ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-02-2025, 02:02
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  คุณคิดว่าระบอบทักษิณจะอยู่คู่สังคมไทยอีกกี่ร้อยกี่พันปี?!? 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: 1 [2]
คุณคิดว่าระบอบทักษิณจะอยู่คู่สังคมไทยอีกกี่ร้อยกี่พันปี?!?  (อ่าน 3843 ครั้ง)
numdee
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 116



« ตอบ #50 เมื่อ: 17-09-2008, 13:11 »

อ้างถึง
นึกไม่ออกเลยว่าการอยู่แบบหมาๆนี่เป็นอย่างไร? จนกระทั่งเห็นสภาพราวตากผ้าถุง กางเกงใน เสื้อยืดเหี่ยวๆตากแดดในทำเนีบขณะนี้...ชัดเลย!!
โถๆๆๆ แอบไปอุดหนุนอาแป๊ะกะทิมาก็ไม่บอก ทำเป็นกระมิดกระเมี้ยนสงสัยจะไปแอบสอยผ้าถุงเอาไว้ใช้คลุมหน้า ตอนที่นายใหญ่ติดคุกหล่ะสิ 
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #51 เมื่อ: 17-09-2008, 13:39 »

ระบอบทักษิณอยู่นานๆ ยิ่งดี

สาวกพันธมารจะได้มีข้ออ้างครอบครัว หนีไปมั่วเซ็กส์กันได้  

พวกสาวกพันธมารมันเบื่อง่ายไม่ชอบจำเน หนีผัว หนีเมียไปจับคู่กันในม๊อบ

บางคนเวลาน้อย เลยถุงยางเกลื่อนทำเนียบ 




"รักระหว่างรบ:เรื่องอื้อฉาวคาวโลกีย์(ต่ำกว่า18ปีห้ามอ่าน)  

โดย คุณอ่างขาง
ที่มา สถานีวิทยุออนไลน์www.pre-dawn.org
11 กันยายน 2551



กลิ่นคาวคุคลุ้งไปทั่วบริเวณ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ทั้งกางเกงใน ถุงยาง กระดาษทิชชู อยู่กองเต็มไปหมด จำลองถึงกับโกรธผมตั้ง ตะโกนด่าอย่างมีอารมณ์ไล่ออกไปทันที เรื่องกำลังจะบานปลายไปกันใหญ่ เมื่อจำลองจะเปลี่ยนการ์ดใหม่ สนธิลิ้ม ออกมาระงับศึก และต้องยอมกัดฟันตนเอง ประกาศบนเวทีอย่างไม่อายเมื่อบ่ายวันนี้ “ต่อไปนี้ห้ามเด็ดขาด ห้ามไม่ให้ใครไปที่ตึกสอง”...


“รักระหว่างรบ”(ตอนที่1): ลิ้มสนธิประกาศลั่นห้ามเข้าตึกกองบัญชาการสอง

หลัง จากจู๋จี๋กันบนท้องถนนกันแล้ว
เหล่าบรรดาสาวกลิ้ม ก็ชักชวนกันไป ดูดดื่มความรักต่อที่ริมคลอง
ป้าลุงคู่ไหนที่พอมีเงิน ก็เช่าแท็กซี่ไปหาความสำราญกันในที่ลับได้
แต่..คู่ไหนไม่มีเงินพอก็ ใช้วิธี ตาดูคนก้นติดดินแทน
หนังสดที่เหี่ยวๆมีให้ดูเป็นประจำแถวริมคลอง เมื่อเวลาย่างเข้าวันใหม่แล้ว
หลายคนเป็นผีขนุนคลองหลอดและสนามหลวง แอบมาทำมาหากินกลายเป็นนักประท้วงอาชีพไป มีเงินใช้มีอาหารกิน อยู่สบายเป็นล่ำเป็นสัน

เรื่องนี้เหล่าการ์ดใบกระท่อมรู้ดี และถือว่าเป็นโบนัสของการทำงานอีกส่วนหนึ่งไปด้วย
เด็กวัดสายมหาจำลองเห็นมาหลายครั้ง สุดทน รายงานเรื่องนี้ให้เจ้านายทราบ
มีเรื่องที่แย่กว่านั้นเข้าไปอีกเมื่อเหล่าคุณป้าผู้เคร่งธรรมะ เกิดใจแตกหนีบรรดาพระนอกรีดที่ไม่มีน้ำยา ไปหาบริการ ริมคลองแบบนี้บ้าง
และที่สุดก็ระเบิดกันออกมา นักรบใบกระท่อมกับเด็กวัดสายจำลอง ก็ตีกันเอง

หลังจากบุกยึดทำเนียบได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตึกกองบัญชาการสอง ที่อยู่ไกลจากผู้ชุมนุม จึงกลายเป็นแดนสวรรค์ ของหนุ่มเฒ่าสาวชรา ไปโดยปริยาย
และแล้วเรื่องก็เกิดขึ้นมาจนได้
เมื่อเด็กวัด จูงมือพลตรีจำลองไปดูด้วยตาตนเอง
ป้าๆทั้งหลายที่ตามพระมา ทำอะไรกันบ้าง

กลิ่นคาวครุคลุ้งไปทั่วบริเวณ อย่างอื่นไมต้องพูดถึง ทั้งกางเกงใน ถุงยาง กระดาษทิชชู อยู่กองเต็มไปหมด จำลองถึงกับโกรธผมตั้ง ตะโกนด่าอย่างมีอารมณ์ไล่ออกไปทันที
เรื่องกำลังจะบานปลายไปกันใหญ่ เมื่อจำลองจะเปลี่ยนการ์ดใหม่
สนธิลิ้ม ออกมาระงับศึก และต้องยอมกัดฟันตนเอง ประกาศบนเวทีอย่างไม่อาย
เมื่อบ่ายวันนี้
“ต่อไปนี้ห้ามเด็ดขาด ห้ามไม่ให้ใครไปที่ตึกสอง”พร้อมชี้มือประกอบ

หลายคนหัวเราะกัน คิคิ หลายคู่แอบสบตากัน
เสียงป้าคนหนึ่งบ่นขึ้นมา เบาๆ “โธ่ไอ้ลิ้ม เอ็งนั่นแหละตัวดี เปิดห้องแอร์เลย”
เสียงคุณยายอีกคนหนึ่งบ่นขึ้นมาบ้าง “ทำอย่างนี้แล้ว จะมีคนเฝ้าม็อบเหรอ”
เสียงการ์ดใบกระท่อม บ่น “โห..เห็นแก่ตัวชิบ”

ครับก็ว่ากันไป “รักระหว่างรบ”
ทำเนียบรัฐบาลไทย คือที่ผลิตพลเมือง
เป็นเกียรติกับประเทศไทยดีแท้ๆครับ

รักระหว่างรบ(ตอนที่2):ปอง ตั้ว ม็อบกิเลสหนา ตัณหากลับ

เบื้องหลังผู้คนจากภูเก็ต ยกพลกลับบ้านกว่า300คน เมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมา
เกือบเป็นเหตุให้ มีเรื่องราวใหญ่โตเกิดขึ้น เมื่อการ์ดนักรบใบกระท่อม กระโดดเข้ามาขวางมิให้เดินทางกลับ พร้อมกล่าวหาว่าผู้นำพา เป็นคนของรัฐบาล

เช้าวันนั้น..
ป้าปอง ..พิธีกรปากกล้าบนเวที พูดที่ไรเป็นได้เฮ เพราะป้าแกเจาะถึงใต้กระโปง ใต้กางเกง ของดาราที่ไม่ให้ความร่วมมือกับพันธมิตร ได้ทุกครั้ง

ป้าปอง..ขึ้นเวทีเหมือนเช่นเคย แต่ครั้งนี้ ใบหน้าของแกถูกพอกไปด้วยแป้งที่หนาเตอะ ริ้วรอยที่เหี่ยวย่นหามีไม่ ขอบตาล่างที่มีถุงน้ำใต้ตาก็ไม่ปรากฏ ใบหูถูกแขวนด้วยต่างหูเพชรที่ยาวใหญ่ เปิดผมอันพะลุงพะลังของป้าแกรวบไว้ด้านหลัง เพื่อให้คนดูได้เห็นต่างหูอันยาวใหญ่นั้น

ด้วยใบหน้าที่หาคนปั้นได้ยาก
ป้าปอง ขึ้นเวทีมาแล้วยืน เกรี้ยวกราดไปที่ไมค์ ตะโกนอย่างคนเสียสติ
“พี่น้องคะ ห้องน้ำหญิงของเราโสโครกเหลือเกิน ต่อไปนี้ ให้ทุกคนช่วยทำความสะอาดด้วย” สายตาก็มองไปยังสตรีกลุ่มหนึ่งที่กระจุกตัวอยู่ริมอาคาร ทำเนียบ

“ถ่ายกันเองเลอะเทอะไปหมด เหม็นก็เหม็น ไม่ทำความสะอาดไม่รู้อยู่กันได้อย่างไร” ครั้งนี้ชี้มือไปยังสุภาพสตรีกลุ่มนั้นด้วย

เมื่อไม่เห็นเสียงตอบออกมา แถมยังมีบางคนเบือนหน้าหนี บางคนแบะปาก เมื่อป้าปองพูด
ป้าปองสุดทน คำพูดที่อดกลั้นจึงปรากฏ “ต่อไปนี้ ใครที่มาขอลายเซ็นไม่ต้องมากันแล้ว นอนอยู่กับบ้านเฉยๆ”

คำพูดป้าปองได้ผล คนกลุ่มนั้น ก็กลับบ้านจริงๆในบ่ายวันนั้นเอง

แท้จริงเป็นอย่างไร? ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร?

ค่ำคืนวันศุกร์ วันแห่งการชุมนุมใหญ่ เหล่าสาวกต่างทยอยเดินทางเข้ามาร่วม ทั้งต่างจังหวัด และในกทม.เอง เป็นเช่นนี้มานานแล้ว
เป็นวันที่ สาวแก่แม่หม้าย ต่างแต่งตัวมาอวดโฉมประชันขันแข่งกัน หน้าเด้งบ้างหน้าเหี่ยวบ้างแล้วแต่อัตภาพของแต่ละคน
มีดารามาปรากฏกายในค่ำคืนวันศุกร์อย่างสม่ำเสมอ ดาราที่ขึ้นคานเหล่านั้นจะเป็นกันเองมากๆกับคุณป้าคุณยายทั้งหลาย แจกรายเซ็นกันอย่างทั่วถึง ไม่รู้จักเหน็ดรู้จักเหนื่อย มีคนถือ กล่องบริจาคเงินเดินตามหลัง
ใครอยากได้หน้า ให้ดาราสนใจ ก็ควักแบ็งค์พันกันออกมาเป็นปึกๆ หย่อนลงในกล่องบริจาค
แล้วก็ขอจับแก้มดาราคนนั้น ที่สนิทหน่อยก็ถือโอกาสหอมแก้มกันไปเลย
เหล่าไฮโซ โลโซ เหมือนกันหมด หรือ คุณยายศักดินาก็ไม่เว้นที่จะมาหาเศษหาเลย เรื่องนี้ด้วย

พระเอกหัวกลมแซ่ลิ้ม หมดสิทธิ์เพราะมีคุณป้าศักดินาหน้าเด้งท่านหนึ่งมานั่งเฝ้าทุกค่ำคืน ขืนพระเอกหัวกลมแซ่ลิ้มทำตัวเหลวไหล คุณป้าท่านนั้นเอาเรื่องแน่ เงินที่บริจาคอย่างสม่ำเสมอ ก็ จะอดไปด้วย


ลุงตั้ว..อดีตดาราดัง ล่าสุดเล่นหนังใหญ่ได้ซาดิสมากๆ ในบทไอ้***มเที่ยวข่มขืนหญิงสาวในห้องน้ำ ภายในโรงภาพยนตร์ บทนี้เป็นที่ประทับใจเหล่าพวกคุณป้าผัวหมดน้ำยาทั้งหลายเป็นอย่างมาก หลายคนอยากเป็นคนที่ลุงตั๋ว ข่มขืนบ้าง
ลุงตั๋ว มาปรากฏกายที่ม็อบได้ถูกที่ถูกเวลา ด้วยวัยของลุงตั๋วที่เหมาะสมกับคนในม็อบด้วย ด้วยอดีตที่เคยโด่งดังของลุงตั้ว ที่คุณป้าทั้งหลายยังเป็นวัยเอ๊าะๆกันอยู่ด้วย ลุงตั้วจึงกลายเป็นขวัญใจสาวๆในม็อบไปโดยปริยาย

คืนวันนั้น
ฝนตกหนัก เต้นพังพินาศ น้ำท่วมเต็มพื้นที่ กลิ่นเหม็นมากๆ ไปทางไหนก็มีแต่ขยะลอยฟ่องเต็มไปหมด
เหล่าบรรดาสาวกจำต้องหอบหิ้วเข้าไปในอาคาร ทำเนียบรัฐบาลเพื่อหลบฝนและเป็นที่พักอาศัยในค่ำคืนนั้น หลายคนไปแออัดอยู่รวมกัน

แน่นอนเบื้องต้นก็ด้วยอุดมการณ์ ทุกคนเสมอภาค มิวายที่ลุงตั้วกับป้าปอง ก็หลบอยู่ในที่นั้นด้วย
เพื่อเห็นใจผู้ที่มาชุมนุม ลุงตั้วก็ทำตัวสนิทชิดเชื้อ กลืนกับม็อบในคืนนั้นไป ป้าปองจากขวัญใจก็ถูกทิ้งให้เคว้งคว้าง อยู่คนเดียวขาดความสนใจ เพราะบรรดาผู้หลบฝนส่วนใหญ่มักเป็นสตรี

ป้าปองงีบหลับไป ลุงตั้วหายไปแล้ว และ กลุ่มผู้ชุมนุมสาวๆบางส่วนก็หายไปด้วย
“ตั้วๆ ๆ จ้า ตั้วอยู่ที่ไหน” เสียงป้าปองเรียกหา แต่ไม่มีเสียงตอบ

ป้าปองพยายามถามหาแต่ก็ไม่มีใครเห็น เป็นเช่นนี้จนกระทั้งเกือบรุ่งสาง จึงได้พบลุงตั้วนอนหลับ อิงกายอยู่กับบรรดาสาวๆเหล่านั้นในห้องชั้นบนที่เปิดแอร์ของ อาคารทำเนียบรัฐบาลนั่นเอง

ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้ป้าปอง สุดจะอดกลั้น
เสียงเกรี้ยวตวาดออกจากปากป้าปอง “ใครๆๆกันใช้ให้พวกหล่อนเข้ามาในห้องนี้ พวกหล่อนเข้ามาได้อย่าไร ไปลงไปให้หมด เดี๋ยวฉันจะเรียกยามมาไล่พวกหล่อน” จากนั้นป้าปองตรงเข้าไปกอดลุงตั๋วอย่างทนุถนอม ประคองลุงตั้วไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา

เมื่อเปิดเข้าไป ป้าปองแทบผงะห้องน้ำเลอะเทอะไปหมด ทั้งอึทั้งฉี่ เหม็นคลุ้งอบอวลอยู่ตรงนั้น เหตุเพราะน้ำประปาไม่ไหล และ ท่อระบายน้ำตัน

ป้าปองสุดทน เสียงเหลมลึกจากป้าปอง จึงเกิดขึ้นอีก “วันนี้เป็นไงเป็นกัน นางพวกนี้อยู่กับฉันไม่ได้”

และแล้วในเช้าวันนั้นที่เอเอสทีวี ถ่ายทอดสดให้คนได้ดูกันทั้งโลก
จึงปรากฏภาพที่ป้าปองเกรียวกราดออกมาแบบนั้น ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

รักระหว่ารบ อีกแล้ว...
สาวๆในม็อบต่าง งงงวย ป้าปองธาตุแท้เป็นอย่างนี้เองหรือ
สาวหนึ่งพูดขึ้นมา “ถ้าอยู่ต่อ งานนี้มีตบแน่ กลับกันดีกว่าพวกเรา แล้วอย่าให้เห็นอีกนะไอ้พวกม็อบ บ้าตัณหา” อีกเสียงหนึ่งบ่นบ้างว่า “เชอะ!ปากนะเที่ยวด่าชาวบ้านเขา ตัวเองนะเป็นยังไงไม่พูดออกมาบ้าง”

ป้าปอง กับ ลุงตั้ว จะลงเอยกันหรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไปครับ
แต่ที่แน่ๆ บ่ายแก่ๆวันนั้นเอง ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าจึงได้เห็น
คนกว่า300 คนขึ้นรถบัสปรับอากาศกลับภูเก็ต ไป

รักระหว่างรบ(ตอนที่3):ปองแก้ตัว ถุงยางที่เกลื่อนบนพื้นในทำเนียบ

ข่าวคาวโลกีย์ ของม็อบผู้ชราปิดไม่มิด ได้ถูกนำออกมาเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง
เรื่องที่พูดไม่หยุดอยู่ในขณะนี้ ก็น่าจะเป็นเรื่องของถุงยางอนามัย ที่พบมากเหลือเกินและเมื่อครั้งที่น้ำท่วมในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ถุงยางพวกนี้ก็เป็นเหตุให้เข้าไปอุดตันในท่อระบายน้ำ
หลังจากที่มีการล้างท่อแล้ว พบสิ่งนี้มากที่สุด

เช้าวันนี้ ป้าปองจึงบากหน้าออกมาแก้ตัวทาง เอเอสทีวี แก้ต่างให้ตนเองและเหล่าสาวก มักมาก

ตอนหนึ่งป้าปองกล่าว “ไม่เข้าใจตึกสันติไมตรี มีอะไรกันนักหนา ทำไมนักข่าวจึงสนใจกันนัก” ป้าปองทำหน้าเชิดขึ้นแล้วหันไปมองกล้องหลิ่วตาอย่างผู้ไม่แยแส

ป้าปองบรรยายต่อเพื่อให้เห็นภาพ พวกตำรวจลากเอาเก้าอี้ โต๊ะประชุม ที่ใช้ในการรับแขกบ้านแขกเมือง นำมาต่อเรียงๆกันแล้วขึ้นไปนอน รองเท้าก็ไม่ถอดย่ำไปบนพรมทั้งอย่างนั้น แต่ที่สะดุดตามากก็คือ มีกางเกงในผู้หญิงตากอยู่ที่นั้นด้วย ป้าปองยืนยันว่าตนเองมีภาพถ่าย และพร้อมที่จะโชว์ให้นักข่าวดู ว่า ในห้องงาช้างที่สง่างามไว้รับแขกบ้านแขกเมือง นั้น ใครกันแน่ที่ทำให้ห้องนั้นกลายเป็น ห้องมั่วสุมกันไป

“ถุงยางอนามัยที่เกลื่อนกราดพื้นเป็นฝีมือของใครกันแน่” ป้าปองกล่าวไปก็ขยับก้นไป ด้วยรูปร่างที่หนาอวบใหญ่จนสะโพกล้นออกมาจากเก้าอี้ แต่มิวายที่จะแอบชำเรืองกล้อง เพื่อมิให้กล้องโคลสภาพเข้ามาใกล้ๆตนเองและเห็นใบหน้าที่พอกด้วยแป้งเพื่อลบรอยตีนกา

จากคำพูดของป้าปอง แสดงให้เห็นว่า
เป็นเรื่องจริงทั้งหมด ที่มีการเสพกามกันในทำเนียบรัฐบาล และไม่ใช่แอบทำด้วย ทำกันอย่างเปิดเผยหลายคนรับรู้ สถานที่ป้าปองก็ระบุชัดเจนว่าที่ไหนในข้ออ้างของป้าปอง ว่าเป็นการกระทำของตำรวจ ทั้งที่ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าตำรวจไม่ได้เข้าไปรักษาทำเนียบนานมากกว่าสองสัปดาห์แล้ว

ผู้เขียนเอง.. อยากเป็นนักข่าวจัง อยากไปถามป้าปองว่า

1.จากคำพูดป้าปอง ที่บอกว่าตำรวจมีแต่ผู้ชาย
ถามว่า..แล้วผู้หญิงที่ไปนอนกับตำรวจ มาจากไหน ?
2.มีคนปกติธรรมดาที่ไหนบ้างที่จะนำพาผู้หญิงเข้ามานอน เพื่ออวดโชว์ให้ผู้อื่นรับรู้ ทั้งที่โรงแรมม่านรูดก็มีเกลื่อนกรุง
3.ภาพถ่ายที่ป้าปองมี ถามว่าใครถ่าย ? พวกตำรวจถ่ายเองแล้วส่งให้ป้าปองอย่างนั้นหรือ
4.ทำไมก่อนหน้านี้ ป้าปองจึงไม่เปิดเผย ทั้งที่เรื่องที่กล่าวอ้างได้เกิดขึ้นมาเกินสองอาทิตย์แล้ว
5.จำภาพจาก เอเอสทีวีเองได้ไหม กลุ่มสาวๆของพวกม็อบเองใช่ไหม ที่วิ่งกรูเข้าไปยื้อยุดฉุดตำรวจขอลายเซ็นกัน หลังจากที่เข้าไปในทำเนียบแล้ว
ถามว่า..สาวๆพวกนั้นชื่นชมอะไรตำรวจนักหนา ถึงได้กระทำการฉีกหน้าผู้นำม็อบได้ถึงขนาดนั้น หรือ สาวๆพวกนั้น มองเห็นอะไรบางอย่างในตัวตำรวจกันแน่
6.เมื่อกลุ่มตำรวจพวกนั้นได้ออกไปแล้ว ใคร กลุ่มไหน เข้าไปยึดห้องงาช้างเป็นที่หลับนอน หลักฐานที่พบเป็นถุงยางอนามัยที่เกลื่อนกราด คนที่หลับนอนอยู่ขณะนี้ไม่รังเกียจบ้างหรือ ทำไมไม่เก็บกวาดออกไปให้หมดก่อน
และตำรวจทิ้งหลักฐานเอาไว้ทำไม

แต่พอมีเรื่องฉาวโฉ่เกิดขึ้น พวกม็อบจึงต้องออกมาโทษว่าเป็นของตำรวจ

อีกด้านหนึ่ง ของม็อบ
พล.ต. จำลองกับการ์ดใบกระท่อม ยังคาใจไม่เลิก
เย็นวาน จำลองเดินตรวจการ์ดด้วยตนเอง พร้อม ส่งปลดไปหลายคน ด้วยข้อหาพกพาอาวุธ
มันก็น่าแปลกตรงที่ว่า อาวุธที่การ์ดใบกระท่อมใช้อยู่ มันก็คืออุปกรณ์ส่วนใหญ่ ที่จำลองเอามาอวดนักข่าวนั่นเอง แต่ พวกยาเสพติด จำลองกลับไม่ใส่ใจที่จะเอามาเป็นข้ออ้างในการปลดการ์ด
แท้จริง จำลองไล่การ์ดใบกระท่อมบางคนออกเพราะเรื่องอะไรกันแน่ ใช่เรื่องที่การ์ดใบกระท่อมพาลูกเมียของสันติอโศกไปหลับนอนหรือไม่

ข่าวเรื่อง โลกีย์ในม็อบคงไม่จบสิ้นแค่นี้ ยังคงมีอีกหลายตอนให้พูดถึง

แต่..เหตุอาเพศได้เกิดขึ้นแล้วในทำเนียบ หลังจากพวกผู้ดีผสมไพร่ ใช้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เริงรมย์กันอย่างเมามัน
ฟ้าพิโรธจัด ผ่ามายังทำเนียบ ในค่ำคืนที่สุดโหดนั้น จนทำให้ผู้คนแตกตื่นไปทั่ว เวทีพังทลายลง

ลูกเห็บที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ได้เกิดขึ้นแล้วในทำเนียบรัฐบาล
ตัวเงินตัวทอง ถึงกับกล้าขึ้นมานอน เคียงคู่กับผู้ชุมนุมอย่างหน้าตาเฉย เหมือนเป็นพวกเดียวกัน
ปลาที่เลี้ยงไว้ ถึงขนาดกลั้นใจตายกันเป็นทิวแถว

ฤา..สิ่งบอกเหตุเหล่านี้ เป็นอำนาจศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ในเมื่อบ้านเมืองมันกลับด้าน คนดีกลายเป็นเลว คนเลวกลับกลายเป็นคนดี
ในเมื่อคนทำอะไรกันเองไม่ได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงช่วยจัดการให้"
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #52 เมื่อ: 17-09-2008, 13:44 »

โถๆๆๆ แอบไปอุดหนุนอาแป๊ะกะทิมาก็ไม่บอก ทำเป็นกระมิดกระเมี้ยนสงสัยจะไปแอบสอยผ้าถุงเอาไว้ใช้คลุมหน้า ตอนที่นายใหญ่ติดคุกหล่ะสิ 



"มาแล้วรักระหว่างรบภาคล่าสุด( ตอน4 ):ต่ำกว่า18ปีห้ามอ่าน ควรใช้วิจารณญาณเพราะติดเรต  

โดย คุณอ่างขาง
ที่มา สถานีวิทยุออนไลน์www.pre-dawn.org
16 กันยายน 2551

รักระหว่างรบ( ตอนที่ 4 ):สื่อ..แฉถุงยางเพียบแต่ปอง มีความสุข

เดลินิวส์ลงข่าวว่า"พบถุงยางลอยเกลื่อนทำเนียบ"(คลิ้กอ่านข่าวที่นี่)โดยเนื้อข่าวระบุว่า ความคืบหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 13ก.ย. บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯช่วงเช้า เป็นวันที่เงียบเหงามาก เพราะฝนได้ตกอย่างต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืนติดต่อกันสามวันสามคืน ทำให้ผู้ชุมนุมบางตามากแม้เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ตาม รวมทั้งการชุมนุมที่ยืดเยื้อและสภาพอากาศที่แปรปรวนผู้ชุมนุมจำนวนมากต้องกลับไปพักผ่อนที่บ้านหลายวัน เนื่องจากมีอาการป่วยส่วนใหญ่เป็นโรคทางเดินหายใจ

ซึ่งวันนี้มีผู้ชุมนุมได้รับยาจากเต้นพยาบาลตลอดทั้งวัน รวมทั้งการปราศรัยบนเวทียังไม่มีการเปิดประเด็นใหม่ มีเพียงการนำข่าวมาเล่าและพูดจาเหน็บแนมด่าทอรัฐบาลของนางสาวอัญชลี ไพรีรักษ์ พิธีกรตลอดช่วงเช้า สำหรับเวทีมัฆวาน ไม่มีการจัดกิจกรรมใดๆ ทำให้ผู้ชุมนุมที่ปักหลักได้แต่นอนพักผ่อนตามเต้นท์ และสังเกตเห็นว่าบริเวณท่อระบายน้ำหน้าประตูทำเนียบ ประตูที่8 มีถุงยางอนามัยใช้แล้วลอยเกลื่อนขึ้นมาเพราะน้ำระบายไม่ได้....

จากข่าว มันบอกอะไรได้บ้าง
1. ผู้มาชุมนุมแทบไม่เหลือแล้ว โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
2. ภายในทำเนียบรัฐบาล น้ำเจิ่งนองไปหมดระบายไม่ทัน
3. มีการมั่วสุมกันเสพสุขกันเอง โดยอาศัยทำเนียบฯเป็นเรือนรัก

ข่าวที่ลงแบบนี้
ตามปกติ ป้าปองไม่เอาไว้แน่ ต้องออกมาอาละวาดฟาดฟันให้เห็นดำเห็นแดงไปข้าง
เดลินิวส์โดยเฉพาะนักข่าวคนที่เขียนข้อความนี้ ต้องถูกจิกหัวออกมาด่าอย่างละเอียดยิบ ลูกเต้าเหล่าใคร เรียนจบที่ไหน เคยมีแฟนมาแล้วกี่คน ปัจจุบันเป็นอย่างไร ถ้าหาเหตุไม่ได้ ป้าปองก็จะโยงไปว่า ได้ข่าวว่าครั้งหนึ่ง เคย มีอะไรกับใคร แล้วคนนั้นไม่เอา อะไรปานนั้น

แต่วันนี้มาแปลก
เมื่อเช้า ป้าปอง ท่าทางมีความสุขมากกับการอ่านข่าว ไม่หงุดหงิดเหมือนที่ผ่านมา
หลายท่านสงสัยว่า ทำไมป้าปองวันนี้ช่างมีความสุขเหลือเกิน มีอะไรเกิดขึ้นหรือ?
ทั้งที่ผู้ชุมนุมเหลือน้อยเต็มที อีกทั้งบริเวณในทำเนียมก็เหม็นคลุ้งไปหมด

จากปากการ์ดใบกระท่อม
เมื่อสายข่าวของเราที่ต้องทนเหม็นอยู่ในนั้นรายงานว่า ควักเงินจ่ายเป็นค่าข่าว500บาท เราจึงได้ถึงบางอ้อ ว่าที่แท้ป้าปองมีความสุขเพราะอะไร

เสียงกระซิบดังมา “โห..เมื่อคืนมีหนังสดให้ดูจะๆเลย พระเอกตัวจริงแสดงเองด้วย เก้าอี้ต่อกันสามตัว”
สายข่าวของเราได้แต่ยิ้มและพยักหน้า ไม่กล้าถามต่อไปอีก เพราะกลัว

แต่การ์ดผู้อวดรู้แถมข่าวให้อีก
เมื่อคืนที่ผ่านมา ป้าปอง ไม่ต้องระแวงกับคู่แข่งอีกแล้วเพราะกลับบ้านไปหมด อีกทั้งยั้งได้รับข่าวดีจากทางดาราสาวลูกสาม นางหนึ่งส่งข่าวมาว่า “เอาไปเลยเขาหมดความอดทนแล้ว”

อย่าเพิ่งคิดว่าดาราสาวลูกสามคนนั้นคือ เจ๊เปิ้ล สาวทอม นะครับ ผิดถนัด
ที่แท้ดาราคนนั้นชื่อ “นก” ครับ (และโปรดอย่าถามอีกว่านกไหน เพราะจ้างเท่าไร ผมก็ไม่บอกครับ)

ข่าวนี้ทำให้ป้าปองถึงกับเนื้อเต้น
เหมือนคางคกเจอแมลงวัน และได้ลิ้มรสอันโอชะของแมลงวันนั้น

วันนี้ป้าปองมีความสุข ในม็อบก็มีความสุขไปกับป้าปองด้วย
ป้าปองร้องเพลงออกอากาศให้ฟัง ป้าปองแจกรอยยิ้มไปทั่ว ป้าปองมองม็อบอย่างเป็นมิตรไม่มีเสียงตวาดอีกแล้ว หลายคนดีใจเพราะไม่ต้องอึดอัด

ลิ้มเองก็โล่งอก
ม็อบกลับมามีความสุขอีกครั้งไม่ต้องเครียดเหมือนหลายวันที่ผ่านมา

ครับ..ก็ว่ากันไปความรักของหนุ่มตั้วกับสาวปอง สมหวังกันอีกหนึ่งคู่แล้ว

ต่อไปรักระหว่างรบคงจะเปิดเผยกันอีกหลายคู่
ผู้เขียนเองก็ขอให้ทุกท่านมีความสุขครับ รักสมหวังกันทุกคู่ หรือ จะเปลี่ยนคู่กันบ้างเป็นครั้งคราวก็ไม่เป็นไร เพราะนี่คือ การปกครองใหม่ ศาสนาใหม่

ความรักก็ต้องใหม่ด้วย ครับ"
บันทึกการเข้า
OMEGA
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 233



« ตอบ #53 เมื่อ: 17-09-2008, 13:55 »


รักระหว่างหนี..ส่งปิ่นโตพ่อด้วย!! ของพ่อแม้วกับนักร้องไม่มีเหรอครับ อิอิ แหมๆๆ ขอบคุณล่วงหน้าจ้า

ผลงานสุดยอก เขียนลงเว็บหลุดโลกบ่อยล่ะสิท่า ขออีกๆ

 
บันทึกการเข้า

exzcute
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 221


« ตอบ #54 เมื่อ: 17-09-2008, 14:06 »

รักระหว่างหนี..ส่งปิ่นโตพ่อด้วย!! ของพ่อแม้วกับนักร้องไม่มีเหรอครับ อิอิ แหมๆๆ ขอบคุณล่วงหน้าจ้า

ผลงานสุดยอก เขียนลงเว็บหลุดโลกบ่อยล่ะสิท่า ขออีกๆ

 

ผลงานของพวกสองเพศน่ะครับ สังวาสตัวเองอยู่เป็นนิจเลยต้องใช้จินตนาการช่วยเยอะๆ 
บันทึกการเข้า
numdee
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 116



« ตอบ #55 เมื่อ: 17-09-2008, 14:19 »

ปุ๊กนั๊ม ปุ๊กนึ่ง สงสัยฝึกวิทยายุทธมากไป ธาตุไฟ(ราคะ)เข้าแทรก ขอแนะนำรีบปรึกษา

หมอนก(เขา) คลีนิคย่านประตูน้ำด่วน ไม่สงสัยเลยว่าทำไมไม่บวช เรื่องของเรื่องอยากบวชจะตาย

แต่ศาสนาพุทธมีข้อห้ามสำหรับบุคคลสองเพศในตัวเดียวกัน 
     
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #56 เมื่อ: 17-09-2008, 15:26 »

รักระหว่างหนี..ส่งปิ่นโตพ่อด้วย!! ของพ่อแม้วกับนักร้องไม่มีเหรอครับ อิอิ แหมๆๆ ขอบคุณล่วงหน้าจ้า

ผลงานสุดยอก เขียนลงเว็บหลุดโลกบ่อยล่ะสิท่า ขออีกๆ

 



"เปลวสีเงินลั่นพธม.ต้องสลายม็อบเมื่อส.สมชายเป็นนายกฯ เลยเจอพาลธมิตรด่าขรม ถามเจ็บจะยึดทำเนียบถึงวันที่ราชอาคันตุกะมางานพระราชทานเพลิงพระพี่นางเลยรึ?!
 


โดย เปลวสีเงิน
ที่มา ไทยโพสต์
17 กันยายน 2551

หมายเหตุไทยอีนิวส์:เปลวสีเงิน หรือโรจน์ งามแม้น เป็นสื่อคนแรกๆที่เริ่มต้นวิจารณ์รัฐบาลทักษิณและถือเป็นศัตรูที่ถาวรต่อทักษิณและคณะ ก่อนหน้าที่สนธิ ลิ้มทองกุล จะหันมาเดินตามรอยในอีกหลายปีต่อมา กระนั้นเปลวสีเงินก็ยังสนับสนุนทุกฝ่ายที่เป็นศัตรูของทักษิณและคณะอย่างคงเส้นคงวา จนกระทั่งวันนี้วันที่เขาเห็นว่าพันธมิตรควรจะหยุด"เว้นวรรค"ได้แล้ว แม้ลีลาและเนื้อหาของเขาจะเต็มไปด้วยอคติเพียงใด แต่ก็น่าสนใจที่จะพิจารณา เพราะเป็นการเตือนพันธมิตรด้วยท่าทีแห่งมิตร



บทความของเปลวสีเงินฉบับ15ก.ย.51"ถ้า ๑๗ กันยายน สมมุติว่านายสมชายได้รับเลือกเป็นนายกฯ พันธมิตรฯ ก็ควรหยุดเว้นวรรค!"



บทความของเปลวสีเงินฉบับ16ก.ย.51"๕ แกนนำอาจไม่เหนื่อย แต่สังคมประเทศเหนื่อยรากแตกกับสงครามที่ขยายแนวรบไม่รู้จบ-รู้สิ้นนี้กันมากแล้ว!พักให้หายใจกันบ้างเถอะครับ



บทความของเปลวสีเงินฉบับ17ก.ย.51-"มีผู้แสดงความคิดเห็นผ่าน "เว็บไซต์ ไทยโพสต์" ด่าผมอื้ออึงไปหมด โทษฐานไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ..สูงสุดของพันธมิตรฯ คือการได้ "ยึดทำเนียบรัฐบาล" อันเป็นสัญลักษณ์ศูนย์กลางอำนาจบริหารรัฐ แต่ก็ได้แค่อาคารอิฐ-ปูนที่ว่างเปล่า แล้วจะยึดทำเนียบฯ ยึดสะพานมัฆวานฯ เป็นที่ชุมนุมเพื่อผลใด? และจะอยู่กันไปถึงเดือนพฤศจิกา ที่จะมีแขกบ้าน-แขกเมืองในฐานะ "ราชอาคันตุกะ" มาในงานพระราชทานเพลิงพระศพ "สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์" เช่นนั้นหรือ?"



บทความวันที่15ก.ย.-ด้วยคำที่พันธมิตรฯ มิปรารถนาฟัง

ส.ไหนจะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ คนที่ ๒๖ ในวันพุธที่ ๑๗ กันยายน ก็ยังไม่น่ายินดีเท่าที่-วานนี้ ผู้รักษาการนายกฯ และว่าที่นายกฯ "นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์" ประกาศยกเลิก "พ.ร.ก.ฉุกเฉิน" ในกรุงเทพฯ ที่ไม่น่าจะถูกกฎหมายตั้งแต่แรกไปแล้ว!

ผมเห็น "ส.สมชาย" นั่งกลาง ขนาบขวาด้วย "พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา" ผบ.ทบ. ขนาบซ้ายด้วย "พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" ผบ.ตร.ออกโทรทัศน์แล้ว ก็อยากจะบอกนายสมชายเยี่ยงกัลยาณมิตรว่า

พอใจกับชีวิต "สูงสุด" แค่ตำแหน่ง "นายกฯ รักษาการ"

แล้วชีวิตที่เหลือของท่าน..จะเป็นสุข!

แต่ถ้าไปหลงใหลได้ปลื้มกับลุกยุ-ลูกยอ เออออไปกับการยกก้นของพรรคพวกในพลังประชาชน ยอมให้เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีต่อสภาในวันมะรืนนี้ล่ะก็ ผมดูโหงวเฮ้งท่านแล้ว

เสี่ยงบุญ-เสี่ยงกรรม เสี่ยงกับคำว่า "ลาภมาพร้อมกับทุกข์" จนเป็นห่วงแทนเสียจริงๆ!

รับเลือกเป็นนายกฯ น่ะ อาจได้รับเลือก แต่จะเป็นนายกฯ ได้ถึง ๑๗ วันอย่าง "พลเอกสุจินดา คราประยูร" เมื่อคราวพฤษภาทมิฬหรือไม่ ตรงนี้..ไม่รับประกัน!

วันประชุมสภาก็ ๑๗ คือ ๑+๗ ก็ ๘ และลำดับนายกฯ คนที่ ๒๖ คือ ๒+๖ ก็ ๘ ปีนี้-ท่าน ๖๐ อายุตกที่ส่วนปาก ซึ่งปากท่านจะมีวิบาก สีผิวท่านถึงจะเป็นคนไม่ดำ แต่ลักษณะดวงตา และผม ตกอยู่ในอิทธิพลราหู

ถึงจะไม่ราหูชัดอย่าง "นายสมัคร-นายจตุพร พรหมพันธุ์" ก็เถอะ!

แต่ราหูท่านลักษณะเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงแต่ว่า บุคลิกราหูทักษิณ เป็น "ยักษ์ตัวผู้" แต่บุคลิกท่านเป็น "ยักษ์ตัวเมีย"

ฉะนั้น ต้องระวัง ถ้าเป็นนายกฯ แล้ว จะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลผู้หญิงชักใย ระวังไว้คำว่า พ.พ.ม.จะมีโอกาสเกิดขึ้นสูงมาก!?

เห็นพรรคพลังประชาชน ในส่วนเนวินูปถัมภ์ เขาแสดงท่าทีไม่เอา ส.สมชาย จะเอา ส.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เสนอเป็นนายกฯ ต่อสภาฯ ผมก็นึกถึงนิทานอีสปเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ติดหมัด

เรื่อง "นกกระยางขาว" ครับ ด้วยสีขนที่ขาวสะอาด เหมือนคนสวมเสื้อกาวน์ ใครก็นึกว่านกกระยางขาวเป็นนกมีสกุลรุนช่อง มีศีล-มีธรรม ยิ่งแสดงภาพพจน์ ยืนซึมเซื่องเหมือนกระยางจำศีลอยู่กลางบึง กลางหนอง ภาพนอกให้ศรัทธาน่าเชื่อถือเสียจริงๆ

แต่ที่ไหนได้..ที่ยืนซึมเซื่องนั้น ใช่ว่าจำศีล แต่มันเป็นเล่ห์ยืนคอยเลือกจิกกินแต่สัตว์เป็นๆ ทั้งปลา ทั้งกบ ทั้งเขียด ที่เวียนว่ายมาใกล้ๆ

เผลอล่ะก็จิกแม็บ ขยอก..ขยอก..แล้วทำยืนซึมเป็นสุภาพบุรุษกระยางขาว "ล่อเหยื่อ" ต่อไปอีก!

สัตว์ตัวนี้อันตรายที่สุด..ขอบอก!

พูดกันตามครรลองแล้ว ส.ไหนในจำนวน ๓ ส.นั้น ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ของสภาผู้แทน ส.นั้น ถึงจะไม่มีคุณภาพถึงระดับผู้นำประเทศ แต่ก็ต้องยอมรับว่า เขามีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎหมายบัญญัติเพื่อเป็นนายกฯ

ส.สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ ก็..ถูกต้อง

ส.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นนายกฯ ก็..ถูกต้อง และ

ส.สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นนายกฯ ก็..ถูกต้อง!

แต่..อืมมมม..โชคชะตาแผ่นดินเหมือนเป็น "กรรมของประเทศ" อะไรที่มันจะเกิด เห็นทียากหนีจะไม่ให้มันเกิดไม่ได้เป็นแม่นมั่นเสียแล้ว!?

เพราะในความถูกต้องนั้น แต่ฝ่ายพันธมิตรฯ เขาบอกว่า "ไม่ถูกตา-ถูกใจ" จะยังคงยึดทำเนียบรัฐบาลเป็นฐานบัญชาการใหญ่ ปฏิบัติการต่อต้านต่อไป ด้วยการชูประเด็น

ไม่ว่า ส.ไหน ล้วนมาร ตัวแทน "ระบอบทักษิณ" ไม่เอาทั้งนั้น!

ถ้าถามความเห็นผม ผมโอเคนะ เหมือนนายสมัคร สุนทรเวช ได้รับเลือกเป็นนายกฯ ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ เมื่อทุกอย่างเขามาตามกระบวนการกฎหมายถูกต้อง และยังไม่มีความผิดประจักษ์

ก็ต้องให้เขาเป็น!

ส่วนตัวเราจะยอมรับ-ไม่ยอมรับในตัวเขาเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การ "ยอมรับ" การได้มาซึ่งตำแหน่งนายกฯ อย่างถูกต้องของเขา ด้วยความเป็นคนร่วมสังคมที่มีกฎ-กติการ้อยรัด

เราต้องเคารพตรงนี้!

แต่เมื่อเป็นแล้ว มีการกระทำอันเป็นพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย ใช้อำนาจผู้นำไปในทางส่อว่าเป็นอันตรายต่อประเทศชาติบ้านเมือง

ตรงนี้..ถ้าเขาไม่แสดงความรับผิดชอบเมื่อสังคมท้วงติง นั่นก็เป็นเหตุผลสมควรที่ประชาชนจะรวมตัวกันประท้วง-ขับไล่ อย่างที่มวลชนพันธมิตรฯ ทำหน้าที่ให้ปรากฏแล้ว

ต้องเข้าใจด้วยแยกแยะในความซ้อนเหลื่อมของคำว่า "การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง" ให้ชัดเจน การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง-ก็ใช่ แต่ถึงจุดหนึ่ง เมื่อการเมืองแก้ด้วยการเมืองไม่ได้

เราก็ต้องค้นหาให้พบว่า "เหนือการเมืองขึ้นไป..คืออะไร?"

สัจจะที่ค้นพบคือ "ประชาชน" คือต้นกำเนิดของการเมือง ฉะนั้น การที่ประชาชนชุมนุมขับไล่ "ผู้นำ-รัฐบาล" ทรราช นับเป็นหน้าที่ของประชาชนจะต้องทำในขั้นสุดท้าย

ไม่เช่นนั้น บ้านเมือง "กลายระบบ-กลายสัญชาติ" แน่!

"ทหาร" ไม่อยู่ในหมวดการเมือง แต่ทหารอยู่ในหมวด "ประชาชน" เพียงแบ่งไปทำหน้าที่ "ยามรักษาประเทศ" ฉะนั้น เพียงสวมเครื่องแบบ แล้วอย่าตาพร่า ควานหา "ชาติกำเนิด" แท้จริงของตัวเองไม่พบ

ทหาร-ตำรวจ คือประชาชนที่สวมเครื่องแบบ ทำหน้าที่อย่างหนึ่ง เหมือนพ่อค้า-นักธุรกิจ ก็คือประชาชนสวมเครื่องแบบ ทำหน้าที่ค้าขาย พระสงฆ์องคเจ้าก็คือประชาชน ในอีกเครื่องแบบหนึ่ง ทำหน้าที่สอนธรรม

ทั้งคนในอาชีพการเมือง ทั้งพันธมิตรฯ ทั้ง นปช. ก็ประชาชนเหมือนกันทั้งนั้น เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งอันเป็นวิกฤติส่วนรวมคือบ้านเมือง ในความหลากหลายรูปแบบ หลากหลายปฏิบัติการของคนแต่ละหน้าที่นั้น

แยกแยะดูให้ชัดเถอะ จะพบว่า "เป้าหมาย" รวมศูนย์อยู่ที่เดียวกัน คือ ต้องการให้เป็นประเทศชาติบ้านเมือง "สามัคคี-อยู่ดี-กินดี-มีสุข"!

ถ้า ๑๗ กันยายน สมมุติว่านายสมชายได้รับเลือกเป็นนายกฯ

พันธมิตรฯ ก็ควรหยุดเว้นวรรค!

ไม่ยอมรับนายสมชายได้ แต่ควรยอมรับ "การได้มาถูกต้อง" ในตำแหน่งนายกฯ ของเขา แล้วเฝ้าระวังดูว่า นายสมชายจะให้สถานภาพนายกฯ จัดสรรคนประเภทไหน-ใครบ้างมาเป็นรัฐมนตรี

แล้วเฝ้าดูการบริหารบ้าน-บริหารเมืองไปสักระยะว่า นายสมชายบริหารด้วยจิตสำนึก "นายกฯ ของประชาชน" หรือว่าเอาเข้าจริง นายสมชายก็เป็น "นายกฯ ของระบอบทักษิณ" อย่างที่เอาปูนหมายหัวไว้แต่แรก

ถึงตอนนั้น ค่อยเป่านกหวีด ช่วยกันรุมจับตัวนายสมชายมา "แหกอก" กลางสนามหลวง ก็ยังไม่สาย!

ขึ้นชื่อว่ามาจากพลังประชาชนแล้ว ๕ แกนนำพันธมิตรฯ จะ "ปฏิเสธทุกคน" ด้วยข้อหาจินตนาการเหมารวมว่า "ทรราชในระบอบทักษิณ" สักวัน-มันก็อาจถึงจุดที่แม้แต่คนร่วมชุมนุมมาแรมเดือน อาจเกิดคำถามขึ้นว่า

เรากำลัง "กู้ชาติ" หรือกำลัง "ล่มชาติ" กันแน่?

มวยเขายังมีพักยก และมีสปิริตระหว่างชกด้วยการ "ให้โอกาส" คู่ต่อสู้-ตั้งตัวให้พร้อมในยามเพลี่ยงพล้ำ แล้วนี่..ชนชั้นพันธมิตรฯ เอะอะก็จะ "เป่านกหวีด" นอกจากไม่แสดงสปิริต แล้วยังแสดงให้เห็นถึงความฮึกเหิม อยู่เหนือเหตุผล และเหนือกฎ-กติกาบ้านเมือง

อันนี้ต้องระวังนะครับ กระแสสังคม "ตีกลับ" แล้วจะกู้ไม่ได้ ต้องไม่ลืมว่า การชุมนุมนี้ ผลที่ได้ ไม่เคยพอใจอะไรสักที เมื่อนานออกไปก็จะกลายเป็นปัญหาให้สังคมโดยรวมเอือมระอา เพราะว่าไม่เป็นอันได้ทำมาหากินกัน!

ฝ่ายรัฐบาลพลังประชาชน จะได้รับความเห็นใจในฐานะมวยรอง เพราะไหนๆ "นายสมัคร" ก็ไปแล้ว แต่ฝ่ายพันธมิตรฯ ยังเล่นบท "หมาป่ากับลูกแกะ" และเมื่อถามว่า "จะให้ถึงไหนจึงจะพอใจ สลายชุมนุม?"

จะตอบว่าอย่างไร? ถ้าจะตอบอย่างครอบจักรวาลทุกวันนี้ว่า

"จนกว่าระบอบทักษิณจะหมดไป"

แล้วอย่างนี้จะให้ทำอย่างไร ฆ่าให้ตายหมดทุกคนอย่างนั้นหรือ?

เพราะรักๆ ชอบๆ กันจึงฝากให้คิดนะครับ ก็รู้อยู่ว่าที่ผมพูดนี้ "ไม่เข้ารูหู" ฝ่ายพันธมิตรฯ ผมก็เข้าใจ มากันไกลเกินกว่าจะราทัพกลับไปในสภาพนี้ แต่บังเอิญมีเครื่องบ่งชี้ "จลาจล-ทหาร-ตำรวจ-สภา"

จะเข้าสู่ภาวะฉับพลัน มิคาด-มิฝัน..สถานการณ์แปรเปลี่ยน!?

ประชาชนในหน้าที่ทหารนั้น สำหรับพลเอกอนุพงษ์ การเย็นไปก็จืดชืด ร้อนไปก็ลวกปากลวกคอ อุ่นๆ ก็ไม่พอคำซด การที่ "ไม่รู้จะทำอย่างไร?" ก็ปล่อยไปวันๆ

ระวัง..ขมวนจะกินตัวมันเอง ปัญหามันช่วยแก้ได้ด้วย "อำนาจในมือ" โดยไม่ต้องปฏิวัติ แต่กลับไม่คิดอ่าน จะรอจนสาย ตลาดจะวาย สายบัวจะเน่า ผมไม่อยากบอกในสิ่งที่อาจเกิดข้างหน้า

แต่อยากบอกว่า ในภาวะที่ซ้าย-ขวาไม่ยอมรับกันและกัน ฉะนั้น กองทัพ-โดยท่านต้องเข้าเชื่อมด้วยใช้ระบบรัฐสภา ไม่รีบช่วยราฟืนจากไฟ ก็หมายความว่า.. นี่เป็นกำหนดจากฟ้าแน่แล้ว!?

คำแนะนำต่อพันธมิตรฯ ตอนนี้ ด้วยความรับผิดชอบที่ต้องมีกับผู้มากิน-นอนร่วมชุมนุมในทำเนียบฯ เตรียมจัดหาเรือแพไว้ให้พอเป็นการด่วน ส่วนนายกฯ คนต่อไปจะใช่ ส.ไหนหรือไม่นั้น อยากจะบอกไว้ว่า คนในอักษรไทยลำดับที่ ๔๓ ต้องติดตาม-จับตาในสถานการณ์ที่มา "เหนือคาดหมาย"?


บทความวันที่16ก.ย.-อย่าเป็นรถไฟที่ไม่มีสถานีจอด


16 กันยายน 2551 กองบรรณาธิการ

รถไฟถ้าไม่วิ่งตามราง มันก็ไปไม่ได้ เงื่อนไขในการต่อสู้ทางการเมืองก็เหมือนกัน ถ้าเหิมเกริม-นอกกรอบ "เอาแต่ใจ" เป็นที่ตั้งมากไป มันก็ไปไม่ได้


การคิดเพื่อพูด กับการคิดเพื่อทำ มองเผินๆ อาจเป็นสิ่งเดียวกัน แต่ถ้าใคร่ครวญด้วยรับผิดชอบจะพบว่า การพูดหลุดกรอบนั้น-พูดได้ แต่การทำนั้น มันขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหลากหลาย

ฉะนั้น สักแต่ว่าพูดเรื่อยไป อันตรายมากกว่าดี!

ที่พูดนี่ก็ไม่มีอกุศลเจตนากับใคร แต่เห็น ๕ แกนนำพันธมิตรฯ เชี่ยวกราก เหมือนรถที่ขับไปด้วยความเร็ว ๒๐๐ กม./ชม.โดยไม่แตะเบรก หรืออาจจะไม่มีเบรกด้วยซ้ำ

ก็อดเป็นห่วงไม่ได้เท่านั้นแหละ!

ลำพังบรรดาแกนนำนั้น ผมไม่ห่วงเท่าไหร่หรอก แต่สำหรับนักเรียนประจำมหาวิทยาลัยพันธมิตรฯ ทั้งประเภทกินนอน และประเภทเย็นไป-ดึกกลับ ทั้งหลายนี่ซี

ผมห่วงเขามากครับ เพราะเขาต่างมาร่วมชุมนุมด้วยใจซื่อ "หวังบริสุทธิ์" กับประเทศชาติบ้านเมืองจริงๆ แต่การชุมนุมยืดเยื้อชนิดขยายกรอบกำหนดของเป้าหมายออกไปไม่สิ้นสุดเช่นนี้

ภารกิจกู้ชาติตามแนวคิด ๕ แกนนำ ผมเกรงว่าอาจเกิดสนิมในเนื้อทอง ด้วยข้อฉงนสนเท่ห์กันว่า นี่..จะมายึดเป็น "อาชีพประจำ" หรือว่าจะมาด้วย "ภารกิจกู้ชาติ" กันแน่?!

ใช่ว่าท่านหาทางลงกันไม่ได้ แต่ก่อนหน้านี้ก็พร้อมใจตะโกนกันว่า สมัคร..ออกไป..สมัคร..ออกไป นี่สมัครก็ออกไปตามเป้าหมายของการชุมนุมแล้วมิใช่หรือ? แต่ท่านไม่ยอมลง ก็ไม่เป็นไร แต่อยากให้ช่วยคิด "หาสถานีลง" ให้สังคมประเทศบ้างตามกาลอันควรเถิด

๕ แกนนำอาจไม่เหนื่อย แต่สังคมประเทศเหนื่อยรากแตกกับสงครามที่ขยายแนวรบไม่รู้จบ-รู้สิ้นนี้กันมากแล้ว!

พักให้หายใจกันบ้างเถอะครับ ภารกิจฆ่าคนเลวนั้น "ไม่มีจบ" หรอก หนักเข้าเราอาจต้องฆ่าตัวเองด้วยซ้ำ

แต่เรา "ยุติได้" ด้วยการ "ควบคุมคนเลว" ให้อยู่ในสายตา ให้เดินอยู่ในกรอบกติกาสังคมบ้านเมือง และศีลธรรม-คุณธรรม!

สถานการณ์บ้านเมืองที่แปรเปลี่ยนในภาวะวิกฤตินั้น ข้อเสนอด้วยรูปแบบหนึ่ง-เงื่อนไขหนึ่ง อันวิธีแก้ไขปัญหา มันขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัยเฉพาะหน้าด้วย นั่นคือ การนำรูปแบบใดเสนอขึ้นใช้นั้น

หัวใจสำคัญของมันอยู่ที่ "จังหวะเวลากับสถานการณ์" ต้องลงตัว!

จังหวะดี-เวลาดี เหมือนเหล็กเผาจนแดงได้ที่ ตอนนั้นก็ไม่ตี กลับทิ้งนาทีทองไป พอเหล็กคลายร้อนก็จะมาขยับค้อนเปรี้ยงปร้าง ผิดที่-ผิดทาง ผิดจังหวะ-ผิดสถานการณ์ ก็จะเกิดภาพเงื้อค้อนเก้งก้างไปเปล่าๆ

ขณะนี้ ตัวเงื่อนไข คือนายสมัคร "พ้นไปแล้ว" สภาพการณ์เฉพาะหน้าจึงกลายเป็นว่าฝ่ายรัฐบาลตัวแทนทักษิณ "เป็นฝ่ายเกาะกุมเงื่อนไข" มีสิทธิ์ตามกติกาประชาธิปไตยที่จะ "สร้างจังหวะ" ขับเคลื่อนรัฐบาลใหม่

ซึ่งสังคมทั่วไปก็ยอมรับเงื่อนไข และให้โอกาสตรงนี้

เหมือนกีฬาที่ตอนนี้ ๖ พรรคร่วม โดยพลังประชาชนเป็น "ฝ่ายเสิร์ฟลูก" ส่วนฝ่ายพันธมิตรฯ ตกอยู่ในฝ่าย "รับลูกเสิร์ฟ"

ฉะนั้น ภารกิจตอนนี้คือ คอยตั้งสติ-ตั้งท่า รอจนกว่าฝ่ายพลังประชาชนเขาจะเสิร์ฟลูกมานั่นแหละ เมื่อลูกมาอยู่ในแดนตัวเองแล้ว นั่นคือ "จังหวะ" และความชอบธรรมมาถึงแล้ว

จะสร้างเกมให้กลับมาเป็นฝ่าย "กุมเงื่อนไข-สถานการณ์" ได้อย่างไร ค่อยว่ากันไปตอนนั้น ก็ยังไม่สายหรอก!

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ก็จะตัดสินคดีที่ดินรัชดาฯ อันมี พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เป็นจำเลย ในวันพรุ่งนี้แล้ว

๓ ส.ก็เป็นชนวนศึก "ฟัดกันเอง" ในพลังประชาชนแล้ว ระหว่างผู้ถือหาง ส.สมชาย ค่าย ๒ เจ๊ กับ ส.สุรพงษ์ ศิษย์เนวิน ก็ยังไม่แน่ว่าในการประชุมเลือกตัวนายกฯ ในวันพุธที่ ๑๗ กันยายนนี้

จะมีมอร์นิ่งวอล์ก จากพลังประชาชน "แตกพวก" จนสภาฯ ล่มเป็นครั้งที่ ๒ หรือไม่?

ฝ่ายพันธมิตรฯ ก็น่าสงบสยบความเคลื่อนไหว ดูเขากัดกันจนตายไปเอง "สักครู่" ก่อน จะไม่เกิดภาพสง่างามในฝ่ายตนมากกว่าหรือ?

นี่โลกก็กำลังป่วนจาก "เลห์แมน บราเธอร์ส" บริษัทวาณิชธนกิจที่ใหญ่อันดับ ๔ ของสหรัฐล้มละลาย สร้างผลสะท้านสะเทือนสู่ตลาดเงิน-ตลาดหุ้นไปทั่วโลก พูดกันง่ายๆ ก็คือ

ธุรกิจ-เศรษฐกิจโลก เข้าสู่ภาวะ "ฉิบหาย" ถ้วนหน้าแล้ว!

ไม่เว้นแม้ประเทศเล็ก-ประเทศน้อย กระทั่งไทยก็ยากจะหลีกหนีจากแรงกระเพื่อม "พายุยักษ์" นี้ไปได้!

ต้องระวังด้วย ด้วยเงื่อนไข-สถานการณ์รอบด้าน รอบโลกอย่างนี้ ผู้คนจะหงุดหงิด-หมดกะจิตกะใจเรื่อง "กู้ชาติ" อันเป็นจิตนาการ-การเมือง เพราะต้องหันกลับไปดูแลรักษาที่มั่น คือสถานภาพ-สถานการณ์ ชีวิต-ธุรกิจ-ครอบครัว ของแต่ละคนก่อน

ความอดทน-อดกลั้นจากแต่ละฝ่ายจะน้อยลง ความกระ***นกระหือรือที่จะ ลุยแหลก-แลกชีวิต จะเกิดขึ้น ถึงพันธมิตรฯ ไม่ต้องการ แต่อีกฝ่ายต้องการ แล้วจะทำอย่างไร?

มองยาวไปอีกนิด คดี "ยุบพรรคพลังประชาชน" ก็อยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ นั่นคือหลายเรื่อง-หลายคดี กระบวนการ "ตุลาการภิวัตน์" กำลังทำหน้าที่ชำระความ เพื่อคืนความถูกต้อง-ชอบธรรมให้แต่ละฝ่าย

อนาคตการเมืองของกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ๓๓ ในจำนวนเต็ม ๓๗ คน เพราะลาออกไปก่อนหน้านี้ ๔ คน สามารถพูดได้ว่า "แขวนอยู่บนเส้นด้าย"

ถ้าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมีความผิด ก็ยุบพรรค นั่นคือ ไม่เพียง ๓ ส.สมชาย-สมพงษ์-สุรพงษ์ ที่แย่งชิงเก้าอี้นายกฯ กันอยู่ตอนนี้ จะต้องถูก "ห้ามเล่นการเมือง ๕ ปี" เท่านั้น

ที่เห็นหน้าแบ่งพวกแย่งกันแถลงหน้าจอทีวีตอนนี้ ไม่ว่าฝ่ายเจ๊ ฝ่ายเนวิน รวมแล้วก็ ๓๐ กว่าคนที่เป็น กก.บห.จะต้องถูกกวาดหายไป ๕ ปีด้วย!

พรรค "เพื่อไทย" ที่ตั้งไว้รอนั่นน่ะ ทั้งเกรด A เกรด B เกรด C ประเภท "เพ็ดดีกรี" ของทักษิณ แทบไม่เหลือหรอเป็นสายพันธุ์อยู่ในสภาฯ นั่นคือพรรคเพื่อไทยก็คงได้ประเภท จ.จตุพร ณ.ณัฐวุฒิ

ขึ้นแท่นว่าที่นายกฯ ร่างทรงทักษิณ!!

อย่างนายไชยา สะสมทรัพย์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายนพดล ปัทมะ นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รท.กุเทพ ใสกระจ่าง นายศรีเมือง เจริญศิริ นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายนิสิต สินธุไพร นายธีระชัย แสนแก้ว นายสุทิน คลังแสง นายบุญลือ ประเสริฐโสภา นายอนุสวรณ์ วงศ์วรรณ พลเอกเรืองโรจน์ มหาศรานนท์ พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว ฯลฯ

เหล่านี้..เกลี้ยงเลยครับ ถ้าพรรคพลังประชาชนถูกยุบ!

ฉะนั้น การเมืองใหม่ ๓๐-๗๐ รัฐบาลแห่งชาติ รัฐบาลพิเศษ รัฐบาลฟื้นฟูชาติ รัฐบาลประชาภิวัตน์ ทั้งหลาย-ทั้งปวง ถือเป็นแนวคิด-แนวเสนอ ที่ดีทั้งนั้น

แต่ขณะนี้ถือว่า "ผิดจังหวะ" เพราะสภานการณ์เปลี่ยนไป อย่างน้อยก็ต้องรอจนกว่าให้ผ่านวันที่ ๑๗ กันยายน คือประชุมสภาฯ เลือกนายกฯ พรุ่งนี้ไปก่อน!

และต้องไม่ลืมว่า "รัฐบาลรักษาการ" เขายังมีไพ่เล่นอีกใบ คือไพ่ยุบสภาฯ ถ้าพลาดท่า-พลาดทาง พรุ่งนี้ ถ้าเสนอ ส.สมชาย แล้ว ส.ส.แก๊งเนวิน วอล์กเอาต์ หรือถ้าเสนอ ส.สุรพงษ์ แล้ว ส.ส.แก๊ง ๒ เจ๊ วอล์กเอาต์

ไพ่ยุบสภาฯ อาจถูกนายกฯ รักษาการงัดขึ้นมาเล่น โดยไม่รอ "งบประมาณ" เข้าสภาวุฒิฯ ก่อนก็ได้!?

จะไปเอานิยายอะไรกะคนตอนหน้ามืด?

เพราะอย่างนี้ ผมจึงอยากให้เอาไฟแช่น้ำไว้ก่อน จะได้ไม่ถูกครหาว่า..พันธมิตรฯ ไม่ดูตาม้า-ตาเรือ ก้มหน้าก้มตาจะสร้างประเทศไว้ปกครองกันเองตะพึดตะพือ!

ที่พูดทั้งหมดวันนี้ คงทำความไม่สบายให้ "สหายพันธมิตรฯ" มากทีเดียว แต่อยากให้ใช้ข้อความที่ "ขัดตา" วันนี้ เป็นบท "ขัดใจ" ไว้ล่วงหน้า เพราะถ้าสามารถสร้างประเทศ "ประชาภิวัตน์" ได้สำเร็จ เมื่อเป็นใหญ่ จะได้ไม่เหมือนทักษิณที่บริหารประเทศ "ตามอำเภอใจ" ใครพูดขวางหูเป็นต้อง ปลด-ย้าย หรือสั่งไปตายหมด จะเป็นประชาภิวัตน์ ต้องหัดรู้จัก "ฟังเสียงต่าง" ไว้บ้างนะครับ.


บทความฉบับ17ก.ย.-ถึงยุคกิ่งก้าน"ผลไม้พิษ"เผยอกิ่ง

ทางกอง บก.บอกว่ามีผู้แสดงความคิดเห็นผ่าน "เว็บไซต์ ไทยโพสต์" ด่าผมอื้ออึงไปหมด โทษฐานไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ ที่ต่อต้านนายกฯ ๓ ส.


ก็ไม่เป็นไรครับ ความเห็นต่างคือความงามของประชาธิปไตย รถ-เรือเขายังมีเกียร์เดินหน้า-ถอยหลัง ถ้าไม่รู้จักถอยหลัง แล้วจะเดินหน้าเข้าที่จอดได้แนบสนิทชิดขอบอย่างไร?

แต่ผมเชื่อ ที่ด่ามา เขาไม่ได้ตั้งใจด่าผมจริงจังจากใจหรอก เป็นแค่ปฏิกิริยาสนองอารมณ์ชั่วมื้อ-ชั่วครั้งเท่านั้น ส่วนเนื้อนพคุณชั้นใน เขาต้องเข้าใจประเด็นที่ผมพูดไป

ถ้าอ่านเอาอารมณ์ ก็จะได้อารมณ์ แต่ถ้าอ่านเอาความ ก็จะได้ความ คือความว่า อย่าเดินป่าโดยไม่พกพาเข็มทิศ!

ทุกคนก็รู้ว่าการเมืองมันโหลยโท่ย และทุกคนก็รู้ว่า ส.ใด ส.หนึ่ง ใน ๓ ส.นั้น มันบ่มิไก๊ แต่ไม่ว่าเราจะทำอะไร "สิ่งแรก" ต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ก่อนคือ "วิถีธรรมชาติ"

เพราะนี่คือ "แม่บท" ของศาสตร์ทุกศาสตร์ เพราะไม่ว่าการขยับเขยื้อน-เคลื่อนที่ทั้งสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิต ในกรอบใหญ่จะพิไลพิลาส อลังการงานสร้างขนาดไหนก็เถอะ

แต่ถ้าหลุดจากแกน "กรอบใน" คือไม่ยึดวิถีธรรมชาติแล้ว ผลลัพธ์บั้นปลายที่จะได้คือ "หลุดกรอบ" ประการเดียว!

ธรรมชาติตรงนี้ คืออะไร?

คำตอบง่ายๆ คือ..การทำอะไรที่ "ไม่ฝืนธรรมชาติ" นั่นแหละคือ การขับเคลื่อนด้วยกงล้อที่ยึดแน่นด้วย ดุมล้อ-เพลาล้อ-แกนล้อ แล้วมันจะไม่หลุดกลางทาง หรือพังกลางคัน!

-สาดน้ำดับไฟในเตาที่ลุกโชน ยังเหลือถ่านแดงก้อนเล็ก-ก้อนน้อยคุอยู่

-ขับรถด้วยความเร็วแล้วเบรกเต็มแรง ก็ยังไถลวิ่งไปข้างหน้าอีกระยะ

-นักโทษประหาร ถึงตายคาหลักแต่ร่างยังสั่นกระตุกด้วยเซลล์ประสาท

-ตัดต้นไม้ไม่ว่าเล็ก-ใหญ่ โค่นลงมาใบจะยังไม่แห้งโรยราไปทันตาเห็น

อำนาจระบอบทักษิณ หรือความชั่วร้ายทรราชแผ่นดิน ก็เช่นนั้น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทำหน้าที่ชุมนุมขับไล่ด้วยสิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๖๙ ถ้ามวลชนพันธมิตรฯ ไม่ทำ

แล้วใครจะทำ?

พันธมิตรฯ ก็ทำหน้าที่นักสู้เพื่อประเทศชาติที่ถูกต้องตามวิถีแล้ว แต่การใช้สิทธิตามมาตรา ๖๙ นั้น ก็ต้องให้สอดคล้องกับมาตรา ๖๘ วรรคแรกด้วย นั่นคือ

"บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองและระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้"

นั่นคือ ในตัวเนื้อความเน้นนั้น เป็นส่วนของดุม ของแกน ของเพลา ควบคุมทิศทางในการขับเคลื่อนอย่างหนึ่ง ฉะนั้น ในขั้นต้น ของปฏิบัติการมวลชนขับเคลื่อนสังคมชาติ

แกนนำทั้ง ๕ จะเสนอแนวทางอะไร "เป็นทางออก" สังคมขณะนี้ นั้น จำเป็นต้องยึดกรอบอันเป็นกติการวมไว้ก่อน จะเริ่มต้นด้วยการ "แหกทาง" ก่อน โดยไม่เกาะกุม "เส้นทางเดิม" ก่อน

จะลงเหวก่อน!?

ขณะนี้ ถือว่าพันธมิตรฯ โค่น "ต้นไม้พิษ" คือต้นระบอบทักษิณล้มไปแล้ว

บั่นต้นไม้พิษที่ล้มนั้น "ขาด ๒ ท่อน" คือขับไล่ "สมัครนอมินี" ขาดต่อไม่ติดไปแล้ว!

ที่เหลือคือกิ่งก้านพิษ และกาฝากพิษ ที่เปลือกยังชุ่ม ใบยังเขียวอยู่ด้วย "น้ำเลี้ยงค้าง" เพียงทอดระยะออกไป ควบคุมไม่ให้ใช้กรรมวิธี "เสียบตอ-ต่อตา" ได้เท่านั้น

ในไม่ช้า เปลือกกิ่งก้านที่ขาดลำต้นอาศัยก็จะแห้ง ใบเล็ก-ใบใหญ่ก็จะเหี่ยวเฉา ปลิดขั้วจากกิ่งทับถมเป็น "ใบไม้เน่า" เคล้าอยู่กับดิน

ส่วนไม้ประเภทกาฝาก อยู่บนต้นไม้เรียกกาฝาก อยู่บนพื้นเรียกขยะหรือสวะ ก็สันดานกาฝาก ถึงตายไปกับไม้ใหญ่ที่โค่นล้มจมดิน ด้วยชาติกำเนิดจากขี้นก-ขี้กา ตราบใดที่ยังมีป่า

ตราบนั้น ด้วยสัญชาติขี้กา มันก็จะหาที่เกาะ-ที่เกิดใหม่ไปเรื่อยๆ ตามไม้ยืนต้น เกาะต้นไม้พิษก็เป็น "กาฝากพิษ" เกาะต้นไม้ไม่มีพิษ ก็เป็น "กาฝากไร้พิษ" สรุปแล้ว พิษ-ไม่พิษ ขึ้นอยู่ที่ต้นใหญ่ สันดานกาฝากผันแปรตามไปเช่นนั้น

นี่คือธรรมชาติที่ต้องเข้าใจ ถ้าไม่แยกแยะก็ยากจะจัดรูปแบบในการกำจัดและแก้ไขได้เหมาะสม

สรุปก็คือ ต้องให้เวลาระยะหนึ่งเพื่อ กิ่งก้านพิษ ผลไม้พิษ กาฝากพิษ ที่เพิ่งปลิดขั้วจาก "ต้นไม้พิษ" ค่อยๆ ลืมต้นไป

เหมือนญาติสนิทมิตรสหายถึงคราตายจาก เรายังตัดรัก-หักอาลัยไม่ขาด จนห่างไปสักระยะโศกจึงคลาย ทั้งหลาย-ทั้งปวงในการกวาดล้าง "ระบอบทักษิณ" ก็ล้วนอยู่ในกรอบความหมายที่จาระไนมา

ผมไม่ได้ต่อต้านการชุมนุม แต่ผมเห็นว่า ถึงเวลาต้อง "ปรับกระบวนท่า" ในปฏิบัติการ เพราะผ่านการ "โค่นต้น" และบั่นขาดไปเป็นท่อนๆ แล้ว จะใช้กลยุทธ์เดิม วิธีเดิม "ไม่น่าจะใช่"

จึงอยากให้ ๕ แกนนำพันธมิตรฯ ใคร่ครวญเพื่อ "ปรับกลยุทธ์" ใหม่เท่านั้น!

ตามประวัติศาสตร์สงคราม ในตะวันตก ฤดูหิมะลง ถ้าไม่จำเป็นเขาไม่ยกทัพบุก เพราะโอกาสถูกหิมะฝังมีมาก ในตะวันออก หน้าน้ำ เขาจะไม่พาไพร่พลไปตั้งค่ายกรำศึก เพราะโอกาสจะถูกน้ำหลากมีมาก

การรบยืดเยื้อ แต่อยู่กับที่ ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามปรับค่ายกล ก็ต้องระวังปฏิกิริยาย้อนกลับ..จะเสียมวลชน!

สูงสุดของพันธมิตรฯ คือการได้ "ยึดทำเนียบรัฐบาล" อันเป็นสัญลักษณ์ศูนย์กลางอำนาจบริหารรัฐ

แต่ก็ได้แค่อาคารอิฐ-ปูนที่ว่างเปล่า เพราะด้วยยุทธวิธี "จี้กระบี่ถึงจุดแล้วหยุดไว้" พอทอดระยะไป ก็จะเริ่มเห็นว่า ได้ตึกมาหาใช่ได้ "อำนาจควบคุมกลไกรัฐ" ไม่ คำถามในเชิงอำนาจก็จะตามมาทันที

แล้วจะยึดทำเนียบฯ ยึดสะพานมัฆวานฯ เป็นที่ชุมนุมเพื่อผลใด?

และจะอยู่กันไปถึงเดือนพฤศจิกา ที่จะมีแขกบ้าน-แขกเมืองในฐานะ "ราชอาคันตุกะ" มาในงานพระราชทานเพลิงพระศพ "สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์" เช่นนั้นหรือ?

ข้อเสนอของผมก็คือ ในเมื่อภารกิจหลัก "โค่นต้นไม้พิษ" ไปได้แล้ว เหลือภารกิจ "ขุดราก-ถอนโคน" และลิดกิ่ง สุมฟืน-สุมไฟเผาใบแห้ง ก็หยุดพักไพร่พล และปรับยุทธวิธีเป็นภารกิจใหม่ จะไม่ดีกว่าหรือ?

สู้กับ "กิ่งรอตาย" ไม่ต้องทัพใหญ่หรอกครับ!

เรื่องคดีอันเป็นชนักปักหลังนั้น ผมอยากจะบอกว่า "คุกตะรางคือเวียงวังของนักสู้เพื่อมวลชน" ไม่มีนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่คนไหน ไม่เคยผ่านปราสาทราชวัง คือคุกตะรางทางการเมืองมาก่อน

นายอันวาร์ อิบราฮิม ที่กำลังเคี่ยวคลั่งอยู่ที่มาเลเซียขณะนี้นั่นไง ไม่ต้องไปดูให้ไกลถึงท่านมหาตมะ คานธี หรือนายเนลสัน แมนเดลา ประธานาธิบดีคนแรกของแอฟริกาใต้ ซึ่งได้ชื่อ เป็นนักสู้ที่มีคนรักมากที่สุดในโลกแห่งศตวรรษนี้หรอก

ท่านเขียนมา ไม่ว่าเจ็บร้อนแทนด้วยข้อความใด ผมก็ดีใจ อาศัยเป็นเครื่องชั่ง-ตวง-วัด ได้ว่า แฟนๆ ยังเชื่อมั่น-ศรัทธาต่อ ๕ แกนนำพันธมิตรฯ ก็จงใช้ศรัทธานี้ในการนำด้วย "ลดอัตตา" เข้าพิจารณาเถิด

มาดูทางด้านการประชุมสภาฯ หาตัว "นายกรัฐมนตรี" คนที่ ๒๖ กันบ้าง ดูข่าวแล้วก็แปลก ส.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี จะชิง ส.สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้ารับเป็นผู้เสนอชื่อต่อสภาฯ เช้านี้ (๑๗ ก.ย.๕๑)

แต่แทนที่ ส.สมชายจะเจรจากับ ส.สุรพงษ์ กลับกลายเป็นว่า ส.สมชายต้องไปปิดห้องเจรจากับ น.เนวิน ชิดชอบ

ก็เพิ่งรู้ตอนนี้แหละว่า นายเนวินเป็นพ่อของพรรคพลังประชาชนแทนทักษิณ?

เนี่ยะ..เห็นมั้ย บ้านเมืองขนาดนี้แล้ว พวกนักการเมืองฝ่ายอำนาจยังหาได้สำนึกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในฐานะจะเป็น "ผู้นำอำนาจบริหารใหม่" กันไม่

ที่กัดกัน-ไม่ลงตัวแต่แรกก็ดี สุดท้าย ปิดห้องคุยกันแล้วจึงลงตัวก็ดี ไม่ได้มาจากการต่อรองด้วยประโยชน์ชาติ ประโยชน์เมืองอะไรเลย

ประโยชน์กู เพื่อกู ทั้งนั้น!

ยังไม่ทันไร ก็กัดกันเพื่อ "แย่งโควตารัฐมนตรี" เสียแล้ว แล้วนี้..พอไปเป็นนายกฯ ไปเป็นรัฐบาล ไอ้พวกกิ่งก้าน และกาฝากพิษทั้งหลาย มันก็จะ "ไม่ซื่อสัตย์-ทรามสำนึก" เหมือนเดิม!

เพราะอย่างนี้ "พันธมิตรฯ" จึงยังมีความจำเป็น เพียงแต่ว่าต้อง "ทำให้เป็น" เท่านั้น

ทำไมพรรคเดียวกัน ต้องแย่งกัน คำตอบง่ายๆ ตอนนี้ก็คือ พลังประชาชนพรรคเดียว แต่แตกเป็นหลายกิ่งก้านพิษ และรู้ดีว่า "อยู่ไม่นาน" ฉะนั้น ต้องหาทางรีบคว้า

แก๊งนายเนวิน-นายสุรพงษ์ ต้องออกแรงแย่งเก้าอี้นายกฯ ทำไม?

คงไม่ใช่แย่งเก้าอี้นายกฯ หรอก แต่ตั้งเป็นเงื่อนไขเพื่อต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีอย่างว่า ก็คิดดูซีครับ ถ้านายสุรพงษ์ได้เป็นนายกฯ แก๊งสุรพงษ์-แก๊งเนวิน ก็แบ่งกัน ๕๐/๕๐

แต่ถ้าให้นายสมชายเป็นนายกฯ ขืนไม่ต่อรองไว้ก่อน เก้าอี้อาจหด เพราะเบื้องหลัง-มือค้ำเก้าอี้นายกฯ ประกอบด้วย แก๊งเจ๊แดง แก๊งเจ๊หน่อย แก๊งอีสานพัฒนา แก๊งขุนค้อน และแก๊ง ส.สมชายเอง

๕ แก๊งก็มากก้น นั่นคือตัวหารใน ๓๕ เก้าอี้มากขึ้น จำเป็นที่แก๊งสุรพงษ์-เนวิน ต้องต่อรอง "กันส่วน" ที่ต้วเองต้องการให้ตกลงเสียก่อนแต่เนิ่นๆ

ก็เวรกรรมชักพาแหละครับ วันนี้-ประเทศไทยอาจได้นายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๖ ชื่อ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" แต่วันพรุ่งนี้-มะรืนนี้ ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร และนายกฯ ยังจะชื่อสมชายถึงเดือนพฤศจิกา หรือไม่ ขึ้นอยู่กับโฉมหน้า ครม.และนายกฯ สมชายว่าจะใช้ยุทธวิธี "ประสานพันธมิตรฯ" ลีลาไหน แต่บอกได้คำเดียวว่า..เป็นเรื่องเศร้าเคล้าเลือด!"
บันทึกการเข้า
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #57 เมื่อ: 17-09-2008, 15:33 »

โธ่......ถุย

วาทกรรมไอ้หมักยุค 6ตุลา

คิดว่าไม่รู้เลยรึ

ถุงยางเกลื่อน แน่จริงให้มันไปกะกูไปดูเลย แน่จริงรึเปล่า

ถ้าไม่แน่กลับเข้าช่องคลอดไปซะ
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
OMEGA
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 233



« ตอบ #58 เมื่อ: 17-09-2008, 15:35 »


พันธมิตรต้องเชื่อสื่อด้วยเหรอครับ ให้ขุมนุมให้เลิก

 
บันทึกการเข้า

The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #59 เมื่อ: 17-09-2008, 17:24 »

โธ่......ถุย

วาทกรรมไอ้หมักยุค 6ตุลา

คิดว่าไม่รู้เลยรึ

ถุงยางเกลื่อน แน่จริงให้มันไปกะกูไปดูเลย แน่จริงรึเปล่า

ถ้าไม่แน่กลับเข้าช่องคลอดไปซะ



ฮั่นแน่...เล่นกันสดๆไม่กลัวเอดส์กันเลยน๊า  มิหน่าหล่ะลูกเอี้ยที่ถูกฆ่าตายที่ทำเนียบโดยพันธมารเมื่อไม่กี่วันก่อน คงเกิดจากการไม่สวมถุงยางนี่เอง  หลักฐานชัดเจนขนาดนี้...แกนนำทั้ง 9 คนจะปัดว่าไม่ใช่พ่อของเอี้ยที่โดนฆ่าตายได้ไงอ่ะ!?!
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2]
    กระโดดไป: