"น.พ.เกษม วัฒนชัย" ไขปริศนาปัญหาชาติ ทำอย่างไรคนไทยรักการอ่าน
มติชนรายวัน วันที่ 09 มกราคม พ.ศ. 2547 ปีที่ 27 ฉบับที่ 9436
หมายเหตุ - น.พ.เกษม วัฒนชัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขณะนี้ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้เป็นองคมนตรี และยังรับหน้าที่ประธานโครงการ "รวมพลังรักการอ่าน" ซึ่งเป็นโครงการที่ต้องการจะให้ภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนร่วมแรงร่วมใจกันทำให้คนไทยรักการอ่านหนังสือ และขณะนี้โครงการดังกล่าวได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว น.พ.เกษมจึงเป็นบุคคลหนึ่งที่จะตอบคำถามได้ดีว่า "พวกเราจะทำอย่างไรให้คนไทยรักการอ่าน"
http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2004q1/article2004jan09p3.htm.............................................................................................................................................................
2 องคมนตรีดับไฟใต้-ดูการศึกษา
อย่างไรก็ตาม
มีกระแสข่าวสะพัดว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ทาบทามนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ให้มานั่งในตำแหน่ง รมว.มหาดไทย เพื่อดูแลแก้ไขปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้ง น.พ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ซึ่งอาจกลับไปเป็น รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ด้วยhttp://news.sanook.com/politic/politic_23199.php............................................................................................................................
'น.พ.เกษม'จี้เร่งปฏิรูปการศึกษา
ต้องปลอดการเมืองเน้นคุณภาพ
การปฏิรูปการศึกษา เป็นอีกนโยบายที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เสนอมาตลอด นับตั้งแต่ทักษิณ 1 แต่ดูเหมือนว่าการปฏิรูปการศึกษา ยังไปไม่ถึงไหน และยิ่งปฏิรูป ก็ยิ่งย้ำอยู่บนเส้นทางเดิม ซึ่งทิศทาง การปฏิรูปการศึกษาของไทย จะไปไหนนั้น ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเดิมถูกวางให้ผู้กอบกู้ ระบบการศึกษาไทยเป็นคนแรก ได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าว ในงานสัมมนามูลนิธิแผ่นดินไทย เรื่องปัจจัยเสี่ยงของประเทศไทย
ประเด็นที่น่าเป็นห่วงและเสี่ยงมากในสังคมไทย นอกจากในเรื่องของคนส่วนใหญ่ที่ตกอยู่ในกระแส สื่อสารสนเทศ ที่มีอิทธิพลต่อความคิดความเชื่อของคนไทย จนยึดเอากระแสให้เป็นสัจจะแล้ว ประเด็นที่น่าเป็นห่วงมาก คือ เรื่องของการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งมีจุดอ่อนในหลายประเด็น ตั้งแต่เรื่องของคุณภาพการศึกษา และการกระจายโอกาสให้กับประชาชนในพื้นที่ห่างไกล เพราะปัจจุบันระบบการศึกษาของไทยตกอยู่ภายใต้กระแสการหาเสียงทางการเมือง
ศ.นพ.เกษม กล่าวว่า เรื่องการศึกษาถือว่า ปัจจัยเสี่ยงมากในสังคมไทย และจำเป็นจะต้องมีการปฏิรูปอย่างเร่งด่วน
โดยประเด็นแรก คือ จะต้องนำเอาระบบการศึกษาออกมาจากระบบการจัดซื้อจัดจ้างให้ได้ ซึ่งคงจะต้องบอกว่า 'ขอเถอะพระเจ้า' แม้ว่า เรื่องนี้จะยากแต่จะต้องพยายามทำ เพราะขณะนี้ระบบการจัดซื้อจัดจ้างทำให้คุณภาพการศึกษาไปไม่ได้ไกล และทำให้มีการใช้เงินมากในระบบการศึกษา นอกจากนี้ จะต้องปฏิรูประบบศรัทธากับ ครู เพราะปัจจุบันเราขาดแคลนครูที่ดี จะต้องยกระดับและพัฒนาครูให้มีหัวใจในการสอนให้ได้
'ระบบคุณภาพการศึกษาเป็นเรื่องที่จะต้องปรับปรุง โดยจะต้องรื้อฟื้นการสอบวัดคุณภาพการศึกษาในระดับชาติขึ้นมาให้ได้อีก เพราะเดิมนั้นการสอบ ม.4, ม.8 จะต้องมีระบบชาติเข้ามาวัดคุณภาพ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำอย่างเช่นปัจจุบัน ที่ทุกโรงเรียนจัดการสอบวัดคุณภาพของโรงเรียนเอง โดยที่ไม่มีระบบการตรวจสอบแห่งชาติ ดังนั้น ควรจะต้องมี สถาบันการสอบมาตรฐานชาติขึ้นมาใหม่'
สำหรับสถาบันการสอบมาตรฐานชาตินั้น จะใช้เพื่อวัดคุณภาพการศึกษาโดยตรง เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่รู้ว่าระดับคุณภาพของนักศึกษาประเทศไทยอยู่ในระดับไหน โดยหากให้โรงเรียนจัดสอบกันเอง จะเกิดปัญหาการปล่อยเกรด ทำให้ระดับการศึกษาของนักเรียนไทยไม่สามารถเทียบเท่ากับนักเรียนสิงคโปร์ หรือประเทศอื่นๆ ได้
'ปัญหาเรื่องคุณภาพจะต้องปรับปรุง โดยเฉพาะการสอบมาตรฐานแห่งชาติ จะต้องรื้อฟื้นเพราะหากให้โรงเรียนจัดทำกันเองก็มีปัญหาเรื่องการปล่อยเกรดให้กับนักเรียน
ยิ่งมีนโยบายในเรื่องการไม่ยอมให้นักเรียนสอบตกซ้ำชั้นก็ยิ่งมีปัญหาว่า โรงเรียนปล่อยเกรด เพื่อที่ครูจะได้ไม่ถูกตรวจสอบว่า ทำไมนักเรียน นักศึกษา ถึงสอบไม่ผ่าน ซึ่งเรื่องนี้อันตรายมาก'
นอกจากนี้ ศ.นพ.เกษม ระบุว่า
ประเด็นใหญ่อีกประเด็น คือ เรื่องของการที่นำเอาระบบการศึกษาออกจากการหาเสียงทางการเมืองให้ได้ เราพบว่าขณะนี้ระบบครูแถบจะผูกโยงกับเรื่องการหาเสียงทางการเมือง ดังนั้น หากต้องการให้การปฏิรูปการศึกษาไปได้ไกลจะต้องทำให้ระบบการศึกษาปลอดจากการหาเสียงทางการเมืองให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะไปไม่รอดแน่
อย่างไรก็ตาม
ไม่เพียงแต่การศึกษาเท่านั้นที่จะต้องปฏิรูป หากว่า ภาคศาสนาของประเทศไทยก็จำเป็นจะต้องปฏิรูปเช่นกัน โดย ศ.นพ.เกษม กล่าวว่า ศาสนาพุทธ น่าเป็นห่วงมาก เพราะมีคนที่อยู่นอกศาสนาเยอะมาก อีกทั้งศาสนามอมเมา และมีการนำเอาศาสนามาเป็นการค้าในเชิงพาณิชย์ อีกทั้งศาสนาก็มีความขัดแย้งกันเองจำนวนมาก ดังนั้นในเรื่องการศึกษาก็จำเป็นจะต้องมีการปฏิรูปอย่างเร่งด่วนเช่นเดียวกัน'ศาสนาพุทธมีความน่าเป็นห่วง เพราะเรามีคนอยู่นอกศาสนาจำนวนมากคนพยายามเอาศาสนาไปเป็นพาณิชย์ จะต้องเร่งปฏิรูป เพื่อลดความเสี่ยงของสังคมไทยลงให้ได้'
http://www.ftawatch.org/news/view.php?id=3683