เห็นกระทู้นี้ในห้องราชฯ เป็นตุเป็นตะเป็นกระเป็นเกลื้อนดี.. อิอิ
เลยเอามาฝากคนที่ไม่ได้ไปตรงนู้นค่ะ
ความคิดเห็นที่ 30
(ก็อปข้อมูลดีๆ มาให้อ่านกันครับ)
เรื่องนี้เกี่ยวกับหญิงเหล็กผู้คุมเศรษฐกิจและมีอิทธิพลสูงสุดในจีนขณะนี้คือ
มาดาม Wu Yi รองนายกรัฐมนตรีจีน
เพราะว่านอกจากเธอจะมีเงินทุนสนับสนุนรัฐบาลจีนแล้ว
เธอคือผู้มีอำนาจสูงสุด ในอันดับ ต้นๆ ของจีน เพราะเธอคือผู้เป็นเจ้าของกินการเดินเรือใหญ่ที่สุดในน่านน้ำจีน
ใหญ่จนต้องเรียกว่า "กองเรือ"
และมี จีนและญี่ปุ่น เท่านั้น ที่เป็นผู้กุมชะตากรรมของการเดินเรือของโลก
ไม่ว่าจะเป็นกำลังทุน และความทรงอำนาจในจีนขณะนี้
ครั้งที่เดินทางมาเยือนไทยเมื่อ กันยายน 48
ครั้งนั้น นายกฯทักษิณ ส่งรัฐมนตรีที่พูดภาษาจีนได้ดีและมีความเก่งกาจคือ รองนายกฯสมคิด เข้าเสนอนโยบาย
ไทยจีนคราวนั้น
จนเชิญเธอมาเยือนไทยได้ โดยส่งรองนายกฯสมคิด เจ้าเก่า ตามต้อนรับ คราวนั้น
จนเธอเป็นที่ประทับใจในบุคคลิกของทั้งคู่
จนนับได้ว่าเป็นเสมือน ญาติสนิทของทั้งสอง
เธอมาเยือนเพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-จีน (JC) ด้านการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2
กับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้องของไทยที่โดยมีข้อตกลง
๑. ทั้งสองฝ่ายจะขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้ 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2553 โดยขอให้จีนสนับสนุน
เอกชนไทยที่จะจัดตั้งบริษัทในมณฑลต่างๆ 10 มณฑลในการหาหุ้นส่วน และไทยก็จะหาหุ้นส่วนให้จีนในกรณีจีนมี
ความประสงค์จะจัดตั้งบริษัทและ ดำเนินธุรกิจในไทย นอกจากนี้ไทยมีโครงการที่จะเปิดสำนักงานส่งเสริมการค้าและ
สำนักงานตัวแทนใน เมืองสำคัญๆ อื่นๆ อีก 10 แห่ง เพื่อขยายการค้า
๒. ทั้งสองฝ่ายจะเพิ่มมูลค่าการลงทุนให้ได้ 6,500 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2552 โดยไทยจะเชิญบริษัทจีนที่มีความชำนาญ
(เฉพาะใน Maritime) สาขาการไฟฟ้า พลังงาน ปิโตรเคมี และด้านการเดินเรือ/กองเรือ มาลงทุนในไทยเป็นกรณีพิเศษ
และขอให้จีนให้การสนับสนุนนักลงทุนไทย ในการลงทุนด้านการเกษตร เกษตรอุตสาหกรรม อาหารและภัตตคารในจีน
นอกจากนี้ยังมีความตกลงที่จะจัดตั้งคณะกรรมการร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยน ข้อมูลด้านการลงทุนและความร่วมมือในด้าน
การส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน และให้มีการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น
๓. ทั้งสองฝ่ายจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกันให้ถึง 4 ล้านคน ในปี คศ.2010 ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกใน
การท่องเที่ยว
๔. ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือด้านเศรษฐกิจในรูปแบบรัฐ ต่อ รัฐ (G to G) โดยใช้หลักการ Barter Trade เช่น ข้าว ลำไย
ในโครงการต่างๆ เช่น ซื้อรถจักรดีเซลไฟฟ้า แลกเปลี่ยนกับลำไยอบแห้ง เป็นต้น
๕. ได้มีการประชุมคู่ขนานกับการประชุม JC ของคณะนักธุรกิจไทย-จีน จำนวนกว่า 300 คน ผลการประชุมการประชุม JC
ครั้งนี้ได้ผลสำเร็จอย่างดียิ่งโดยมีการลงนามความร่วมมือทางการค้าระหว่าง ภาครัฐ 4 ฉบับ การท่องเที่ยว 5 ฉบับ
และการลงนามความร่วมมือการลงทุนของภาคเอกชนอีก 3 ฉบับ
(ข้อมูลโดย : กรมส่งเสริมการส่งออก)
เนื่องจากสัปดาห์ก่อน คมช.สัปดน ดันทะลึ่งบอกว่าจะยกเลิก โครงการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงแบบ G2G ต่างๆ
โดยบอกว่า จะไม่เน้นเศรษฐกิจ เน้นความสุขของคนในชาติเป็นสำคัญ ว่าง่ายๆก็คือ ไม่ทำอะไรนอกจากคุมสื่อให้เสนอ
ข่าวแต่ด้านดี และคุมกำลังทหาร ผู้นำตัดริบิ้น เยี่ยมเด็กประถม คิดคำขวัญห่วยๆ
งานนี้ จีน คงโกรธมาก และสื่อยักษ์ใหญ่อย่าง CCTV ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของรัฐบาลอยู่แล้ว จึงจัดการแสดง
ความไม่พอใจทุกทาง แบบไว้หน้า
เปรมและ คมช. ตาเหลือก ส่งนายกสุรยุทธ์ไป ได้แต่อือๆ ออๆ จึงต้องไปกราบกรานนายกฯทักษิณ ซึ่งปกติเป็นคนชอบทำงาน
ว่าให้มาช่วยที เขาไม่คุยด้วย นายกฯทักษิณ ชึ่งเป็นคนทำงาน และวางแผนงานนี้เพื่อประเทศไทยมาโดยตลอด หากจีนไม่เอา
ไทยเป็นผุยผงแน่ๆ งานนี้ศักดิ์ศรีต้องเอามาไว้ข้างๆ ตามสไตล์การทำงานของนายกฯทักษิณที่ว่า "ความขัดแย้งเอาไว้ข้างๆก่อน
ผลประโยชน์ของชาติสำคัญกว่า อะไรพอทำกันได้ ก็ทำกันไป"
จึงตกปากรับคำมาเจรจางานนี้ พร้อมประกาศเสียงดังจากจีนว่า "นายกฯทักษิณ จะกลับมาลงเลือกตั้งแน่นอน"
เปรมเองกราบกรานนายกฯทักษิณครั้งนี้ โดยขอใช้หนี้ด้วยสัญญาว่าจะให้โอกาสกลับมาลงเลือกตั้ง
แต่ถูกคุณหญิงอ้อ ย้อนมาเต็มๆว่า "ที่ทำไปครั้งนี้ มิใช่เพื่ออยากจะต่อรองในการกลับเมืองไทย แต่ทำเพราะมันเป็นงาน
ที่ต้องสานต่อ ไม่ขอเอามาเป็นบุญคุณ ส่วนการจะได้กลับมาเมืองไทย มาเลือกตั้งหรือไม่นั้น คนตัดสินไม่ใช่เปรม
แต่เป็นประชาชน"
งานนี้เปรมไม่ได้บุญคุณ ไม่ได้ข้อต่อรอง และต้องอาศัยท่านนายกฯทักษิณ
คราวนี้ เป็นอีกครั้งที่บ่งบอกว่า "ประเทศนี้มีคนๆเดียวจริงๆ ที่จะเป็นผู้บริหารประเทศได้"
คราวนี้ ทำให้เปรมคิดได้ว่า "เดือนเดียวผ่านมานี้ ยังพึ่งนายกฯทักษิณขนาดนี้ อีกหลายเดือนข้างหน้า ตูข้าหมดราคาแน่ "
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไม เปรม และ คมช. ต้องแคร์อะไรกับประเทศจีนและผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างมาดาม Wu Yi
ให้ลองกลับไปค้นหาจดหมายฉบับหนึ่งที่ พล.อ. ชวลิต เขียนอ้อนวอนประเทศจีนให้นำเงินมาช่วยสู้กับจอร์จ โซรอส
แล้วจะเข้าใจว่ามังกรใหญ่อย่างประเทศจีน แท้จริงแล้ว มีอำนาจมากเพียงใด
ครั้งนั้น ด้วยความขัดข้องบางประการ หรือด้วยสายสัมพันธ์ที่ไม่แข็งพอ เกี่ยวเนื่องด้วยเป็นรอยต่อแห่งการถ่ายโอน
อำนาจของรัฐบาลจีน
ทำให้เงินก้อนมหึมานั้น ส่งมาช่วยไทยไม่ได้..
แต่เมื่อจีนได้มาพบกับนายกฯสมองเพชร อย่างนายกฯทักษิณ และมีบัณฑิตสมองไวอย่าง ดร.สมคิด และด้วยความ
ถูกชะตาที่มีต่อมาดาม Wu Yi
ทำให้ คำสั่ง มาดาม Wu Yi คำเดียว
ต้องให้เปรม เรียก คุณหญิงอ้อ มาช่วยขอร้องนายกฯทักษิณ
น่าสงสาร นายกฯทักษิณ ทำงานเพื่อชาติ แม้ขนาดหนีหัวซุกหัวซุน อยู่ต่างแดน...
ใครว่านายกฯคนนี้ได้พัก ได้เที่ยว ...
ใครว่านายกฯทักษิณ เป็นอดีตนายกฯ
จากคุณ : โซล-เมท (จำปาหอม) - [ 2 พ.ย. 49 13:47:55 A:58.8.35.161 X: ]
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4842757/P4842757.html