พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี พระนักเขียนและนักคิด แห่งวัดเบญจมบพิตร ได้ให้ความเห็น
ถึงรากแห่งปัญหาครั้งนี้ว่ามาจาก วิกฤตการณ์ 2 เรื่องได้แก่
1. วิกฤตการณ์ทางปัญญา เป็นผลมาจากการพัฒนาคนที่ผิดพลาดในสังคมไทย
2.วิกฤติการณ์ทางจริยธรรม ซึ่งกลายมาเป็นรากฐานของวิกฤตทางการเมืองและวิกฤตทางสังคมอยู่ในเวลานี้
ทั้ง 2 วิกฤตคือเหตุแห่งความวุ่นวายของสังคมเท่าที่เห็นและเป็นอยู่ เมื่อเกิดวิกฤติการณ์ทางปัญญา สังคมไทยส่วนมากเติบโตขึ้นมาในวัฒนธรรมแห่งความเชื่อ มากกว่าวัฒนธรรมทางปัญญา ดังนั้นประชาชนจึงถูกหลอกได้ง่าย ถูกโฆษณาชวนเชื่อได้ง่าย สภาพคนไทยที่เติบโตมาในวัฒนธรรมแบบศรัทธาจริต ทำให้นโยบายเชิงประชานิยม ซึ่งเน้นการโฆษณาชวนเชื่อมากกว่าการทำให้เห็นจริงได้รับความนิยม
ดังนั้นจึงเท่ากับว่าสังคมไทยไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นมโนธรรม ขาด หิริ โอตัปปะ ไม่มี "จิตสำนึกสาธารณะ" ไม่สนใจว่าหากทำอะไรไปแล้วจะกระทบต่อสังคมอย่างไร จะกลายเป็นบรรทัดฐานที่เลวร้ายต่อคนรุ่นหลังอย่างไร
โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้วินิจฉัยว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนใช้ไม่ได้ แต่เป็นคนที่ดีที่สุดเท่าที่การเมืองไทยเคยมีและควรจะมี แต่แล้วอะไรทำให้ท่านพลาดโอกาสความเป็นรัฐบุรุษ
อยากจะฝากธรรมะไปให้ท่านผู้นำ นึกถึงคนที่รวยที่สุดในโลกคือบิล เกต มีเงินมากที่สุดในโลก แต่ ณ เวลานี้ได้ประกาศถอนตัวจากธุรกิจของตนเองแล้วไปตั้งมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติทั่วโลก จนมีแต่คนยกย่อง คิดว่านายกฯได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว ทั้งในทางการเมือง และทางธุรกิจในประเทศไทย ก้าวต่อไปคือการเป็นรัฐบุรุษของชาติ ที่อาจได้มาจากอำนาจในการทำความดี
ถ้าท่านทำเช่นนั้นเชื่อว่าที่อยู่ที่ยืนในสังคมยังมีพื้นที่ว่างมากพอ และหากทำได้จริง ท่านก็กลายเป็นผู้มีบารมีในรัฐธรรมนูญ ซึ่งสังคมไทยไม่เคยมีมาก่อน
เตือนสติมวลชนยึด "มัชชิมาปัญญา"แก้วิกฤตสังคม
"อยากเห็นคนไทยใช้ มัชชิมาปัญญามากกว่าอารมณ์ คือการนำปัญญาที่เป็นกลาง ปราศจากอคติทั้ง4 ประชาชนคนไทยต้องก้าวไปให้พ้นจากความขัดแย้งทางอารมณ์ แล้วก้าวขึ้นไปปะทะสังสรรค์ทางปัญญา ไม่เช่นนั้นสังคมไทยก็จะเป็นแบบสุดโต่ง ซ้ายสุดก็ไปหานายทุน ขวาสุดก็ไปหาประชาชน ถ้าสังคมไทยยังสวิงไปมาอย่างนี้ หาจุดกลางไม่ได้ ก็จะเกิดวิกฤตทางปัญญานำไปสู่วิกฤตทางสังคมต่อไป"
จากลานธรรม
http://larndham.net/index.php?showtopic=21782