ปฏิญญาฟินแลนด์ ยุทธศาสตร์ทักษิณมีคนสนใจเรื่อง ปฏิญญาฟินแลนด์ ที่ผมเขียนเล่าไว้บ้างในคอลัมน์นี้เมื่อสัปดาห์ก่อน อยากให้เล่าต่อ
บางคนขอให้เขียนให้ละเอียดว่าคนที่ไปร่วมพูดคุยมีใครบ้าง เมื่อไร ที่ไหน
บางคนก็ถามว่าทำไมเพิ่งมาเขียนถึงวันนี้
ในเรื่องรายละเอียดนั้น จนถึงเวลานี้ขอบอกว่ายังจนปัญญาอยู่ ของแบบนี้เขาไม่ได้บันทึกเปิดเผยชนิดพิมพ์เผยแพร่เป็นเล่มให้อ้างอิงได้หรอก ส่วนเรื่องที่เพิ่งเขียนนั้นบอกได้ตามตรงว่าก็เพราะเพิ่งรู้ เมื่อรู้แล้วก็นำมาเล่าสู่กันฟัง
ต้นตอมาจากข้างเวทีปราศรัยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากคำบอกเล่าของคนที่เคยเป็นคนทำงานระดับวงในของพรรคไทยรักไทย เป็นคนที่อยู่ในขบวนสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอย่างแข็งขันมาก่อน เป็นซ้ายเก่าที่เคยเข้าป่าในช่วงหลังเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519 แม้จะไม่ใช่ระดับมีชื่อเสียงโด่งดังและมีตำแหน่งแห่งที่เทียบเท่าซ้ายเก่าที่มาได้ดิบได้ดีกับพรรคไทยรักไทยอย่างภูมิธรรม เวชยชัย, หมอพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ ฯลฯ แต่ก็ต้องถือว่าเป็นคนทำงานใกล้ชิดท่านเหล่านั้น แม้จะเป็นรุ่นน้องในทางอายุและชั้นเรียนอยู่สองสามปี แต่ก็ต้องถือว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นป่าเดียวกัน ได้รับความไว้วางใจและได้บำเหน็จตอบแทนเป็นตำแหน่งในองค์กรของรัฐอยู่ระยะหนึ่ง
เฮ้ย ผมเพิ่งดู ASTV ไอ้คนที่ขึ้นเวทีเมื่อกี้ปล่อยขึ้นไปได้ยังไง จำชื่อไม่ได้ แต่จำหน้าได้ชัดเจนเลย นี่ละคนของคุณหญิงเค้าเลย... เพื่อนวงในอีกคนกดโทรศัพท์มาบอกในช่วงเย็นวันหนึ่งของเดือนเมษายน 2549 ขณะพวกเราชุมนุมอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์
ใจเย็นน่า เขามาช่วยขึ้นเวทีตั้งแต่สนามหลวงแล้ว คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้... ผมช่วยแก้ให้
เพราะฉะนั้นจะบอกว่าเป็นคำบอกเล่าที่ฟังไม่ได้เสียเลยก็กระไรอยู่
แต่จะให้นำมาเล่าทั้งหมด ก็ออกจะไม่เป็นธรรมแก่ผู้ที่ถูกระบุว่าอยู่ร่วมในการพูดคุยที่ประเทศฟินแลนด์ครั้งนั้นด้วย
และที่จริงก็ไม่สำคัญเท่าไรนัก
เพราะ 4 - 5 ปีที่ผ่านมา พรรคไทยรักไทยและพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้เริ่มต้นนโยบายใหม่ๆ มากมายหลายประการ และได้พูดจารวมทั้งแสดงท่าทีท่วงทำนองที่มีบันทึกไว้เป็นหลักฐานหลายกรรมหลายวาระ มากเพียงพอที่จะนำมาสังเคราะห์และวิเคราะห์ว่าเป้าประสงค์สุดท้ายที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นนั้น เป็นไปตามที่อ้างกันว่าอยู่ใน 4-5 ประการของปฏิญญาฟินแลนด์หรือเปล่า
ถ้าทำได้อย่างนั้นแล้ว ปฏิญญาฟินแลนด์จะมีหรือไม่มีย่อมไม่สำคัญอีกต่อไป
4-5 ประการที่ว่านั้น ผมฟังมาระดับหนึ่ง ซึ่งก็ตรงกับที่มีผู้ post เข้ามาเป็น ความเห็นที่ 9 (อีกแล้ว) ท้ายคอลัมน์นี้เมื่อสัปดาห์ก่อน ในทำนองนี้
1. ยุทธการมวลชน ต้องเข้าถึงระบบรากหญ้าให้ทั่วถึง โดยให้ข้อมูลและกระทำในสิ่งที่หัวหน้าชุมชนรับนโยบายจากรัฐบาลไปถ่ายทอดสู่ระบบรากหญ้าซึ่งเป็นมวลชนอันยิ่งใหญ่ของประเทศ
2. ระบบพรรคเดียว ในทางปฏิบัติ ให้มีพรรคการเมืองพรรคเดียวในการเป็นรัฐบาลปกครองประเทศ
3. ระบบทุนนิยม ต้องให้ประชาชนบริโภคมากๆ มีทั้งของอุปโภคและบริโภค ให้ใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ของฟุ่มเฟือยต่างๆ เสมือนยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน และการลงทุนในโครงการใหญ่ๆ
4. สถาบันสูงสุด สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ โดยใช้วิธีปฏิบัติในข้อ 5
5. ปฏิรูประบบราชการ เป็นการปรับรื้อระบบราชการเดิมให้หมด มีแนวทาง มอบนโยบายระบบทางราชการใหม่ทุกส่วน รวมถึงเข้าไปกำกับ (ในทางปฏิบัติ) การทำงานขององค์กรอิสระต่างๆ ให้ขึ้นตรงกับหัวหน้ารัฐบาลเพียงคนเดียว
นอกจากนั้น ในวันเดียวกันกับที่ผมเขียนคอลัมน์นี้เมื่อสัปดาห์ก่อน บอกเล่าโดยสังเขปถึงสิ่งที่เรียกว่า ปฏิญญาฟินแลนด์ นี้ ท่านอาจารย์ปราโมทย์ นาครทรรพก็ได้เขียนบทความพิเศษเรื่อง วาระแห่ง (การกู้) ชาติ ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน มีเนื้อความบางตอนสอดคล้องกันโดยไม่ตั้งใจ
แม้ท่านไม่ได้พูดถึงสิ่งที่ผมเรียกว่า ปฏิญญาฟินแลนด์ แต่ก็ได้พูดถึงเป้าหมาย 4 - 5 ประการที่ท่านขนานนามว่า....
ยุทธศาสตร์ทักษิณ มีสาระสำคัญคล้ายๆ กัน โดยกลุ่มผู้ร่วมคิดที่น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับข่าวที่ผมได้รับมา ท่านเขียนเล่าไว้อย่างนี้ครับ
ยุทธศาสตร์ทักษิณ - จะมีชื่อว่าอะไรก็ตามแต่-ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยกลุ่มคนที่มีสมองเยี่ยมในแผ่นดิน มีประสบการณ์โชกโชนทั้งในเมือง ในป่า และในมหานครของโลก มีเป้าหมายหลักอยู่ 5 ประการ (1) สร้างระบบการเมืองเป็นระบบพรรคเดียว (2)ทำลายความเข้มแข็งแบบเก่าของระบบราชการ โดยทำให้ระบบราชการต้องรับใช้ระบบการเมืองโดยไม่มีเงื่อนไข (3) แปลงสินทรัพย์ของรัฐให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรี (4) ทำให้สถาบันกษัตริย์เป็นแต่เพียงสัญลักษณ์ให้มากที่สุด ...และ (5) สร้างระบบพรรคแบบรวมศูนย์การนำสูงสุด เป็นพรรคของกรรมการ แบบ cadre party แต่แฝงอยู่ในเสื้อคลุมหรือเปลือกนอก (ที่หลอกลวง) ว่าเป็นพรรคมวลชน.... ชัดเจนที่สุด
ที่ชัดเจนยิ่งไปกว่านั้น โดยสอดคล้องกับสถานที่เป็นมาในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็คือท่านอาจารย์ปราโมทย์ นาครทรรพได้สะท้อนให้เห็นว่ายุทธศาสตร์ทักษิณที่ก่อตัวขึ้นเป็น ระบอบทักษิณ แล้วนี้จะไม่สูญสลายแพ้พ่ายไปง่ายๆ แน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะไม่สูญสลายแพ้พ่ายไปเพียงเพราะมีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ แม้จะมีศาลเข้ามาจัดการเลือกตั้งให้สะอาดหมดจด
ท่านเสนอ วาระแห่ง (การกู้) ชาติ ขึ้นมา 7 (+ 1) ประการ
ที่ผมเขียนว่า 7 (+ 1) ประการ ไม่ใช่กวนอะไรใคร แต่เพราะท่านอาจารย์ปราโมทย์ นาครทรรพท่านเขียนเรียงลำดับไว้ 7 ประการ แล้วท่านก็บอกเองว่าเป็นเรื่องพูดง่ายแต่ทำยาก ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง จึงไม่ได้คัดลอกมาลงซ้ำ ณ ที่นี้ เพราะอยากจะขอคัดลอกอุปสรรคประการสำคัญที่ท่านกล่าวไว้ตอนท้าย จนกระทั่งอาจจัดได้เป็นประการที่ 8 หากแต่เป็นประการที่ 8 ที่เป็นเงื่อนไขสำคัญที่หากไม่เกิดขึ้นแล้วก็ยากที่จะมีประการที่ 1-7 ได้ ท่านว่าไว้อย่างนี้ครับ
ทั้งหมดนี้พูดง่ายทำยาก แต่ไม่มีอะไรที่จะแก้โดยสมองหรือความตั้งใจของคนไทยไม่ได้ สำคัญอยู่ที่ว่าคนไทยที่มีความสามารถกลับพากันขาดความเต็มใจ และคนที่เต็มใจส่วนใหญ่ก็ขาดความสามารถ ประกอบกับวัฒนธรรมตามอย่าง หวังพึ่ง เอาตัวรอด และหวังผลประโยชน์ ทำให้คนไทยรักในหลวงและประเทศชาติแต่ปาก...
สิ่งเหล่านี้กลายเป็นกำลังเสริมและจุดแข็งของพรรคไทยรักไทย...
ดังนั้นวาระแห่งชาติข้อสุดท้ายก็คือ การทำลายจุดอ่อนของคนไทยที่ทำให้บ้านเมืองตกเป็นเหยื่อของระบอบทักษิณไปโดยไม่รู้ตัวอีกด้วยhttp://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000063603