"วิจิตร ศรีสอ้าน" แซงโค้งนั่งเก้าอี้ รมว.ศธ. ชี้ชัดรับเพราะเชื่อมั่น"สุรยุทธ์"

"วิจิตร ศรีสอ้าน" มาแรง รับนั่งเก้าอี้เสมา 1 แล้ว ระบุนายกฯ ทาบให้ดูแลการศึกษาตั้งแต่ 3 ต.ค.เผยรับตำแหน่งเพราะคิดว่ามีความจำเป็น และพอมีความสามารถที่จะทำงานการศึกษาได้ รวมถึงเชื่อมั่นและศรัทธาตัวนายกฯ ที่ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการศึกษา ยันแม้เคยอยู่ ปชป.แต่ 2 ปีหลังไม่เคยสังกัดพรรคใด ยึด “ชาติเป็นหลัก ความถูกต้องเป็นเกณฑ์”

ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน อดีตปลัดทบวงมหาวิทยาลัย และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวได้รับการทาบทามจาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ว่า ได้รับการทาบทามจาก พล.อ.สุรยุทธ์ ตั้งแต่วันอังคารที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ดำรงตำแหน่ง รมว.ศธ. ซึ่งตนเห็นว่ามีความจำเป็น และคิดว่าพอจะมีความรู้ด้านการศึกษาอยู่บ้าง จึงตอบตกลง ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ใช้เวลาไม่นาน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะทำงานด้านการศึกษามานาน ทั้งเรื่องการปฏิรูปการศึกษา และเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา ปัจจุบันก็ยังเป็นอาจารย์สอนหนังสือ เป็นกรรมการวิจัยในมหาวิทยาลัย ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสภาการศึกษา ฯลฯ จึงเชื่อว่าจะสามารถทำงานด้านการศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามต้องรอให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งก่อน

“นอกจากนี้ยังมีเหตุผลที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ทำให้รับ รมว.ศธ. เนื่องจากความก้าวหน้าทางด้านการศึกษาเป็นไปค่อนข้างช้า ซึ่งคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) และนายกรัฐมนตรีมีความสนใจ และให้ความสำคัญในการปฏิรูปการศึกษาให้เดินหน้าตามเจตนารมย์ของการปฏิรูปการศึกษา ทำให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลใหม่จะเอาจริงในเรื่องดังกล่าว แม้จะมีระยะเวลาทำงานเพียงแค่ 1 ปีก็น่าจะวางแนวทางจัดระบบรองรับสิ่งที่จะช่วยพัฒนาการศึกษาให้ก้าวหน้าไปในอนาคตได้ ขณะเดียวกันผมก็เชื่อมั่น และศรัทธาในตัวนายกรัฐมนตรี เมื่อท่านให้เกียรติเราก็เลยอยากจะเข้ามาทำงาน" ศ.ดร.วิจิตร กล่าว

ศ.ดร.วิจิตร กล่าวอีกว่า ตนรู้ดีว่าการรับตำแหน่ง รมว.ศธ. เป็นงานหนัก เพราะการปฏิรูปการศึกษาเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็จะขอเหนื่อยเพื่อชาติ บ้านเมือง เป็นการตอบแทนแผ่นดิน แม้จะเหนื่อยและต้องทำงานหนักก็ตาม ซึ่งเรื่องการศึกษาอยู่ในอาชีพตน และท้าทาย ซึ่งถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันจะเป็นโอกาสที่จะทำให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาซึ่งจะได้ประโยชน์ต่อการพัฒนาคนและประเทศชาติ

สำหรับการที่มีประวัติเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ซึ่งอาจเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้นั้น ศ.ดร.วิจิตร กล่าวว่า การเข้ามาทำงานการเมืองก็ต้องสังกัดพรรคตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกำหนดไว้ ไม่เช่นนั้นก็เล่นการเมืองไม่ได้ ที่ผ่านมาตนอยู่ ปชป.ครบ 4 ปี ก็ได้ยุติบทบาททางการเมือง และลาออกจากการเป็นสมาชิก ปชป.มานานแล้ว ซึ่งในระยะ 2 ปีนี้ ไม่ได้สังกัดอยู่ภายใต้พรรคการเมืองใด และต้องขอบคุณ ปชป.ที่ให้ประสบการณ์ที่ดี และการเข้าไปทำงานการเมืองก็ทำให้เข้าถึง เข้าใจในเรื่องทางการเมืองมากขึ้น

“ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล่าวหาว่าผมทำงานไม่เป็นกลาง เพราะผมทำงานด้วยความเป็นกลาง ช่วงที่อยู่ ปชป.เป็น ส.ส.ไม่มีฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่มีกลุ่มไม่มีก้อน และยึดการทำงานโดยถือว่าชาติเป็นหลัก พรรคเป็นรอง ความถูกต้องเป็นเกณฑ์ แต่ตอนนี้ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองแล้ว ก็จะเหลือเพียงชาติเป็นหลัก ความถูกต้องเป็นเกณฑ์ ดังนั้นข้อสงสัยที่เคยสังกัด ปชป.มาก่อนจึงไม่มีอย่างแน่นอน”ว่าที่ รมว.ศธ.กล่าว