อ้างจาก: narcissus ที่ เมษายน 21, 2006, 11:19:03 PM
เรียนถามพี่686 เรื่องการแข็งค่าเงินบาท ในขณะที่เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ภาวะการเงินในประเทศตึงตัวขาดสภาพคล่อง
ภาวะการเมืองเปราะบาง เป็นเหตุการณ์ปกติ หรือมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือไม่ครับ เงิน ความหมาย "วัตถุที่มีตราของรัฐ ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย, วัตถุที่ใช้วัดราคาในการซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน,
เงินที่รัฐกำหนดขึ้นไว้เพื่อใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ได้แก่ เหรียญกระษาปณ์และธนบัตร, เงินตรา ก็เรียก."ค่าเงิน
ในความหมายทั่วไปคือ มูลค่าที่เป็นตัวเลขสมมุติที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนระหว่าง เงินตราในสกุลต่าง ๆ ในตลาดเงินว่ามีค่าเท่าไร
โดยใช้อุปสงค์ และ อุปทาน ของตลาด และ การกำหนดมูลค่าโดยรัฐบาลที่เป็นเจ้าของเงินตราสกุลนั้น ๆ
แต่การกำหนดมูลค่าเงินโดยรัฐบาลจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อ รัฐบาล ที่เป็นเจ้าของเงินตราสกุลนั้น ๆ มีความน่าเชื่อถือ
อย่างเช่น ในวิกฤติค่าเงินในปี พ.ศ. 2540 รัฐบาล มาเลเซีย ได้ถอนเงินสกุล ริงกิต ออกจากตลาดเงิน และ ล๊อก ค่าเงิน ริงกิต ให้อยู่นิ่ง
ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามสกุลเงินตราของ ประเทศไทย และ หลาย ๆ ประเทศในภูมิภาค ทำให้ระบบเศรษฐกิจของ มาเลเซีย ไม่ได้รับผลกระทบมากมาย
เหมือนอย่างที่ประเทศไทยประสพ
แต่หากมองในมุมกลับ การที่ รัฐบาล มาเลเซีย ตรึงค่าเงินของตนส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันกับประเทศไทยลดลงไปด้วย
เพราะ ค่าเงิน ริงกิต แพงกว่าค่าเงิน บาท ของไทยนั่นเอง
ค่าเงินของสกุลเงินที่อยู่ในตลาดเงิน (เงิน บาท ของไทยอยู่ แต่ เงิน หยวน ของจีนไม่อยู่) จะขึ้น หรือ ลง
ขึ้นอยู่กับความต้องการถือครองเงินตราสกุลนั้น ๆ ในตลาดค้าเงิน (ผมอธิบายเรื่อง ตลาดเงิน ใว้ในตอนก่อนหน้านี้แล้ว)
โดยปกติ ย้ำน่ะครับว่า โดยปกติ ค่าของเงินจะขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศเจ้าของสกุลเงินตราในเวลานั้น ๆ ว่า
มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และ ฐานะของรัฐบาลมีความมั่นคงเพียงไร หากเศรษฐกิจของประเทศเจ้าของเงินตราในสกุลนั้น ๆ ไม่มั่นคง
เช่น อยู่ในระหว่างสงคราม เช่น เงิน หยวน ของจีนในช่วงปี 1930 - 1940 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศจีนกำลังอยู่ในช่วงสงคราม
มูลค่าเงินของจีนในสมัยนั้น ตกต่ำลงทุกวัน จนมีค่าต่ำกว่าราคาของกระดาษชำระเสียอีก โดยพนักงานที่ทำงานเป็นรายวัน
จะได้เงินค่าจ้างเป็น ธนบัติเป็นจำนวนมาก ต้องเอาเข่งมาขนกันเลยทีเดียว
ในทางกลับกัน ประเทศญี่ปุ่นในช่วงปี 1965 - ถึงปัจจุบัน ค่าของเงิน เยน กลับมีค่าสูงขึ้นหลายเท่าตัว จาก 100 เยน แลกเงินไทยได้ 7 บาท
ในปี 1965 มาในปัจจุบัน 100 เยน แลกเงินไทยได้ราว ๆ 40 บาท เป็นเพราะ เศรษฐกิจของ ญี่ปุ่น มีการขยายตัว
ประชาชนในประเทศญี่ปุ่นก็มีฐานะที่ดีขึ้น ทำให้มีความต้องการถือครองเงินสกุล เยน มากขึ้นตาม
ประเทศจีน เป็นข้อยกเว้น เพราะ รัฐบาลจีน ตรึงค่าเงิน หยวน ของตนกับ ดอลล่า สหรัฐ ทำให้อัตตราแลกเปลี่ยนคงที่
แต่ก็โดนบีบจาก อเมริกา ให้จีนลอยตัวค่าเงิน
จากบทความข้างบนของผม ลองเอามารวมกัน แล้วคิดดูเอาเองว่า ค่าเงิน บาท ของไทย เคลื่อนไหวเป็นปกติ หรือ ไม่
แต่ผมว่า
ไม่ « แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 22, 2006, 07:51:21 PM โดย 686 »
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Re: ไทย : ภาควิเคราะห์ "หลัง" ยุคชินฯครองเมือง
« ตอบ #263 เมื่อ: เมษายน 23, 2006, 12:11:23 AM »
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในระบบเศรษฐกิจ เสรี (ในอุดมคติ) " เงินตรา " ถือเป็นสินค้าชนิดหนึ่ง มีการซื้อขาย เปลี่ยนมือ และ การถือครองอยู่ตลอดเวลา
โดยประเทศที่ลอยตัวค่าเงินในตลาดเงิน จะลดการควบคุมอัตตราแลกเปลี่ยน จนถึงขั้นไม่ควบคุมเลย
(แต่ในความเป็นจริง ทุกประเทศต่างควบคุม ค่าของเงินตราของตนไม่ให้ผันผวน หรือ แกว่งตัวได้ในกรอบแคบ ๆ เท่านั้น)
การแข็งค่าของเงินบาทไทยสวนทางกับ ความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งผิดปกติอยู่แล้ว เป็นไปได้ว่า
มีความต้องการเงินบาทไทยในปริมาณมหาศาล ซึ่งเป็นการซื้อ และ ขายล่วงหน้า (ย้อนกลับไปดูตลาดเงิน)
ทำให้มูลค่าของเงินบาทสูงกว่าที่ควรจะเป็น
ความต้องการเงินบาทในตลาดเงินที่มีมาก ทำให้เกิดมีการเสนอซื้อในราคาสูง ทำให้ค่าเงินบาทสูงขึ้นตาม
แต่ถ้าถามว่า ทำไมจึงเกิดความต้องการถือครองเงินบาทเป็นจำนวนมากนั้น ผมไม่ทราบครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เป็นการวิเคราะห์จากความเห็นส่วนบุคคลของสมาชิกเวปบอร์ดสนทนาภาษาปืน ไม่ควรนำไปอ้างอิง ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
หาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้http://www.gunsandgames.com/smf/index.php/topic,9233.255.html