เนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ 15 ฉบับที่ 753 วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549เรื่องจากปก โทษฐานที่เนื้อหอม 'อุ๋ย' อ่วม! แค่ยกแรกกระแสข่าวที่รุมเร้า 'หม่อมอุ๋ย' ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงการคลัง อยู่ในเวลานี้
น่าสนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เพราะไม่เพียง สนธิ ลิ้มทองกุล เปิดประเด็นความไม่ชอบมาพากลหลายเรื่อง ผ่านรายการ
เมืองไทยรายสัปดาห์ ออกอากาศทางเอเอสทีวี เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา เท่านั้น
ยังมีเรื่อง คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
เจ้าของฉายา 'มือตรวจสอบตงฉิน' ทำหนังสือถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี
และพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กรณีบุคคล
14 คน ดำรงตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจเกินกว่า 3 ตำแหน่ง ซึ่งหม่อมอุ๋ยเป็นหนึ่งในนั้น
เริ่มจากประเด็นของ 'สนธิ' ที่น่าสนใจ คือ การไม่ย้าย 'ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์' อธิบดี
กรมสรรพากร เนื่องจากมีส่วนออกมาการันตีการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น
จำกัด (มหาชน) ของคนในครอบครัวชินวัตร ว่าไม่ต้องเสียภาษี
เรื่องนี้ 'หม่อมอุ๋ย' ชี้แจงว่า เนื่องจากได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่า ไม่มีการทุจริตใน
หน้าที่ ขณะเดียวกัน ก็คิดว่า 'ศิโรตม์' จะช่วยทำงานได้อีกมาก
แต่ 'สนธิ' คาดหวังว่า เมื่อมาเป็น รมว.คลัง ต้องเข้าใจว่าปัญหาของชาติมีอะไรบ้าง
ปัญหาใหญ่ของระบอบทักษิณ ที่ทุกคนจำได้ คือการไม่ยอมเสียภาษีจากการขายหุ้น
ชินคอร์ป 73,000 ล้าน
"อธิบดีกรมสรรพากร นายศิโรตม์ อ้างว่า การซื้อหุ้นขายหุ้นนั้น จะซื้อขายหุ้นอย่างไร
ก็ตาม ถ้ายังไม่ถึงสุดท้าย ถ้ามีการโอนกัน ระหว่างกัน โอนให้พ่อ โอนให้แม่ แม่โอน
ให้ลูก ลูกโอนให้น้อง น้องโอนให้พี่ ถ้ายังไม่มีการขายสุดท้ายแล้ว ต้องถือว่ายังไม่
ต้องเสียภาษี นี่คือการตีความของอธิบดีกรมสรรพากรที่ชื่อนายศิโรตม์
"ในทำนองเดียวกัน คุณเรืองไกร (ลีกิจวัฒนะ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาคุณหญิงจารุวรรณ)
ได้รับการโอนหุ้นมาจากพ่อ (หุ้นทางด่วนกรุงเทพ) แต่กรมสรรพากรดันไปเก็บภาษีเขา
บอกว่าถึงจะโอนให้ด้วยความเสน่หา คุณก็ต้องเสียภาษี คุณเรืองไกรก็เลยเอาเงินนั้น
ไปเสียภาษี แต่พอนายทักษิณโอนหุ้นให้ลูก ให้คนโน้น คนนี้ ให้กับนายบรรณพจน์
ดามาพงศ์ พอจะไม่เสียภาษี แบบนี้ก็ต้องแก้ที่คุณเรืองไกร ก็เอาเงินมาคืนคุณเรืองไกร
เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน ตัวเองจะได้ทำ 73,000 ล้าน ไม่ต้องเสียภาษีได้เด่นชัดขึ้น...
"มิหนำซ้ำแล้ว กฤษฎีกายังตีความออกมาบอกว่า การซื้อขายหุ้นถึงจะโอนให้ด้วยเสน่หา
ยังไงก็ตาม ทุกครั้งที่โอน คนรับโอนต้องเสียภาษี ทุกครั้งที่โอนต้องเสียภาษี เพราะฉะนั้น
ด้วยข้อเท็จจริงที่มีอยู่ทุกวันนี้ เอาล่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครผิด แต่ถึงแม้จะมีข้อถกเถียงกัน
อยู่ตรงนี้ คุณชายปรีดิยาธรครับ คุณกลับออกมาปกป้องนายศิโรตม์ บอกว่าเขาไม่ผิด คุณ
พูดได้ยังไงว่าเขาไม่ผิด ทำไมคุณไม่วางตัวให้เหมาะสมสักหน่อย คุณวางตัวสวยที่สุด
คุณก็โยกย้ายนายศิโรตม์ไปเป็นรองปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อเปิดโอกาสให้สังคมซึ่ง
เขาสงสัยได้ตรวจสอบได้อย่างแน่ชัด ทำไมคุณไม่ทำเช่นนั้นล่ะ..."
อีกเรื่อง 'หม่อมอุ๋ย' ออกมาการันตีการขายที่ดินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนา
ระบบสถาบันการเงิน บริเวณถนนรัชดาภิเษกให้คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นจำนวน
เงิน 772 ล้านบาทในปี 2546 ว่าเป็นเรื่องของกองทุนฟื้นฟูฯ แต่ยืนยันได้ว่าทุกอย่าง
บริสุทธิ์ สะอาด โปร่งใส และสามารถชี้แจงได้
'สนธิ' เห็นว่า ขณะที่ประชาชนและหลายคนกังขาว่ามีการสมรู้ร่วมคิดในการซื้อ คุณ
(หม่อมอุ๋ย) ต้องปิดปาก ปล่อยให้เขาสอบไป...
"แต่จู่ๆ คุณก็ออกมาพูด ทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้กล่าวหาอะไรเป็นทางการ แปลว่าอะไร
คุณปกป้องคุณศิโรตม์ อธิบดีกรมสรรพากร ซึ่งมีข้อหาว่าเอื้อประโยชน์กลุ่มชินคอร์ป
ปกป้องยังไม่ทันเสร็จ วันรุ่งขึ้นคุณมาปกป้องการซื้อขายที่ดินของคุณพจมาน ชินวัตร.."
จากนั้นก็คิวคุณหญิงจารุวรรณ ทำหนังสือถึง พล.อ.สุรยุทธ์ และพล.อ.สนธิ กรณีบุคคล
14 คน ดำรงตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจเกินกว่า 3 ตำแหน่ง หนึ่งในนั้นก็คือ 'หม่อมอุ๋ย'
เท่านั้นเอง 'หม่อมอุ๋ย' ถึงกับเบรกแตก ออกมาโอดครวญถูกรังแกยกใหญ่ พร้อมยืนยัน
ว่า การดำรงตำแหน่งดังกล่าว ตนดำรงตำแหน่งตั้งแต่เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ
ไทย (ธปท.) และก็มีแค่ 6 ตำแหน่ง อีก 2 ตำแหน่ง คือ คณะกรรมการตรวจสอบของ
ก.ล.ต. และคณะกรรมการตรวจสอบของ บสท. ซึ่งถูกกล่าวหาเพิ่มขึ้นมาด้วยนั้น แท้จริง
ในแต่ละกรรมการมักจะตั้งคณะกรรมการย่อยขึ้นมา และทั้งสองกรรมการ ก็นับรวมอยู่ใน
กรรมการใหญ่ ดังนั้น จึงไม่ถือเป็นอีกหนึ่งกรรมการ เรื่องนี้คุณหญิงจารุวรรณ และ สตง.
ก็รู้ดี และรู้มานานแล้วด้วย
"ผมนั่งเพียง 6 แห่ง แต่จงใจแยกให้เห็นว่าผมนั่ง 8 แห่ง เข้าลักษณะตีไข่ใส่สี จงใจ
มีอคติกับผม มีกระบวนการทำลายชื่อเสียง อย่ารังแกกันขนาดนี้..."
ขณะที่คุณหญิงจารุวรรณ ยืนยันเพียงแค่ สตง.ได้ตรวจสอบการเป็นคณะกรรมการ
รัฐวิสาหกิจของ ร.ม.ว. ปรีดิยาธร อย่างรอบคอบ ตรงตามเอกสารข้อเท็จจริง และ
รับทราบการแถลงของ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เป็นอย่างดี
แต่ที่ดูดุเด็ดเผ็ดมันยิ่งกว่า ก็เห็นจะเป็น ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ในฐานะผู้ประกาศข่าว
ภาคภาษาอังกฤษ หรือ News Line ทางช่อง 11 ลูกชาย 'หม่อมอุ๋ย' ที่เปิดฉากฉะ
คุณหญิงจารุวรรณ ว่าทำตัวไม่เหมาะสม
"คุณหญิงจารุวรรณทำตัวไม่เหมาะสม เนื่องจากมีหน้าที่ตรวจสอบทุจริต แต่กลับมายุ่ง
กับการเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจของ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร"
ทำให้เรื่องของเกมการเมืองรู้ๆ กัน กลายเป็นเรื่อง 'กินปูนร้อนท้อง' ไปเสียเอง แถมยัง
สร้างศัตรูโดยใช่เหตุเสียอีก
เรื่องของเรื่อง ประเด็นแหลมคมอยู่ที่ว่า 'หม่อมอุ๋ย' เวลานี้ กำลังถูกจับตามองอย่างสูง
ในฐานะที่เป็นนักบริหารด้านเศรษฐกิจมือดีคนหนึ่ง
ถ้ายังไม่ลืม คนที่ติดโผ 'นายกฯ' มาก่อนที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จะตัดสินใจรับตำแหน่งก็คือ
'หม่อมอุ๋ย' นั่นเอง
ทั้งก่อนหน้านั้น 'ป๋าเติ้ง' บรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ก็เคยทาบทามที่
จะให้มาเป็นหัวหน้าพรรคแทน
ยิ่งล่าสุด นัยว่าสายสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่าง 'หม่อมอุ๋ย' กับกลุ่มการเมืองอย่างน้อย
สองกลุ่ม คือกลุ่ม 'สมศักดิ์ เทพสุทิน' และ กลุ่มพินิจ, สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่ต้องการตั้ง
พรรคการเมืองใหม่ กำลังไปได้สวยเสียด้วย
ยิ่งนับวันต้องเผชิญกับการถูกตรวจสอบอย่างหนัก และท้าทายยิ่งต่อการเอาตัวรอดใน
ทางการเมือง
เหมือนอย่างที่เห็นและเป็นอยู่
แค่ยกแรกก็ 'น่วม! เสียแล้ว
ยังไม่ถึงขั้นก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ และแคนดิเดต 'นายกฯ' เลยถึงตอนนั้นรับรองหนักกว่านี้อีกหลายร้อยเท่าคอยดู!?
http://www.nationweekend.com/2006/11/03/NW11_118.php?SecId=NW11&news_id=21988402เอามาฝากคุณหนู อนา แฟนคลับ คุณชาย อุ๋ย
ขอเอาใจช่วยให้รอดปากเหยี่ยวปากกานะคะ
เอ้า คุณชาย สู้ๆ ...