เอามาฝากมิตรรักแฟนเหลี่ยมค่ะ
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9490000129757พระเปรมศักดิ์ แฉ จม. คลื่นใต้น้ำ ปลุกกระแสต้าน คมช. - จาบจ้วง ป๋า
ศูนย์ข่าวขอนแก่น - พบการเคลื่อนไหว กลุ่มคลื่นใต้น้ำ อ้างเป็นผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปกป้องประชาธิปไตย ส่งจดหมายเรียกร้องให้อดีต ส.ส., ส.ว.ปลุกระดมมวลชนเคลื่อนไหวต้านรัฐประหาร พร้อมโจมตีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังยึดอำนาจ ให้ผู้รับจดหมายทำสำเนาส่งต่อให้มากที่สุด และร่วมกันติดริบบิ้นสีเขียวแสดงพลัง
บ่ายวันนี้ (18 ต.ค.) ที่ห้องประชุมสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่น พระเปรมศักดิ์ เปมสกฺโก อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคไทยรักไทย ได้นำจดหมายที่ได้รับลงชื่อโดย นายนำชัย ประสานไทย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปกป้องประชาธิปไตย หรือ คปป.ที่ส่งถึงอดีต ส.ส. อดีต ส.ว.ซึ่งส่งมาทางไปรษณีย์มามอบให้แก่ พ.อ.สมชาย พินิจพงศ์ สัสดีจังหวัดขอนแก่น ตัวแทนจากทหาร และนางชนัดดา แฮร์รีส ประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่น ตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น
ทั้งนี้ พระเปรมศักดิ์ต้องการให้จดหมายดังกล่าวส่งต่อถึงมือผู้บัญชาการ มทบ.23 ค่ายศรีพัชรินทร์ จ.ขอนแก่น และนายเจตน์ ธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นำไปตรวจสอบแหล่งที่มาของจดหมาย และส่งมอบถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตามสมควรต่อไป
พระเปรมศักดิ์ เปมสกฺโก กล่าวว่า เมื่อได้รับจดหมายฉบับดังกล่าวเมื่อวานนี้ (17 ต.ค.) แล้วและตรวจสอบจากทะเบียนราษฎรกลับไม่พบ ชื่อ นายนำชัย ประสานไทย เชื่อว่า เป็นเพียงนามแฝง
ที่น่าวิตกไปมากกว่านั้น เนื้อความในจดหมายมีลักษณะเป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างร้ายแรง เป็นการกระทำลักษณะคลื่นใต้น้ำ ปลุกระดมมวลชนเพื่อต่อต้าน คมช.โดยเชิญชวนให้ประชาชน และข้าราชการในทุกจังหวัดเข้าร่วมเครือข่ายฯ จดหมายฉบับนี้ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2549 ส่งมาจากที่ทำการไปรษณีบางซื่อ กทม.
พระเปรมศักดิ์ ระบุว่า ในจดหมายได้อ้างถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร แนะให้ผู้รับคืออดีต ส.ส.และอดีต ส.ว.ทำสำเนาจดหมายแจกจ่ายต่อประชาชนเป็นลูกโซ่ ซึ่งมุ่งหวังปลุกสังคมให้เกิดความแตกแยกอีกครั้ง ซึ่งอีกไม่กี่วันจะถึงวันที่ 5 ธันวาคม วันเฉลิมพระชนพรรษา ซึ่งเป็นวันสำคัญ
อาตมาจึงเห็นว่า บุคคล หรือขบวนการกลุ่มบุคคลใดก็ตาม ที่ทำจดหมายปลุกระดมดังกล่าวขึ้นมาควรยุติพฤติกรรมเช่นนี้เสีย เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสามัคคี พฤติกรรมเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อชาติ คาดว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีอำนาจเดิม ที่ทำใจกับการสูญเสียอำนาจไม่ได้
อย่างไรก็ตาม พระเปรมศักดิ์ กล่าวว่า เชื่อว่า อดีต ส.ส., ส.ว.ที่ได้รับจดหมายฉบับเดียวกันนี้ล้วนเป็นผู้มีวุฒิภาวะมากพอ ไม่น่าที่จะคล้อยตาม หรือทำตามในจดหมายระบุ
อีกทั้งขอให้เห็นแก่ความสงบสุขของบ้านเมืองเป็นสำคัญ จึงได้นำจดหมายมายื่นให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้นำไปตรวจสอบ แต่ผู้ว่าฯ ติดราชการ อีกทั้งรองผู้ว่าฯ ทุกคน ก็ติดราชการเช่นเดียวกัน จึงมอบผ่านตัวแทนของจังหวัด เพื่อนำเรียนผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร์ จ.ขอนแก่น ต่อไป
พระเปรมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ไม่อยากให้รัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงประมาทกับสถานการณ์ทางการเมืองกลุ่มอำนาจเก่า จดหมายฉบับนี้ถือได้ว่ามีความชัดเจนของความเคลื่อนไหวรัฐบาลในลักษณะคลื่นใต้น้ำชัดเจนที่สุด เพราะที่ผ่านมาได้ยินแค่ข่าวลือ แต่นี่มีหลักฐานจับต้องได้
ในภาวะท้องทะเลสงบอาจมีคลื่นสึนามิซ่อนอยู่ใต้ท้องทะเลก็ได้ ขอเตือนผู้ที่ยังอาลัยอาวรในอำนาจ และคิดปลุกระดม ขอให้คิดให้ดี ตระหนักให้ได้ว่าอำนาจนั้นเป็นเพียงอนิจจัง จะคิดจะทำอะไรขอให้นึกถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นอันดับแรกพระเปรมศักดิ์ กล่าว
ปลุกระดมร่วม คปป.ต้านรัฐประหาร
สำหรับจดหมายเวียนฉบับดังกล่าวขึ้นต้นว่า เรื่อง การจัดตั้งเครือข่ายประชาชนปกป้องประชาธิปไตย ส่งถึงอดีต ส.ส. และอดีต ส.ว.พร้อมกับมีเอกสารคำเรียกร้องแนบมาด้วย โดยเนื้อหาในจดหมายระบุว่า
ด้วยระบบประชาธิปไตยของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 ที่ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการก่อตั้งขึ้นได้ถูกคณะรัฐประหาร ทำลายลงโดยการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และเตรียมการจัดตั้งพวกของตนขึ้นเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับหลอกลวงประชาชนขึ้นใหม่
เพื่อเป็นการเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชนกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด พวกเราเห็นว่าควรนำรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 กลับมาใช้และดำเนินการเลือกตั้งโดยเร็ว จึงนำข้อเรียกร้อง ดังรายละเอียดที่แนบมาด้วยนี้ เสนอต่อท่าน ขอท่านได้โปรดนำเผยแพร่ต่อประชาชนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้
พร้อมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนติดริบบิ้นสีเขียวให้มากที่สุด เพื่อแสดงพลังการเรียกร้องอย่างสันติวิธีและให้ประชาชนจัดตั้งองค์กร เพื่อสร้างเครือข่ายภาคประชาชนในนาม เครือข่ายประชาชนปกป้องประชาธิปไตย (คปป.) ในทุกอำเภอทุกจังหวัดขึ้น เพื่อเคลื่อนไหวร่วมกันเรียกร้องให้คณะรัฐประหารคืนอำนาจอธิปไตยอันแท้จริงสู่ประชาชนโดยเร็ว เป็นเบื้องต้นและการเคลื่อนไหวขั้นต่อไป จะได้หารือร่วมกันและนำเสนอต่อประชาชนอีกวาระหนึ่ง
โดยในตอนท้ายจดหมายลงชื่อ นายนำชัย ประสานไทย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปกป้องประชาธิปไตย (คปป.)
กล่าวหา พล.อ.เปรม หนุนยึดอำนาจ
สำหรับเอกสารข้อเรียกร้องที่แนบมากับจดหมายนั้น ขึ้นต้นว่าจดหมายฉบับที่ 1 เรียกร้องรัฐธรรมนูญ ฉบับประชาชนกลับคืนมา
ความว่า เรียนพี่น้องประชาชน และข้าราชการที่เคารพทุกท่าน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 (ฉบับประชาชน) เป็นรัฐธรรมนูญที่ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการยกร่างอย่างแท้จริงและตลอดระยะเวลาของการใช้ ไม่เคยมีใครกล่าวตำหนิในหลักการเลยว่า ไม่ดี แต่ปัจจุบันได้ปรากฏหลักฐานโดยชัดเจนแล้วว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ด้านหนึ่ง เป็นเจตนารมณ์บริสุทธิ์ของประชาชนกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลทักษิณโดยสันติวิธี มิใช่การฉีกรัฐธรรมนูญ
แต่อีกด้านหนึ่ง เกิดจากเจตนาแอบแฝงของกลุ่มเผด็จการทหาร สามนายพล คือ เปรม-สนธิ-สุรยุทธ์ โดยมี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นแกนนำที่ต้องการทำลายระบบประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชน โดยการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (หลักฐานปรากฏตามคำสัมภาษณ์ของพลโท สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 ลูกป๋า ที่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า เตรียมการรัฐประหารมา 8 เดือนแล้ว)
การรัฐประหารของกลุ่มสามนายพล มิใช่เพียงแต่ทำลายอำนาจของประชาชนเท่านั้น ยังแอบแฝงด้วยการกระทำที่ทำให้ผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เกิดความไม่สบายใจอย่างยิ่ง กล่าวคือ พล.อ.เปรม ในฐานะประธานองคมนตรี (ตามกฎหมายต้องไม่แสดงตนเกี่ยวข้องกับการเมือง) ได้ดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมาแปดเปื้อนทางการเมือง ทำให้มัวหมอง ตกเป็นข่าวในต่างประเทศ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสถาบันอย่างยิ่ง
นับตั้งแต่ที่ พล.อ.เปรม ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จนถึงการสนับสนุนการทำรัฐประหาร นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่ใช้ชื่อสถาบันเบื้องสูงมาเป็นส่วนหนึ่งของชื่อคณะรัฐประหาร ตลอดจนแต่งตั้งให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ (บุตรบุญธรรมของ พล.อ.เปรม) ซึ่งเป็นองคมนตรี มาเป็นนายกรัฐมนตรีและบุคคลในคณะรัฐมนตรีเกือบทั้งหมดเป็นบริวารของ พล.อ.เปรม การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดเจนถึงการนำสถาบันฯมาเป็นประโยชน์ต่อการแสวงหาอำนาจทางการเมือง เพียงเพื่อแย่งยึดอำนาจในการปกครองประเทศไปเป็นของกลุ่มตนเท่านั้น
ดังนั้น เพื่อให้พสกนิกรหมดความห่วงใยในภาระต่อสถาบันเบื้องสูง ที่กลุ่มสามนายพลได้สร้างขึ้นไว้โดยเร็ว จึงขอให้ประชาชนและข้าราชการในทุกจังหวัดรวมตัวกันเป็นเครือข่ายในนาม เครือข่ายประชาชนประชาชนปกป้องประชาธิปไตย (คปค.) ร่วมกันเรียกร้องด้วยสันติวิธี โดยให้กลุ่มสามนายพลรีบคืนอำนาจให้แก่ประชาชนโดยเร็วที่สุด เพื่อมิให้กลายพันธุ์เป็นกลุ่มสามทรราช เฉกเช่น ถนอม-ประภาส-ณรงค์ ในอดีตโดยมีข้อเรียกร้องเป็นรูปธรรมดังนี้
1.ให้กลุ่มสามนายพลและพวกยุติการอ้างสถาบันเบื้องสูงในทางการเมืองอีกต่อไป
2.ให้นำรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 กลับมาใช้และจัดให้มีการเลือกตั้งเร็วที่สุด
3.ยืนยันให้นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง
4.การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2540 หากจะมีควรเป็นไปตามกลไกของรัฐธรรมนูญ
5.พวกเราไม่เห็นด้วยต่อการรัฐประหาร แต่ในสถานการณ์เฉพาะหน้านี้ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ ของกลุ่มสามนายพลและพรรคพวก ขอให้คณะรัฐมนตรีใหม่และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติทุกคน แสดงบัญชีทรัพย์สิน โดยเปิดเผยต่อสาธารณะ เยี่ยงรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหาว่าไม่สุจริตเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันของสังคมสืบไป
ลงชื่อ นายนำชัย ประสานไทย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปกป้องประชาธิปไตย (คปป.)
กิจกรรมเบื้องต้น ผู้ที่ได้รับหนังสือนี้แล้ว โปรดทำสำเนาเผยแพร่ต่อบุคคลอื่นให้มากที่สุดและให้ร่วมกันติดริบบิ้นสีเขียว หรือธงเขียวที่ยานพาหนะ กระเป๋าถือ และในทุกแห่ง อันเป็นสัญลักษณ์การเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ฉบับประชาชนในอดีต เป็นเบื้องต้น โดยพร้อมเพรียงกันและเตรียมพร้อมเคลื่อนไหวร่วมกันในขั้นต่อไป หากข้อเรียกร้องนี้ไม่บรรลุผล