สัญญาณสับสนจากคณะปฏิรูปฯ...ว่าด้วยเนติบริกร และเลขาฯ ยูเอ็น
26 กันยายน 2549 18:43 น.
คณะปฏิรูปฯ ส่งสัญญาณถึงประชาชนได้ถูกต้องเมื่อประกาศตั้งคณะกรรมการปราบคอร์รัปชัน (แม้จะถูกวิจารณ์ว่ามีคราบของสีเทาอยู่บ้าง) และเดินหน้าให้มีคณะทำงานเพื่อการสอบสวนทรัพย์สินของทักษิณ และพวก กับให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความรุนแรงของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :
แต่คณะปฏิรูปฯ ก็ส่งสัญญาณสับสนอยู่หลายเรื่องที่น่าเป็นห่วงว่าจะหลงทาง ผิดเพี้ยน และนำไปสู่การทำลายศรัทธาของประชาชนที่เคยเชื่อว่าจะพึ่งพาคณะที่ก่อการปฏิวัติครั้งนี้จะกวาดบ้านอย่างจริงจัง
แรกๆ ที่ได้ยินหลังการปฏิวัติเมื่อคืนวันที่ 19 กันยายนว่า
"เนติบริกร" ที่เคยปกป้องระบอบทักษิณ อย่างสุดจิตสุดใจเข้าไปในที่ทำการของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นั้น ก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ กระอักกระอ่วนขึ้นมาทันทียิ่งพอเห็นภาพของเนติบริกรตัวจริงเสียงจริงให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอย่างโอหังว่า ที่มาช่วยงานด้านกฎหมายก็เพราะมีคนขอให้มาช่วย ถ้าใครไม่เห็นด้วยก็ประท้วงมา เขาจะได้ไปพักผ่อนเสียที...ก็ยิ่งสงสัยว่าเกิดอะไรกับคณะปฏิรูปฯ เสียแล้ว?
คนที่เคยได้ชื่อว่าเป็น "เนติบริกร" ของระบอบทักษิณมาตลอดหลายปี และแม้จะชิงลาออกไม่กี่เดือนก่อนหน้าการล่มสลายของทักษิณ คนไทยจำนวนไม่น้อยก็ยังตราตรึงกับบทบาทของเขาเหล่านั้นอยู่ดี
ความดีความเลวของคนนั้นอยู่ที่ใครจะมอง ใช่...แต่สังคมไทยจะเพี้ยนเอามากๆ ถ้าหากคนกลุ่มเดียวสามารถรับใช้ทั้งระบอบทักษิณ ก็ได้และรับใช้กลุ่มคนที่โค่นทักษิณก็ได้ สามารถปกป้องทักษิณขณะที่เขามีอำนาจอย่างเต็มปาก ขณะไม่กี่เดือนต่อมาก็สามารถจะกระโดดข้ามมาอีกฝั่งหนึ่งที่กล่าวหาทักษิณ ว่าทำร้ายประเทศชาติอย่างสุดๆ ได้เหมือนกัน.......... คนไทยที่ยังเคารพสติปัญญาของตัวเองและเพื่อนร่วมชาติย่อมมิอาจจะรับได้ว่าบ้านเมืองของเรานี้มีมาตรฐานของ "สำนึกแห่งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์" อย่างไร้หลักการเช่นนั้น
จะไม่พูดถึงความสงสัยของคนบางกลุ่มว่าเนติบริกร จะ "สอดไส้" อะไรบางอย่างในร่างกฎหมายทั้งหลายที่ออกในนามของคณะปฏิรูปฯ จะไม่พูดถึงว่าธรรมนูญการปกครองชั่วคราวที่คณะปฏิรูปฯ ประกาศนั้นอาจจะมีการแอบใส่มาตราอะไรเข้าไปที่เป็นอันตรายต่อการปราบปรามความไม่ชอบมาพากลของระบอบทักษิณ และจะไม่พูดถึง "มือกฎหมาย" บางคนทำไมจึงทำงานให้กับเผด็จการพลเรือนก็ได้ เผด็จการทหารก็ได้ และพอการเมืองเปลี่ยน ก็ปรากฏโฉมเป็นผู้ทำงานให้กับระบอบประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการได้อีก
ที่จะถามก็คือว่าประเทศไทยไร้ "ผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย" ขนาดนี้หรือ? เหตุไฉนเมื่อมีเรื่องทีไร จึงต้องเรียกใช้บริการของคณะเดียวกันนี้ที่สามารถร่างกฎหมายให้ทักษิณ มีอำนาจเบ็ดเสร็จก็ได้ ร่างกฎหมายให้ผู้บัญชาการทหารบก ที่โค่นทักษิณ ให้มีอำนาจจัดการกับทักษิณ และพวกก็ได้
หรือมีนักกฎหมายบางคนเท่านั้นที่มีความสามารถพิเศษทางด้านให้บริการกับกลุ่มคนที่ห้ำหั่นแย่งอำนาจการเมืองกัน นักกฎหมายที่ร่ำเรียนมาด้วยสำนึกต่อสาธารณะอาจจะไม่มีความภาคภูมิใจที่เดินเข้าออกทำเนียบรัฐบาล หรือศูนย์บัญชาการของคณะปฎิวัติอย่างท่านเหล่านี้ สัญญาณสับสนอีกเรื่องหนึ่งในเวลาไล่เลี่ยกันก็คือคำสั่งของคณะปฏิรูปฯ แต่งตั้งคณะทำงานสำหรับ "การรณรงค์ตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ" ให้กับคุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย โดยให้รองปลัดกระทรวงต่างประเทศสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เป็นหัวหน้าทีม
คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาเมื่อได้ยินคำสั่งนี้ก็คือว่า "มิช้าไปแล้วหรือ?" เพราะเขาซาวเสียงในคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติมา 2 ครั้ง สุรเกียรติ์ ได้ที่สามทั้งสองครั้ง และไม่มีอะไรส่อไปว่าในการซาวเสียงครั้งที่สามวันที่ 28 กันยายนนี้ จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้
คำถามที่สองก็คือว่า "เรื่องนี้คณะปฏิรูปฯ ถือว่าเร่งด่วนมากอย่างนั้นเชียวหรือ?"
คำถามต่อมาก็คือว่า "คณะปฏิรูปได้ยินและฟังที่สุรเกียรติ์ ให้สัมภาษณ์ CNN ที่ลอนดอนคืนวันปฏิวัติหรือเปล่า? เพราะคนไทยได้ยินกันทั่ว...ได้ยินว่าเขาปกป้องทักษิณ จนถึงนาทีสุดท้ายอย่างไร?"
คำถามที่สี่คือว่าสุรเกียรติ์ เองมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ของตัวเองพอที่จะยืนอยู่ข้างระบอบทักษิณ มาตลอด 5 ปี แล้ววันดีคืนดีก็บินหนีทักษิณ กลับมาอยู่ข้างคณะปฏิรูปฯ ที่ออกแถลงการณ์กล่าวหาทักษิณ และรัฐบาลทักษิณ (ซึ่งรวมถึงสุรเกียรติ์ด้วย) และยังไม่ทันข้ามคืนก็ประกาศว่าอยู่ข้างเดียวกับฝ่ายคณะปฏิรูปฯ อย่างนั้นหรือ?
คณะปฏิรูปฯ กับสุรเกียรติ์ไม่รู้หรือว่าการที่ให้คณะปฏิรูปฯ ประกาศสนับสนุนใครเป็นตัวแทนของประเทศไทยเข้าแข่งขันตำแหน่งสหประชาชาตินั้นเป็นการหาเรื่องให้เขาด่าไทยอีก...หาว่าไม่เจียมตัว ทหารยึดอำนาจแล้ว มีคำถามเรื่องความชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว ยังจะเสนอหน้ามาทำงานในองค์กรโลกที่ประณามการใช้วิถีทางอันไม่เป็นประชาธิปไตยอีก
โอกาสของสุรเกีรยติ์ ในการแข่งขันครั้งนี้มีปัญหาอยู่เดิมแล้ว พอคณะปฏิรูปฯ ประกาศสนับสนุนเท่านั้นแหละ เป็นอันเจ๊งไป
ฝรั่งเขาเรียกว่าเป็น kiss of death คือเป็นรอยจุมพิษเพื่อสังหารให้ตายเท่านั้น
คำถามที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับกรณี "เนติบริกร" และสุรเกียรติ์ กับตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ ก็คือว่า
ถ้าเรายอมให้นักการเมือง และคนที่เรียกตัวเองว่าเป็น "มือกฎหมาย" ของประเทศเปลี่ยนสีได้ข้ามคืนอย่างนี้ ไม่เคารพในหลักการของความเป็นมนุษย์อย่างนี้ สามารถเป็นใหญ่ได้ในทุกสถานการณ์เช่นนี้ สังคมไทยจะเคารพคนที่มีจุดยืนในชีวิตได้อย่างไร? เราจะให้คนไทยพร้อมจะเสียสละเพื่อยืนอยู่ข้างความถูกต้องได้อย่างไร และเราจะสอนลูกหลานของเราให้มี "ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนไทย" ได้อย่างไร ถ้าเรายอมให้นักการเมือง และคนที่เรียกตัวเองว่าเป็น "มือกฎหมาย" ของประเทศเปลี่ยนสีได้ข้ามคืนอย่างนี้ ไม่เคารพในหลักการของความเป็นมนุษย์อย่างนี้ สามารถเป็นใหญ่ได้ในทุกสถานการณ์เช่นนี้ สังคมไทยจะเคารพคนที่มีจุดยืนในชีวิตได้อย่างไร? เราจะให้คนไทยพร้อมจะเสียสละเพื่อยืนอยู่ข้างความถูกต้องได้อย่างไร คนที่ติดตามการทำงานของคณะปฏิรูปการปกครองฯ รู้สึกงงงวย ระแวง สงสัย และไม่สามารถสนับสนุนได้เต็มที่ตามที่ตั้งใจไว้ ว่าคณะปฏิรูปกำลังจะเดินไปทางไหน จะพ้นบ่วงก่อการร้ายของ"กากเดน"ทักษิณได้หรือ