'เชอรี่' เส้นทางนี้ 'แม่' ขีดเอง รูปประกอบ : เนชั่นสุดสัปดาห์
ข่าวจาก เนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ 13 ฉบับที่ 616 วันที่ 22 - 28 มี.ค. 2547
อันเนื่องมาจาก บริษัท ทราฟฟิก คอร์นเนอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ทำการเพิ่มทุน โดยขายหุ้นให้ ชยาภา วงศ์สวัสดิ์ และ ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ในราคา 140 ล้านหุ้น หุ้นละ 3 บาท เป็นจำนวนเงิน 420 ล้านบาท เพื่อหวังระดมทุนชำระหนี้ระยะสั้น และสำรองไว้ประมูลคลื่นวิทยุแห่งใหม่ รับการเกิดของ กสช. ในปีนี้นั้น
ใครจะคิดว่าเป็นเรื่องของบุญวาสนา เรื่องการเมือง เรื่องธุรกิจก็ตาม แต่วันนี้ หนึ่งในสองคนนั้น คือ 'เชอรี่' ชยาภา วงศ์สวัสดิ์
น่าจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มีความสุขที่สุดคนหนึ่งขณะนี้
ความสุขที่มิได้หมายถึงการเข้าถือหุ้นในทราฟฟิกฯ ที่จะทำให้สามารถควบตำแหน่งในระดับบริหาร อันมีอำนาจกำหนดทิศทางขององค์กรได้ในระดับหนึ่ง ด้วยวัยเพียง 21 ปี
และมิได้หมายถึงผลกำไรนับเป็นเงินจำนวนมหาศาล ที่มาจากธุรกิจของบริษัทมากมาย ทั้งสื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์
แต่น่าจะหมายถึงความสุขของคนที่ได้ทำตามความฝัน ซึ่งสำหรับเธอ ดูเหมือนว่าชีวิตจะอบอวลไปด้วยกลิ่นความสมหวังมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก
เชอรี่ เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2526 ที่ จ.พะเยา เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ 'เจ๊แดง' เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวคนที่ 5 ของนายกฯ ทักษิณ เป็น ส.ส.เชียงใหม่ พรรคไทยรักไทย พ่วงด้วยตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค คุมเสียงในพื้นที่ภาคเหนือบ้านเกิด
มีพี่ชาย 'เชน' ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ขณะนี้กำลังเรียนปริญญาโทวิศวฯ อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และ พี่สาว 'เชียร์' ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ เรียนปริญญาโททางด้านการเงินที่ประเทศเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะกลับมาร่วมงานกับน้องสาวหลังจากเรียนจบแล้ว
ในครอบครัวที่พรั่งพร้อมทุกอย่าง นอกจากการเลี้ยงดูให้ความรักเอาใจใส่แล้ว เจ๊แดงยังสนับสนุนความฝันของเชอรี่มาตลอด ได้เห็นพฤติกรรมของลูกสาวที่ชอบร้องเพลง ไม่ว่าจะร้องเล่นที่บ้าน หรือการร่วมกิจกรรมต่างๆ ของทางโรงเรียน เช่น ตั้งวงดนตรีกับเพื่อนๆ เป็นเชียร์ลีดเดอร์ เล่นละครเวที เล่นเปียโน กีตาร์ ตลอดจนการแสดงออกต่างๆ ในทางสร้างสรรค์
"เราในฐานะที่เป็นพ่อแม่ ก็เห็นว่าเขามีแววด้านนี้ เลยส่งเสริมให้เขามีความมั่นใจในตัวเอง และกล้าแสดงออกยิ่งขึ้น โดยพยายามให้เขาดึงเอาศักยภาพในตัวเองออกมาใช้"
นี่เป็นคำพูดของคุณแม่ 'เจ๊แดง' ที่ให้ไว้กับสื่อหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน อันเป็นการยอมรับว่าตนเองเห็นด้วย และพร้อมจะส่งเสริมเต็มที่ เพราะจากศักยภาพของตัวเองในขณะนั้น นอกจากทางด้านการเมืองขนาดที่สื่อมวลชนให้ฉายาว่า 'เจ้าแม่วังบัวบาน' แล้ว
'ฐานทุน' ของเยาวภา ก็ไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นบริษัท วี เอส ดับเบิ้ลยู เทเลคอม และบริษัท เอ็ม ลิงค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารและโทรศัพท์เคลื่อนที่ Motorola, Alcatel, และ trium ให้กับตัวแทนจำหน่าย (Dealer) ทั่วประเทศในลักษณะขายส่ง
ต่อมาได้มีการปรับโครงสร้างการบริหารของเอ็มลิงค์ครั้งสำคัญ ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 เมื่อเจ๊แดงได้ลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยให้น้องสาว 'มณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล' มานั่งตำแหน่งประธานกรรมการบริหารแทน
และอีกครั้งคือ ปี 2546 โดยการดึง สรรเสริญ จุฬางกูร ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายของสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในขณะนั้น นั่งตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร แทนมณฑาทิพย์ ซึ่งลงมานั่งตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหาร
โดยให้เหตุผลของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารครั้งนี้ว่า เพื่อทำให้บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลได้อย่างโปร่งใส ลบภาพพจน์ของบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจการเมือง สร้างความน่าเชื่อถือจากลูกค้าทั้งในส่วนของสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศสและเยอรมัน เพราะจากเดิมบริษัทถูกมองว่าเป็นขุมข่ายทางการเมืองของตระกูลชินวัตร
0 0 0
อย่างไรก็ตาม เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เหล่านี้คือความถึงพร้อมของการ 'ดัน' บุตรสาวให้เดินไปในเส้นทางความฝันของเจ๊แดง
จนเมื่อเชอรี่อายุ 13-14 ปี เจ๊แดงส่งเธอไปเข้าหลักสูตรเข้มข้นทั้งทางด้านการร้องเพลงและการเต้นแจ๊ส แดนซ์ กับครูอ้วน มณีนุช เสมรสุต อันเป็นที่ทราบกันดีว่าสถาบันของครูอ้วนนี้ สร้างนักร้อง และบุคลากรเข้าสู่วงการบันเทิงและวิชาชีพต่างๆ มากมายในเมืองไทย
ฝึกอยู่กับครูอ้วน 3 ปี สามารถแต่งเพลง แต่งกลอนได้ จึงได้พกความมั่นใจ มุ่งหน้าเข้าระบบสกรีนเทสต์ของค่ายเพลงชื่อดัง 'แกรมมี่' ทันที
แม้จะไม่ผ่านในครั้งแรก จะด้วยเหตุผลในเรื่องประสบการณ์ หรืออะไรก็แล้วแต่ นั่นก็มิได้ทอนพลังแห่งความฝันให้ก้าวต่อไปเลย
ก้าวนั้น ก็คือการได้ออกอัลบั้มแรกของตัวเอง ชื่อ 'เชอรี่ ซีเครท ซี' (Secret 'C') กับค่าย Strong Point Entertainment ที่คุณแม่ได้ลงทุนสร้าง และออกเทปให้ถึงสองหมื่นม้วน อันเป็นการย้ำถึงความรักและเข้าใจในตัวบุตรสาว ให้ได้มี 'ฝันที่เป็นจริง' ไม่เพียงแค่ความสมหวังในเรื่องการทำงานเท่านั้น ยังมีด้านการเรียนด้วย หลังจากจบชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสตรีวิทยา เธอสามารถสอบเอนทรานซ์ ติดในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่คุณพ่อ 'สมชาย' เป็นศิษย์เก่า
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงเลือกเรียนนิติศาสตร์ ทั้งๆ ที่อยากเป็นนักร้อง เธอได้ให้คำตอบไว้กับสื่อหนึ่งว่า
"คิดว่ากฎหมายมันดี ไม่จำเป็นต้องทำงานด้านกฎหมาย คือจบออกไปแล้วนำไปช่วยเหลือผู้อื่นได้ในอนาคตหลายอย่าง"
นั่นแปลว่าเธอมิได้ทิ้งความฝันของการเป็นนักร้อง เพราะหลังจากนั้น อันสืบเนื่องจากที่เธอออกอัลบั้มแรกแล้วได้ติดตามตระเวนออกคอนเสิร์ตร่วมกับ นักร้องค่ายแกรมมี่มาตลอด
ในปี 2545 แกรมมี่จึงได้ให้โอกาสเธอออกอัลบั้มในชื่อ 'เชอรี่ ชยาภา' ที่ตัวเองมีส่วนร่วมในการนำเสนอไอเดียของเนื้อหาที่มาจากมุมมองของความรัก ของเธอ ขณะที่กำลังเรียนในชั้นปีที่ 2 อันเป็นความภาคภูมิใจของเธอมาก
ถึงแม้ว่าทั้งสองอัลบั้มที่ออกมาสู่แผงเทป ต่างเวลา ต่างค่าย นับว่าไม่ประสบความสำเร็จในด้านรายได้เลย แต่ที่สุดเธอก็ยืนยันว่า 'พอใจ' ที่ได้ทำตามความฝันของตัวเอง
"ก็ถือว่าได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำแล้ว ความสำเร็จไม่เกี่ยว"
กับชีวิตปัจจุบัน เชอรี่กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 ซึ่งจะจบปริญญาตรีในปี 2547 นี้
ด้วยวัยที่โตขึ้น ประสบการณ์การใช้ชีวิตที่มากขึ้น มุมมองความฝันของเธออาจเปลี่ยนไปบ้าง เพราะตอนนี้ไม่ใช่ความต้องการทำงานอยู่เบื้องหน้าเวทีแล้ว แต่เป็นการทำงานเบื้องหลัง
และคุณแม่ นักการเมืองผู้กว้างขวางและยิ่งใหญ่คนเดิม ก็คงยังยืนหยัดเป็น 'แบ็คอัพ' หนึ่งแรงสำคัญที่ส่งให้ความฝันของเชอรี่เป็นจริง (อีกแล้ว) โดยการทุ่มซื้อหุ้นในบริษัท ทราฟฟิก คอร์นเนอร์ ให้ ด้วยหุ้นใหญ่ถึง 38 เปอร์เซ็นต์
จะเพราะความเป็น 'ลูกเจ๊แดง' และ 'หลานนายกฯ' หรือไม่ก็ตาม ที่ทำให้เชอรี่มีชีวิตที่ 'โรยด้วยกลีบกุหลาบ' ถึงกระนั้นทุกอย่างล้วนก่อกำเนิดจากความชอบและความมุ่งมั่นพยายามของเธอเอง เป็นอันดับแรก
คงต้องรอดูกันต่อว่าทางเดินของ 'เชอรี่' ชยาภา วงศ์สวัสดิ์ ว่าที่บัณฑิตใหม่จากรั้วแม่โดม จะเป็นอย่างไรต่อไป กับบทบาทใหม่หลังจากนี้ในทราฟฟิก คอร์นเนอร์
วัน / เวลา22 มี.ค. 2004