ทัศนะวิจารณ์
กาแฟดำ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2551 05:00:00
รมต.ต่างประเทศ กับนักเลือกตั้ง
ผมเฝ้าติดตามดู รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของไทย ในการทำหน้าที่ที่สหประชาชาติ ก็ได้แต่สงสารประเทศชาติ เพราะทุกอย่างดู "ผิดฝาผิดตัว" ไปหมด
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : คุณสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ บอกนักข่าวก่อนบินไปกรุงนิวยอร์ก ว่า ไม่ได้ต้องการจะมาอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ และยังแสดงความอึดอัดใจที่จะต้องมานั่งในตำแหน่งนี้
พอนักข่าวถามคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในเรื่องนี้ นายกฯ พูดอ้ำๆ อึ้งๆ บอกว่า "ขอเวลาให้เขาลองทำงานดูก่อน"
พอไปถึงสหประชาชาติ คุณสมพงษ์ ก็ตัดสินใจไม่ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงที่นั่น และมอบหมายให้ คุณดอน ปรมัตถ์วินัย เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ขึ้นไปพูดแทน
ให้เหตุผลว่าเพราะคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องถามว่าทำไมจึงตัดสินใจบินไปนิวยอร์กตั้งแต่แรก? คล้ายๆ กับว่า คณะรัฐมนตรี เป็นที่ทดลองงานหรือฝึกงานสำหรับคนที่เป็นนักการเมือง ที่ยังไงๆ ก็จะต้องมีตำแหน่งใน ครม. เพราะเป็นโควตาของเขา ไม่เกี่ยวกับความรู้ความสามารถหรือประสบการณ์ของผู้มาดำรงตำแหน่งแต่อย่างไรเลย นายกฯ สมชาย ไม่รู้หรือว่าตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศมีความสำคัญอย่างไรต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของไทย? นายกฯ ไม่รู้หรือว่าเราจะต้องเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดของอาเซียนในเดือนธันวาคมนี้?
คุณสมชาย ไม่ได้ยินเสียงปรามาสของนายกฯ ฮุนเซน แห่งกัมพูชา ก่อนหน้านี้หรือ ว่าประเทศไทยกำลังตกอยู่ภายใต้ภาวะการเมืองที่สับสนอลหม่าน จึงไม่น่าจะพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมซัมมิตครั้งนี้ ขอให้โอนตำแหน่งประธาน หมุนเวียนอาเซียนให้กับสิงคโปร์ หรือเวียดนาม ไปเลยจะดีกว่า
ยิ่งเพื่อนบ้านเราพูดจาหาเรื่องอย่างนี้ ไทยเราก็ยิ่งต้องแสดงความแข็งแกร่งทางด้านต่างประเทศเป็นพิเศษ
แต่คุณสมชาย กลับตั้งคุณสมพงษ์ ซึ่งไม่มีประสบการณ์ด้านนี้และไม่อยากจะรับตำแหน่งนี้มาอยู่ในกระทรวงที่กำลังถูกจับตามอง และท้าทายโดยสมาชิกอาเซียนอื่นๆ ทั้งๆ ที่มีมืออาชีพทางด้านการทูตในประเทศไทยมากมายให้เสนอชื่อ หรือไปขอความช่วยเหลือ
ความเสียหายอันเกิดจากการมุ่งมองแต่นักการเมืองที่อยู่ในแวดวงเดียวกับตัวเองและไม่สนใจที่จะแสวงหาคนดีคนเก่งมาร่วมรัฐบาลนั้นมีมากมายแค่ไหนก็เห็นๆ กันอยู่ เพราะผมวาดภาพได้เลยว่ารัฐมนตรีอาเซียนอื่นๆ ที่ร่วมประชุมกันที่นิวยอร์ก เมื่อวานนี้ คงจะรู้สึกกระอักกระอ่วนพอสมควรที่ในระยะเวลาผ่านมาเพียงปีสองปี ประเทศไทยเปลี่ยนรัฐมนตรีต่างประเทศมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 คน
และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าคุณสมพงษ์ ที่เป็นประธานในที่ประชุมนั้นจะยังนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้อีกกี่วันกี่สัปดาห์
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่ต้องสงสัยว่าความน่าเชื่อถือของประเทศไทยย่อมจะตกต่ำต่อไปอีกอย่างไร
ซึ่งก็แปลว่าสถานภาพของประเทศในเวทีสากลของเราจะยังคงย่ำแย่ต่อเนื่อง อันจะส่งผลไปถึงบรรยากาศการลงทุนและการท่องเที่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การเลือกคนมาทำงานในคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ คุณสมชาย ไม่ได้มองหา "คนนอกโควตา" เลย เกือบทั้งหมดเป็นนักการเมืองสังกัดพรรครัฐบาลหรือพรรคร่วมรัฐบาล และแบ่งกันตามสัดส่วนของ ส.ส. ที่ว่ากันว่าอยู่ที่อัตรา ส.ส. 12 ที่นั่งต่อตำแหน่งรัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง ไม่สนใจว่าคนที่พรรคหรือกลุ่มก๊วนส่งมานั้นจะทำงานได้หรือไม่ และไม่แคร์ว่าประชาชนเจ้าของประเทศจะร้องยี้ดังขนาดไหนเพราะแม้คนที่อ้างว่าเป็น "คนนอก" นั้น เอาเข้าจริง ๆ ก็เป็น "คนใน" ที่มีความสนิทสนมกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นรองนายกฯ หรือรัฐมนตรีคลังที่รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ
จะเพราะว่าไม่หาคนนอก ที่มีฝีไม้ลายมือมาช่วยงาน หรือเพราะคนดีคนเก่งไม่พร้อม ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลนอมินี ที่ขาดความน่าเชื่อถือของสังคมก็ตามที กรณีตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศนั้น เห็นความเสียหายชัดเจนจากวิธีการเลือกคน มาเป็นรัฐมนตรีอย่างชัดแจ้งแล้ว... เพราะเราเผชิญกับการต่อรองเรื่องผลประโยชน์ระหว่างประเทศ เรื่องชายแดน และประเด็นการเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ ที่มีศักดิ์ศรีของประเทศเป็นเดิมพัน
แต่ นายกฯ สมชาย ไม่เดียงสา ไม่เข้าใจ และ ไม่สนใจเลย (เกาะติดสถานการณ์ร้อนๆ กับบทวิเคราะห์ทั้งในรูปแบบบทความ เสียง และ วีดิโอได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่
www.suthichaiyoon.com)
http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/02/news_299506.phpรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ แสดงความไม่ยินดี ไม่เต็มใจกับตำแหน่ง'รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ' ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญที่สุดตำแหน่งหนึ่งในรัฐบาลอารยะประเทศ นักการเมืองที่จะได้เป็น'รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ' นอกจากจะรอบรู้การเมืองระหว่างประเทศ สามารถสร้างภาพพจน์ ความเชื่อถือ ความยอมรับของประเทศด้วย และ มี'กื้น' เป็นที่ยอมรับของวงการนักการฑูตระหว่างประเทศ.....
ท่าทีแสดงออกถึง'ความไม่เต็มใจ'ของรัฐมนตรีต่างประเทศคนนี้ การไม่ยอมขึ้นกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมสหประชาชาติ น่าจะสร้างความอึดอัดใจให้นักการฑูต โดยเฉพาะนักการฑูตจากอาเซียนที่พลอยเสียหน้า เสียภาพพจน์ไปด้วย....
ระหว่างที่เอกอัครราชฑูตและผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติขึ้นพูดแทนนั้น ท่านรัฐมนตรีจะเลี่ยงหลบไปนั่งในห้องน้ำของสหประชาชาติ เช่นเดียวกับนายกฯนอมินี เคยหลบไปนั่งห้องน้ำตลาด อตก. ไหม....?นายกฯอุปโลกน์ ไม่เดียงสา ไม่เข้าใจ และ ไม่สนใจความสำคัญของ'รัฐมนตรีต่างประเทศ' อาจจะด้วยคิดว่าคนอย่างตนยังได้เป็น'นายกรัฐมนตรี'เลย......!!!
ถ้านายกฯอุปโลกน์ คิดอย่างนั้น เขาต้องปรับความเข้าใจใหม่ ตำแหน่ง'นายกฯอุปโลกน์' นั้นแตกต่างกับตำแหน่ง 'นายกรัฐมนตรี'ที่ไม่มีอะไรห้อยท้าย แตกต่างจากนายกสมาคมฌาปนกิจศพด้วย....!!! รัฐบาลหมัก เมถุน เลือก'ทนายหน้าหอ'ของทักษิณ จำเลยหนีหมายจับศาลยุติธรรมไทย เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ประเทศไทยต้องสูญเสียปราสาทพระวิหารและดินแดนรอบด้านให้กับเขมร.....
นายกฯอุปโลกน์ เลือก'คนที่ไม่สมยอม' เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ประเทศไทยต้องให้นายกรัฐมนตรีประเทศเล็กๆอย่างเขมร เย้ยหยัน ดูแคลน เรียกร้องให้ประเทศสำนึกตัวเอง ยอมโอนให้สิงคโปร์หรือเวียตนามเป็น'ประธานหมุนเวียนอาเซียน'แทน...
ปล.ประธานหมุนเวียนอาเซียน ไม่ได้เป็นตำแหน่งแสดงความสามารถของผู้ดำรงตำแหน่งแต่อย่างไร เป็นแค่'ถึงรอบ' ก็ได้เป็นแล้ว....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
นายกฯเขมรแสดงอาการออกหน้า ไม่ยอมรับ ไม่เต็มใจให้เป็น........!!!