ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
05-12-2024, 01:21
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  อยากทราบเกี่ยวกับรายละเอียดของปฏิญญาฟินแลนด์ครับ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
อยากทราบเกี่ยวกับรายละเอียดของปฏิญญาฟินแลนด์ครับ  (อ่าน 3146 ครั้ง)
ลูกนนทรี
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 222


เกษตรศาสตร์_ศาสตร์แห่งแผ่นดิน


« เมื่อ: 09-09-2008, 22:28 »

เคยได้ยินคร่าวๆว่าเป็นจุดเริ่มต้นความแตกหักระหว่างสนธิกับเหลี่ยม ใครมีความรุ้รบกวนช่วยบอกด้วยนะครับ จักเป็นพระคุณ
บันทึกการเข้า

เกลียดพวกเลียไอ้เหลี่ยม ไม่นิยมบัตรเติมเงิน
Tuba ✿゚✎..✿.。.:。ღ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 660


ทักษิณที่ดี คือทักษิณที่.......ตายแล้ว


« ตอบ #1 เมื่อ: 09-09-2008, 22:35 »

ไป search ใน google.co.th ก็ได้ครับ

ผมเอา link ของ wiki มาให้ละกัน คลิ๊กเข้าไปอ่านเองละกันครับ


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C
บันทึกการเข้า

ทหาร เป็นอะไรก็ไม่ได้ดี นอกจากเป็นทหาร

ตำรวจ เป็นอะไรก็ดีไม่ได้ แม้กระทั่งเป็นตำรวจ
ลูกนนทรี
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 222


เกษตรศาสตร์_ศาสตร์แห่งแผ่นดิน


« ตอบ #2 เมื่อ: 09-09-2008, 22:40 »

ขอบพระคุณครับ อ่านแล้วถ้าเป็นจิงไอ้เหลี่ยมมันก็เลวมากนะครับ เหอๆ
บันทึกการเข้า

เกลียดพวกเลียไอ้เหลี่ยม ไม่นิยมบัตรเติมเงิน
shishamo
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 127


ผิดมั้ยที่เชียร์พันธมิตร เรื่องของช้าน...


« ตอบ #3 เมื่อ: 10-09-2008, 16:07 »

 

ได้ยินมานานแล้ว เรื่องล้มสถาบันกษัตริย์เนี้ยะ  ไม่งั้นไอ้พวกลิ้วล้อมัน จะพุดจาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซ้ำแล้วซ้ำอีก

อกตัญญูต่อแผ่นดิน ถึงไม่มีแผ่นดินจะอยู่  ไอ้ฟ้าเดียวกัน เกลียดมาก  ประชาชนชาวไทยต้องไล่กระทืบพวกชั่วออกไปจากประเทศไทย

 

ขอให้สะเนียด จัน ไร หมดสิ้นไปจากผืนแผ่นดินไทยเร็ววัน สาธุ
บันทึกการเข้า

อยากเห็นอนาคตที่สดใส
justy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,250



« ตอบ #4 เมื่อ: 10-09-2008, 16:30 »

ปฏิญญาฟินแลนด์ ยุทธศาสตร์ทักษิณ

มีคนสนใจเรื่อง “ปฏิญญาฟินแลนด์” ที่ผมเขียนเล่าไว้บ้างในคอลัมน์นี้เมื่อสัปดาห์ก่อน อยากให้เล่าต่อ
       
        บางคนขอให้เขียนให้ละเอียดว่าคนที่ไปร่วมพูดคุยมีใครบ้าง เมื่อไร ที่ไหน
       
        บางคนก็ถามว่าทำไมเพิ่งมาเขียนถึงวันนี้
       
        ในเรื่องรายละเอียดนั้น จนถึงเวลานี้ขอบอกว่ายังจนปัญญาอยู่ ของแบบนี้เขาไม่ได้บันทึกเปิดเผยชนิดพิมพ์เผยแพร่เป็นเล่มให้อ้างอิงได้หรอก ส่วนเรื่องที่เพิ่งเขียนนั้นบอกได้ตามตรงว่าก็เพราะเพิ่งรู้ เมื่อรู้แล้วก็นำมาเล่าสู่กันฟัง
       
        ต้นตอมาจากข้างเวทีปราศรัยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากคำบอกเล่าของคนที่เคยเป็นคนทำงานระดับวงในของพรรคไทยรักไทย เป็นคนที่อยู่ในขบวนสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอย่างแข็งขันมาก่อน เป็นซ้ายเก่าที่เคยเข้าป่าในช่วงหลังเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519 แม้จะไม่ใช่ระดับมีชื่อเสียงโด่งดังและมีตำแหน่งแห่งที่เทียบเท่าซ้ายเก่าที่มาได้ดิบได้ดีกับพรรคไทยรักไทยอย่างภูมิธรรม เวชยชัย, หมอพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ ฯลฯ แต่ก็ต้องถือว่าเป็นคนทำงานใกล้ชิดท่านเหล่านั้น แม้จะเป็นรุ่นน้องในทางอายุและชั้นเรียนอยู่สองสามปี แต่ก็ต้องถือว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นป่าเดียวกัน ได้รับความไว้วางใจและได้บำเหน็จตอบแทนเป็นตำแหน่งในองค์กรของรัฐอยู่ระยะหนึ่ง
       
        “เฮ้ย ผมเพิ่งดู ASTV ไอ้คนที่ขึ้นเวทีเมื่อกี้ปล่อยขึ้นไปได้ยังไง จำชื่อไม่ได้ แต่จำหน้าได้ชัดเจนเลย นี่ละคนของคุณหญิงเค้าเลย...” เพื่อนวงในอีกคนกดโทรศัพท์มาบอกในช่วงเย็นวันหนึ่งของเดือนเมษายน 2549 ขณะพวกเราชุมนุมอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์
       
        “ใจเย็นน่า เขามาช่วยขึ้นเวทีตั้งแต่สนามหลวงแล้ว คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้...” ผมช่วยแก้ให้
       
        เพราะฉะนั้นจะบอกว่าเป็นคำบอกเล่าที่ฟังไม่ได้เสียเลยก็กระไรอยู่
       
        แต่จะให้นำมาเล่าทั้งหมด ก็ออกจะไม่เป็นธรรมแก่ผู้ที่ถูกระบุว่าอยู่ร่วมในการพูดคุยที่ประเทศฟินแลนด์ครั้งนั้นด้วย
       
        และที่จริงก็ไม่สำคัญเท่าไรนัก
       
        เพราะ 4 - 5 ปีที่ผ่านมา พรรคไทยรักไทยและพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้เริ่มต้นนโยบายใหม่ๆ มากมายหลายประการ และได้พูดจารวมทั้งแสดงท่าทีท่วงทำนองที่มีบันทึกไว้เป็นหลักฐานหลายกรรมหลายวาระ มากเพียงพอที่จะนำมาสังเคราะห์และวิเคราะห์ว่าเป้าประสงค์สุดท้ายที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นนั้น เป็นไปตามที่อ้างกันว่าอยู่ใน 4-5 ประการของปฏิญญาฟินแลนด์หรือเปล่า
       
        ถ้าทำได้อย่างนั้นแล้ว ปฏิญญาฟินแลนด์จะมีหรือไม่มีย่อมไม่สำคัญอีกต่อไป
       
        4-5 ประการที่ว่านั้น ผมฟังมาระดับหนึ่ง ซึ่งก็ตรงกับที่มีผู้ post เข้ามาเป็น “ความเห็นที่ 9” (อีกแล้ว) ท้ายคอลัมน์นี้เมื่อสัปดาห์ก่อน ในทำนองนี้
       
        1. ยุทธการมวลชน ต้องเข้าถึงระบบรากหญ้าให้ทั่วถึง โดยให้ข้อมูลและกระทำในสิ่งที่หัวหน้าชุมชนรับนโยบายจากรัฐบาลไปถ่ายทอดสู่ระบบรากหญ้าซึ่งเป็นมวลชนอันยิ่งใหญ่ของประเทศ
       
        2. ระบบพรรคเดียว ในทางปฏิบัติ ให้มีพรรคการเมืองพรรคเดียวในการเป็นรัฐบาลปกครองประเทศ
       
        3. ระบบทุนนิยม ต้องให้ประชาชนบริโภคมากๆ มีทั้งของอุปโภคและบริโภค ให้ใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ของฟุ่มเฟือยต่างๆ เสมือนยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน และการลงทุนในโครงการใหญ่ๆ
       
        4. สถาบันสูงสุด สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ โดยใช้วิธีปฏิบัติในข้อ 5
       
        5. ปฏิรูประบบราชการ เป็นการปรับรื้อระบบราชการเดิมให้หมด มีแนวทาง มอบนโยบายระบบทางราชการใหม่ทุกส่วน รวมถึงเข้าไปกำกับ (ในทางปฏิบัติ) การทำงานขององค์กรอิสระต่างๆ ให้ขึ้นตรงกับหัวหน้ารัฐบาลเพียงคนเดียว
       
        นอกจากนั้น ในวันเดียวกันกับที่ผมเขียนคอลัมน์นี้เมื่อสัปดาห์ก่อน บอกเล่าโดยสังเขปถึงสิ่งที่เรียกว่า “ปฏิญญาฟินแลนด์” นี้ ท่านอาจารย์ปราโมทย์ นาครทรรพก็ได้เขียนบทความพิเศษเรื่อง “วาระแห่ง (การกู้) ชาติ” ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน มีเนื้อความบางตอนสอดคล้องกันโดยไม่ตั้งใจ
       
        แม้ท่านไม่ได้พูดถึงสิ่งที่ผมเรียกว่า “ปฏิญญาฟินแลนด์” แต่ก็ได้พูดถึงเป้าหมาย 4 - 5 ประการที่ท่านขนานนามว่า....
       
        “ยุทธศาสตร์ทักษิณ”
       
        มีสาระสำคัญคล้ายๆ กัน โดยกลุ่มผู้ร่วมคิดที่น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับข่าวที่ผมได้รับมา ท่านเขียนเล่าไว้อย่างนี้ครับ
       
        “ยุทธศาสตร์ทักษิณ - จะมีชื่อว่าอะไรก็ตามแต่-ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยกลุ่มคนที่มีสมองเยี่ยมในแผ่นดิน มีประสบการณ์โชกโชนทั้งในเมือง ในป่า และในมหานครของโลก มีเป้าหมายหลักอยู่ 5 ประการ (1) สร้างระบบการเมืองเป็นระบบพรรคเดียว (2)ทำลายความเข้มแข็งแบบเก่าของระบบราชการ โดยทำให้ระบบราชการต้องรับใช้ระบบการเมืองโดยไม่มีเงื่อนไข (3) แปลงสินทรัพย์ของรัฐให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรี (4) ทำให้สถาบันกษัตริย์เป็นแต่เพียงสัญลักษณ์ให้มากที่สุด ...และ (5) สร้างระบบพรรคแบบรวมศูนย์การนำสูงสุด เป็นพรรคของกรรมการ แบบ cadre party แต่แฝงอยู่ในเสื้อคลุมหรือเปลือกนอก (ที่หลอกลวง) ว่าเป็นพรรคมวลชน....”
       
        ชัดเจนที่สุด
       
        ที่ชัดเจนยิ่งไปกว่านั้น โดยสอดคล้องกับสถานที่เป็นมาในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็คือท่านอาจารย์ปราโมทย์ นาครทรรพได้สะท้อนให้เห็นว่ายุทธศาสตร์ทักษิณที่ก่อตัวขึ้นเป็น “ระบอบทักษิณ” แล้วนี้จะไม่สูญสลายแพ้พ่ายไปง่ายๆ แน่นอน
       
        โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะไม่สูญสลายแพ้พ่ายไปเพียงเพราะมีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ แม้จะมีศาลเข้ามาจัดการเลือกตั้งให้สะอาดหมดจด
       
        ท่านเสนอ “วาระแห่ง (การกู้) ชาติ” ขึ้นมา 7 (+ 1) ประการ
       
        ที่ผมเขียนว่า “7 (+ 1) ประการ” ไม่ใช่กวนอะไรใคร แต่เพราะท่านอาจารย์ปราโมทย์ นาครทรรพท่านเขียนเรียงลำดับไว้ 7 ประการ แล้วท่านก็บอกเองว่าเป็นเรื่องพูดง่ายแต่ทำยาก ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง จึงไม่ได้คัดลอกมาลงซ้ำ ณ ที่นี้ เพราะอยากจะขอคัดลอกอุปสรรคประการสำคัญที่ท่านกล่าวไว้ตอนท้าย จนกระทั่งอาจจัดได้เป็นประการที่ 8 หากแต่เป็นประการที่ 8 ที่เป็นเงื่อนไขสำคัญที่หากไม่เกิดขึ้นแล้วก็ยากที่จะมีประการที่ 1-7 ได้ ท่านว่าไว้อย่างนี้ครับ
       
        “ทั้งหมดนี้พูดง่ายทำยาก แต่ไม่มีอะไรที่จะแก้โดยสมองหรือความตั้งใจของคนไทยไม่ได้ สำคัญอยู่ที่ว่าคนไทยที่มีความสามารถกลับพากันขาดความเต็มใจ และคนที่เต็มใจส่วนใหญ่ก็ขาดความสามารถ ประกอบกับวัฒนธรรมตามอย่าง หวังพึ่ง เอาตัวรอด และหวังผลประโยชน์ ทำให้คนไทยรักในหลวงและประเทศชาติแต่ปาก...
       
        “สิ่งเหล่านี้กลายเป็นกำลังเสริมและจุดแข็งของพรรคไทยรักไทย...
       
        “ดังนั้นวาระแห่งชาติข้อสุดท้ายก็คือ การทำลายจุดอ่อนของคนไทยที่ทำให้บ้านเมืองตกเป็นเหยื่อของระบอบทักษิณไปโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย”


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000063603
บันทึกการเข้า

พรรคไทยรักไทยมิได้ให้ความสำคัญหรือเห็นคุณค่าของสิทธิเลือกตั้งของประชาชน อันเป็นรากฐานสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังแสดงถึงการไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งที่พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนสูงสุดในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นการเลือกตั้งทั่วไปก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง ควรต้องสร้างความยั่งยืนให้แก่การปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมั่นคงกับหลักการที่ว่า กฎหมายต้องอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นข้อบ่งชี้ด้วยว่า พรรคไทยรักไทย มิได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติเพื่อให้คนในชาติมีความสุขทั่วหน้าดังที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ต่อประชาชนอย่างแท้จริง หากแต่มุ่งประสงค์เพียงดำเนินการในทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ นอกเหนือจากครรลองที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศตลอดจนบทกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องที่หาอุดมการณ์อันแท้จริงของพรรคให้เกิดความมั่นใจแก่ประชาชนโดยรวมว่า เมื่อเป็นรัฐบาลมีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินแล้ว จะดำเนินการปกครองโดยสุจริต ไม่ประพฤติมิชอบหรือบริหารราชการแผ่นดินโดยแอบแฝงไว้ซึ่งผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อ
justy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,250



« ตอบ #5 เมื่อ: 10-09-2008, 16:35 »


คำต่อคำเสวนา"ปฏิญญาฟินแลนด์"

วันนี้ (24 พ.ค.) ประมวลภาพ ในงานเสวนาทางวิชาการเพื่อเปิดโปง “ปฏิญญาฟินแลนด์ ยุทธศาสตร์ครองเมืองของไทยรักไทย” โดย ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ นักรัฐศาสตร์อาวุโส ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ผู้บังคับการโรงเรียนวชิราวุธ และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ โดยมี นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง รักษาการ ส.ว.กทม. เป็นผู้ดำเนินรายการ ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

-----------------------------------


ยาวมาก เข้าไปอ่านเอง (หรือถ้าขี้เกียจอ่าน มีคลิปเสียงให้ฟังด้วย)

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000068255
บันทึกการเข้า

พรรคไทยรักไทยมิได้ให้ความสำคัญหรือเห็นคุณค่าของสิทธิเลือกตั้งของประชาชน อันเป็นรากฐานสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังแสดงถึงการไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งที่พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนสูงสุดในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นการเลือกตั้งทั่วไปก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง ควรต้องสร้างความยั่งยืนให้แก่การปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมั่นคงกับหลักการที่ว่า กฎหมายต้องอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นข้อบ่งชี้ด้วยว่า พรรคไทยรักไทย มิได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติเพื่อให้คนในชาติมีความสุขทั่วหน้าดังที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ต่อประชาชนอย่างแท้จริง หากแต่มุ่งประสงค์เพียงดำเนินการในทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ นอกเหนือจากครรลองที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศตลอดจนบทกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องที่หาอุดมการณ์อันแท้จริงของพรรคให้เกิดความมั่นใจแก่ประชาชนโดยรวมว่า เมื่อเป็นรัฐบาลมีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินแล้ว จะดำเนินการปกครองโดยสุจริต ไม่ประพฤติมิชอบหรือบริหารราชการแผ่นดินโดยแอบแฝงไว้ซึ่งผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อ
boyk
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,477



« ตอบ #6 เมื่อ: 12-09-2008, 00:09 »

ยุทธศาสตร์ "ป่าล้อมเมือง โลกล้อมประเทศ" ยังดำรงมั่นอยู่จนถึงทุกวันนี้

และมีการจัดตั้งวางแผนอย่างแข็งขันมั่นคง

วิธีการอาจมีปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ แต่ยุทธศาสตร์หลักไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ยกตัวอย่างล่าสุดของ "ป่าล้อมเมือง" ก็คือการระดมคนมาที่ทุ่งศรีเมืองในวันประชุมครม.พเนจร

นายหอกหักขึ้นไปพูดบนเวที รวมทั้งพลพรคเช่นหมอเลี้ยบ ประกาศต่อหน้าผู้ชุมนุมว่า

จะไม่ลาออก ไม่ยุบสภา จะทำงานต่อไป ทั้งที่วันรุ่งขึ้นทราบดีว่าศาลจะตัดสินคดี"ชิมไปบ่นไป"ออกมาในทางใด

อีกทั้งคล้อยหลังคำพิพากษาของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

ก็มีบทความของฝรั่งเจาะลึกประวัติตุลาการแต่ละคนอย่างละเอียด แทบจะทันที

จุดประสงค์เพื่อลดความน่าเชื่อถือของกระบวนการตุลาการภิวัฒน์

อีกทั้งประสานกับนักวิชาการ นักกฎหมายหรือผู้ที่น่าเชื่อถือในฝ่ายของตน ออกมาวิพากษ์วิจารณ์คำตัดสินของศาล

ทั้งการพูดให้สัมภาษณ์และงานเขียนตามสื่อต่างๆและสื่ออย่างอินเตอร์เน็ต

วันนี้ก็ระดมคน ขนคนจากตจว.เข้ามาสนับสนุนนอมินีเป็นนายกฯ รวมทั้งที่ระดมคนปักหลักตามหัวเมืองต่างๆด้วย


ควรหรือไม่ที่เราจะอยู่นิ่งเฉย


หรือทำตัวแบบกลางๆ


เพียงเพราะ มันอยู่ในระยะปลอดภัย (ของเรา)???


บันทึกการเข้า

ไล่งับคนโกง ตอกฝาโลงไม่ให้เกิด
boyk
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,477



« ตอบ #7 เมื่อ: 12-09-2008, 00:26 »

การต่อสู้ตามลำพังของภาคประชาชน ถามว่ามีโอกาสได้รับชัยชนะมั้ย

มี แต่ต้องลงทุนลงแรงทั้งแรงกายแรงใจ ความมานะบากบั่นอย่างมาก

ใช้ระยะเวลาในการเปลี่ยนผ่าน  นาน  ตรงนี้เราต้องยอมรับและทำความเข้าใจ

จะไปหวังพึ่งพาทหารก็ลำบากหน่อย

เพราะฝ่ายนั้นยังอาจมีอะไรติดอยู่ในกระบวนการทางความคิดหรือประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา

จึงออกมาในแนว ขออยู่กลางๆ ตีขิมไปเรื่อยๆ

แต่ก็ถือว่า กองทัพวางตัวใช้ได้ในระยะเร็วๆนี้ จากกรณีการไม่ใช้อำนาจตามพรก.ฉุกเฉิน

ถ้าไม่ถูกฝ่ายการเมืองยุให้แตกแยก การดำรงสถานะในขณะนี้ของกองทัพก็น่าจะทำให้ฝ่ายประชาชนวางใจได้ในระดับหนึ่ง

แต่หลังจากที่ผบ.เหล่าทัพหลายคนที่เกษียณอายุราชการไปแล้วสิ้นกันยายนนี้

เราก็ต้องมาดูจุดยืนของคนที่ขึ้นมาแทนว่าวางตัวเองไว้ที่ตำแหน่งใดของความขัดแย้งในขณะนี้

เอาเป็นว่าภาคประชาชนต้องผนึกกำลังกันไว้ให้มั่น

อย่าเปลี่ยนเป้าหมายหรือหลักการของเราเองเพียงเพราะมีอะไรติดใจเล็กๆน้อยๆ

ดูอย่างกระบวนการป่าล้อมเมืองโลกล้อมประเทศ มันยังมีเป้าหมายเดิมไม่เปลี่ยนแปลงในระยะ 7-8 ปีที่ผ่านมา

อย่าไขว้เขวนะคับ  ยึดหลักให้มั่น

ดำรงเป้าหมายล้มล้างกระบวนการฉ้อฉลอำนาจนี้ให้ได้
บันทึกการเข้า

ไล่งับคนโกง ตอกฝาโลงไม่ให้เกิด
หน้า: [1]
    กระโดดไป: