ซวยแน่ 3 เกลอ และพวกพ้อง
คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ บอกไม่ผิด ไม่นำมาอ่าน
ท่าทางจะไปไม่รอดแล้ว...คุก คุก คุกตามไปอ่านในราชดำเนินhttp://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7011778/P7011778.html
มติชนผู้สื่อข่าว"มติชนออนไลน์"รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา นางทีปสุรางค์ ภักดีธนากุล ภรรยานายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวีระ มุกสิกพงศ์ ที่ 1 นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนากยรัฐมนตรี ที่ 2 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ที่ 3 นายเอนก เรืองเชื้อเหมือน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ ที่ 4 นายสุริยงค์ หุณฑสาร รักษาการผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 (เอ็นบีที) ที่ 5 นายเผชิญ ขำโพธิ์ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่ 6 เป็น จำเลยต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในคดีหมิ่นประมาท(คดีหมายเลขดำ 2635/2551)
ทั้งนี้ เนื่องจากจำเลยที่ 1-3 ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการ"ความจริงวันนี้"ใน เอ็นบีทีกล่าวหมิ่นประมาทโจทก์ในรายการดังกล่าว จึงขอให้จำเลยทั้งร่วมกันโฆษณาคำพิพากษาของศาลในหนังสือพิมพ์รายวัน 7 ฉบับตามที่โจทกืกำหนดติดต่อกันและชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมด
คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2551 เวลาประมาณ 22-23 นาฬิกา จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 (นายวีระ นายณัฐวุฒิ และนายจตุพร)ได้ร่วมกนจัดรายการ "ความจริงวันนี้" ทางเอ็นบีที ช่อง 11 โดยสมคบกันกล่าวข้อความหมิ่นประมาทโจทก์
จำเลยที่ 2 (นายณัฐวุฒิ)นำคำพิพากษาของศาลจังหวัดสงขลา ที่ถูกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์พิพากษากลับแล้วมาอ่านออกอากาศโดยไม่มีเหตุที่จะนำมาอ่านออกอากาศ ซึ่งคำพิพากษาของศาลจังหวัดสงขลา มีข้อความหมิ่นประมาทโจทก์
ในระหว่างที่นำคำพิพากษาของศาลจังหวัดสงขลามาอ่านในช่วงที่ศาลสรุปคำฟ้องนั้น จำเลยที่ 2 ยังได้พูดเพิ่มเติมถึงโจทก์ว่า "ปรากฏการณ์แบบนี้ ใครๆ ก็ฟังออกครับว่า มันไม่ชอบมาพากล พูดกันตรงๆ ก็คือมันจะมีการโกงที่ดินแปลงนี้แหละครับ" และได้ยืนยันว่า ข้อความที่ฟ้องเป็นความจริง โดยพูดว่า "ท่านผู้ชมครับ หากเรื่องนี้ที่มีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริงทั้งหมด" อันมิใช่ข้อความในคำพิพากษาของศาลจังหวัดสงขลา และเป็นข้อความอันเป็นเท็จ
นอกจากนี้ จำเลยที่ 1(นายวีระ) ยังได้พูดเพิ่มเติมว่า "ในฐานะที่มีมูลค่าสูงขึ้น นี่คือคำพิพากษา เรื่องนี้จะไปศาลอุทธรณ์ กับศาลฎีกาอย่างไรก็สุดแล้วแต่ แต่ข้อเท็จจริงที่ผ่านมานั้น เป็นข้อเท็จจริงที่พลิกผันไม่ได้แล้ว แต่ในทางกฎหมายจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงนั้นไม่สามารถที่จะพลิกผันได้แล้ว" อันเป็นการยืนยันว่า ข้อเท็จจริงตามที่ศาลจังหวัดสงขลาฟังมานั้น เป็นความจริงที่ยุติแล้ว ซึ่งเป็นความเท็จ เพราะศาลอุทธรณ์และศาลฎีกายังสามารถฟังข้อเท็จจริงเป็นอื่นได้ ซึ่งปรากฏว่า ในวันเวลาดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลจังหวัดสงขลา( เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2549 )โดยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่ได้โกงที่ดินตามที่ศาลจังหวัดสงขลาตัดสิน
จำเลยทั้งสามจึงร่วมกันนำข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อ่านออกอากาศในสถานีโทรทัศน์ และแสดงความเห็นเพิ่มเติม โดยเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริง นำเอาคำพิพากษาที่ถูกศาลลงพิพากษากลับแล้ว มาอ่านออกอากาศ โดยอ้างว่า เป็นประเด็นเปรียบเทียบกับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรม ซึ่งความจริงแล้ว คดีของโจทก์ที่ไม่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ทำให้ผู้ชมเอ็นบีที ช่อง 11เข้าใจว่า โจทก์เป็นคนไม่ดี โกงที่ดินของบุคคลอื่น ซึ่งไม่เป็นความจริงโจทก์ไม่เคยโกงทรัพย์สินของผู้ใดเลย
"การกระทำของจำเลยทั้งสามทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง จากผู้ที่ชมรายการดังกล่าว และเป็นการกระทำผิดมาก่อนหลายครั้งหลายหนแล้วซึ่งโจทก์ใช้ความอดทนไม่ดำเนินคดี แต่จำเลยทั้งสามยังคงไม่ยอมหยุดการกระทำความผิด"คำฟ้องระบุ
สำหรับจำเลยที่ 5 (รักษาการผู้อำนวยการเอ็นบีที)และจำเลยที่ 6(อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์) มีหน้าที่ควบคุมการออกอากาศกลับละเลยไม่ควบคุมหรือห้ามปรามให้หยุดกระทำจึงถือได้ว่า จำเลยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 -3
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2551 เเลยที่ 4 ในฐานะบรรณาธิการ ได้นำข้อความที่จำเลยที่ 1 - 3 ร่วมกันพูดในรายการ ลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันประชาทรรศน์โดยมีเจตนาให้ผู้อ่านหนังสือพิมพ์รายวันประชาทรรศน์ เข้าใจว่า โจทก์เป็นคนไม่ดี โกงที่ดินของบุคคลอื่น ซึ่งไม่เป็นความจริง โจทก์ก็ไม่เคยโกงทรัพย์สินของผู้ใดเลย
นายสมผล ตระกูลรุ่ง ทนายความผู้รับอำนาจจากนางทีปสุรางค์ กล่าวว่า ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 8 ธันวาคม 2551 เวลา 10.00 น. ส่วนเรื่องที่มีการโจมตี คุณทีปสุรางค์ โกงที่ดินนั้น อยากฝากข้อสังเกตว่า ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ มีการโอนที่ดินตั้งแต่ปี 2538 แต่มีการฟ้องปี 2540 ทำไมดำเนินการช้า และประเด็นสำคัญคือ ตลอดเวลา 2 ปี ไม่ได้มีการโอนที่ดินให้ผู้ใดหรือติดภาระใดๆ แต่มีการถมที่ไว้ด้วย ถ้ามีการโกงมาจะถมหรือเก็บที่ดินไว้รอให้เจ้าของมาฟ้องหรือไม่