**สิ้นหวังจริงๆ !! จากสภาทาส เป็น สภาสืบสานตำนานทาส**

[*bonny]

ค่อนข้างสิ้นหวังกับผลการเลือกตั้งสว.ที่ผ่านมาอย่างยิ่ง

แสดงว่า คนไทยเราไม่รู้เจตนารมณ์ของรัฐธรรคมนูญที่กำหนดให้มีการเลือกตั้งสว.แทนการแต่งตั้ง และกำหนดวาระให้ดำรงตำแหน่งถึง ๖ ปี แทนที่จะหมดวาระไปพร้อมกับสภาผู้แทนราษฎรเหมือนในอดีต

รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนให้สว.ต้องมีความเป็นอิสระทางการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดๆ ก็เพื่อให้สามารถเลือกคนที่ที่จะมาดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในองค์กรอิสระที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบได้โดยปราศจากอคติ และสามารถถอดถอนนักการเมือง และคณะกรรมการองค์กรอิสระทั้งหลายที่ไร้คุณภาพได้อย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ต้องเกรงอิทธิพลทางการเมือง

แต่ความมุ่งหมายตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง  เมื่อ ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นสว.กลายเป็นคนในครอบครัวของนักการเมืองทั้งพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล

เรียกว่า "ตบหน้ารัฐธรรมนูญ" ฉบับ "ต้นตระกูลทาส" อย่างไม่ละอายต่อฟ้าดิน

สัมภาษณ์กันหน้าตาเฉยว่า "ไม่ผิดรัฐธรรมนูญ" เพราะไม่ได้ห้ามเอาไว้  แต่รู้กันหรือไม่ว่า "ผิดจิตสำนึกประชาธิปไตย" ตามเจตจำนงของรัฐธรรมนูญน่ะ

ฉายาเดิมที่สื่อมวลชนกัดเอาไว้เจ็บๆ ว่า "สภาทาส"  ตอนนี้ทาสเก่าถูกโละออกไปแล้ว กลายเป็น "สภาสืบทอดทาส" ด้วยทาสชุดใหม่ที่พร้อมจะสืบสานเจตนารมณ์ของสภาทาสชุดเดิม

อาจจะเลวร้ายกว่าเดิมด้วยซ้ำไป เพราะที่แล้วมายังเป็นแค่นักการเมืองขายตัวไปเป็นทาส แต่ตอนนี้ มีคนข้างเตียงนักการเมืองมาเป็นทาสแทน

ความเป็นอิสระทางการเมืองไม่ต้องไปแยแสกันแล้วครับ เพราะไม่มีทางเป็นไปได้

เมียนายสุวัจน์  เมียนายยงยุทธ  พ่อนายเนวิน  เมียนายไพโรจน์(สุวรรณฉวี) น้องนายจำลอง(ครุฑขุนทด)  น้องเมียนายเสริมศักดิ์(พงษ์พานิช)  เมียนายโสภณ(เพชรสว่าง)  ผัวนางลัดดาวัลย์ (วงศ์ศรีวงศ์) ฯลฯ จำไม่หวาดไม่ไหว

คนเหล่านี้เหรอครับ ที่จะมาลงคะแนน "เลือกคนดีเข้ามาตรวจสอบ" คนในครอบครัวตัวเองที่เป็นรัฐบาลอยู่ในสภา

และคนเหล่านี้กล้าหรือครับที่จะ ยกมือ "ถอดถอน" คนในครอบครัวตัวเองน่ะ

นี่เป็นความตกต่ำอย่างที่สุดแล้วของระบบการเมืองไทยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน  เพราะนักการเมืองและประชาชน ขาดจิตสำนึกในประชาธิปไตย และขาดจริยธรรม โดยพร้อมเพรียงกัน

ผมไม่โทษแค่คนของนักการเมืองเท่านั้น แต่ผมโทษชาวบ้านด้วยที่ไม่คำนึงถึงอนาคตของตนเองและชาติบ้านเมือง ปล่อยให้มีการย่ำยีเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าทำตามกติการัฐธรรมนูญ

นี่เป็นบทพิสูจน์ได้ว่า ความรู้ในการเมืองระบอบประชาธิปไตยของไทยของประชาชนไม่ได้ก้าวหน้าไปตามอายุของระบอบประชาธิปไตยเลย  ถอยหลังลงคลองด้วยซ้ำไป

ดังนั้น..อย่าหวังอะไรกับ "ผลการเลือกตั้ง" "ผลการแสดงประชามติ" ของประชาชนคนไทย(ส่วนใหญ่ของประเทศ) เลยครับ  อย่าคิดว่า นั่นเป็นเสียงสวรรค์อีกต่อไป  มันเป็นเสียงเพรียกมาจากนรกด้วยซ้ำไป  

น่าจะถึงเวลาแล้วนะครับ แทนที่จะแก้ไขบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ และโทษว่า รัฐธรรมนูญไม่ดี  ผมว่า ในอนาคตเราน่าจะจับประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งมา "สอบ D-NET (Demorcracy-National Examination Test)" ใครไม่ผ่านเกณฑ์ทดสอบง่ายๆ ว่า

ประชาธิปไตยคืออะไร?
ผู้แทนราษฎรมีหน้าที่อย่างไร?
สว.มีหน้าที่อย่างไร?

ใครตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้ ก็ต้องตัดสิทธิ์ไม่ให้ไปเลือกตั้งครับ

[หญิงฟ้าฟ้า]

ผลการเลือกตั้งในปีนี้ทั้งหมด   ไม่ว่าจะเป็น สส หรือ สว เห็นแล้วอนาถใจค่ะ   ประเทศไทยนี่เป็นของใคร?  ของคนกลุ่มเดียว หรือทั้งชาติ?   หากมีข้อสอบอย่างที่คุณ *bonny ว่าสงสัยต้องมีการทำโพย  ลอกข้อสอบกันแน่ๆ  เพราะตาสี ตาสา  ยายมา ยายมี  ซึ่งมีมากมาย   แกเลือกเพราะแกไม่รู้จะเลือกใคร  เห็นใครที่โฆษณาตัวเองบ่อย  ดูแล้วมีผลงานในสายตาและวิจารณญาณของตัวเองก็เลือกไป   หรืออาจจะถามคนข้างบ้านว่าจะเลือกใคร  เดี๋ยวฉันเลือกด้วย   หรือบางคนเลือกเพราะตัดความรำคาญ  เขาเหล่านี้ไม่รู้หรอกค่ะว่าใครดีไม่ดีอย่างไร  ถ้าจะแก้ไขต้องแก้ที่ไหนคะ?   ถึงจะให้คนส่วนใหญ่เหล่านี้เข้าใจในระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง?

[Think Earth]

As good as it get.

[*bonny]

สวัสดีคุณหญิงฟ้าฟ้า..

ไม่เป็นไรครับ ลอกข้อสอบอย่างน้อยก็ยังมีการทำข้อสอบผ่านตาผ่านสมองบ้าง  ก็ยังดี

ความจำเป็นในการพัฒนาระบบบางทีก็ต้องเลือกการจำกัดสิทธิ์ประชาชนเหมือนกัน  เพราะคนไม่มีความรู้เรื่องประชาธิปไตยเลย จะออกเสียงเลือกผู้แทนของตนไปทำหน้าที่ในสภาได้อย่างไร?  นึกไม่ออก

แต่คุณฟ้าเชื่อไหมล่ะว่า ถ้ามีการทดสอบกันจริงๆ  ประชาชนที่มีสิทธิ์ออกเสียงจะเหลือแค่ครึ่งเดียว

[apichan]

ผมไม่สงสัยเลยครับว่าทำไมครอบครัวพวกนักการเมืองถึงได้เข้ามามากมายปานนั้น ปัญหาหนึ่งนั่นก็เพราะว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจบทบาทและหน้าที่ของสว.ว่าจะต้องเข้าไปทำอะไรที่สภาเหมือนอย่างที่คุณบอนนี่ว่า โดยเฉพาะพวกชาวบ้านรากหญ้าพอเห็นว่าเป็นญาติพี่น้องของสส. ฝั่งทรท ก็ยิ่งเลือกกันเข้าไป

ดังนั้น ปํญหานี้มันจึงต้องแก้ด้วยการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ความเข้าใจกับชาวบ้านให้มากยิ่งไปกว่านี้ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายใด อาจจะเป็น กกต.

นอกจากปัญหาที่กล่าวมาแล้ว ปัญหาเกี่ยวกับการไม่รู้จักผู้สมัคร โดยเฉพาะตามต่างจังหวัด ผู้สมัครโนเนมแต่เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ (เมื่อดูจากประวัติ) ส่วนใหญ่มักไม่ได้รับการเลือกเข้ามา ดังนั้น คนบางส่วนจึงหันไปเลือกพวกที่คุ้นเคยเมื่อดูที่นามสกุล

การห้ามหาเสียง จึงยังน่าสงสัยว่าควรจะยกเลิกดีหรือเปล่า เพราะว่า สว.ก็ถือว่าเป็นตัวแทนของประชาชน เนื่องจากได้รับการเลือกตั้งเข้ามาจากประชาชน ดังนั้น การไม่ยอมให้ไปพบพูดคุย เพื่อดูแนวความคิด ความตั้งใจของผู้สมัคร จึงน่าจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้คนดีมีความรู้ความสามารถเข้าไปในสภาสูงได้น้อย

[นทร์]

ที่ตจว มันเป็นวัฒนธรรมทางการเมือง ของไทยเลยครับ

ชาวบ้าน เขาจะเลือกคนที่เคยมาให้ สร้าง อะไรบางอย่างให้กับพวกเขา

ใครให้มาก เลือกคนนั้น

จนกว่า... คนเหล่านั้นจะเข้าใจ ยอมรับรู้ ระบบการเมือง..

[ลูกไทย หลานไทย]

อาจต้องให้เวลากับประชาชนอีกนิดหนึ่งครับ

ผมยกตัวอย่างสมาชิกบางท่านในราชดำเนินซึ่งเป็นผู้ที่ให้ความเห็นได้ค่อนข้างจะดีในอดีตที่ผ่านมา ถือว่ามีความรู้ในด้านการเมืองบ้าง ก็ยังเคยโพสต์กระทู้ถามผลงานของผู้สมัครสว.ในรอบนี้

เมื่อกี๊นี้ผมไปแวะดูที่ราชดำเนิน ก้เห็นคุณจงเจริญแสดงความประหลาดใจต่อคะแนนที่ให้กับคุณคณิณ บุญสุวรรณ เหล่านี้น่าจะบอกว่าจริงๆแล้ว การให้ประชาชนเลือกตั้งสว.เอง อาจได้รับผลกระทบจากการขาดข้อมูลในเรื่องตัวผู้สมัครสว. ทำนองเดียวกับความไม่เข้าใจในบทบาทของสว. (ว่าแต่ว่าสว.เองที่ผ่านมาเข้าใจบทบาทตนเองแค่ไหนด้วย   )

หากเป็นจริงแล้ว ต่อให้อ้างว่าพวกเขาเหล่านี้ได้รับเสียงมาโดยประชาธิปไตย(เพราะประชาชนเลือก) แต่อาจต้องถือว่าไม่ใช่กระบวนการที่เหมาะสมสำหรับเวลานี้ครับ

[(-O-)Koka]

ผมว่าประชาธิปไตยยังพัฒนาไปข้างหน้านะ
แต่ยังช้ากว่าพวกนักการเมืองที่จ้องใช้กติกาเพื่อประโยชน์ตัวเอง

[Haa]

เรื่องเศร้าๆของการพัฒนาการเมืองของประเทศไทย

อย่างว่าแหละครับ คนไทยส่วนใหญ่เป็นอย่างไร ก็ได้นักการเมืองอย่างนั้น

เพราะฉนั้น ต้องทำอย่างไรจะให้คนส่วนใหญ่ของประเทศ ให้มีการเรียนรู้ทำความเข้าใจกับเรื่องการเมือง
ประชาธิปไตยกันหน่อย ผมมองว่า สื่อทาง TV ต้องเป็นอิสระให้ได้ ถ้าโดนครอบงำ
ก็อยากที่ชาวบ้านจะได้รับรู้เรื่องราวความเป็นจริงของบ้านเมือง นอกจากนี้ หนังและสิ่งบรรเทิง
ต่างๆ ก็ต้อง มีเนื้อเรื่องเน้นให้มีการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม ต่อต้านพฤติกรรมที่ฉ้อฉลของพวกคน
ใหญ่นายโตทั้งหลาย ต้องปลูกฝังให้เป็นวัฒนธรรมของชาติไปเลย

ตอนนี้กลายเป็นค่านิยมไปว่า ใครที่มีอำนาจ ก็มีสิทธิที่จะโกง โดยที่ภาคประชาชนส่วนใหญ่ก็ยอม
รับเสียอีกในรูปแบบว่า โกงแต่มีผลงาน เป็นเรื่องเศร้าจริงๆ

[จูล่ง_j]

ได้แต่ เฮ้อ ครับ
ต้องยอมรับ ว่าคนต่างจังหวัด ชานเมืองนั้นด้อยคุณภาพในเรื่องความเข้าใจการเมืองมาก
นักการเมืองนั้นรู้จุดโหว่ตรงนี้ จึงพยายามใช้ประโยชน์ อย่างเต็มที่อย่างหน้าไม่อายสักนิด

ได้แต่หวังว่า การปฎิรูป รัฐธรรมนูญนี้มีส่วนช่วยให้ตรวจสอบรัฐบาล และเอาผิดรัฐบาลได้อย่างเข้มข้น

[นายเกตุ]

คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะทําให้ชาวบ้านรับรู้ในสิ่งที่เรากําลังถกกันอยู่
ถ้าไปถามชาวบ้านส่วนใหญ่ ก็จะได้คําตอบว่าเข้าใจหมดทุกอย่าง แต่มันติดไอ้ตรงที่ยังมีระบบอุปถัมภ์มาค้ำคออยู่
จริงๆแล้วสภานี้น่าจะเรียก สภานางทาส เสียมากกว่านะครับ

[1ktip]

เพราะเหตุนี้ ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ถีงไม่ใช้ระบอบประชาธิปไตยเต็มใบนี่เอง

เราปฏิรูประบบ แต่เราไม่ได้พัฒนาคนตาม ไม่มีประโยชน์เลยจริงๆ สงสัยว่าเราจะได้ประชาธิปไตยเร็วเกินไปจริงๆ

[narong]

เป็นประชาธิปไตยหลอกเด็ก
เพราะเรายังไม่ได้พัฒนาคนให้พร้อม
ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

การเลือกตั้งเลยกลายเป็นแค่ตรายาง
รับรองความถูกต้องของฝูงห่ามากินเมือง

ผมจึงสนับสนุนแนวคิดถวายคืนอำนาจให้องค์ประมุขของไทย
แล้วเตรียมคนให้พร้อมรวมทั้งปฏิรูปการเมืองใหม่
เพราะเมืองไทยอยู่ได้ถึงทุกวันนี้มาจากความศรัทธา
ในสถาบันและพึ่งระบบอุปถัมภ์

ไม่ได้ต่อสู้ให้ได้อะไรมาโดยประชาชนเองมาตั้งแต่ต้น
จึงต้องขอให้สถาบันที่คนไทยเคารพเป็นหลักในการเปลี่ยนแปลง

ถ้าเราต่อสู้ด้วยตัวเองโดยไม่หวังพึ่งใคร
แต่อาจจะได้มาด้วยการสูญเสียคงไม่มีใครอยากจะเห็น
เพราะที่ผ่านมาสองครั้ง (ไม่นับ 6ตุลา19 เพราะมันเป็นรอยด่างมากกว่า)
ก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้เท่าที่มันควรจะเป็น
แต่ปัจจุบันกลับเลวลงจนกู่ไม่กลับ

[ThePong+]

คำจำกัดความใหม่ (ในอนาคต)

สว. = สาวก

สภาสว. = สภาสาวก

---------------

สส. = สมุนเสี่ย

สภาสส.500 = สภาสมุนเสี่ย500

[*bonny]

ผมสนใจความเห็นของคุณnarongนะ..

ประเทศกำลังพัฒนา ประชาธิปไตยไม่ก้าวหน้าไปไหน
และ
คืนอำนาจการเลือกสว.ให้ประมุขของชาติ

ประเทศชาติพัฒนาแน่นอนครับ  ถ้า สว. ไม่ยึดติดกับพรรคการเมืองไหนๆ


..........................
ในอดีต..

เราใช้วิธีการแต่งตั้งสว.โดยนายกฯ แทนการเลือกตั้ง  ได้ผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน คือ รวย เด่น ดัง และไม่ใช่นักการเมือง (แต่อิงการเมืองบ้าง)

ในจำนวน ๕๐ สว. จะมีคนที่ปฏิเสธเรื่องความดีงามไม่ได้ประมาณครึ่งหนึ่ง  ส่วนอีกครึ่งเป็นคนที่นักการเมืองหวังพึ่งพิงได้

แต่รายชื่อคนที่ได้เป็นสว.ในอดีต  อย่างไรก็ต้องร้อง "ฮ้อ" มากกว่าร้อง "ฮ่วย" ครับ  และไม่ปรากฏชื่อ สภาครอบครัวทับซ้อนผลประโยชน์เช่นนี้

ผมจึงบอกว่า เราก้าวหน้าในวิธีการ แต่ผลลัพธ์ถอยหลังลงคลองไงล่ะ

..........................

ในอนาคต การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ให้คนในครอบครัวสส.มาเป็นสว. ถือว่า แก้ได้เปลาะหนึ่ง คือ เรื่องจริยธรรม

แต่ต้องแก้ให้ดีและถูกต้องตามหลักความชอบธรรมด้วย  เพราะคนสายเลือดเดียวกัน มีความมุ่งมั่นเดียวกันที่จะรับใช้ชาติมีอยู่มากมายที่ไม่หวังเข้ามาแสวงผลประโยชน์ทับซ้อนของครอบครัว

[narong]

ถ้าเราไม่ติดประชาธิปไตยจ๋าเหมือนที่หลายๆคน
พยายามที่จะบอกว่าต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น

เพราะประเด็นเลือกตั้ง สว .รวมทั้ง นายก ต้องมาจากการเลือกตั้ง

เป็นผลพวงมาจากช่วงพฤษภา 35 ที่ต้องการขับไล่กลุ่มเผด็จการทหารเท่านั้น
ซึ่งในปัจจุบันคงเป็นไปได้ยากที่จะมีการปฏิวัติโดยทหารเหมือนเมื่อก่อน

เราจึงควรจะมีวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งครึ่งหนึ่ง
โดยถูกเลือกจากคณะองคมนตรีหรือ(ถ้าไม่ต้องรบกวนในหลวง)

ก็อาจจะมีที่มาจากคณะกรรมการของสถาบันที่สังคมให้การยอมรับใน
ความซื่อสัตย์,มีคุณธรรม,มีจริยธรรม และมีความรักชาติเลือกมา

[ดอกฟ้ากับหมาวัด]

ขอเสนอแนะ อีกปัญหานึงที่น่าจะแก้ได้ตรงจุด  คือการพัฒนาการศึกษา
ให้กับประชาชน อย่างจริงจัง และจริงใจ  ทุกวันนี้เรายังต้องจ่ายค่าการศึกษา
ที่แสนแพง ในระดับอุดมศึกษา ซึ่งคนยากจนในชนบทไม่มีโอกาส ได้ส่งลูกหลาน
จนถึงจบปริญญาตรีได้เลย กระทั่งในระดับมัธยมศึกษาภาคบังคับ ที่อวดอ้างว่า
เรียนฟรี ยังมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงอีกมากมาย ที่ทำให้เด็กๆ ทั้งในเมืองและชนบท
ต้องหมดโอกาส  คงทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นเกษตร  หรือชนชั้นแรงงาน
ที่ถูกมอมเมาด้วยการขายฝันของพวกนักการเมือง

[narong]

ขอเสนอแนะ อีกปัญหานึงที่น่าจะแก้ได้ตรงจุด  คือการพัฒนาการศึกษา
ให้กับประชาชน อย่างจริงจัง และจริงใจ  ทุกวันนี้เรายังต้องจ่ายค่าการศึกษา
ที่แสนแพง ในระดับอุดมศึกษา ซึ่งคนยากจนในชนบทไม่มีโอกาส ได้ส่งลูกหลาน
จนถึงจบปริญญาตรีได้เลย กระทั่งในระดับมัธยมศึกษาภาคบังคับ ที่อวดอ้างว่า
เรียนฟรี ยังมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงอีกมากมาย ที่ทำให้เด็กๆ ทั้งในเมืองและชนบท
ต้องหมดโอกาส  คงทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นเกษตร  หรือชนชั้นแรงงาน
ที่ถูกมอมเมาด้วยการขายฝันของพวกนักการเมือง

น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาวเพราะต้องใช้เวลามาก
และหลายรัฐบาลไม่ยอมทำทั้งที่ควรทำมาหลายสิบปีแล้ว
เอาแต่โกงกินกัน

ปัญหาตอนนี้คือเราควรจะมีพี่เลี้ยงเพื่อให้มีการพัฒนาได้ยั่งยืน
ไม่ใช่ทำกันแบบไฟไหม้ฟาง

[ดอกฟ้ากับหมาวัด]

นั่นนะซิคะ คุณnarong  ทำให้ต้องมองย้อนกลับมาถามว่า
รัฐบาลทุกรัฐบาล  มีความจริงใจแค่ไหน หรือเพียงอยากให้
ประชาชนขาดการศึกษา  เพื่อที่จะปกครองได้ง่าย
ไม่ทราบว่า  มองโลกในแง่ร้ายเกินไปรึเปล่า

[narong]

นั่นนะซิคะ คุณnarong  ทำให้ต้องมองย้อนกลับมาถามว่า
รัฐบาลทุกรัฐบาล  มีความจริงใจแค่ไหน หรือเพียงอยากให้
ประชาชนขาดการศึกษา  เพื่อที่จะปกครองได้ง่าย
ไม่ทราบว่า  มองโลกในแง่ร้ายเกินไปรึเปล่า

ถูกต้องแล้วคร๊าบๆๆ
เพราะกลุ่มนักการเมืองอาชีพและเผด็จการทหารที่แล้วมา
ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุนธุรกิจใหญ่ๆที่เข้ามาเล่นการเมืองเองในปัจจุบันนี้

เพราะพวกเขาเห็นว่าไหนๆก็จะต้องจ่ายค่าหัวคิวให้นักการเมืองอาชีพและเผด็จการทหารมากๆอยู่แล้ว
ก็มาเล่นเสียเองดีกว่าเพื่อควบคุมทิศทางทั้งการพัฒนาการศึกษาและต้นทุนสังคมตามหลักเศรษฐศาสตร์ทุนนิยมสุดโต่ง

ลองคิดดูว่าถ้าเกิดวัยรุ่นส่วนใหญ่สมัยนี้ไม่คุยโทรศัพท์เรื่องไร้สาระกันเยอะ
แล้วพวกเขาจะเอากำไรมาจากที่ไหน?

คงจะไม่สามารถขายบริษัทได้เป็นแสนล้านมั๊ง?

[มารร้ายพ่ายแพ้รัก]

อนาถเหมือนกันครับกับผลการเลือกตั้งสว.ที่ผ่านมา แสดงว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจว่าเลือกสว.ไปทำอะไร อย่าว่าแต่ต่างจังหวัดเลยครับ กรุงเทพก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเสียเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นคะแนนของนายสมัครมันจะมาอยู่อันดับที่ 2 ได้อย่างไร ? เฮ้อ...

[narong]

อยากถามคุณ *bonny ว่าคุณเขียนบทความเรื่อง

ขบวนการเสรีไทยเวปบอร์ด...ทำไมระบอบทักษิณนิยมจึงพินาศ..เร็วกว่าที่คาดคิด

หรือเปล่า?

พอดีผมเซฟเก็บไว้ได้แค่สองตอนเองเลยอยากให้เอาไปโพสท์ไว้ที่คลังสรรพาวุธ
เผื่อคนที่ยังไม่ได้อ่านเพราะในพันทิปถูกลบไปหมดแล้วมั๊งเห็นมีตั้งเก้าตอน

[ป้าจอมป่วน]

เห็นด้วยว่า น่าจะเริ่มจากการให้ ความรู้เรื่องประชาธิปไตย ที่ถูกต้องแก่ประชาชนทั่วไป
ปัญหาคือ แล้วจะให้ความรู้นั้นกับประชาชนได้อย่างไร
เป็นไปได้ คือ พยายามเผยแพร่ ความรู้นั้นให้กับคนรุ่นใหม่ให้มากที่สุด คือวัยรุ่นนั่นเอง
ตอนนี้ วัยรุ่นมีสิทธิเลือกตั้ง ตั้งแต่ อายุ18ปี แต่กลับไม่รู้ว่า เลือกไปเพื่ออะไร
จำเป็นหรือมัยที่ต้องออกไปเลือกตั้ง

อย่างว่าแต่คนในชนบท ไม่เข้าใจ คำว่า ประชาธิปไตยเลย แม้นแต่คนในกรุงเทพฯบางกลุ่ม
ยังไม่เข้าใจเลยว่า ประชาธิปไตยคืออะไร สส สว สข สก ทำหน้าที่อะไรกันบ้าง
ขอแค่เขามาลอกท่อระบาย ติดไฟฟ้าสาธารณะ เก็บขยะหน้าบ้าน ให้ แค่นี้ ก็เป็นบุญคุณแล้ว

ไม่งั้น สามสิบบาทรักษาทุกโรค ไม่เป็นจุดขาย ที่ทำให้คนเลือก พรรคใหญ่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ

[กระดานดำออนไลน์]

แถวๆ สุรินทร์ ก่อนเลือกตั้งแบงค์ย่อยขาดตลาด
20 บาทมั่ง 50 บาท

คงต้องใช้เวลาและคนรุ่นใหม่ต้องสนใจเรื่องการเมืองให้มากกว่าที่เป็นอยู่ครับ
ไม่งั้นอนาคตข้างหน้า...ว้าเหว่สิ้นดี

[(-O-)Koka]

คนที่ด้อยโอกาสก็ไม่รู้ทันพวกนักการเมืองเจ้าเล่ห์ วันๆถูกหลอกให้เล่นแต่หวย

ส่วนคนที่มีความรู้มีโอกาส ก็ดันทิ้งจริยธรรม เป็นลิ่วล้อนักการเมืองซะนี่  

[จูล่ง_j]

ผมไม่เห็นด้วยที่ว่า คนกรุงเทพห่วยเพราะเลือกสมัครนะครับ
สมัคร ก็ แค่ 1 เสียง เรายอมปล่อยให้เข้าไปถ่วงดุลได้ครับ
ถ้า สว คัดค้านรัฐบาลทุกเรื่อง มันก็ไม่ไหวครับ
คุณดู สว 18 คนในกรุงเทพ ส่วนใหญ่ ยังเป็นฝ่ายไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลนะครับ
แต่ สว เครือญาตินักการเมือง ที่มาจากต่างจังหวัดเป็นโขลง นี่สิ น่ากลัว
สามารถ ร่วมกันโหวต สมัครเป็นประธาน สว ได้ง่ายๆ

ถ้าคนต่างจังหวัด ยังซื้อเสียงได้ ยังเลือกตามหัวคะแนนสั่ง
ผมไม่อยากให้คนพวกนี้ได้สิทธิ์เลือกตั้งด้วยซ้ำ

[ประกายดาว]

 

นั่นซิคะ

ดาวไม่ แน่ใจว่า ไอ้การที่ ไม่อนุญาต ให้ ผู้ สมัคร สว . หาเสียงนี่
มันจะถูกต้องไหม...ชาวบ้าน อีกมากมายคงยังไม่เข้าใจ  ว่า
หน้าที่ สว. สำคัญอย่างไร และ ควรเลือก บุคคล แบบไหน

ขนาด พวกเรา หนู ว่ายังหาข้อมูล ผู้สมัคร ได้แสนยาก เลยด้วย
อีกอย่างที่ ดาว ไม่เข้าใจที่สุดในโลกนี้ ก็คือ คะแนน ของ ตาลุงสมัคร
คนที่หนู รับไม่ได้ มาโดยตลอด แถมยังจะมี ไอเดียให้เป็น ประธานสภา
โอ จะเป็นลม เซ็ง มากๆ

ถ้า นักการเมือง แบบ ลุงสมัคร สมควรได้รับการอนุรักษณ์ หนูไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว

[*bonny]

คุณNarong..

ผมเป็นคนเขียนบทความเอง หาอ่านฉบับเต็มได้ที่
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=honeybonny&group=2

คุณดาว  คุณจูล่ง..

เรื่องคุณสมัครเป็นอะไรที่คนกรุงเทพยกให้ 1 คนเท่านั้น
เพราะฐานเสียงของคุณสมัครที่สร้างตั้งแต่สมัย พ.ศ.2519 ยังมีชีวิตอยู่ครับ

คนที่ยังไม่โตพออาจไม่รู้ว่า สมัยนั้น ถ้าให้ลงคะแนนเสียงระหว่าง สมัครกับ นายกรัฐมนตรี
คุณสมัครจะชนะได้ไม่ยากเลย

มรว.คึกฤทธิ์เคยลงประกบคุณสมัครมาแล้วที่เขตดุสิต  ผลหรือครับ  สมัครเข้าที่1 ส่วนคึกฤทธิ์ตกไปลำดับ3-4 เลยทีเดียว (ลำดับสองพรรคเดียวกับสมัคร)

ทั้งๆ ที่หม่อมคึกฤทธิ์เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีนะนั่น

ถ้าจะถามความเห็นส่วนตัวของผมแล้ว  คุณสมัครไม่เคยทำคุณงามความดีใดๆ แก่บ้านเมืองตลอดชีวิตการเมืองกว่า 40ปีของแกเลย  แต่แกเป็นขวากหนามในดงกุหลาบ  ถ้าเราอยากได้กุหลาบก็จำเป็นต้องยอมเจ็บตัวครับ