ท่าทางว่ากระทู้นี้จะไม่มีเนื้อหาอะไรเพิ่มเติมแล้วนะครับ
อย่างไรก็ตามขอให้เครดิต คุณ concordance democracy
ที่จุดประเด็นได้ดีขนาดผมต้องติดต่อสอบถาม สสร. โดยตรง
และทำให้ผมต้องไล่ค้นรัฐธรรมนูญ ย้อนไปถึงฉบับปี 2475
เกี่ยวกับประเด็นที่มาของรัฐมนตรี
ซึ่งทำให้ผมมั่นใจในประเด็นที่กำลังนำเสนอต่อสังคมมากขึ้น
ว่าเราควรผลักดันให้กำหนดที่มาของรัฐมนตรีไว้ในรัฐธรรมนูญ
ให้ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร
อีกจุดที่สำคัญและเพิ่งสังเกตเห็นก็คือตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2475
จนถึงรัฐธรรมนูญ 2550 มีการรวบอำนาจอธิปไตยฝ่ายบริหาร
ไว้กับคนเพียงกลุ่มเดียว ที่จะกำหนดให้ใครเป็น รัฐมนตรี ก็ได้
ซึ่งไ่ม่สอดคล้องกับพระราชประสงค์ ในหลวงรัชกาลที่ 7 ในการ
พระราชทานรัฐธรรมนูญ ตามที่ปรากฎในพระราชหัตถเลขาที่ว่า
"ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเปนของ
ข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่
ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด
โดยฉะเพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟัง
เสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร"[/color]
ทำให้ผมตั้งใจจะผลักดันแนวคิด ให้ประชาชนเป็นผู้กำหนด
"โควต้ารัฐมนตรี" โดยตรงผ่านการลงคะแนนเสียงเลือกพรรค
ที่มีอยู่แล้วในรัฐธรรมนูญ 2540 (ส.ส.บัญชีรายชื่อ) และใน
รัฐธรรมนูญ 2550 (ส.ส.สัดส่วน)
จากการพยายามติดต่อทุกฝ่าย (ส.ส.รัฐบาล/ส.ส.ฝ่ายค้าน/
ส.ว.สรรหา/ส.ว.เลือกตั้ง/พันธมิตร/นปก/ประชาชนทั่วไป)
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกคนที่ผมได้พูดคุยด้วย ต่างเห็นพ้อง
ในหลักการกับผมว่า...
วิธีการฟอร์มรัฐบาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันก่อให้เกิดปัญหา
และเห็นด้วยว่าการเลือกตั้ง ส.ส.สัดส่วน คือการเลือกพรรค
แต่กลับไม่มีการนำสัดส่วนคะแนนดังกล่าวมาใช้ฟอร์มรัฐบาล
โดยไปใช้จำนวน ส.ส.เขต แทนทั้งที่เป็นการเลือกตัวบุคคล
ผมคิดว่าเราไม่ควรให้นักการเมืองใช้วิธี Zero-Sum Game/
The Winner Take All รวบอำนาจไปต่อรองแบ่งเค้กกันเอง
โดยก่อปัญหาแตกแยกทางการเมืองในสังคมไทยอีกต่อไป
ผมเชื่อว่าเป็นไปได้ที่จะผลักดันเรื่องนี้ให้เป็นส่วนหนึ่ง
ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้ครับ
ขอบคุณครับ
จะขายรัฐธรรมนูญใหม่ต้องใส่ใจรสนิยมของคนไทย ถ้าอ่านตลาดออกก็ไปได้สวย
แบบอาหารฟาสฟูดแบนด์เนม พอมาถึงเมืองไทยก็ต้องเติมพริก เติมเกลือ แบบไทยๆ บางอย่างกลายเป็นลาบ+ส้มตำเบอร์เกอร์ (ฝรั่งเพื่อนผมมาเห็นยังงง) ไม่งั้นขายไม่ออก
The winner take all ผมแปลแบบหยาบๆว่า "มาด้วยกัน กินด้วยกัน คือ ไทยแท้" หรือ "ฉลากกินแบ่ง ดีกว่า ฉลากกินรวบ)
หากการเมืองเป็นแบบ"มาด้วยกัน กินคนเดียว หรือกลุ่มเดียว" อยู่อย่างนี้ ก็จะยุ่งขิงอยู่ตลอดไป
การเมืองไม่มีอะไรลึกซึ้งมากมาย ปลอกกล้วยเข้าปากง่ายกว่า การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ แค่แบ่งกันกินให้ลงตัวก็จบ
ไปดูเถอะ ประเทศที่เขาเจริญ การเมืองเขานิ่ง เพราะเขาแบ่งกันกินได้อย่าง win/win ก็แค่นี้เอง
"ชมรมประชาธิปไตยแบบสอดคล้อง"
http://www.cdthai.org/ ขอสนับสนุนครับ
ขมรมฯถือคติว่า
-ไทยทั้งผองพี่น้องกัน
-คนไทยคือครอบครัวเดียวกัน
-ยากดีมีจนก็แบ่งกันกิน แบ่งกันใช้
-คนไทยใจบุญ
-คนไทยยิ้มสวย
-คนไทยขอกันกินได้
-คนไทยน่ารัก
-ฯลฯ (คนไทยมีอะไรดีๆมากมาย เพียงแต่เราไม่ค่อยได้เอาสิ่งที่ดีๆมาคุยกัน เอาแต่เรื่องร้ายๆมาคุยกัน ผมแนะนำให้อ่านหนังสือเรื่อง The Secret Attraction ทั้งเรื่องก็แค่หลักพุทธที่ว่า "คิดแต่ในสิ่งที่ดี ทำแต่ในสิ่งที่ ผลที่ได้ก็จะมีแต่สิ่งดี" เท่านั้นเอง )
-ผมคิดว่าการเมืองไทยแก้ไขได้โดยเริ่มต้นที่แนวคิดแบบ The Secret Attraction หรือหลักพุทธดังกล่าว
-เวลานี้ผมมองทุกฝ่าย ไม่ว่าพันทะมิด นปก. พรรคทุกพรรค คนไทยทุกคน รวมถึงคุณทักษิณ คนที่เกลียดคุณทักษิณ รวมถึงพี่น้องที่เล่นบอร์ด แบบเมตตาสงสาร แบบญาติมิตร ผมเห็นว่านั่นเป็นจุดเริ่มที่ผมจะมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาบ้านเมือง
-พรุ่งนี้ผมไม่ไปเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม. เพราะผมรักทุกคน เลยแบ่งคะแนนไม่ถูก ใครได้ก็ยินดีด้วย ใครไม่ใด้ก็ยินด้วย (ทั้ง 13 คน เป็นคนดีทั้งนั้น น่าที่จะตกลงกันได้ว่าใครควรจะเป็นผู้ว่า กทม. ในเมื่อตกลงกันไม่ได้ ผมก็จนปัญญาที่จะไปช่วยอะไรพวกเขา)