หลังเวลา 01.00 น.ของวันที่ 7 ตุลาคม สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้น และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทยอยเดินทางกลับ โดย ครม.แต่ละคนมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด
โดยเฉพาะ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่เข้าไปรายงานสถานการณ์การชุมนุม
เค้ารางแห่งความรุนแรงเริ่มก่อตัว ภายหลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศเคลื่อนกำลังเข้าปิดล้อมรัฐสภา ที่จะมีการแถลงนโยบายของรัฐบาลในช่วงสายวันเดียวกัน
ต่อมาเวลา 02.00 น. สิ่งบอกเหตุบางอย่างก็เริ่มเกิดขึ้น เมื่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ได้แยกตัวออกมาหลังจากประชุม ครม.แล้วตรงดิ่งมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ท่ามกลางนายตำรวจระดับสูงรอรับพร้อมหน้า
โดย พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ลงมาต้อนรับ พร้อมนำเข้าห้องรับรองทันที
ไม่มีใครรู้ว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น มีเพียงนายตำรวจที่เกี่ยวข้องเท่านั้น รวมถึงคำสั่งให้กำลังทั้งหมดเตรียมพร้อมเต็มอัตรา
ก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน พล.ต.ท.สุชาติ ได้เซ็นคำสั่งแบ่งงาน โดยเฉพาะด้านความมั่นคงได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น. อดีตผู้คุมคดีคาร์บ๊องลอบวางระเบิดสังหารอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าคุมกำลังตำรวจปราบจลาจล ดูแลกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (191) และศูนย์สืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. เป็นผู้ช่วย
การแบ่งงานดังกล่าวดูจะสอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังจากการจับกุมตัว พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำสำคัญของพันธมิตร ยอมออกมาเปิดตัวเพื่อล่อให้ตำรวจจับกุม ซึ่งก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้
ยุทธการ "แลกขุน" เพื่อดึงมวลชนเข้ามาร่วมชุมนุมก็เกิดขึ้นพร้อมๆ กันอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่กลุ่มพันธมิตรจะประกาศเข้าปิดล้อมรัฐสภา
แล้วก่อนฟ้าสางนายตำรวจระดับสูงของ บช.น.เกือบทั้งหมดได้ประชุมเตรียมความพร้อม หลังจาก นายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ประกาศว่าจะต้องใช้อาคารรัฐสภาแถลงนโยบายให้ได้
แผนการสลายการชุมนุมจึงเริ่มขึ้นทันที
พล.อ.ชวลิต ซึ่งเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ได้มาตั้งศูนย์ควบคุมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งแต่คืนวันที่ 6 ต่อเนื่องถึงวันที่ 7 ตุลาคม หลายคนสังเกตเห็นว่า พล.อ.ชวลิต เคร่งเครียดและพยายามที่จะหาทางออก แต่การหาทางออกนั้นจะทำอย่างไรให้เกิดความละมุนละม่อมมากที่สุด
แต่ทำไมเหตุการณ์จึงกลับร้ายแรงเกินกว่าที่คาดการณ์
มีข่าวจากนายตำรวจสันติบาลที่เกาะติดสถานการณ์รายงานผู้บังคับบัญชาว่า ช่วงที่ตำรวจนครบาลเข้าสลายการชุมนุม และมีการยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ในแนวหลังของกำแพงตำรวจพบลูกน้องของ เสธ.คนดังร่วมอยู่ด้วย
พร้อมทั้งปาระเบิดคล้ายกับประทัดยักษ์เข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กระทั่งเกิดความชุลมุน แม้กระทั่ง พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ นายทหารที่ขึ้นเวทีพันธมิตร ก็ถูกชกต่อยจากกลุ่มแนวร่วมที่แอบเคลื่อนกำลังบางส่วนมาจากสนามหลวงเข้ามาสมทบผสมปนกับตำรวจด้วย
ขณะเดียวกัน กำลังในส่วนปราบจลาจล เจตนายิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ร่างของผู้ชุมนุม ไม่ใช่ยิงตามวิถีโค้งอย่างที่ควรปฏิบัติ ตามหลักการสลายฝูงชน
หลังเกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มพันธมิตร มีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบร้อยคน บางส่วนมีอาการสาหัส
ที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์ที่สุดคือ บัญชา บุญแก้ว วัย 50 ปี บาดเจ็บขาซ้ายขาดตั้งแต่เหนือหัวเข่าจนแพทย์ รพ.วชิระ ต้องตัดขาทิ้ง บัญชา ซึ่งยังพอมีสติถามตอบได้บอกแพทย์ว่า เขาถูกวัตถุชนิดหนึ่งลูกกลมๆ ใหญ่กว่าลูกปิงปองเล็กน้อย สีน้ำตาลเข็ม นอกจากนี้ ยังมี สุชิน แสนวิทร วัย 43 ปี มือขวาขาด และ มิถุนา อุ่นแก้ว อายุ 45 ปี ข้อเท้าขวาขาด
หลังเกิดเหตุไม่นานตำรวจในฐานะจำเลยสังคมจึงออกโรงมาแก้ต่าง
พล.ต.ต.ภูวดล วุฑฒกนก ผู้บังคับการกองพลาธิการและสรรพาวุธ พร้อมผู้เชี่ยวชาญเปิดสาธิตการยิงกระสุนแก๊สน้ำตาใส่ขาจำลองที่ทำจากดินเหนียวไม่มีแกนใน เพื่อยืนยันว่ากระสุนแก๊สน้ำตาไม่สามารถทำให้ขาขาดได้
กระสุนแก๊สน้ำตาที่ใช้เป็นขนาด 38 มิลลิเมตร ยิงเป็นมุมตรงตัวในระยะ 15 หลา ซึ่งถือเป็นระยะและวิธียิงที่เลวร้ายที่สุด ปรากฏว่าขาเทียมไม่มีร่องรอยการฉีกขาดแต่อย่างใด
พ.ต.อ.วีรพัฒน์ ศิวะแพทย์ ผกก.กลุ่มงานวิชาชีพและเชี่ยวชาญ กองพลาธิการและสรรพาวุธ ออกมาสำทับอีกคนว่า ในด้านเทคนิคแล้วกระสุนแก๊สน้ำตาไม่สามารถทำให้ขาขาดได้ เพราะความแรงความเร็วน้อย ไม่มีสะเก็ดที่จะทำให้ขาขาดหรือบาดเจ็บได้
น้ำหนักของกระสุนแก๊สน้ำตาทำให้ขาขาดตกไป แล้วอะไรล่ะที่ทำให้บัญชาสูญเสียขา มิถุนาเสียข้อเท้า และสุชินเสียข้อมือไป ?
พ.ต.ท.ภาสกร สถิตยุทธการ รอง ผกก.1 บก.ตปพ.หัวหน้าหน่วยอรินทราช 26 ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชน ยืนยันว่า เกิดจากระเบิดที่มีสะเก็ด โดยพิจารณาจากบาดแผลที่มีเขม่าดำจำนวนมากติดอยู่ ส่วนแก๊สน้ำตาเกิดจากแรงอัดที่ไม่มีดินระเบิด ดังนั้นตำรวจน่าจะรอดพ้นจากการเป็นจำเลยสังคมเสียที เพราะมีแต่กระสุนแก๊สน้ำตาเท่านั้น
เช่นนั้นแล้วกระแสข่าวที่ว่ามีคนของคน เสธ.คนดังอยู่หลังแนวตำรวจก็น่าจะมีเค้าความจริงอยู่บ้าง
สายข่าวสันติบาลเองก็ยอมรับว่า มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี ต้องการทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย พยายามก่อเหตุร้ายขึ้นในหลายพื้นที่ใน กทม.
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่มีการชุมนุมของพันธมิตรคือเป้าหมายใหญ่ !
การข่าวของสันติบาลพบถึงขนาดว่า เมื่อ 3-4 เดือนก่อน เสธ.คนดังได้เกณฑ์วัยรุ่นอันธพาลย่านวงเวียนใหญ่มาฝึกการสู้รบตามหลักยุทธวิธีที่สนามหลวง เพื่อใช้ต่อกรกับพันธมิตร ให้ชื่อว่า "กลุ่มนักรบพระเจ้าตาก" เน้นการใช้วัตถุระเบิดในการลงมือก่อเหตุ
ว่ากันว่า เสธ.คนดังมีเป้าหมายให้นักรบพระเจ้าตากมาต่อกรกับนักรบศรีวิชัยและการ์ดพันธมิตร มีภารกิจหลักๆ คือ การก่อความวุ่นวายขึ้นในสังคม เพื่อให้เกิดความรุนแรงและนองเลือด
หากว่าข่าวชิ้นนี้เป็นจริง วันนี้พวกเขาก็สัมฤทธิผลแล้วในระดับหนึ่ง !?!
--------------------------------------
http://www.komchadluek.net/2008/10/08/x_scoo_p001_225026.php?news_id=225026เค้าสันนิษฐานว่าเป็น เสธ.แดง ใช่มั้ยคะ
เห็นแกเงียบๆไป ไม่ได้แวะไปบอร์ดแกด้วย ปกติผ่านไปราชดำเนิน มองไปทางสนามหลวง
จะเห็นแกฝึกอาวุธกับผู้ชายชุดดำตลอด
