สื่อนอกงงชีวิตคนไทย พบไม่ได้รุนแรงตามภาพข่าวที่แพร่ไปทั่วโลก แถมคนไทยยังใส่เสื้อเหลืองดูรถถัง ขณะเด็ก-ผู้ใหญ่แห่ถ่ายรูปคู่ทหาร พร้อมมอบดอกไม้ขอบคุณ ขณะพ่อแม่อุ้มลูกจูงหลานดูรถถังพร้อมอธิบายเหตุการณ์ให้เด็กเข้าใจ
ข่าวการก่อรัฐประหารของกองทัพไทยที่เผยแพร่ไปทั่วโลก ซึ่งมีภาพรถถังและทหารประจำการหลายพื้นที่ แต่เมื่อสอบถามผู้สื่อข่าวและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาทำข่าวและท่องเที่ยวในเมืองไทย หลายคนบอกตรงกันว่า ภาพและเหตุการณ์ไม่ได้รุนแรงอย่างที่เป็นข่าวออกไปทั่วโลก
ผู้สื่อข่าวได้สำรวจบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากเดินทางมาท่องเที่ยว ตั้งแต่เช้าวันที่ 20 กันยายน และพบว่า บรรยากาศยังเต็มไปด้วยความคึกคัก และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่บอกว่า จะไม่เดินทางกลับประเทศ เพราะมั่นใจว่าประเทศไทยไม่มีความรุนแรง
สื่อนอกเผยเหตุการณ์ปกติ
นายเฉิน เป่า เป่า ผู้สื่อข่าวจากฮ่องกงที่มาทำข่าวครั้งนี้ กล่าวว่า เหตุการณ์ในประเทศไทยที่เกิดขึ้นไม่ได้รุนแรงตามที่สื่อทั่วโลกนำเสนอข่าว โดยบอกว่า เมื่อเดินทางมาถึงกรุงเทพมหานคร ก็พบว่าเหตุการณ์เป็นไปอย่างสงบ ไม่รุนแรงตามภาพข่าวที่เผยแพร่แต่อย่างใด แถมหลายคนเดินชมรถถังที่จอดรักษาการณ์อย่างสบายใจ
ด้าน นายหวู ชิ่น เต๋อ ผู้สื่อข่าวจากประเทศมาเลเซีย ที่มาทำข่าว กล่าวว่า วันที่ 20 กันยายน คนไทยจำนวนมากยังร่วมใจกันใส่เสื้อเหลือง และส่วนใหญ่ไม่ตื่นเต้น หรือหวาดกลัว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี และสรุปว่า รู้สึกผิดหวังที่ภาพการนำเสนอจากสื่อต่างชาติออกมารุนแรงกว่าความเป็นจริง
ชาวบ้านแห่ถ่ายภาพรถถัง
ส่วนที่ถนนพหลโยธิน ฝั่งขาเข้า กม.ที่ 36 ซึ่งมีรถถังของ ม.พัน 30 จาก จ.ปราจีนบุรี และ พล.ร.2 รอ. รุ่น M48A5 จำนวน 8 คัน จอดตรึงกำลังดูแลความเรียบร้อยอยู่บริเวณริมถนนช่องทางด่วนและคู่ขนาน โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนรถถัง และประจำจุดตรวจตราอยู่บริเวณริมถนนรวมกว่า 50 นาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีรถเดินทางเข้ากรุงเทพฯ หนาแน่น และมีประชาชนทั้งเด็กและผู้ใหญ่วัยทำงานในบริเวณใกล้เคียง ต่างพากันมาดูรถถัง และหลายคนยังถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือเก็บไว้ดูด้วย
ส่วนที่บริเวณหน้ากองทัพบก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาสังเกตการณ์และให้กำลังใจทหารที่ทำการปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยนำช่อดอกไม้มามอบเป็นกำลังใจให้ทหาร รวมทั้งนำเสบียงอาหารมาแจกจ่ายให้ทหารได้รับประทาน
อุ้มลูกจูงหลานดูรถถัง
นายสุขสันต์ ช่วยพุ่ม อายุ 36 ปี ศิลปินจิตรกร ซึ่งเดินทางมาพร้อมภรรยาและลูกสาวอีก 2 คน กล่าวว่า พาลูกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมาดูรถถัง เพื่อให้ลูกได้รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามีความเป็นมาอย่างไร พร้อมกับอธิบายให้ลูกเข้าใจ ซึ่งลูกก็มีความสงสัยมากมาย และถามว่าจะเกิดอันตรายไหม ผู้นำประเทศจะเป็นอย่างไร ตนก็อธิบายว่าไม่อันตราย เพราะการปฏิวัติครั้งนี้ทำโดยละมุนละม่อม และคนที่หวั่นเกรงว่าหากทหารเข้ามาแล้วจะไปกระทบระบอบประชาธิปไตย ตนมองว่า หากทหารไม่เข้ามาก็จะทำให้สถานการณ์ยุ่งเหยิง ถ้ามีการปฏิวัติก็จะทำให้คลี่คลายปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับบ้านเมืองได้ดี
ส่วน นางวีรวรรณ กุหลาบ อายุ 28 ปี เป็นพนักงานบริษัทเจริญโอสถ และตั้งครรภ์ได้ประมาณ 8 เดือน กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวตนไม่รู้สึกตกใจ ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี และการปฏิวัติดังกล่าวไม่ได้มีความรุนแรงอะไร ซึ่งต้องคอยติดตามต่อไปว่าจะมีเหตุอะไรเกิดขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าทุกฝ่ายจะมีความลงตัว ทำงานเพื่อบ้านเมือง และเหตุการณ์จะได้สงบลง
ขณะที่ นายบุญเลิศ ศรีเมือง อายุ 49 ปี พ่อค้าขายหมูปิ้ง กล่าวว่า ตนขายหมูปิ้งอยู่บริเวณหน้าสนามมวยราชดำเนินแห่งนี้มาประมาณ 18 ปี ซึ่งวันนี้ก็มาขายตามปกติ โดยตนสังเกตเห็นผู้คนมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากหน้าหลายตา ตนคิดว่าเหตุการณ์ปฏิวัติครั้งนี้เป็นการดี จะได้ไม่มีการประท้วงกันอีก หากมีการชุมนุมประท้วงก็จะสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง ประชาชนแยกเป็น 2 ฝ่าย และเกิดปัญหาหลายๆ อย่างตามมา ซึ่งเหตุครั้งนี้ทหารทำถูกต้องแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามามีบรรดาประชาชนเดินทางมาสังเกตการณ์อยู่เรื่อยๆ รวมทั้งชาวต่างชาติด้วย โดยมีการนำดอกไม้มามอบให้ทหารที่ตรวจเข้มอยู่บริเวณดังกล่าว และมีข้าราชการผู้ใหญ่หลายกระทรวงทยอยมาพบคณะปฏิวัติที่กองทัพบก รวมถึงตัวแทนจากสถานทูตต่างๆ ในประเทศไทย
..
http://www.komchadluek.net/2006/09/20/a001_49265_report.php?news_id=49265ม๊อบเมืองไทย กินเนสบุ๊กเกือบเอาไปลงทีนึ่งแล้ว
คราวนี้ ปฏิวัติโชว์ กินเนสบุ๊ก คง ตะลึง