so what?
|
|
« เมื่อ: 23-06-2006, 18:37 » |
|
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2549 18:28 น. "ทักษิณ" พร่ำพรรณาเข้าใจชีวิตคนจนฟังแล้วน้ำตาซึม เน้นย้ำแนวปฏิบัติเศรษฐกิจพอเพียง แต่หนุนรากหญ้าเข้าหาแหล่งทุน ระบุถ้าอยากสร้างฐานะต้องใจถึงต้องกู้เงิน มัวแต่ประหยัดอดออม ไม่ทันกิน ชี้มีกรอบเวลานั่งนายกฯแต่ถูกกลุ่มบุคคลเคลื่อนไหวต่อต้าน อ่านรายละเอียดได้ที่ http://www.thaiday.com/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000081702เชิญออกความเห็นครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
kingkong059
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 23-06-2006, 18:42 » |
|
เป็นความคิดที่ดีมาก hohohohohohohohohoho จาได้ไปตกที่นายทุนหมด แล้วสุดทายก็จาไม่เหลืออาไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 23-06-2006, 18:50 » |
|
อันนี้ของของผมเพิ่มเติมให้เองครับ
ท่านนายกฯคงลืมแนะนำเทคนิครวยเร็วให้ชาวบ้านไปอีกสองสามข้อ
1) ถ้าเซ็นเช็คเด้งต้องสู้ให้ถึงศาลฎีกา โดยปฏิเสธหน้าตาเฉยว่า ม่ายช่ายลายเซ็นโผมมมม 2) เวลาไปของานจากเจ้าของงานให้ยืนกุมไข่ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอย่างที่ผมสาธิตให้ดูแล้วกับพี่จ๊อด (ใครมีรูปช่วยอนุเคราะห์หน่อยครับ) 3) ถ้าใครมาขอยืมเงินให้บอกว่า ไปเอาที่เมียผมโน่น 4) ถ้ามีทรัย์สินมากๆให้เอาไปใส่ไว้เป็นชื่อคนอื่น หรือไม่ก็เอาไปซ่อนไว้ที่บริษัทที่จดทะเบียนในเกาะเคย์แมนหรือเกาะเวอร์จิ้น จะได้เสียภาษีน้อยๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 23-06-2006, 20:58 » |
|
ขอบคุณคังคิกคูที่เป็นห่วง ผมเป็นลูกจ้างเค้ากินเงินเดือนจริงๆ แต่ชีวิตมีความสุขดี เพราะนายจ้างเค้าจ่ายให้มากจนเงินทองเหลือใช้ไม่ต้องด้านหน้าไปกู้ใคร วันๆมีแต่แบงค์กับไฟแนนซ์แห่กันขนเงินมาอ้อนวอนให้กู้ ต้องบอกปัดไม่หวาดไม่ไหว เคยรู้จักรึเปล่าลูกจ้างแบบทำงานปีเดียวซื้อบ้านได้หลังนึงแถมรถอีกคันน่ะ นี่กะว่าอายุซักสี่สิบปลายๆจะรีไทร์มานั่งเล่นเน็ทช่วยลุงแคนด่าไอ้เหลี่ยมอย่างเดียว แต่ดูอาการไอ้เหลี่ยมแล้วมันคงรอผมรีไทร์มาด่ามันไม่ไหว จะถอดใจเผ่นไปซะก่อน เลยต้องปลีกเวลามาด่าซะก่อนตอนนี้ไง ว่าแต่คังคิกคูเถอะ ทำมาหากินอะไร หวังว่าคงไม่ได้รับจ้างไอ้เหลี่ยมมาด่าสนธิกับปชป.นะ แต่ถ้าตกงานต้องหาลำไพ่ด้วยการรับจ้างปั่นกระทู้ละก็ จะช่วยสงเคราะห์หางานให้ทำ ว่าแต่เรียนจบอะไรมา จบเมื่อไหร่ แล้วทำอะไรเป็นบ้างล่ะ ส่ง CV มาให้ผมหลังไมค์ได้นะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
1ktip
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 23-06-2006, 21:19 » |
|
น้าแม้วแกลืมบอกว่า โอกาสรวยแค่ 1 ใน 1,000 นะจ๊ะ ที่เหลืออีก 999 คน จนลงๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Limmy
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 23-06-2006, 21:45 » |
|
ประเด็นอยู่ที่ว่ากู้แล้วต้องมีศักยภาพที่จะชำระหนี้คืนด้วย
สิ่งที่ผมห่วงมากคือการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนโดยใช้ที่ดิน ที่ทำกินของเกษตรกรรายย่อยครับ ถ้าต้องสูญเสียที่ดินไปในกรณีที่การชำระหนี้มีปัญหา คงจะมีปัญหาตามอีกมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 23-06-2006, 22:05 » |
|
น้าแม้วแกลืมบอกว่า โอกาสรวยแค่ 1 ใน 1,000 นะจ๊ะ ที่เหลืออีก 999 คน จนลงๆๆ
ประเด็นอยู่ที่ว่ากู้แล้วต้องมีศักยภาพที่จะชำระหนี้คืนด้วย
[/color] สองจุดนี้แหละครับ ที่คุณทักษิณไม่ยอมเอ่ยถึง เวลาที่ไปพูดให้ชาวบ้านฟัง คุณทักษิณถนัดแต่การพูดด้านเดียว ขายฝันให้คนที่ด้อยปัญญาวุฒิภาวะกว่า เคลิบเคลิ้มไปกับวิมานในอากาศที่วาดขึ้นมาจากน้ำลายไม่กี่หยด ลองกลับไปดูซิครับ ว่าโครงการเหล้าไทยไวน์ไทยจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดเมื่อสามสี่ปีก่อน มีเหลืออยู่ในตลาดกี่เจ้า แล้วชาวบ้านที่ไปกู้เงินมาทำตอนนั้น เวลานี้ทำอะไรอยู่ ใช้หนี้คืนได้ไหม โครงสร้างสังคมมันต้องมีความสมดุลครับ ไม่มีสังคมไหนหรอกที่ใครๆ ก็เป็นเถ้าแก่กันหมด แล้วจะเอาลาที่ไหนมาเป็นลูกจ้าง เป็นคนงานครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตลก
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 23-06-2006, 22:29 » |
|
อ้าววววว แล้วหน้าขนตัวไหนที่ทำโฆษณา กินกี่ส่วนออมกี่ส่วน
แล้วเดี๋ยวนี้จะให้กู้เงินทำเต้าส่วน บัดซบจริง
เรื่องกู้เงิน ไม่ต้องมาพูดตอนนี้หรอก เขากู้กันจนหนี้บานตั้งแต่เงินล้านเข้าหมู่บ้านแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ผ่านฟ้าแล้วเลยไปนรกเลยรึเปล่าครับ......... กิ๊กบนเรือ บนเครื่องบิน กิ๊กบนรถ ทุกอาชีพกิ๊กกันหมดอนาคตจะเป็นไง?
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 23-06-2006, 23:28 » |
|
เชื่อว่า คุณ meteorite เกือบทั้งหมดในเว็บเสรีไทยแห่งนี้ ยึดเศรษฐกิจพอเพียง ผมคนหนึ่งทำการค้า ก็ไม่ต้องกู้เงิน เพราะเราไม่หวังรวยเร็ว ไม่ต้องมีหน้าฉากโอ่อ่า แต่เรามีพอกิน ไม่ง้อใคร ไม่มีปัญญาซื้อเราก็ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องไปเสียดอกให้ใคร (ยกเว้น บ้าน ไว้ซุกหัวนอน ซึ่งเป็นปัจจัย 4 ถ้ามันไม่มีเงินก้อน ก็ต้องกู้) วันก่อน Citibank ก็โทรมาชวนให้กู้เงิน personal loan อะไรของมัน ผมถามมันกลับว่า "คุณคิดว่าผมหมดท่าแล้วเหรอ ผมจะคุยอย่างเดียวคือดอกเบี้ยเงินฝาก"
ผมคิดว่า คุณ meteorite อย่าไปสงเคราะห์หางานให้ คังดิกคู เลย เพราะมันไปก่อหนี้ก่อสินตามที่ไอ้หน้าเหลี่ยมสนตะพายมัน หน้ามืดไปลักขโมยนายจ้างเขาเข้า เสียชื่อหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 24-06-2006, 00:58 » |
|
[size=1/pt]ครับ ท่าน ThaiTruth ผมเพียงแต่ให้โอกาสเค้ากลับตัวกลับใจเท่านั้น แต่ดูท่าทางแล้วคงฉุดไม่ขึ้นแล้วครับ โดนฝังชิปเข้าไปเต็มสมองแล้วอย่างงั้น[/size][/b]
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นู๋เจ๋ง
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 24-06-2006, 06:40 » |
|
ต้องรวยแบบ เอาทรัพย์สินสาธารณะ สมบัติชาติ ไปขายให้ต่างชาติ น่ะเหรอ
รวยแบบโจร ขโมยเค้าน่ะ มันไม่ยั่งยืนค่ะ
อ้ายเวงนี่ สอนลูกหลาย คนรุ่นหลังให้บรรลัย แล้วไม๊ล่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
|
|
|
GN-001 Exia
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 24-06-2006, 08:16 » |
|
สังคังเอ้ย.....
กู้เงินน่ะ...ถ้ากู้แล้วต้องจ่ายคืนนะ...
ถ้ามันไม่คืน...มันก็ต้องเสียสิ่งที่เท่าเทียมกันออกไป....
เพราะงั้นกู้มาแล้วมันต้องเกิดผล....
การที่เงินจะงอกเงยได้ คนใช้ต้องมีความรู้...เพื่อให้เงินงอกเงย
แต่ถ้ายังความรู้ไม่พอแล้วยังมากู้ ก็เอาไปเล่นหวยซื้อมือถือ มอ'ไซค์ จะมีซักกี่คนที่เอาไปทำให้งอกเงย...
น้อยมากใช่มะ...เพราะงั้นมันก็เป็น NPL เกือบหมด...
ผลคือประเทศชาติเสียหาย...แต่มีไอ้บ้าคนหนึ่งได้เป็นพระเจ้าในหมู่คนไม่รู้...
อาศัยความโลภ...กิเลสของชาวบ้าน
มันไม่เคยฟังในหลวงเลย...
ที่ในหลวงพระราชทานเศรษฐกิจพอเพียง เป็นบุญของไทย...
เป็นเครื่องเตือนสติคนไทยทั้งหลาย ให้ใช้เท่าที่หาได้ ไม่ต้องรีบรวยไปใหน..
มันไม่รวยร้อก!!! มีแต่จะซวยกู้อันโน้นมาปิดอันนี้ทั้งชาติ หาความสุขไม่ได้...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
พวกที่เอาคำว่า "เสรีภาพ" มาบังหน้าเพื่อเบียดเบียนคนอื่นนี่มันเลวที่สุด
|
|
|
p
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 24-06-2006, 11:00 » |
|
หนูคังฯจะเลือกอันไหน ระหว่าง 1. "มีคนเอาปลาไปให้" กับ 2. "มีคนสอนวิธีจับปลาให้"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้ามัวคิดแต่จะโกงและเอาเปรียบคนอื่น จะสอนลูกหลานให้เป็นคนดีได้อย่างไร
|
|
|
55555
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 24-06-2006, 12:19 » |
|
เอ๊า....คุณ P ไม่น่าถาม แฟนพันธ์แท้ ทักษิณต้องเลือก ข้อ 1. "คนเอาปลามาให้" เพราะมันเร็วดีไม่ต้องเหนื่อยไปจับ ปลาหมดแล้วก็นอนท้องแห้งรอคนเอามาให้อีก.....ฮูวววววววววววววววว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 24-06-2006, 14:52 » |
|
ขัดกับแนวเศรษฐกิจพอเพียงแบบตรงกันข้ามเลย เพราะไม่เน้นให้กู้ หรือรวย แต่เน้นให้เอาตัวรอดเลี้ยงตัวเองได้ก่อน ส่วนเกินที่เหลือจะกินเก็บจะทำให้รวยได้เอง เป็นการเจริญเติบโตแบบยั่งยืนที่ไม่ได้พึ่งเงินกู้เป็นหลัก เพราะพลาดขึ้นมาจะทำให้หนี้สินล้นพ้นตัว ติดอยู่ในบ่วงแห่งความยากจนซ้ำซาก ตามหลักของการลงทุน ต้องเริ่มจากเงินตัวเองก่อนทั้งนั้น ใครหวังรวยจากเงินกู้ที่รวยมีแค่ 1 ในหมื่น 1 ในแสน ยิ่งรากหญ้ายิ่งแล้วใหญ่ เพราะเดิมทำเกษตรในสิ่งที่ตัวเองถนัดมีความรู้ พออยู่พอกิน หนี้สินไม่มาก แต่พอรัฐไปส่งเสริม ให้ทำโน่นทำนี่ บางอย่างชาวบ้านไม่มีความรู้เลย ทำตามนโยบาย กู้เงินมาทำ สุดท้ายเจ๊ง ต้องมาขอลดหนี้ ล้างหนี้ วนเวียนซ้ำซาก คนชนชั้นกลาง ก็หาว่าชาวบ้านเอาแต่เข้ามาประท้วงล้างหนี้ ไม่ทำมาหากิน โดนจ้างมาบ้าง โดยไม่รู้ว่า รากฐานของปัญหา เกิดจากการใช้นโยบายส่งเสริมที่ผิดพลาด เป็นวัฎจักร หลายสิบปี แก้ไม่หลุด แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง มีการพิสูจน์แล้ว นับสิบปี ว่าทำให้ชาวบ้านพึ่งตัวเองได้ หลุดพ้นจากบ่วง เพิ่มพูนและส่งเสริมภูมิปัญญาชาวบ้าน และยังอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
O_envi
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 24-06-2006, 15:17 » |
|
นอกเรื่องหน่อยนะครับคุณ Implulze ครับ กันดั้มตัวนี้เท่ห์มากเลยชอบๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
The change musts come one by one.It has to start with you
|
|
|
นายเบียร์
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 24-06-2006, 17:53 » |
|
ความน่ารักอย่างหนึ่งของคุณทักษิณคือแกเป็นตัวอย่างของผู้ถูกเสพโดยลัทธิบริโภคนิยมอย่างชัดเจนดี ไม่หลุดไม่เฉไฉ ใครจะด่าจะว่ายังไง แกก็ไม่เคยหลุดประเด็น
ถ้าถามว่าแนวคิดแกผิดไหม? ไม่ผิดครับ เพียงแต่ปัญหาคือแกพูดแค่ด้านเดียวอย่างที่หลายท่านว่าๆไปแล้ว ปัญหาสำคัญที่ทำให้สิ่งที่แกทำให้ชาวบ้านเกิดปัญหาใหม่มากกว่าแก้ปัญหา อยู่ที่ขั้นตอนของกระบวนการทำงาน และคนปฏิบัติงาน สิ่งที่สวยงามมีแค่ตอนพูด ตอนแถลงข่าว การตลาดดี แต่ผลสัมฤทธิ์ไม่เป็นไปเช่นนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สี่หามสามแห่
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 24-06-2006, 22:46 » |
|
กู้เงินมา แต่พ่อตาไม่ใช่ระดับ รอง อตร. นี่ก็หมดสิทธิ์ ครับ
อย่าพ่นเลยว่ะ ทักสิน เอ้ย แม่งฟังแล้วอุบาทว์
ตัวมรึงเองหน่ะถ้าพ่อเมียไม่ใหญ่ระดับนั้น จะมาได้ถึงขนาดนี้เหรอว่ะ
ถามหน่อย มรึงจะประมูล คอม กรม ตร. มูลค่าพันกว่าล้านได้เรอะ
กับ บ.กระจอกๆ อย่างมรึง อะ ถุยส์ ว่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 24-06-2006, 22:49 » |
|
คนชนชั้นกลาง ก็หาว่าชาวบ้านเอาแต่เข้ามาประท้วงล้างหนี้ ไม่ทำมาหากิน โดนจ้างมาบ้าง โดยไม่รู้ว่า รากฐานของปัญหา เกิดจากการใช้นโยบายส่งเสริมที่ผิดพลาด เป็นวัฎจักร หลายสิบปี แก้ไม่หลุด
คุณแอ่นแอ๊น คงพูดถึงชนชั้นกลางสัก 6 ปีก่อนหน้านั้น แต่ชนชั้นกลางสมัยนี้คงไปว่าชาวบ้านร้านตลาดหรือบ้านนอกแบบนั้น ไม่ได้อีกต่อไป
คุณแอ่นแอ๊นต้องไปสังเกตการณ์ตามบริษัท พวกพนักงานบริษัทอะ สิ้นเดือนรับสลิปเงินเดือน พอต้นเดือนมีบิลทวงหนี้จาก โอเค อีซี่ อีอ้อน มาถึงบริษัท แล้วรีเซ็ปชั่นมันก็เอามาร่อนตามโต๊ะ
ตามตู้เอทีเอ็มในอาคารสำนักงานฟู่ฟ่าต่างๆ ต้นเดือนก็จะมีการต่อคิวยาวเหยียดกดเงิน เพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ แต่ละคนก็แต่งตัวดีๆทั้งนั้น คุยกันแต่เรื่องดอกเบี้ยว่าที่ไหนถูกกว่า จะได้ไปกู้ ๆ ๆ ๆ ๆ ผ่อน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
หรือสังเกตตามสถานี BTS สมัยนี้ก็จะมีบู๊ธของพวก อีซี โอเค จิปาถะไปเปิดให้บริการถึงที่ เรียกว่าออกจากขบวนรถไฟฟ้าก็กู้ได้ทันที จะเข้่าสถานีรถใต้ดินก็มีคนยืนแจกใบปลิวกู้นอกระบบ ระบุเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 24-06-2006, 23:10 » |
|
แต่ก่อนนานๆกลับเมืองไทยที ผมไปเดินห้าง สงสัยจังว่าเค้าขายอะไรทำไมคิวคนมันถึงยาวจัง พอเข้าไปถามคนต่อคิวเค้ามองหน้าเหมือนจะถามว่า แล้วมรึงมาเศรือ_อะไรกับพวกตรูด้วยหวา ที่แท้ก็อย่างที่ท่าน ThaiTruth ว่านี่เอง quick cash ๆๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 25-06-2006, 09:42 » |
|
engg อ่านซะ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้แสดงความเป็นห่วงต่อการมุ่งเน้นการเติบโตของจีดีพีมากกว่าที่จะมุ่งในเรื่องความยั่งยืนของเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2549 ในงานของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โดยได้ยกตัวอย่างถึงมาตรการที่ ธปท.ไม่ส่งเสริมให้เกิดการใช้จ่ายเกินตัวในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเรื่องการกำกับดูแลการขยายตัวของบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ว่า ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นช่องทางที่ทำให้ประชาชนใช้จ่ายเกินความจำเป็น และไม่รู้ว่าจะมีความสามารถในการชำระหนี้ได้หรือไม่ ตามปกติจะต้องส่งเสริมให้คนออมก่อนและใช้จ่ายทีหลัง แต่ในภาวะที่เป็นอยู่กลับตรงกันข้าม ให้ใช้จ่ายก่อนและออมทีหลัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
p
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 25-06-2006, 11:32 » |
|
engg อ่านซะ
... ตามปกติจะต้องส่งเสริมให้คนออมก่อนและใช้จ่ายทีหลัง แต่ในภาวะที่เป็นอยู่กลับตรงกันข้าม ให้ใช้จ่ายก่อนและออมทีหลัง[/color][/size]
คุณ ThaiTruth ครับ เดี๋ยวนี้โลกมันเปลี่ยนไปเยอะ ต้องทำใจครับ สมัยก่อนเขาให้สาวๆซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ แต่สมัยนี้เขาให้สาวๆนังข้างหน้า สมัยก่อนเห็นแต่ไอ้หนุ่มไปจีบอีสาว แต่สมัยนี้อีสาวไปจีบไอ้หนุ่ม สมัยก่อนสุภาพสตรีจะตั้งท้องหลังแต่งงาน แต่สมัยนี้หลายคนตั้งท้องก่อนแต่งงาน บางคนไม่ได้แต่งงานก็มีลูกได้ ที่ฝรั่งเขาเรียกว่า Single mother ไงครับ ผมเคยถามเขาว่า ... "แล้ว ... มีลูกได้อย่างไรวะ" ได้รับคำตอบว่า ... "ง่ายนิดเดียว ไม่เห็นต้องยากเลย ทำเล่นๆก็ท้องได้" ยอมแพ้ครับ ยอมแพ้จริงๆ คนรุ่นใหม่นี้เก่งจริงๆ ทำเล่นๆก็ท้องได้ ทีญาติของผมทำจริงๆมาตั้งหลายปีแล้ว ไม่ยักกะท้องสักที
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2006, 11:34 โดย p »
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้ามัวคิดแต่จะโกงและเอาเปรียบคนอื่น จะสอนลูกหลานให้เป็นคนดีได้อย่างไร
|
|
|
HILTON (ปาล์มาลี)
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 25-06-2006, 16:12 » |
|
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2549 18:28 น. "ทักษิณ" พร่ำพรรณาเข้าใจชีวิตคนจนฟังแล้วน้ำตาซึม เน้นย้ำแนวปฏิบัติเศรษฐกิจพอเพียง แต่หนุนรากหญ้าเข้าหาแหล่งทุน ระบุถ้าอยากสร้างฐานะต้องใจถึงต้องกู้เงิน มัวแต่ประหยัดอดออม ไม่ทันกิน ชี้มีกรอบเวลานั่งนายกฯแต่ถูกกลุ่มบุคคลเคลื่อนไหวต่อต้าน อ่านรายละเอียดได้ที่ http://www.thaiday.com/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000081702เชิญออกความเห็นครับ อ่านแล้ว นี้หรือคลื่นลูกทีสาม ล้าสมัยแล้ว หัวข่าวพรุ่งนี้เขาเขียนว่า "ทักสิน" พร่ำพรรณาเข้าใจชีวิตคนจนฟังแล้วน้ำตาซึม เน้นย้ำแนวปฏิบัติเศรษฐกิจ หนุนรากหญ้าเข้าหาแหล่งมีเงิน ระบุถ้าอยากสร้างฐานะต้องใจถึง รู้จักอม และโกง มัวแต่กู้เงินจ่ายดอกให้นายธนาคารรวยอย่างเดียว ไม่ทันกิน ชี้มีกรอบเวลาเอาเก้าอี้นายกติดตุดไปไหนมาไหน เพราะกลัวถูกกลุ่มบุคคลเคลื่อนไหวต่อต้านให้ลาออก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 25-06-2006, 22:27 » |
|
ผมจะบอกคุณ engg ให้ ถ้าประชาชนในประเทศนี้คิดอ่าน "ศรีธนญSHIN" แบบคุณหรือแบบกะลาชน แปลว่าประเทศนี้ซวยแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
555555555555
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 26-06-2006, 08:32 » |
|
คือ แม้วมันไม่ได้เข้าใจอะไรหรอกคับ มันเข้าใจแค่ว่า นี่คือ หลักการตลาดที่มันต้องทำ ส่วนคนจนเองก็ต้องการเงินอยุ่แล้วมันก้เลยบรรจบกันตรงเส้นตัดของความคิดไงคับ ต่างฝ่ายต่างก็เห็นแก่ตนเองมากกว่าส่วนรวมก็ยังงี้แหละ อย่างนี้แหละคับที่ทำให้ผมเกลียดแม้วมาตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อน นโยบายแต่ละอย่างไม่ใช่นโยบายเพื่อพัฒนาประเทศชาติอย่างแท้จริง มันแค่การตลาดล้วนๆเท่านั้นเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นู๋เจ๋ง
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 26-06-2006, 09:27 » |
|
ระบบการจัดการ ระบบบริหารธุรกิจเป็นเรื่องดี แต่ก่อนจะเรียน หรือใช้หลักพวกนี้ ต้องมี หน้าที่พลเมืองและวิชาศีลธรรม ที่ฝังไว้ในจิตสำนึก และรากฐานการศึกษาก่อน
อดออม คือสามัญสำนึก แต่ ร่ำรวยด้วยหลักบริหาร นั้นคือวิชาชีพ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
|
|
|
O_envi
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 26-06-2006, 15:52 » |
|
ถ้าทักษิณเก่งจริงอย่างที่ปากบอกทำไมไม่ออกแบบระบบการกู้ยืมให้ดีๆ ล่ะครับ ถ้าเป็นเจ้าของธนาคาร ธนาคารเจ๊งไปแล้วแบบนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
The change musts come one by one.It has to start with you
|
|
|
so what?
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 26-06-2006, 16:27 » |
|
เอามาแถมให้เหล่ากองชเลียร์แม้วอีกอัน ผลพวงของนโยบาย กู้ไว้ก่อน พ่อเหลี่ยมสอนไว้ กำลังค่อยๆปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมครับ ยอดค้างชำระหนี้บัตรเครดิต-สินเชื่อบุคคลเริ่มขยับเพิ่มขึ้นนายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือเคทีซี กล่าวถึงสถานการณ์การขอสินเชื่อผ่านบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลของประชาชนขณะนี้ว่า จากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ทำให้ประชาชนมีความต้องการใช้บริการสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของสินเชื่อเครดิต แต่บริษัทก็เพิ่มความระมัดระวังในการอนุมัติ เนื่องจากที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาณอัตราค้างชำระที่เพิ่มขึ้น โดยสินเชื่อบัตรเครดิตอัตราค้างชำระเพิ่มจากร้อยละ 2.85 เป็นร้อยละ 3 สินเชื่อบุคคล เพิ่มจากร้อยละ 8 เป็นร้อยละ 9 ซึ่งบริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามทวงถามก็สามารถหยุดตัวเลขอัตราค้างชำระไม่ให้เพิ่มขึ้นได้ ทำให้เห็นว่าในสถานการณ์ขณะนี้จะต้องเพิ่มความระมัดระวัง จึงอนุมัติสินเชื่อบุคคลในสัดส่วนประมาณร้อยละ 30 ของยอดขอสินเชื่อ ส่วนสินเชื่อบัตรเครดิตอนุมัติร้อยละ 50 ของจำนวนผู้ขอ นอกจากนี้ ที่ผ่านมาชมรมบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทยได้เสนอไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอให้พิจารณาผ่อนปรนให้ลูกค้าบัตรเครดิตสามารถผ่อนชำระขั้นต่ำร้อยละ 5 ต่อไปอีก ขณะเดียวกัน ก็ขอปรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบัตรเครดิต ซึ่งขณะนี้ ธปท.กำหนดเพดานไว้ที่ไม่เกินร้อยละ 18 ทำให้ผู้ให้บริการได้รับผลกระทบ เพราะอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ได้ปรับขึ้นไปมากแล้ว ทำให้ต้นทุนทางการเงินของผู้ให้บริการเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ เพดานร้อยละ 18 ธปท.กำหนดตั้งแต่ตอนที่อัตราดอกเบี้ยอาร์พีอยู่ที่ร้อยละ 2 แต่ขณะนี้ขยับไปที่ร้อยละ 5 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ธปท.ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนออกมา จาก http://www.bangkokbiznews.com/nws/scripts/hotnewskt.php?lang=th&newsid=200998&type=ktmo
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|