เหมือนกับการที่เราเอาแอปเปิลใส่ในเครื่องปั่น เราอยากได้แอปเปิลจูซ (น้ำแอปเปิล) ซึ่งขณะที่ปั่นเราก็จะหนวกหูเสียงที่ปั่น ถ้ายังไม่เสร็จจะเห็นลูกแอปเปิลจากลูกสวยๆ เละเลย แต่ถ้าเราทนอีกนิด จะเห็นน้ำแอปเปิลที่อร่อย อยู่ที่ว่าเราอยากจะเปลี่ยนลูกแอปเปิลเป็นน้ำแอปเปิลหรือเปล่า ถ้าอยากเปลี่ยนก็ต้องเข้าใจว่า ระหว่างทางมันจะต้องหนวกหูบ้าง
ได้ยินทฤษฎีแอปเปิ้ลปั่นของท่านายกแล้ว ทำให้นึกไปถึงภาษิตฝรั่งที่เขาว่า จะทอดไข่ได้อย่างไรถ้าไม่ต่อยไข่ให้แตกก่อน
ฟังแล้วใจหายวาบ เพราะทั้งสองทฤษฎีนั้น บ่งบอกถึงวิธีการเด่นชัดว่า ต้องทำลายเสียก่อนถึงจะได้สิ่งใหม่ๆ
ยิ่งอาจารย์มีชัยมาพูดถึงมาตรา 8 ยิ่งชี้ชัดให้เห็นเจตนาชัดเจนว่า
จะมีประธานาธิบดีได้อย่างไร ถ้าไม่ล้มระบบเก่าเสียก่อน
เข้าใจกระจ่างชัดเดี๋ยวนี้เองว่า ทำไมวันตั้งพรรคจึงต้องเป็นวันชาติฝรั่งเศส ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ราชวงศ์บรูบองล่มสลาย
เข้าใจจนซึ้งว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญนั้นเขาหมายถึงใครกันแน่
เข้าใจทันทีว่า ทำไมไม่มีงานสโมสรสันนิบาติหลังงานมงคล
เข้าใจแล้วว่า ทำไพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง 15 ตุลาคม ถึงไม่ขยับไปไหน
เข้าใจแล้วว่า ทำไมนายกถึงต้องการรักษาระบอบประชาธิปไตย(เฉยๆไม่มีอะไรต่อท้าย) ไว้ด้วยชีวิต
เข้าใจอะไรอีกหลายๆอย่าง
รวมไปถึงเข้าใจแล้วว่า สงครามกำลังจะเกิด เร็วๆนี้ค่ะ