http://mgr.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000129247อยากให้อ่านงานของ ปราโมทย์ นาครทรรพ เรื่อง ใครจะชนะสงครามแย่งประชาชน : ระบอบทักษิณหรือประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ใน ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันนี้ที่แจกแจงว่าการยึดอำนาจครั้งที่ผ่านมาสำเร็จเพราะสมการ P + K + S + A โดยแทนค่าดังนี้ P = อำนาจของประชาชน, K = บารมีของในหลวง, S = กำลังใจจากรัฐบุรุษพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และ A = กองทัพบก ที่มีลักษณะเป็น ขบวนการที่มีส่วนร่วมและองค์ประกอบหลายฝ่าย มิใช่ ปรากฏการณ์อัศวินม้าขาวของฝ่ายทหารแบบข้ามาคนเดียว ผู้เขียนอุปมาอุปไมยเห็นภาพชัดว่า ...พลเอกสนธิ บุญยรัตกลินเป็นผู้ที่เข้ามาในวินาทีสุดท้าย เพื่อลงมีดผ่าตัด ในห้องที่เตรียมไว้พร้อมสรรพ ทั้งระบบไฟ หมอดมยา ยาดม คณะแพทย์ พยาบาล และมีดผ่าตัดเป็นชุด -- คนเดียวจะมีความหมายอะไร ถ้าไม่มีการต่อสู้มาเป็นปี. อย่าหลงผิดไป ทำลายขบวนการ แล้วแปรให้เป็น การยึดอำนาจทั่ว ๆ ไป เสียล่ะ
นอกจากสมการ P + K + S + A แล้วในบทความเดียวกันนี้ ปราโมทย์ นาครทรรพ ยังเสนออีก 2 สมการ สมการที่จะ แพ้ คือ E + K = G และสมการที่จะ ชนะ คือ E + K + P = G โดยแทนค่าในสมการดังนี้ E = Elite, Establishment, K = King, G = Government และ P = People และในส่วนของ PPeople นั้น ณ วันนี้มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างไปจากเดิม ...บัดนี้มิใช่ประชาชนธรรมดาที่มาร์กซ์ดูถูกว่าเป็น potatoes in the sack of potatoes แต่เป็น informed citizen coalition ประกอบด้วยประชาชน + NGO + ปัญญาชนผู้ประกอบวิชาชีพ + สื่อเสรี. ขืนหลงผิดทำเป็นหลงลืม เป็นเรื่อง แน่ ๆ
และในส่วนของ E--Elite, Establishment นั้น ปราโมทย์ นาครทรรพ เตือนไว้ว่า ...อย่าลืมข้อเท็จจริงว่า E คือตัวอุปสรรคทำให้บารมีที่แท้จริงของ K ไปไม่ถึงประชาชน K เพียงถูกแอบอ้าง และจะถูกตำหนิในความผิดพลาดของ E ทั้งๆ ที่ K ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย เพราะอะไร. แม้จะอ่าน ไม่ง่าย แต่ก็ ไม่ยาก เกินกว่าที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน จะทำความเข้าใจ
ที่มา :
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000129368