไอ้เหลี่ยม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 21-11-2006, 23:35 » |
|
ปีก่อนมันเจ๊ง ทางเทคนิค ปีนี้เจ๊งจริง
ช่ายครับ ปีก่อนเจ๊ง เพื่อเริ่มต้นใหม่ ปีนี้เจ๊งจริง ๆ ครับ คนรักทักษิณ สาวกฯ หวอรูม ชอบใช้ ทางเทคนิคเหมือนทักษิณและพรรคเทียมรักเทียม..................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ๊งทางเทคนิค ร้าวทางเทคนิค ทุจริตทางเทคนิค......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
M Research
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 22-11-2006, 00:29 » |
|
ปีก่อนมันเจ๊งทางเทคนิค ปีนี้เจ๊งจริง
ช่ายครับ ปีก่อนเจ๊ง เพื่อเริ่มต้นใหม่ ปีนี้เจ๊งจริง ๆ ครับ เป็นตุเป็นตะ...ทำไปได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
login not found
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 22-11-2006, 00:38 » |
|
สารภาพว่าหนึ่งในบริษัทนั้นเป็น บ.ของเพื่อนผมเอง เขาบอกว่าจะปิดมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว แต่กว่าจะเคลียงานเสร็จก็พึ่งมาปิดได้เอาเดือนตุลานี้เอง เขาให้เหตุผลว่า "กรูทนให้พวกนั้นมันแดรกแรงงานกรูต่อไปไม่ไหวแล้ว ขนาดงานเล็กๆมันยังจะเอาตั้ง 30% 50%"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
room5
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 01-12-2006, 22:31 » |
|
พูดมาได้ปีก่อนเ๊จ๊็งทางเทคนิค ทักษิญอะไรๆก็เทคนิค โกงโดยสุจริต อะไรกันนักหนาเนี่ย ภาคไต้ก็ทางเทคนิคใช่มะ กล้าแถเน๊อะ ผิดอะไรก็อ้างเทคนิคเคยโทษตัวเองบ้างใหม ไม่เคยเห็นเลยนิ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2006, 22:33 โดย room5 »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชอบแถ
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 01-12-2006, 23:55 » |
|
มันจะเข้าใจอะไรยากเย็นนักหนาครับ ธุรกิจไม่อยากทำก็แจ้งเลิก ขาดทุนก็แจ้งเลิก เค้าก็ไม่ได้ลงว่าเลิกเพราะเจ๊ง
หรือว่าเลิกเพราะเบื่อ แล้วเลิกอันนี้ อยากไปทำอันใหม่ก็จดใหม่ คือ หุ้นกับคนเก่าไม่ถูกคอ ก็ไปหุ้นกับคนใหม่
ก็ลองดูสถิติจดทะเบียนใหม่ด้วยสิคร้าบ จะได้ดูว่าเข้ามาเท่าไหร่ ออกไปเท่าไหร่ แตกต่างเท่าไหร่ ส่วนที่เจ๊งจริง
ต้องไปดูว่าสรรพากรเค้าฟ้องเอาภาษีกี่แห่งที่แจ้งเลิก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 02-12-2006, 00:18 » |
|
คุณ sky อย่าลืมนำข้อมูลเดือนถัดไป ๆ ทุกเดือนมารายงานผล เพื่อให้ รากหญ้า/รากแก้วที่ไม่ได้ใช้สติปัญญา นอกจากอ่าน ใบบอกมีเรื่องพูด เรื่องหวาดหวั่นต่อไปนะ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ปล. รมว.พาณิชย์ เกริกไกร กลัวคนรักทักษิณ จะตกใจตายก่อน จึงเปิดเผยว่า บริษัทดาว เคมิเคิล บริษัทใหญ่แห่งหนึ่งของสหรัฐจะลงทุนเพิ่มในประเทศไทยอีก หลังจากลงทุนไปแล้ว 40,000 ล้านบาท และจะถือประเทศไทยเป็นฐานการผลิตใหญ่ที่สุดในแถบนี้... ปล. คุณ sky ค้นสถิติย้อนหลัง เดือนใดในสมับทักษิณ ที่ไม่มีธุรกิจเลิกกิจการเลย ให้ดูว่า ทักษิณนอกจากพูดชวนเชื่อแล้ว ทำอะไรได้เป็นบ้าง ปล. อย่าลืมนำดัชนีหุ้นก่อนรัฐประหารและหลังรัฐประหารมาให้พิจารณาด้วย......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ตาย่าน
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 02-12-2006, 02:11 » |
|
การลงทุนมีความเสี่ยง...เสมอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sleepless
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 05-12-2006, 16:59 » |
|
คิดว่ากว่า 90% ของกิจการที่เพื่งเริ่มต้น อยู่ได้ไม่เกิน 2 ปี (เงินหมด) แต่ไม่แน่ใจว่าจำนวนบริษัทที่เจ๊งแล้วจดเลิกเลยมีปริมาณเท่าใด ส่วนใหญ่เห็นทิ้งเอาไว้ดูเล่น (เจ้าของกลับไปรับจ้าง เป็นพนักงานกินเงินเดือนต่อ) บริษัทที่เริ่มก่อตั้งแล้วเจ๊งจะมีอยู่พลายแบบ อันนี้เลือกมาเฉพาะที่เคยเห็น 1) ไม่มียอดขาย หรือยอดขายตก อันนี้เข้าใจง่าย ขายของไม่ได้ก็เจ๊ง คนทั่วไปก็เข้าใจได้ แบบนี้แก้ได้ด้วยการกลับไมนั่งหา business model ใหม่ หากอายุยังไม่เกิน 30 และยังไม่มีครอบครัว อย่าเพิ่งรีบกลับไปทำงานประจำรับเงินเดือน สู้อีกหน่อย 2) กิจการที่ยิ่งขายมากยิ่งเจ๊งเร็ว เนื่องจากไม่คำนวณต้นทุนให้ดี แต่ละหน่วยที่ขายเป็นการขาดทุนโดยไม่รู้ตัว ยิ่งขายได้มาก ก็ยิ่งเจ๊งเร็ว กิจการค้าปลีกเล็กๆ หลายแห่งจะไม่รู้ว่าตัวเองขายขาดทุนอยู่ และจัดอยู่ในประเภทนี้ เนื่องจากลืมคิดต้นทุนหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะค่าแรงตัวเอง 3) กิจการที่ขายของได้เพิ่มขึ้นทุกเดือน แต่มีปัญหา cash flow ไม่เงินจ่ายค่าใช้จ่ายในบริษัท อันนี้ คนทั่วไปจะไม่ค่อยเข้าใจ กิจการใหม่ๆ มากมายที่ไม่เข้าใจคำว่า 'cash flow' มักจะสงสัยว่าทำไมยิ่งขายดี ยิ่งจน อันนี้จะเห็นได้มากในธุรกิจรับเหมา อันนี้แก้ได้ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|