หนูคงจะยังไม่วจารณ์นโยบายของประชาธิปัตย์ แต่อยากจะทำความเข้าใจกับคุณพนะพายก่อนเรื่องแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นรูปธรรมในระดับนโยบาย... ปัจจุบันนี้น่าจะมีเพียง 1 แบบเท่านั้นคือ "ทฤษฎีใหม่ 3 ขั้น" ของในหลวง แต่รูปธรรมนี้จำเป็นต้องให้ 1 ครอบครัวมีที่ดินอย่างน้อย 15 ไร่ เหมาะสมกับภาคเกษตรกรรมเท่านั้น
เข้าใจผิดแล้วค่ะ เศรษฐกิจพอเพียง รากฐานของระบบ คือการรู้จักคำว่าพอ
เกษตรกร จะมีพื้นที่เท่าไหร่ก็ตาม การผลิตนั้นจะต้องคำนึงถึงการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของคนในครอบครัวก่อน เมื่อผลผลิตเหลือจึงนำไปขาย ส่วนการแบ่งที่ดินออกเป็นส่นๆนั้น เป็นแนวทางตัวอย่างที่สอนให้เห็นว่า ทำแล้วผลจะเป็นอย่างไร
เกษตรกรปัจจุบัญ เป้าหมายการผลิตอยู่ที่การนำไปขายไม่ใช่บริโภค จึงผิดหลักเศรษฐกิจพอเพียงไป เพราะปลูกพืชหวังแลกเป็นตัวเงิน แม้แต่ชาวอีสานก็ไม่ปลูกข้าวเหนียวไวไกน กลับมาปลูกข้าวหอมมะลิซึ่งมีราคาแพง เมื่อขายแล้วจึงเอาเงินที่ได้ไปซื้อข้าวเหนียวกิน อย่างนี้ผิดหลักค่ะ อีกอย่าง การปลูกพืชแบบต้องไปกู้เงินมาซื้อพันธุ์ซื้อปุ๋ย จ้างรถไถ จ้างคนเก่ยว นับว่าหลุดไปจากแนวทาง เพราะเศรษฐกิจพอเพียงสอนให้พึ่งตนเองก่อนค่ะ
ส่วนภาคการผลิต ระบบทุนนิยมสอนไว้ว่า เมื่อสินค้าขายดี ก็กู้เงินมาขยายกิจการ และหาทางกระจายสินค้าให้ครอบคลุมไปให้มากที่สุด กดค่าแรงให้ต่ำสุด ลดค่าใช้จ่ายของวัตถุดิบ เรียกว่าลดต้นทุนให้ต่ำสุด ขายให้ได้ราคาสูงสุด เพื่อผลกำไรสูงสุด นี่ขัดกับระบบเศรษฐกิจพอเพียง เพราะไม่รู้จักพอ
ชุมชนต้องรู้จักผลิตเพื่อตอบสนองคนในชุมชน (ไม่เหมือนโอท็อป ซึ่งหลอกให้ชาวบ้านมาเจ๊งจากการลงทุน) ชุมชนหนึ่งต้องการใช้สบู่ คนในชุมชนควรผลิตสบู่กันเอง ในระบบผลิตใดก็ได้ เมื่อผลิตได้เท่าที่หาวัตถุดิบในท้องถิ่นมาทำได้แล้ว ถ้าเหลือก็ส่งออกมาขายนอกพื้นที่ของตนบ้าง แต่ถ้าขายดีแล้วเริ่มซื้อวัตถุดิบจากส่วนที่ขาดเพราะหาไม่พอในชุมชน เริ่มจ้างแรงงานมากมาย ตั้งโรงงาน กู้เงินมา เพื่อจะผลิตสบู่ไปขายให้ได้มากๆ หวังจะรวยว่างั้นเหอะ ก็หลุดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงไปแล้ว กลายเป็นทุนนิยมไป
SME อะไรนั่น เป็นกลไกสั่วๆของทุนนิยม อย่าเอามาใช้ในระบบนี้เลยค่ะ มันหลุดแล้ว
เมื่อทำได้ดังนี้ เริ่มที่ครอบครับช่วยเหลือตัวเองได้ ถัดมา ชุมชนเช่นหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ช่วยเหลือและเลี้ยงตนเองได้แล้ว มันก็จะช่วยให้ระดับใหญ่อย่าง จังหวัด และประเทศ ช่วยเหลือตนเองได้ เป็นระบบเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง
ประเทศของเราอาจจะ ไม่มีตัวเลขการส่งออกอย่างมหาศาล ไม่มีตัวเลขจีดีพีสวยหรู แต่ประชาชนทุกคนอยู่ได้อย่างพอเพียง มีปั๗๗ยสี่ในการดำรงชีวิตไม่ขาดแคลน เราจะได้ตัวเลขใหม่ที่เขากำลังฮือฮากัน นั่นคือดัชนีวัดความสุขของประเทศ เราจะมีความสุขกันมากค่ะ
อยากทำความเข้าใจในระบบเศรษกิจพอเพียง ต้องล้างความคิดเดิมที่เคยรับรู้มาเกี่ยวกับวิถีทางการดำเนินเศรษฐกิจทุนนิยมให้ออกไปก่อนนะคะ ไม่งั้นมันหลงวนเหมือนพายเรือในอ่างค่ะ