สนธยา-สุชาติ-สรอรรถ แกนนำ กลุ่ม 16 ตัดสินใจทิ้งพรรคทรท. หนีตัดสิทธิการเมือง 5 ปี ด้าน สมศักดิ์-สุริยะ เรียกประชุมกลุ่มลงมติ สละเรือ อ้าง เพื่อสมานฉันท์ ก่อนจัดตั้งพรรคใหม่ ขณะที่ อนุทิน ปลงตก ประกาศแขวนนวมแล้ว
วันนี้ (2 ต.ค.) นายสนธยา คุณปลื้ม รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แกนนำกลุ่มชลบุรี ซึ่งมีส.ส.ในสังกัดประมาณ 20 คน อาทิ จ.ชลบุรี นครนายก ระยอง และจันทบุรี กล่าวว่า ตนและส.ส.ทั้งหมดได้เขียนใบลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว โดยจะไปยื่นต่อผู้อำนวยการฝ่ายทะเบียนพรรคไทยรักไทยในวันนี้ (2 ต.ค.) ทั้งนี้การตัดสินใจยื่นใบลาออก ไม่ได้เกิดจากการบีบบังคับของฝ่ายใดแต่ให้สิทธิสมาชิกทุกคนตัดสินใจกันเอง และน่าจะบังเอิญตรงกันมากกว่า ส่วนอนาคตของกลุ่มนั้นขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะยังมีเวลาอีกนาน
เราต้องการให้เกิดความสมานฉันท์ทางการเมือง และต้องการรอความชัดเจนของรัฐธรรมนูญใหม่ จึงยุติทุกอย่างจนกว่าจะเกิดความชัดเจนทางการเมือง ส่วนตัวได้ประชุมหารือกับกลุ่มของนายสุชาติ ตันเจริญ และนายสรออรถ กลิ่นประทุม ทุกคนก็ได้ตัดสินใจว่าจะลาออกจากสมาชิกพรรค ซึ่งได้ตัดสินใจไว้ก่อนที่จะมีรัฐธรรมนูญชั่วคราว และมีนายกฯคนใหม่อย่างเป็นทางการนายสนธยา กล่าว
ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มวังน้ำยมนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มวังน้ำยม ได้หารือกันเมื่อช่วงเย็นวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยเห็นว่าประกาศของคปค. จะทำให้คนที่เคยเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้งหมดต้องยุติบทบาททางการเมือง 5 ปี แต่ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินคดียุบพรรค ซึ่งถ้ารอต่อไปจนมีการตัดสินอาจจะต้องยุติบทบาททางการเมือง ดังนั้นหากชิงลาออกก่อนตอนนี้อาจจะรอดก็ได้ จึงคิดว่าควรจะชิงลาออก โดยได้แจ้งให้อดีตส.ส.ในกลุ่มวังน้ำยมมารวมตัวกันที่บ้านนายสมศักดิ์ที่ซอยนนทบุรี 40 สนามบินน้ำ ในวันที่ 2 ต.ค. สำหรับใครที่มาไม่ได้ ติดภารกิจหรืออยู่ต่างประเทศนั้น ก็จะส่งเป็นหนังสือลาออกมาให้แทน
ทั้งนี้หลังจากรวบรวมรายชื่อสมาชิกในกลุ่มแล้ว จะส่งคนไปยื่นต่อพรรค ส่วนในช่วงเย็นนั้น นายสมศักดิ์ จะเดินทางไปดูสถานที่สำหรับเตรียมไว้ตั้งพรรคการเมืองใหม่ หรือเป็นที่ทำการของกลุ่ม โดยกำลังตัดสินใจเลือกระหว่างอาคาร เอสวีโอเอ ถนนพระราม 3 หรือที่ ไอที สแคว์ ซึ่งทั้ง 2 แห่ง เป็นของนายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน อดีตผู้บริหารปิกนิค
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้มีหลายคนที่ได้ยื่นหนังสือลาออกไปแล้ว สำหรับตนก็ยืนยันว่าจะออกจากพรรคไทยรักไทย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพิมพ์หนังสือลาออกอยู่ซึ่งจะยื่นได้ภายในวันนี้(2 ต.ค.)หรือไม่ต้องรอดูส.ส.ในกลุ่มว่าจะพร้อมกันหรือไม่ ซึ่งกำลังติดต่อกันอยู่ เบื้องต้นคาดว่ามีประมาณ100 คน และที่ยังไม่ได้ติดต่อก็อีกเยอะ โดยเหตุผลหลักที่ต้องตัดสินใจลาออก เนื่องจากตนอยากให้ความสมานฉันท์ที่ผู้ใหญ่แต่ละฝ่ายอยากให้เกิด ตรงนี้จะทำให้มีความชัดเจนขึ้น
อีกประการหนึ่งเป็นการช่วยเหลือสมาชิกให้เกิดความชัดเจน ขณะนี้ผู้แทนที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองคงไม่เหมาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่จะไปช่วยเหลือชาวบ้าน โดยเฉพาะในเขตของผมที่เกิดปัญหาน้ำท่วมอย่างหนัก ผมจึงอยากไปในฐานะที่เป็นอิสระไม่สังกัดพรรคการเมือง เพื่อให้เกิดความสบายใจกับทุกฝ่าย ผมพูดอะไรมากไปกว่านี้คงไม่เหมาะสมเท่านี้ก็ชัดเจนแล้ว เมื่อถึงเวลาผมจะแถลงความชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปได้หลายอย่างจะตั้งพรรคใหม่ก็ได้ หรือจะย้ายไปไหนก็ได้ ตอนนี้ขอนิ่งๆให้รวมตัวกันก่อน นายสมศักดิ์ กล่าว
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ไม่รู้จะลาออกจากสมาชิกพรรคไปทำไม เพราะเปรียบเหมือนกับการที่ไปฆ่าคนตายแล้วหนีไปบวชพระ แล้วจะมาบอกว่าเป็นพระแล้วไม่ผิด ไม่ได้ ขณะนี้ตนอายุ 38 ปีแล้ว ได้เป็นรัฐมนตรีก็ถือว่าทำเป็นบันทึกว่าได้เป็นรัฐมนตรีที่อายุน้อย แต่เมื่อพรรคถูกยุบและต้องลงเลือกตั้งไม่ได้ 5 ปี ก็เท่ากับว่าต้องเว้นวรรคไปโดยปริยาย ดังนั้นก็คงไม่เอาแล้วกับการเมือง มันเหมือนเห็นสาวตอนอายุ 46 กับตอนอายุ 25 ที่ความรู้สึกมันไม่เหมือนกัน ความฮึกเหิม กระตือรือร้นมันไม่เหมือนเดิมแล้ว หลังจากนี้ก็คงจะแขวนนวมแล้ว แขวนตอนที่ยังเป็นรัฐมนตรีดีกว่าตอนที่เป็นผู้จัดการบริษัท คนเรารู้จักมาแล้วก็ต้องรู้จักเลิกถือว่าดีที่สุด พวกที่รู้จักมาแล้วไม่รู้จักเลิกมันแย่ เวลานี้เราเหมือนลงเรือลำเดียวกันแล้ว แต่จะให้บอกว่าเราดีกว่าเพื่อนที่คิดลาออกตอนนี้มันก็ไม่ถูกนัก และถ้าใครคิดแบบนั้นตนก็คงไม่คบด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผ่านไป 5 ปี มีคนมาชวนเล่นการเมืองอีกจะตอบรับหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้เป็นหัวหน้ามุ้งอะไร พอเวลาผ่านไป 5 ปี คนก็ลืมไปหมดแล้ว ถึงนาทีนั้นมีคนมาชวนก็คงไม่เล่นแล้ว และถ้ากลับมาเล่นใหม่กฎ กติกา ก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าจะมาให้ถูกด่า ถูกไล่ ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีทำไม เวลานี้มีข้าวกินครบ 3 มื้อก็ดีอยู่แล้ว ตอนไปต่างประเทศครั้งสุดท้ายยังสังหรณ์ใจอยู่ว่าจะไปแล้วไปลับ แต่เวลานั้นจะพูดกับใครก็ไม่ได้ เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่วันนี้ทุกอย่างมันก็ชัดเจนแล้ว
เฮ้ ลิ่วล้อ เข้ามาแถเร็วๆ