ฝากให้อ่านประกอบกระทู้ครับ เป็นการสัมภาษณ์ญาติของคุณณรงศักดิ์---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เปิดใจหลานเหยื่อม็อบปะทะ "ขอให้น้าผมเป็นศพสุดท้าย..."http://special.bangkokbiznews.com/detail.php?id=4115&username=politicเหตุการณ์2 กันยาฯ เลือด ที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดฉากปะทะ
กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลางถนนราชดำเนิน เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เรียกได้อย่าง
เต็มปากเต็มคำว่า "ไทยฆ่าไทย" และเป็นอีกหนึ่งรอยด่างในประวัติศาสตร์การเมืองบ้านเรา
เพราะความรุนแรงคืนนั้นทำให้ผู้มีเสียชีวิต1 ราย คือ นายณรงค์ศักดิ์ กอบไธสง อายุ55 ปี ซึ่งถูกของแข็ง
ตีที่ศีรษะและร่างกายจนบาดเจ็บสาหัสและสิ้นใจในที่สุด
น่าเศร้าเหลือเกินที่การตายของคนไทยคนหนึ่งแทบไม่มีใครหรือฝ่ายใดเหลียวแลรับผิดชอบเลยแม้แต่ผู้นำประเทศ
อย่าง นายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงต้องดูแลทุกข์สุขของผู้คนทุกผู้ทุกนามในประเทศนี้ก็ยังเอ่ยถึง
แบบไม่ไยดี ซ้ำยังถามว่า "คนที่ตายอยู่ข้างไหน"
การตายของเขายังไม่ปรากฏว่าตำรวจจะขยับเพื่อสอบสวนหาตัวคนผิดแต่อย่างใดมิหนำซ้ำวันแรกๆ ยังบอกว่า
เป็นศพไม่มีญาติ เมื่อมีข้อมูลหนึ่งระบุว่าเป็นคนโคราช ก็ถูกผู้ว่าฯ เมืองย่าโมรีบออกมาปฏิเสธเสียอีก หนักกว่านั้น
บางกระแสยังบอกเป็นคนเร่ร่อนอีกต่างหาก
จากนั้นความสนใจเกี่ยวกับนายณรงค์ศักดิ์ ก็ค่อยๆ เลือนหายไปตามพลวัตของข่าวที่เปลี่ยนเร็ว
เหมือนเปลี่ยนเลนบนทางด่วน
ยังดีที่เมื่อเช้าวานนี้(3 ก.ย.) มีญาติของ นายณรงค์ศักดิ์ มาแสดงตัว คือ นางชบา สิงหกลางพล อายุ 70 ปี (ในภาพ)
พี่สาวแท้ๆ ซึ่งมาพร้อมกับลูกชายของนางคือ นายพลากร สิงหกลางพล อายุ42 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแม่น้ำน้อย
อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
อารมณ์ความรู้สึกที่นายพลากร พูดถึงน้าชายผู้จากไป น่าจะทำให้ใครหลายคนนอนไม่หลับได้เหมือนกัน...
"น้าณรงค์ศักดิ์เป็นน้าชายของผมเอง พื้นเพแกเป็นคนบุรีรัมย์ น้าเป็นน้องของแม่ผม จริงๆ แล้วน้าณรงค์ศักดิ์มีพี่น้อง
หลายคน หนึ่งในนั้นทราบว่าบวชเป็นพระ อีกคนเล่นการเมืองท้องถิ่น ส่วนคนอื่นๆ ผมไม่ทราบ สำหรับน้าณรงค์ศักดิ์
ยังไม่มีครอบครัว พ่อแม่ของน้าก็เสียชีวิตหมดแล้ว"
"ผมทราบว่าน้าชายเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่ยังหนุ่ม มีอาชีพรับจ้างทั่วไปบ้าง ค้าขายบ้าง แต่มีเพื่อนฝูงมาก
ในบางช่วงน้าชายจะเดินทางไปเยี่ยมญาติๆ ที่ จ.กาญจนบุรี และเคยพูดคุยกับผมเรื่องการเมืองอยู่เสมอ
โดยเฉพาะเรื่องของ นปช.ที่รวมตัวกันอยู่ที่ท้องสนามหลวงตั้งแต่เมื่อครั้งที่ชุมนุมต่อต้านการรัฐประหาร
ซึ่งน้าชายก็บอกว่าได้ไปร่วมชุมนุมด้วยตลอด"
"น้าชอบการเมืองมาก เพราะมีพี่ชายคนหนึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ผมเคยเตือนน้าอยู่บ้างเหมือนกันว่าอย่าทำอะไร
ที่นอกเหนือกฎ กติกา เพราะกลัวน้าชายจะถูกตำรวจจับ จนกระทั่งมาทราบข่าวว่าน้าชายเสียชีวิตในเหตุการณ์ปะทะกัน
ก็รู้สึกตกใจ ยิ่งมาทราบจากหนังสือพิมพ์ เห็นชื่อเห็นนามสกุลก็ยิ่งตกใจ จึงได้ติดต่อและเดินทางมารับศพในวันนี้
เพื่อนำไปบำเพ็ญกุศล"
"ผมอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกลุ่ม นปช.ได้ช่วยเหลือนำศพน้ากลับไปที่ อ.ไทรโยค เนื่องจากน้าชายเสียชีวิต
เพราะเข้าร่วมชุมนุมกับ นปช.จึงถูกทำร้าย ซึ่งจริงๆ แล้วผมก็ไม่อยากจะเรียกร้องอะไรมาก แค่ขอให้แสดงความรับผิดชอบ
บ้างเท่านั้น เหตุการณ์ที่ทำให้น้าเสียชีวิต ผมไม่อยากโทษฝ่ายไหน เพราะว่าคนไปตีกันเอง และเมื่อคนไปรวมตัวกันมากๆ
ก็ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ ต่างคนต่างเหตุผล"
"ผมอยากให้ศพน้าชายของผมเป็นศพสุดท้ายที่ตกเป็นเหยื่อของการเมือง และเรื่องที่ขัดแย้งกันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ
ประชาชนที่จะต้องมาสังเวยชีวิต แต่มันเป็นความเห็นที่ไม่ตรงกันของนักการเมือง จนกระทั่งมีคนไปรวมตัวกันเข้า
ก็อยากจะให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองยอมๆ กันบ้าง หันหน้าเข้าหากัน บ้านเมืองจะได้สงบสุข"ขณะที่นางชบา เปิดใจว่า
"ฉันเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือว่าน้องชายตายเพื่อชาติ
จากนี้ไปไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกเลย อยากให้ดูความสูญเสียของฉันเป็นตัวอย่าง เป็นคนไทยด้วยกัน
รักกันสามัคคีกันดีกว่า ถือว่าทำเพื่อชาติเพื่อในหลวง"เป็นความหวังของสองแม่ลูกตระกูลสิงหกลางพลที่คงไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ
แต่ดูจากท่าทีของทุกฝ่ายจนถึงวันนี้แล้ว...เห็นทีนายณรงค์ศักดิ์จะไม่ใช่เหยื่อรายสุดท้าย!