มิอาจเรียกเป็น"สัมภาษณ์" เพราะเป็นแค่"ละครข่าว"
14 กันยายน 2549 17:37 น.
การถาม และตอบเรื่องระหว่างคุณจักรพันธุ์ ยมจินดา กับรักษาการนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ทางช่อง 5 สองวันที่ผ่านมาถูกกล่าวขวัญโดยเจ้าของรายการว่าเป็นการ "เปิดใจครั้งสุดท้าย" ของทักษิณ โดยเฉพาะเรื่อง "เว้นวรรค" ทางการเมือง
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :
ตอนท้ายของตอนสองเมื่อวาน มีการปล่อยเสียงบางตอนของทักษิณ ตอนสามที่จะออกอากาศวันนี้ว่าอย่างนี้
"ถ้า...ไม่เป็นนายกฯ ดีกว่า...ผมก็อาจจะไปทำงานมูลนิธิ" ทักษิณ บอกคนกันเองอย่างจักรพันธุ์ เหมือนหนังม้วนเก่าที่ฉายซ้ำมาแล้วหลายครั้งในโอกาสต่างๆ กัน...ต้องคอยดูเช้าวันนี้ว่าจะมีการถามต่อให้ชัดเจนกว่านี้หรือจะซักถามว่าเงื่อนไขการจะเว้นวรรคหรือไม่นั้นคืออะไร จะถามไหมว่าถ้าคนไม่เชื่อคำพูดของรักษาการนายกฯ แล้วจะพูดไปทำไม...จะถามว่าสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หรือชิดชัย วรรณสถิตย์ กันแน่ที่เป็น "ทายาททางการเมือง" หรือไม่?
แต่ต้องขอเตือนให้ท่านผู้ชมเตรียมตัวรับความผิดหวังเอาไว้ล่วงหน้าเพราะนี่ไม่ใช่รายการสัมภาษณ์เพื่อคั้นความจริงให้ประชาชน หากแต่เป็นการสร้างภาพของทักษิณในรายการทีวีที่มีคนของตัวเองเป็นคนตั้งคำถาม
นี่คือการ "ถามอย่างที่อยากตอบ" ไม่ใช่ "ถามอย่างที่ประชาชนคนดูอยากให้ถาม" ดังนั้น จึงไม่ใช่การทำหน้าที่สื่อสารมวลชนเพื่อสาธารณชนอย่างที่อาจจะสร้างภาพขึ้นมาเช่นกัน
นี่เป็นรายการ "ทักษิณอ้อน" ขอคะแนนมากกว่า "เปิดใจครั้งสุดท้าย" อย่างที่โฆษณาเอาไว้เพราะไม่มีอะไรใหม่ที่จะบอกกล่าวกับประชาชนว่าด้วยนโยบายหรือแนวทางการทำงานของหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เลยแม้แต่น้อย และเป็นการเสี่ยงที่จะถูกตีความว่านี่เป็นช่วงหาเสียง และคนที่นั่งเป็น "รักษาการนายกฯ" ที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่เข้าแข่งขันด้วยกำลังใช้สื่อของรัฐที่ตัวเองควบคุมเอาไว้อย่างเหนียวแน่นเพื่อเอาเปรียบทางการเมืองต่อพรรคอื่นๆ ที่เป็นคู่แข่งหรือไม่อย่างไร?
อาจจะมีใครเสนอขึ้นมาว่าเมื่อลูกพรรคไทยรักไทย อย่างคุณจักรพันธุ์ มาจัดรายการทีวีเพื่อสัมภาษณ์หัวหน้าพรรคตัวเองสามวันสามตอนอย่างโดดเด่นได้ทางช่อง 5 พรรคการเมืองอื่นๆ ก็ย่อมมีสิทธิจะขอให้ลูกพรรคตัวเองมาจัดรายการ และสัมภาษณ์หัวหน้าพรรคตัวเองด้วยคำถาม "ป้อนลูก" อย่างที่จักรพันธุ์ ทำให้ทักษิณบ้าง ให้เป็นสามวันสามตอน และโปรโมทกันอย่างคึกคักทำนองเดียวกันบ้างได้เหมือนกันเพื่อให้เกิดความเสมอภาค
ลูกพรรคหลายพรรคก็คงคันมือคันไม้อยากจะทำรายการทีวีแบบคุณจักรพันธุ์ เพื่อจะได้ตั้งคำถามเท่ๆ กับหัวหน้าพรรคตัวเองเช่น "ภูมิใจไหมครับท่านหัวหน้ากับผลงานของพรรคเช่นนี้?"
(คล้ายกับที่จักรพันธุ์ ถามทักษิณในตอนสองของการสัมภาษณ์ทางช่อง 5 เมื่อวานนี้เมื่อพูดถึงความใหญ่โตของสนามบินสุวรรณภูมิว่า "ภูมิใจไหมครับท่านนายกฯ?" แล้วคุณคิดว่าทักษิณ จะตอบเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร? คำตอบของทักษิณไม่ใช่ "แหม คุณจักรพันธุ์เล่นถามอย่างนี้ ผมก็เขินแย่ซิครับ" แน่นอน...ตอบว่าอย่างไร ไปขอเทปมาเปิดฟังดูได้...ขออย่าเอาไปสอนนักศึกษานิเทศศาสตร์รุ่นปัจจุบันนี้ก็แล้วกัน)
กติกาของการทำสื่ออาชีพนั้น เขาไม่ใช่เพียงแค่บอกว่าได้ติดต่อไปยังหัวหน้าพรรคต่างๆ เพื่อเพียงจะอ้างได้ว่า "ให้โอกาสเท่ากันแล้ว" เท่านั้น แต่ความยุติธรรมอันแท้จริงนั้นจะต้อง free and fair นั่นคือต้องเสรี (ไม่จำกัดว่าคำถามจะต้องเฉพาะที่เจ้าตัวอยากจะตอบเท่านั้น) และ "แฟร์" นั่นคือต้องไม่เลือกว่าใครจะเป็นพิธีกรเพื่อการ "ชง" คำถามเท่านั้น
เพราะการอ้างว่าเป็นการสัมภาษณ์หรือ interview ก็ต้องเข้าข่ายมาตรฐานเช่นนี้โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในระหว่างการเข้าสู่ช่วงเวลาของการหาเสียงเลือกตั้ง และยิ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาลรักษาการด้วย ยิ่งอ้างคำว่า "กติกาประชาธิปไตย" วันละหลายเวลาด้วย ก็ต้องยิ่งระมัดระวังว่าไม่ทำอะไรเอารัดเอาเปรียบที่ผิดกติกา
แต่การถาม-ตอบระหว่างจักรพันธุ์ กับทักษิณ ครั้งนี้มิอาจะเรียกเป็น interview ได้ อาจจะเพียงกล้อมแกล้มเรียกว่าเป็นแค่ "ละครข่าว" เท่านั้น หรือหากให้ใกล้ความจริงกว่านั้นก็ต้องกิจกรรมเช่นนี้ว่า "คนกันเองคุยกันเอง" นั่นแหละ
http://www.bangkokbiznews.com/2006/09/15/u001_137695.php?news_id=137695มุมมองน่าสนใจดี