โพสต์ทูเดย์ หุ้นหมวดพลังงานเยี่ยม ไตรมาส 2 กำไรยังดี PTT กอดคอ PTTEP สร้างประวัติ ศาสตร์ใหม่อีกแล้ว โกยกำไรเฉียด 4 หมื่นล้าน
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส (ASP) ประเมินผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในงวดไตรมาส 2 ปี 2549 ว่า หุ้นหมวดพลังงานยังคงเป็นหมวดที่จะโชว์กำไรสูงสุดเช่นเดิม ส่วนกลุ่มสื่อสาร ชิ้นส่วนและรถยนต์ กำไรจะออกมาไม่ดี เพราะได้รับผลกระทบทั้งจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและราคาน้ำมัน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
สำหรับบริษัทในเครือ ปตท.(PTT) โดยเฉพาะ PTT จะทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 29,010 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงไตรมาสแรกของปี หรือจะมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 10.37 บาท เนื่องจากจะได้รับกำไร จากการขายหุ้นโรงกลั่นน้ำมันระยอง (RRC) ประมาณ 9,554 ล้านบาท จากการนำหุ้นจำนวน 877 ล้านหุ้น มาขายในราคาหุ้นละ 18 บาท และจะรับรู้กำไรจากการเข้าไปถือหุ้นในบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (TPI) ในสัดส่วน 30% โดย TPI จะมีกำไรในไตรมาสนี้ 1,684 ล้านบาท ซึ่ง PTT จะรับรู้กำไรจากการถือหุ้น TPI 500 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังรับรู้กำไรจากกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันที่ค่าการกลั่นยังคงอยู่ในระดับสูง หรือค่า การกลั่นจะอยู่ที่ 8.93 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่า 11.6% จากไตรมาสก่อนหน้าก็จะเป็นผลดีกับ PTT ด้วย แม้ว่ารายได้และกำไรส่วนใหญ่จะมาจากธุรกิจก๊าซก็ตาม แต่การที่ ปตท.ถือหุ้นประมาณ 64% ใน ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ
ปตท.สผ.ซึ่งจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่แพงขึ้นนั้นก็จะทำให้ ปตท.ได้รับผลดีไปด้วยด้าน บล.กรุงศรีอยุธยา ประเมินว่า ไตรมาส 2 ปีนี้ PTTEP จะมีกำไรสุทธิสร้างสถิติสูงสุดอีกครั้ง คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 7,849 ล้านบาท เติบโตขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 43% เพราะราคาขายปิโตรเลียมปรับตัวเพิ่มขึ้น 35% มาอยู่ที่ 37.86 เหรียญสหรัฐเทียบเท่าน้ำมันดิบ อีกทั้งปริมาณการขายก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 23% โดยขายได้ 1.7 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ
หากสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้คาดว่า
PTTEP จะมีกำไรสุทธิทั้งปี 30,867 ล้านบาท ปรับเพิ่มจากประมาณการเดิม 2%
สาเหตุที่เพิ่มกำไร PTTEP เพราะได้เพิ่มสมมติฐานราคาน้ำมันขึ้น 5% อยู่ ที่ 63 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และแม้ว่าในแง่ของยอดขายจะลดลงเหลือ 1.74 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ แต่ก็จะไม่กระทบต่อกำไรสุทธิแต่อย่างใด
นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง เชื่อว่า ราคาหุ้นบริษัท ปตท.สผ.แพงกว่าราคาหุ้นไทยออยล์ (TOP) และ RRC เพราะราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการน้ำมันในตลาดโลกที่ตกใจจนทำให้ราคาน้ำมันสูงเกินไป ในภาวะเช่นนี้หุ้นบริษัท ปตท.จะเป็นทางเลือกที่ดีของนักลงทุนในภาวะที่สินค้าโภคภัณฑ์ยังทรงตัวสูง PTT จะมีกำไรจากธุรกิจหลักก๊าซ จึงคงคำแนะนำให้ซื้อหุ้นนี้ ให้ราคา เป้าหมาย 300 บาท และถือ PTTEP ด้วยราคาเป้าหมาย 118 บาทต่อหุ้น
http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=invest&id=110034ไม่รู้จะ ดีใจหรือเสียใจดี