AsianNeocon
|
|
« เมื่อ: 31-07-2006, 21:01 » |
|
ภายหลังจากที่รัฐบาลได้สั่งการให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปดำเนินกิจการตามนโยบายของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาจนธนาคารประสบปัญหาขาดทุนในบางส่วน ส่งผลให้รัฐบาลต้องไปจัดหางบประมาณมาจ่ายชดเชยให้กับ ธ.ก.ส.วงเงิน 87,232 ล้านบาทนั้น
ในประเด็นนี้ นายวราเทพ รัตนากร รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ ธ.ก.ส.เป็นผลสืบเนื่องมาจากนโยบายของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ในการเข้าไปแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลทางการเกษตรตกต่ำ ด้วยการใช้หน่วยงานของรัฐเข้าไปรับซื้อสินค้าของเกษตรกรในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด โดยมี ธ.ก.ส.เข้าไปให้การสนับสนุนทางการเงินและรัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบกรณีที่ ธ.ก.ส.ได้รับความเสียหายซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้รับการยืนยันจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้วว่า ธ.ก.ส.ได้รับความเสียหายเป็นวงเงินประมาณ 30,000 ล้านบาท ดังนั้นแนวทางที่รัฐบาลจะเข้ามารับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ธ.ก.ส.จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นวงเงินทั้งสิ้น 11,000 ล้านบาท รัฐบาลได้มีการตั้งงบประมาณรายจ่ายมาชดเชยให้กับ ธ.ก.ส.เป็นรายปี เป็นระยะเวลา 5 ปี และส่วนที่ 2 วงเงินประมาณ 19,000 ล้านบาท ยังไม่ได้มีการจัดงบประมาณมาชดเชยให้กับ ธ.ก.ส. แต่ได้สั่งการให้คณะกรรมการ ธ.ก.ส.ไปศึกษาวิธีการแปลงหนี้ดังกล่าวมาเป็นทุน เรื่องนี้ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ "ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ ธ.ก.ส.ที่ปรากฏในงบดุลปีบัญชี 2548 วงเงินกว่า 80,000 ล้านบาท ยังไม่ถือว่าเกิดความเสียหายทั้งหมด เพราะ ต้องรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ องค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) นำสินค้าออกไปขายให้หมดก่อนว่าจะได้เงินคืนกลับมาเท่าไร แต่ถ้าได้เงินคืนกลับมาไม่ครบ ก็ขาดทุน รัฐบาลจะต้องเข้าไปรับผิดชอบ และเมื่อถึงเวลานั้นคงต้องมาคิดกันว่าจะเอาเงินส่วนไหน มาจ่ายชดเชยให้กับ ธ.ก.ส.ต่อไป" นายวราเทพกล่าว นายธีรพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ที่ผ่านมาได�ติดตามทวงถาม อคส.และ อ.ต.ก.มาโดยตลอด ซึ่งทั้งสองหน่วยงานกำลังดำเนินการขายสินค้า ยังไม่ทราบว่าขาดทุนเท่าไร แต่ถ้าชัดเจนแล้วส่วนหนึ่งรัฐบาลจะต้องจัดงบประมาณมาชดเชยให้กับ ธ.ก.ส. ซึ่งจะไม่กระทบความมั่นคงของธนาคาร http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02fin06310749&day=2006/07/31
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2006, 21:11 โดย ThaiTruth »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 31-07-2006, 21:02 » |
|
ชำแหละธ.ก.ส.ติดหล่มหนี้เน่า8หมื่นล."ประชาชาติธุรกิจ" ได้ตรวจสอบการดำเนินนโยบายประชานิยมของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ดำเนินการผ่านธนาคารรัฐหลายแห่ง ล่าสุดจากรายงานประจำปี 2548 (31 มีนาคม 2548-มีนาคม 2549) ของธนาคารเพื่อการ เกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พบว่าธนาคารมี.... ยอดให้สินเชื่อทั้งสิ้น 421,701 ล้านบาท คิดเป็น สินเชื่อแก่เกษตรกร 345,194 ล้านบาท สหกรณ์การเกษตร 17,762 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกร 40 ล้านบาท เงินให้สินเชื่อนโยบายรัฐ 32,183 ล้านบาท เงินให้สินเชื่อประเภทอื่นๆ 26,522 ล้านบาท ทั้งนี้งบดุลปี 2548 มีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งสิ้น 81,295 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนมีการตั้งสำรองฯ 66,471 ล้านบาท โดยหนี้สงสัยจะสูญนี้เป็นหนี้ที่เกิดจากการให้กู้แก่เกษตร และโครงการนโยบายรัฐสูงถึง 62,676 ล้านบาทอาทิ โครงการพักชำระหนี้ 5,686 ล้านบาท หนี้เกษตรกร 12,279 ล้านบาท หนี้ธรณีพิบัติสึนามิ 6 จังหวัด หนี้ 501 ล้านบาท มาตรการช่วยเหลือ 3 จังหวัดภาคใต้ 2,647 ล้านบาท ไข้หวัดนกปี 2546 จำนวน 200 ล้านบาท ภัยแล้งปี 2547 จำนวน 2,887 ล้านบาท จำนำข้าวเปลือก 482 ล้านบาท เป็นต้น นายธีรพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ ผู้จัดการ ธ.ก.ส.ได้ชี้แจงในประเด็นนี้ว่า ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ได้มีการติดตามทวงเงินชดเชยความเสียหายมาตลอด แต่ก็ไม่ทราบว่าจะได้รับการชำระหนี้เมื่อไร โดย เม็ดเงินที่จะมาชดเชยความเสียหายให้กับ ธ.ก.ส.ส่วนหนึ่งจะมาจากเงินงบประมาณแผ่นดินและอีกส่วนหนึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ อคส. อ.ต.ก.จะเป็นผู้ที่จ่ายเงินชดเชยให้กับ ธ.ก.ส.แต่อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบกับฐานะการเงินหรือความมั่นคงของธนาคาร เพราะการดำเนินการตามโครงการนโยบายรัฐ ทุกเรื่องจะมีมติคณะรัฐมนตรีรองรับ ธ.ก.ส. ไม่ได้ดำเนินการเอง โดยพลการหากมีความเสียหายเกิดขึ้นรัฐบาลจะจัดงบประมาณมาชดเชยให้กับ ธ.ก.ส. ซึ่งในขณะนี้ ธ.ก.ส.มีสถานะเป็น เจ้าหนี้ของรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีหน้าที่ที่จะต้องชำระหนี้ให้กับ ธ.ก.ส. http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02p0104170749&day=2006/07/17
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธ.ส.
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 31-07-2006, 21:08 » |
|
ยัง ยัง ยังไม่หมด รอรวมของธนาคารออมสินก่อน คาดว่าจะเฉียดๆแสนล้าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ปีนี้เราจะได้ Triple Champ
คุณพนันกับผมไม๊ แต่ผมไม่พนันกับคุณนะ
|
|
|
Solidus
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 31-07-2006, 21:09 » |
|
โดนชักดาบใส่นี่เอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นทร์
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 31-07-2006, 21:13 » |
|
ได้เวลา แปลงวิกฤติเป็นโอกาส /// เอาเงินภาษีไปสร้างคะแนนเสียงอย่างง่ายๆ /// ออกโปรโมชั่นใหม่ สร้างหนี้ใหม่ (SPV,...) โกยคะแนนแบบ none stop
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 31-07-2006, 21:18 » |
|
ยังงงๆอยู่ว่า จะแปลงหนี้เป็นทุน ตามที่วราเทพว่าได้ยังไง หรือจะให้ธกส.เข้าไปถือหุ้น อคส. กับ อตก.????? ???? ?? ? ? ?
ถ้าทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็เท่ากับสร้างบรรทัดฐานใหม่แก่ธนาคารรัฐ เกิดหนี้เสียที รัฐบาลก็ฉีดเงินเข้าไปที ไม่มีเงินก็หาทาง "ศรีธนญSHIN" ด้วยการซ่อนตัวเลข ไม่ว่าจะ หาช่องแปลงหนี้เป็นทุน ไม่ก็อัดเงินกู้ก้อนใหม่เข้าไปเพื่อเปลี่ยนเทอมของหนี้ก้อนนั้นใหม่ หรือว่าใช้วิธีเปลี่ยนนิยามหนี้เน่าใหม่ ฯลฯ
สังเกตจากที่นายวราเทพ บอกว่า ต้องรอ อคส อตก ขายสินค้าออกไป ซึ่งไม่รุ้ว่าจะได้เงินคืนมาเท่าไร แล้วมาฉีดให้ ธกส ..... แต่แล้วก็บอกว่า ให้เตรียมศึกษา "แปลงหนี้เป็นทุน" ก็เท่ากับยอมรับกลายๆแล้วนี่ว่า ไม่สามารถชดเชยความเสียหายได้
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2006, 21:21 โดย ThaiTruth »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
soco
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 31-07-2006, 21:20 » |
|
แปลงทุนเป็นหนี้ หกปีจะมีแต่คน รวยหนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นทร์
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 31-07-2006, 21:30 » |
|
ยังงงๆอยู่ว่า จะแปลงหนี้เป็นทุน ตามที่วราเทพว่าได้ยังไง หรือจะให้ธกส.เข้าไปถือหุ้น อคส. กับ อตก.????? ???? ?? ? ? ?
ถ้าทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็เท่ากับสร้างบรรทัดฐานใหม่แก่ธนาคารรัฐ เกิดหนี้เสียที รัฐบาลก็ฉีดเงินเข้าไปที ไม่มีเงินก็หาทาง "ศรีธนญSHIN" ด้วยการซ่อนตัวเลข ไม่ว่าจะ หาช่องแปลงหนี้เป็นทุน ไม่ก็อัดเงินกู้ก้อนใหม่เข้าไปเพื่อเปลี่ยนเทอมของหนี้ก้อนนั้นใหม่ หรือว่าใช้วิธีเปลี่ยนนิยามหนี้เน่าใหม่ ฯลฯ
สังเกตจากที่นายวราเทพ บอกว่า ต้องรอ อคส อตก ขายสินค้าออกไป ซึ่งไม่รุ้ว่าจะได้เงินคืนมาเท่าไร แล้วมาฉีดให้ ธกส ..... แต่แล้วก็บอกว่า ให้เตรียมศึกษา "แปลงหนี้เป็นทุน" ก็เท่ากับยอมรับกลายๆแล้วนี่ว่า ไม่สามารถชดเชยความเสียหายได้
ออกบอนด์ เอาไปปั่นราคาขาย ? หรืออาจ ตั้งบริษัทใหม่รับซื้อหนี้กดราคาถูกๆ แล้วเอาไปปั่นในเข้าตลาดหุ้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 31-07-2006, 21:41 » |
|
ถ้าติดตามการดำเนินธุรกิจของธนาคารเกษตรฯในช่วงเวลาทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี จะพบความจริงที่เปิดเผยตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือสื่ออื่นๆ เป็นผลงานหน้าพอใจ มีหนี้สูญต่ำมากจนไม่น่าเชื่อ มีผลกำไรจากการประกอบการสูง ไม่น่าเชื่อการบริหาร การจัดการธนาคารเกษตรฯ จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าธนาคารพาณิชย์ของเอกชนอื่นๆ ..เมื่อผมมีโอกาสเข้าถึงการบริหารภายในธนาคารเกษตรฯ ระยะหนึ่ง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้รับรู้ความจริงดังนี้ครับ.... 1. ธนาคารฯจะให้ลูกหนี้ชำระหนี้ปีละครั้งตามที่ตกลง ตามฤดูการผลิต/ขาย ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งดี เพราะเกษตรกรไม่มีรายได้เป็นรายเดือน... 2. ธนาคารฯ คิดดอกเบี้ยกับเกษตรกรสูง(เพราะมีความเสี่ยงสูง) 2-3 ปีก่อน อัตราดอบเบี้ยระหว่าง 9-14.5 % สูงกว่าธนาคารพาณิชย์เอกชน 4-6 % 3. เกษตรกรจะกู้จากธนาคาร จะกู้หนี้เป็นกลุ่ม ประมาณ 5 คน ต่างก็รับรองหนี้ของกันและกัน ทำให้ลูกหนี้ของธนาคารฯ ส่วนใหญ่จะไม่พ้นหนี้เสีย ทางใดทางหนึ่ง 4. ลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้และดอกเบี้ยได้ แต่หลักทรัพย์ยังสูงกว่าหนี้ ธนาคารฯ จะปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ นับเงินต้น+ดอกเบี้ยค้างชำระเป็นเงินต้นใหม่ จะทำอย่างนี้จนกว่า หนี้สะสมจะสูงกว่าหลักทรัพย์ค้ำประกัน จึงจะฟ้องร้องยึดทรัพย์สินชำระหนี้....5. ลูกหนี้ธนาคารเกษตรฯหลายปีนี้ จึงมีความสุขสบายและชอบนโยบายนี้มาก ยิ่งมี สส.ของรัฐบาลไปแนะนำว่า หนี้สินล้นพ้น จำนวนมาก จะเข้าโครงการ"เอื้ออาทร" ได้ในที่สุด....... การแก้ไขปัญหาของ รมช.คลังวราเทพนั้นจะสร้างสมพฤติกรรมของเกษตรกร ลูกหนี้ให้มีความรักรัฐบาลพรรค์นี้ตลอดไป และรัฐบาลใหม่จะถูกประท้วง เสียคะแนนเสียง....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
so what?
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 31-07-2006, 22:08 » |
|
หนี้เก่าก็พักไปเมื่อห้าปีก่อน เลยมีเครดิตมาสร้างหนี้ใหม่ไว้รอให้ไอ้เหลี่ยมกลับมาพักให้อีกรอบนึง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Killer
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 31-07-2006, 22:09 » |
|
นี่แกล้งโง่หรือเปล่าเนี่ย เขาก่อตั้งธนาคารสไตล์นี้ มาก็เพื่อทำการแทรกแซงระบบ ขืนปล่อยให้ ธ.เอกชนดำเนินการกันไป เกษตรกรตายโหงไปหมดประเทศนานแล้ว...
มาสมัยนี้ นี่เป็นเทคนิคทางการบริหารรูปแบบใหม่ อัดฉีดเงินงบประมาณผ่านสถาบันการเงินพวกนี้ แทนการอุดหนุนโดยตรง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Yodyood
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 31-07-2006, 22:17 » |
|
นี่แกล้งโง่หรือเปล่าเนี่ย เขาก่อตั้งธนาคารสไตล์นี้ มาก็เพื่อทำการแทรกแซงระบบ ขืนปล่อยให้ ธ.เอกชนดำเนินการกันไป เกษตรกรตายโหงไปหมดประเทศนานแล้ว...
มาสมัยนี้ นี่เป็นเทคนิคทางการบริหารรูปแบบใหม่ อัดฉีดเงินงบประมาณผ่านสถาบันการเงินพวกนี้ แทนการอุดหนุนโดยตรง
แล้วนี่แกล้งโง่ หรือโงจริงล่ะเนี่ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~ You will never know the truth if you dare not to face it. ~
|
|
|
ธ.ส.
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 31-07-2006, 22:18 » |
|
อืมใช่ๆ คิลเลอร์พูดถูก สองธนาคารนี่มีสิทธิ์พิเศษที่ไม่ต้องส่งยอดหนี้สงสัยจะสูญให้กับธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยนะ และที่สำคัญก็เป็นเทคนิคการบริหารแบบใหม่ที่ไม่ใช่การอัดฉีดเงินโดยตรงเพราะว่า จะได้เอาไว้ขู่เกษตรกรได้ว่า ถ้าไม่เลือกไทยรักไทย คนมาใหม่เขาเรียกชำระหนี้คืนแน่ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ปีนี้เราจะได้ Triple Champ
คุณพนันกับผมไม๊ แต่ผมไม่พนันกับคุณนะ
|
|
|
Killer
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 31-07-2006, 22:43 » |
|
นี่เป็นเทคนิคการบริหารงบประมาณแผ่นดินที่ฉลาดมากๆๆๆๆ
แทนที่จะเอาเงินอุดหนุนอัดฉีดเข้าไปแบบรัฐบาลควายๆในอดีตนิยมทำกันจนเป็นสันดาน อัดฉีดมั่งแดกกันเองมั่ง ไปตามเรื่องตามราว
ก็ใช้วิธีนี้เท่ากับให้เกษตรกรได้ดิ้นรนต่อสู้ด้วยลำแข้งของตัวเองไปในระดับหนึ่งก่อน เมื่อไม่ไหวจริงๆ ค่อยตั้งงบประมาณเข้าไปชดเชย
แทคติคการบริหารแบบนี้ พรรคสวิงกิ้งดิงดองมันคิดไม่ออกหรอก เพราะมันชั้นสูง สุดเอื้อมเกินกว่าระดับสติปัญญาพวกมันจะคิดคำนึงได้....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 31-07-2006, 22:46 » |
|
นี่แกล้งโง่หรือเปล่าเนี่ย เขาก่อตั้งธนาคารสไตล์นี้ มาก็เพื่อทำการแทรกแซงระบบ ขืนปล่อยให้ ธ.เอกชนดำเนินการกันไป เกษตรกรตายโหงไปหมดประเทศนานแล้ว...
มาสมัยนี้ นี่เป็นเทคนิคทางการบริหารรูปแบบใหม่ อัดฉีดเงินงบประมาณผ่านสถาบันการเงินพวกนี้ แทนการอุดหนุนโดยตรง
แล้วนี่แกล้งโง่ หรือโงจริงล่ะเนี่ย คุณ Killer บอกว่าธนาคารทำอย่างนี้ เพราะความฉลาด..... 1. ธนาคารฯจะให้ลูกหนี้ชำระหนี้ปีละครั้งตามที่ตกลง ตามฤดูการผลิต/ขาย ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งดี เพราะเกษตรกรไม่มีรายได้เป็นรายเดือน... 2. ธนาคารฯ คิดดอกเบี้ยกับเกษตรกรสูง(เพราะมีความเสี่ยงสูง) 2-3 ปีก่อน อัตราดอบเบี้ยระหว่าง 9-14.5 % สูงกว่าธนาคารพาณิชย์เอกชน 4-6 % 3. เกษตรกรจะกู้จากธนาคาร จะกู้หนี้เป็นกลุ่ม ประมาณ 5 คน ต่างก็รับรองหนี้ของกันและกัน ทำให้ลูกหนี้ของธนาคารฯ ส่วนใหญ่จะไม่พ้นหนี้เสีย ทางใดทางหนึ่ง 4. ลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้และดอกเบี้ยได้ แต่หลักทรัพย์ยังสูงกว่าหนี้ ธนาคารฯ จะปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ นับเงินต้น+ดอกเบี้ยค้างชำระเป็นเงินต้นใหม่ จะทำอย่างนี้จนกว่า หนี้สะสมจะสูงกว่าหลักทรัพย์ค้ำประกัน จึงจะฟ้องร้องยึดทรัพย์สินชำระหนี้....5. ลูกหนี้ธนาคารเกษตรฯหลายปีนี้ จึงมีความสุขสบายและชอบนโยบายนี้มาก ยิ่งมี สส.ของรัฐบาลไปแนะนำว่า หนี้สินล้นพ้น จำนวนมาก จะเข้าโครงการ"เอื้ออาทร" ได้ในที่สุด.......
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ธ.ส.
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 31-07-2006, 22:50 » |
|
ใช่ๆนี่เป็นเทคนิคการบริหารราชการแผ่นดินที่ฉลาดมาก เพราะนอกจากฐานเสียงจะไม่ตีจากไปไหนแล้ว ยังสามารถเลี้ยงไว้ใช้งานได้เชื่องมากๆด้วยเงินหมดเมื่อไหร่ก็ให้ ทนงซัง โยกเงินฝากของรัฐจากธนาคารพาณิชย์ไปอุดสภาพคล่อง คนทำมาหากินเสียภาษีถูกต้อง ทำแทบตายกว่าจะได้เงินมาเสียภาษีแต่รัฐเอาไปทำให้กลายเป็นหนี้เน่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ปีนี้เราจะได้ Triple Champ
คุณพนันกับผมไม๊ แต่ผมไม่พนันกับคุณนะ
|
|
|
Killer
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 31-07-2006, 22:58 » |
|
คุณ Killer บอกว่าธนาคารทำอย่างนี้ เพราะความฉลาด..... 1. ธนาคารฯจะให้ลูกหนี้ชำระหนี้ปีละครั้งตามที่ตกลง ตามฤดูการผลิต/ขาย ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งดี เพราะเกษตรกรไม่มีรายได้เป็นรายเดือน... ตรงนี้ผมเห็นด้วยนะ ยืดหยุ่นตามความต้องการของลูกหนี้ ก็แล้วยังไงล่ะไม่ดีหรือ คงไม่ได้ดูโฆษณา ธ.เอกชน ที่เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ ได้เลือกมีเป็นเมนู มาเลย...2. ธนาคารฯ คิดดอกเบี้ยกับเกษตรกรสูง(เพราะมีความเสี่ยงสูง) 2-3 ปีก่อน อัตราดอบเบี้ยระหว่าง 9-14.5 % สูงกว่าธนาคารพาณิชย์เอกชน 4-6 % ตรงนี้มันขึ้นอยู่กับต้นทุนทางการเงินมากกว่า ถ้าดอกฯ สูงมากเกินไปก็ไม่ดี ซึ่งจริงๆ เงินหลวงก็มีต้นทุนเหมือนกันจริงหรือเปล่า ...3. เกษตรกรจะกู้จากธนาคาร จะกู้หนี้เป็นกลุ่ม ประมาณ 5 คน ต่างก็รับรองหนี้ของกันและกัน ทำให้ลูกหนี้ของธนาคารฯ ส่วนใหญ่จะไม่พ้นหนี้เสีย ทางใดทางหนึ่ง ตรงนี้มันไม่สามารถสรุปได้ว่าดีหรือว่าไม่ดี เพราะถ้าธุรกิจพวกเขารอด พวกเขาก็ไม่เป็นหนี้เสียด้วยกันทั้งหมดจริงหรือไม่ 4. ลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้และดอกเบี้ยได้ แต่หลักทรัพย์ยังสูงกว่าหนี้ ธนาคารฯ จะปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ นับเงินต้น+ดอกเบี้ยค้างชำระเป็นเงินต้นใหม่ จะทำอย่างนี้จนกว่า หนี้สะสมจะสูงกว่าหลักทรัพย์ค้ำประกัน จึงจะฟ้องร้องยึดทรัพย์สินชำระหนี้.... แล้วไง ก็เป็นขั้นตอนปฏิบัติธรรมดา ยืดหยุ่นกว่า ธ.เอกชนด้วยซ้ำ5. ลูกหนี้ธนาคารเกษตรฯหลายปีนี้ จึงมีความสุขสบายและชอบนโยบายนี้มาก ยิ่งมี สส.ของรัฐบาลไปแนะนำว่า หนี้สินล้นพ้น จำนวนมาก จะเข้าโครงการ"เอื้ออาทร" ได้ในที่สุด....... ทั้งหมดนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เพราะคนบางจำพวกจะมองด้วย ทัศนคติที่เป็นลบกับชาวบ้านรากหญ้า ว่าคนพวกนี้เจ้่าเล่ห์ขี้เกียจ คอยแต่จะเอาเปรียบ ธ.ก.ส. เลว ขี้โกง หาทางชักดาบ อยากให้ไปสัมผัสชาวบ้านเสียก่อนค่อยมาพูด หรือว่าสรุปอะไรอย่างนั้น
ถ้ามีฝรั่งมามองคนไทย ว่าสันดานขี้เกียจ สันหลังยาว โง่อวดฉลาด อย่างนี้ คุณปุถุชนจะรู้นึกอย่างไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 31-07-2006, 23:00 » |
|
ใช่ๆนี่เป็นเทคนิคการบริหารราชการแผ่นดินที่ฉลาดมาก เพราะนอกจากฐานเสียงจะไม่ตีจากไปไหนแล้ว ยังสามารถเลี้ยงไว้ใช้งานได้เชื่องมากๆด้วยเงินหมดเมื่อไหร่ก็ให้ ทนงซัง โยกเงินฝากของรัฐจากธนาคารพาณิชย์ไปอุดสภาพคล่อง คนทำมาหากินเสียภาษีถูกต้อง ทำแทบตายกว่าจะได้เงินมาเสียภาษีแต่รัฐเอาไปทำให้กลายเป็นหนี้เน่า
ใช่ๆนี่เป็นเทคนิคการบริหารราชการแผ่นดินที่ฉลาดมาก เพราะนอกจากฐานเสียงจะไม่ตีจากไปไหนแล้ว ยังสามารถเลี้ยงไว้ใช้งานได้เชื่องมากๆรากหญ้าหรือเกษตรกรที่เป็นหนี้ ธกส.(ธนาคารเกษตรฯ) ค้างชำระ ไม่มีปัญญาชำระให้วิ่งไปหา อดีตสส.ร่วมพรรคฯกับนายวราเทพ หรือไปแสดงตัวว่าเป็น"คนรักทักษิณ" จะได้รับอานิสงค์จากโครงการนี้..... ปล.ขอให้รีบติดต่อก่อนการเลือกตั้ง 15 ตุลา ถ้าไปตอนนี้ จะดีมาก เพราะข่าวเลื่อนกำหนดเลือกตั้ง เป็นปลายปีหรือต้นปี ยังไม่แน่นอน.... ทักษิณยังไม่ถอดใจ ยังสนับสนุนโครงการ"เอื้ออาทร"ต่อไป.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 31-07-2006, 23:03 » |
|
คุณ Killer บอกว่าธนาคารทำอย่างนี้ เพราะความฉลาด..... 1. ธนาคารฯจะให้ลูกหนี้ชำระหนี้ปีละครั้งตามที่ตกลง ตามฤดูการผลิต/ขาย ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งดี เพราะเกษตรกรไม่มีรายได้เป็นรายเดือน... ตรงนี้ผมเห็นด้วยนะ ยืดหยุ่นตามความต้องการของลูกหนี้ ก็แล้วยังไงล่ะไม่ดีหรือ คงไม่ได้ดูโฆษณา ธ.เอกชน ที่เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ ได้เลือกมีเป็นเมนู มาเลย...2. ธนาคารฯ คิดดอกเบี้ยกับเกษตรกรสูง(เพราะมีความเสี่ยงสูง) 2-3 ปีก่อน อัตราดอบเบี้ยระหว่าง 9-14.5 % สูงกว่าธนาคารพาณิชย์เอกชน 4-6 % ตรงนี้มันขึ้นอยู่กับต้นทุนทางการเงินมากกว่า ถ้าดอกฯ สูงมากเกินไปก็ไม่ดี ซึ่งจริงๆ เงินหลวงก็มีต้นทุนเหมือนกันจริงหรือเปล่า ...3. เกษตรกรจะกู้จากธนาคาร จะกู้หนี้เป็นกลุ่ม ประมาณ 5 คน ต่างก็รับรองหนี้ของกันและกัน ทำให้ลูกหนี้ของธนาคารฯ ส่วนใหญ่จะไม่พ้นหนี้เสีย ทางใดทางหนึ่ง ตรงนี้มันไม่สามารถสรุปได้ว่าดีหรือว่าไม่ดี เพราะถ้าธุรกิจพวกเขารอด พวกเขาก็ไม่เป็นหนี้เสียด้วยกันทั้งหมดจริงหรือไม่ 4. ลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้และดอกเบี้ยได้ แต่หลักทรัพย์ยังสูงกว่าหนี้ ธนาคารฯ จะปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ นับเงินต้น+ดอกเบี้ยค้างชำระเป็นเงินต้นใหม่ จะทำอย่างนี้จนกว่า หนี้สะสมจะสูงกว่าหลักทรัพย์ค้ำประกัน จึงจะฟ้องร้องยึดทรัพย์สินชำระหนี้.... แล้วไง ก็เป็นขั้นตอนปฏิบัติธรรมดา ยืดหยุ่นกว่า ธ.เอกชนด้วยซ้ำ5. ลูกหนี้ธนาคารเกษตรฯหลายปีนี้ จึงมีความสุขสบายและชอบนโยบายนี้มาก ยิ่งมี สส.ของรัฐบาลไปแนะนำว่า หนี้สินล้นพ้น จำนวนมาก จะเข้าโครงการ"เอื้ออาทร" ได้ในที่สุด....... ทั้งหมดนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เพราะคนบางจำพวกจะมองด้วย ทัศนคติที่เป็นลบกับชาวบ้านรากหญ้า ว่าคนพวกนี้เจ้่าเล่ห์ขี้เกียจ คอยแต่จะเอาเปรียบ ธ.ก.ส. เลว ขี้โกง หาทางชักดาบ อยากให้ไปสัมผัสชาวบ้านเสียก่อนค่อยมาพูด หรือว่าสรุปอะไรอย่างนั้น
ถ้ามีฝรั่งมามองคนไทย ว่าสันดานขี้เกียจ สันหลังยาว โง่อวดฉลาด อย่างนี้ คุณปุถุชนจะรู้นึกอย่างไร
คุณ Killer คิดอย่างนี้ ใครคิดคล้อยตามคุณ Killer ก็ตามใจครับ... แต่ยกมือให้ผมเห็นหน้าเห็นตาหน่อย............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
สมชายสายชม
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 01-08-2006, 00:16 » |
|
เข้ามาขำน้าคิล ถูก พรรค หลง ห. ต้มอีกแล้ว ........................................................................................................................................................... ธกส.สนองงาน'เอ็มลิ้งค์' ปล่อยกู้รากหญ้าซื้อมือถือ18 มกราคม 2548 กองบรรณาธิการ บริหารไปพุงกางไป ญาติกานายกฯ กินรวบขายมือถือรากหญ้า เชิด ธ.ก.ส.เป็นนายประกันปล่อยกู้เกษตรกรซื้อผ่อนเครื่องละเป็นหมื่น เล่นเกม-อินเทอร์เน็ต เป้าหมายกวาดแสนราย ลวงตัดราคาคู่แข่ง แต่หวังดูดดอกเบี้ย 5-10% ชดเชย รายงานข่าวจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แจ้งว่า ธ.ก.ส.ร่วมกับบริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยธุรกิจการเกษตร จำกัด (TABCO) ได้จัดโครงการ "A MOBILE" เพื่อให้เกษตรกรและลูกค้าของ ธ.ก.ส.ทั่วประเทศ สามารถซื้อโทรศัพท์มือถือได้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด และไม่ต้องจ่ายเงินสด โดย ธ.ก.ส.จะเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้า โดยโฆษณาชวนเชื่อว่าโทรศัพท์มือถือที่นำมาจำหน่าย เป็นโทรศัพท์ที่สามารถรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้เป็นที่น่าพอใจ และเหมาะสำหรับการใช้งานสำหรับชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ กำหนดให้มีงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันพุธที่ 19 มกราคม 2548 เวลา 13.30-15.00 น. ณ โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัลพลาซา แหล่งข่าวจาก ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า เอ็มลิ้งค์ได้ยื่นข้อเสนอให้ ธ.ก.ส.พิจารณาแล้วประมาณ 1 เดือน ซึ่ง ธ.ก.ส.เห็นว่าเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร เนื่องจากปัจจุบันโทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็น ไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือยอีกต่อไป ในกรณีนี้ ธ.ก.ส.จะเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อสำหรับลูกค้าหรือผู้ที่กู้เงินของ ธ.ก.ส.อยู่แล้ว สามารถกู้ได้ 100% ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ และซื้อได้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด ส่วนผู้ที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.หากสนใจซื้อก็สามารถซื้อด้วยเงินสด หรือหากต้องการกู้ก็ต้องเสนอขอสินเชื่อตามเงื่อนไขของ ธ.ก.ส. โดยเอ็มลิ้งค์ได้เตรียมโทรศัพท์มือถือไว้ 4 รุ่น ให้ลูกค้าเลือกซื้อ ส่วนราคานั้นจะสรุปและประกาศอีกครั้งวันที่ 19 มกราคมนี้ มีโนเกีย 2 รุ่น และซีเมนส์ 2 รุ่น รุ่นที่ราคาสูงสุดคือ โนเกีย 6610 สูงกว่า 10,000 บาท เป็นเครื่องที่มีคุณสมบัติสามารถเล่นเกมและเล่นอินเทอร์เน็ตผ่านระบบจีพีอาร์เอสได้ อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 5-10% ขึ้นอยู่กับเครดิต หรือประวัติของลูกค้า ธ.ก.ส. คาดว่าจะมีลูกค้าสนใจซื้อประมาณ 100,000 ราย ในช่วง 3 เดือนแรก โดยเอ็มลิ้งค์ได้เตรียมซิมการ์ดในระบบวันทูคอล ในเครือข่ายของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ให้ลูกค้า แหล่งข่าวกล่าวว่า โครงการนี้นอกจาก ธ.ก.ส.จะเป็นผู้ให้สินเชื่อซึ่งมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นลูกค้า ธ.ก.ส.จำนวน 5.3 ล้านครัวเรือน เฉลี่ยสมาชิกครัวเรือนละ 5 คน มีเอ็มลิ้งค์เป็นผู้จำหน่ายเครื่องแล้วยังมีบริษัท ไทยธุรกิจการเกษตร จำกัด บริษัทที่จัดตั้งโดยสหกรณ์การเกษตร เพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. หรือ สกต. เป็นตัวแทนและจุดรับแจ้งหรือตัวกลางในการรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าไปยังเอ็มลิ้งค์ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ทั่วประเทศ 74 แห่ง รายงานข่าวแจ้งว่า เอ็มลิ้งค์มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประกอบด้วย บริษัท เอ็ม แคปปิตอล โฮลดิ้ง จำกัด 25.93% น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ 16.67% นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ 15.67% บุตรสาวและบุตรชายนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสมชัย โกวิทเจริญกุล 2.50% สามีนางมณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล ซึ่งเป็นน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณอีกคนหนึ่ง ทั้งนี้ เอ็มลิ้งค์เป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยนางเยาวภา และนางมณฑาทิพย์ เพื่อดำเนินการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะให้กับเอไอเอส ซึ่งมีบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด ถือหุ้น 42.92% ที่มีสมาชิกตระกูลชินวัตรถือหุ้นใหญ่ ด้านนายวรุณเทพ วัชราภรณ์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ วันทูคอล บริษัทเอไอเอส กล่าวว่า ในเดือนมีนาคมนี้บริษัทเตรียมร่วมกับผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือเพื่อจำหน่ายมือถือในราคาถูก หลังจากประสบความสำเร็จในการจำหน่ายเครื่องละ 1,990 บาทมาแล้ว โดยครั้งนี้เน้นกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ชาวไร่ ชาวนา โดยเฉพาะในภาคอีานและภาคเหนือ. http://72.14.203.104/search?q=cache:R97MqRuLXxYJ:www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx%3FNewsID%3D9480000013198+%E0%B8%98%E0%B8%81%E0%B8%AA+%2B+%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%97&hl=th&gl=th&ct=clnk&cd=1http://72.14.203.104/search?q=cache:6gK2bMz5Ng4J:www.nationchannel.com/coffee/view.php3%3Fid%3D4366+%E0%B8%98%E0%B8%81%E0%B8%AA+%2B+%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C&hl=th&gl=th&ct=clnk&cd=3
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2006, 00:30 โดย สมชายสายชม »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 01-08-2006, 00:23 » |
|
...
มาสมัยนี้ นี่เป็นเทคนิคทางการบริหารรูปแบบใหม่ อัดฉีดเงินงบประมาณผ่านสถาบันการเงินพวกนี้ แทนการอุดหนุนโดยตรง
ผมมองอย่างงี้นะ คิลเลอร์
ก็ในเมื่อมันเป็นเหมือนเงินอัดฉีด กู้ไปแล้วส่วนมากจำหน่ายสูญได้แบบนี้ แล้วจะทำเป็นรูปธนาคารทำหอยอะไร ทำให้มันเปลืองค่าดำเนินการกับ เงินเดือนพนักงานธนาคารเหรอ ก็สู้เอาเงินโยนลงไปให้ชาวบ้านเขาทำเป็น รูปสหกรณ์หรืออะไรที่มันไม่ต้องมาห่วงว่าแล้วจะเป็นหนี้เน่ากี่เปอร์เซนต์ดีกว่านโยบายถ้าคิดแล้วมันไม่ทำให้ประสิทธิภาพองค์กรดีขึ้นนะ เอาเวลาไปนั่งเกาไข่ดีกว่า ว่ะ 555
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชายสายชม
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 01-08-2006, 00:24 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สี่หามสามแห่
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 01-08-2006, 02:52 » |
|
คิลเลอะ มันโง่ จรืิงๆ ครับ สังเกตุได้จากเว็บการเมือง ที่ตัวมันเริ่มโดนแบน จากเว็บการเมืองไปทีละเว็บสองเว็บ 55+
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|