ทัศนะวิจารณ์ คิดใหม่ วันอาทิตย์ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2551 01:00:00
"ทักษิณ"เป่านกหวีดก่อน"สนธิ"เกมจัดแถวเร่งสู่"วันของผม"
บอกตามตรงแทบจะไม่มีความรู้สึกใดๆ หรือตื่นตระหนกหรือยินดียินร้ายกับคำประกาศ "เป่านกหวีด" ของ 5 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : เพื่อ ระดมพลชุมนุมใหญ่ "ครั้งสุดท้าย" ในตอนเช้าตรู่วันที่ 26 สิงหาคม เป้าหมายเพื่อเผด็จศึกรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ให้พ้นจากทำเนียบรัฐบาล
แต่กลับเป็นห่วงมากกว่าเดิมว่าจะจบจริงหรือ เมื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวของ "อดีตนายกรัฐมนตรีของเรา" พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังจากตัดสินใจเขียนจดหมายด้วยลายมือส่งมาจากลอนดอน เพื่อใส่ร้ายกระบวนการยุติธรรมไทย และประกาศว่า "วันนี้ไม่ใช่วันของผม" และจะขอกลับมาตายบนผืนแผ่นดินไทย
"อดีตนายกรัฐมนตรีของเรา" ได้ "เป่านกหวีด" จัดแถวเพื่อเร่งเกมการเมืองให้พลิกกลับมาสู่ "วันของผม" ให้มาถึงในเร็ววันค่อนข้างชัดเจน
สถานะของ "อดีตนายกรัฐมนตรีของเรา" ที่มีสภาพไม่ต่างจาก "ผู้ลี้ภัย" ยังเหลืออาวุธเพียง 2 ชิ้นที่จะต่อสู้ เพื่อแย่งชิงอำนาจรัฐกลับคืนมาอย่างเบ็ดเสร็จได้ไม่ยาก
อาวุธชิ้นแรก คือ เงินทองจำนวนมหาศาลที่เชื่อได้ว่า ยังเหลือเก็บอยู่ในต่างประเทศ แม้ถูกคำสั่งศาลให้อายัดไว้ในประเทศไทยกว่า 6.7 หมื่นล้านบาท
ดังจะเห็นได้จากความพยายามร้องขอถอนอายัดเงินฝากในสิบกว่าธนาคารด้วยวิธีการต่างๆ ล่าสุดกรมสรรพากรร้องขอค่อนข้างพิลึกพิลั่นไปยังธนาคารไทยพาณิชย์ถอนอายัดเงินฝากตระกูลชินวัตรประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท เพื่อไปชดใช้การเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง
ทั้งๆ ที่มติคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษียังไม่สิ้นสุด ว่า ตระกูลชินวัตรจะต้องจ่ายภาษีย้อนหลังหรือไม่ แต่น่าจะมีแนวโน้มตัดสินคืนเงินค่าปรับให้กับตระกูลชินวัตร เพราะภารกิจนี้เป็นภารกิจสำคัญที่สุดในการนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีคลังของคุณหมอเลี้ยบ และรัฐมนตรีช่วยคลังที่ชื่อ "ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์"
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง "น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี" มักออกอาการ "ตาใสบ้องแบ้ว" บอกไม่รู้ไม่เห็นไม่เคยสั่งการ (เป็นลายลักษณ์อักษร) อ้อมแอ้มถ้าเป็นจริงก็เป็นเรื่องของกรมสรรพากรไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรีคลัง เช่นเดียวกับการปรากฏตัวของ "บุคคลล้มละลายในความเชื่อถือและประวัติการทำงานสกปรกมอมแมม" หลายต่อหลายคน ไปนั่งหัวโต๊ะหรือร่วมโต๊ะกรรมการคัดเลือกคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ฯลฯ
"คุณหมอเลี้ยบ" บอกหน้าตาเฉย ไร้อารมณ์ความรู้สึกใดๆ ว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องและไม่เคยเข้าไปสั่งการ ตอบอย่างนี้ทำเอานักข่าวกระทรวงการคลังไปต่อไม่ได้จริงๆ
ผมเชื่อคำพูดคุณหมอเลี้ยบมากกว่า 50% ด้วยท่าทางออกจะเดียงสาน่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่ได้โกหกใคร เพราะ "คนสั่งการ" ตัวจริงเป็นสมาชิกคนสำคัญของ "แก๊งออฟโฟร์" ที่มีศูนย์กลางอยู่ทำเนียบรัฐบาลกับโรงแรมพูลแมน ที่ได้รับคำสั่ง "สายตรง" จากลอนดอน
การส่ง "แก๊งออฟซอมบี้" เข้ายึดเบ็ดเสร็จ "อำนาจเลือกกรรมการ" ของสถาบันอิสระ 3 องค์กรที่มีหน้าที่ตามกฎหมาย ในการกำหนดนโยบายการเงิน การกำกับดูแลสถาบันการเงิน การกำกับดูแลตลาดทุน ถือเป็นการ "เป่านกหวีดจัดแถวหน่วยงานอิสระ" ที่กุมหัวใจการเงิน การคลัง และตลาดทุนของประเทศ
มองเห็นหายนะของประเทศอยู่ไม่ไกล ที่น่าห่วงยิ่งกว่าเรื่องใดๆ แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนฯน่าจะเลือกแฉ "ยุทธการจัดแถว" ยึดแบงก์ชาติ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์มาขึ้นเวที แล้วใช้ "ความถ่***-ดิบ-เถื่อน" ดับเครื่องชน "แก๊งออฟซอมบี้" ที่หลายคน "คุ้นเคย" กับแกนนำพันธมิตรประชาชนฯ ที่รู้ไส้รู้พุง ว่า ไส้เน่าๆ ของแก๊งซอมบี้ขดกันแบบไหนอยู่แล้ว น่าจะจุดระเบิดได้ดีกว่า
อาวุธชิ้นสอง คือ ศรัทธาของประชาชนในระดับรากหญ้าเป็นส่วนใหญ่ และคนในเมืองบางส่วนที่ยังหลงใหลได้ปลื้มไม่เสื่อมคลายไปง่ายๆ ทำให้ดวงตามองไม่เห็นความผิดใดๆ ของคุณทักษิณ ทั้งที่มีหลักฐานมากมาย และกระบวนการยุติธรรมก็ได้พิสูจน์แล้ว
การเป่านกหวีดจัดแถวจากลอนดอนเกิดขึ้นถี่มากจนผิดปกติ ทั้งการเร่งตั้งพรรคใหม่ "เพื่อไทย" โทรศัพท์ทางไกลด้วยตัวเองถึงหัวหน้ามุ้งทุกมุ้งขอให้สามัคคีกัน ส่ง "น้องสาวคนสุดท้อง" คุณปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินสายสร้างความมั่นใจ และสลายความระแวงสงสัยว่ามีคนเนรคุณหรือไม่ การสร้างภาพขาดเงินเพื่อบริหารสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ การอ้าแขนของนายกรัฐมนตรีประเทศเมอร์บิวดาเชิญลี้ภัย ฯลฯ
น่าจะเป็นผลจาก "อดีตนายกรัฐมนตรีของเรา" ได้ว่าจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ระดับโลก "สร้างภาพ" ถูกรังแก จนเกือบจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่แล้ว เงินทองที่ทำมาหากินอย่างสุจริตถูกยึดจนร่อยหรอ ฯลฯ
ภาพเหล่านี้ที่ออกไปจะยิ่งทำให้ "รากหญ้า" และ "แฟนพันธุ์แท้" เกิดอารมณ์ร่วมพร้อมจะเทคะแนนให้ทันที เมื่อ "เป่านกหวีด" ยุบสภาเลือกตั้งใหม่
ในขณะที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนฯ ยังใช้วิธีตรึงพื้นที่ชุมนุม และผลัดเปลี่ยนยุทธการดาวกระจายมายาวนานเกือบครบ 100 วันแล้ว แม้จะเกิดแรงกดดันทางการเมืองหลายอย่าง จนทำให้รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ต้องปรับขบวนถอยร่นไปอย่างไม่เป็นกระบวนท่าหลายต่อหลายครั้ง รัฐมนตรีลาออกและสิ้นสภาพไปหลายคน สามารถสกัดกั้นความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 อย่างรวบรัด
แต่อาการอ่อนล้าของ "มวลชน" ได้แสดงออกหลายต่อหลายครั้ง ที่แม้จะดูเหมือนว่า "พ่อยกแม่ยก" ยังหนาแน่นทุกคืนวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ แต่น่าจะเป็นเพียงอาการห่วงหาอาทรซึ่งกันและกัน ต้องไปช่วยกันชุมนุม และ "ไปไหนไปกัน" จะได้จบๆ ภารกิจเสียที หาได้มีลักษณะ สะสมปริมาณ "มวลชน" มากขึ้น เพื่อไปสู่ "คุณภาพ" ใหม่ จนต้องอาศัย ศิลปิน "กู้ชาติ" มากหน้าหลายตาขึ้นเวทีร้องเพลงรักชาติ เพื่อรักษาปริมาณมวลชนไว้ไม่ให้ถดถอยลง
แกนนำพันธมิตรประชาชนฯ ที่เป็นนักเคลื่อนไหวมืออาชีพ น่าจะมองออกว่าหากปล่อยสถานการณ์ออกไปเช่นนี้ ย่อมยากจะขยายปริมาณ "มวลชน" โดยเร็วเพื่อพัฒนาไปสู่ "คุณภาพ" ใหม่ ในการขับไล่รัฐบาลนายสมัครที่มีจุดแข็งมาจากการเลือกตั้งให้สิ้นสภาพขาดความชอบธรรมจากพฤติกรรมต่ำช้าโดยเร็ววัน
แม้กระทั่งแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ บางคน ได้พยายามใช้ "น้ำลาย" เปลืองมากในการ "เลี้ยงกระแส" บอกบนเวทีขอให้พี่น้องชาวพันธมิตรฯ อดทนไว้ และออกมาชุมนุมเยอะกว่านี้ อีกไม่นานเกินรอ อีกไม่เกิน 3 วัน 7 วันจะแตกหักรัฐบาลสมัครจะอยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน
คำประกาศที่ใช้สัญลักษณ์ "เป่านกหวีด" คุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนฯเป่านกหวีดให้ฟังจริงๆ หวังเรียกระดมพลครั้งใหญ่ในเช้าวันที่ 26 สิงหาคม เพื่อเผด็จศึกรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช
จึงน่าห่วงจริงๆ ว่า คราวนี้ถ้าเพียงแค่ระดมพลย้ายเวทีจากสะพานมัฆวานฯ ไปถือป้ายไล่ "รัฐบาลหุ่นเชิด" และโห่ฮิ้วร้องตะโกนด่า "นายกฯ หอกหัก" รอบทำเนียบรัฐบาลข้ามวันข้ามคืนเช่นเดิม คงจะไม่เกิดผลสั่นสะเทือนอันใดกับ "รัฐบาลหอกหัก" ที่นาทีนี้เน่าเฟะ จนไม่มีอะไรจะเน่าไปมากกว่านี้แล้ว เพราะชะตาของ "นายกรัฐมนตรีของเรา" ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปอีกกี่วัน
"นายกรัฐมนตรีของเรา" จึงดันทุรังยิ่งกว่าเดิม เลือกทำแต่โครงการยักษ์ๆ ใช้เงินเยอะๆ ที่ไม่ค่อยเป็นประโยชน์มรรคผลอันใดกับประชาชนเลย มิหนำซ้ำยังสวนทางกับกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงให้ไว้กับคณะผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย ที่นำโดยคุณธาริษา วัฒนเกส ให้กำลังใจในการทำหน้าที่บริหารเงินของประเทศอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ประเทศชาติล่มจม
ฝากไปถึง "แก๊งออฟไฟว์" 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนฯ อย่าเป่านกหวีดแบบกั๊กๆ ไม่ยอมบอก "มวลชน" ว่า จะต้องให้ทำอะไรต่อไป อาทิเช่น การปรับกลยุทธ์ใหม่หยุดชุมชนเวทีใหญ่ชั่วคราว แล้วกระจายตัวออกสู่รากหญ้า เพื่อเตรียมปรับฐานคิดของ "มวลชน" ที่ยังไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของกลุ่มพันธมิตรฯ
อย่าเพียงแค่บอกว่า "รักชาติ" ต้องมาร่วมชุมนุมเยอะๆ ในเช้าวันที่ 26 สิงหาคม เพื่อเป็นวันเผด็จศึก" รัฐบาลหอกหัก" ถามไถ่กันทั่วว่าแล้วยังไง
ในขณะที่ "อดีตนายกรัฐมนตรีของเรา" พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับ "เป่านกหวีดจัดแถว" วี๊ดบึ้มๆ พรึ่บพรับ หลายวันแล้ว หลังจากส่งแฟกซ์ "จดหมายจากลอนดอน" ลงท้ายว่า "พี่น้องใจเย็นๆ วันนี้ไม่ใช่วันของผม" ไปเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม
การขยายข่าวความแตกแยกภายในพรรคพลังประชาชน เป็น "กลลวง" แต่น่าจะเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ เพื่อเร่งการกลับมาอีกครั้ง เพื่อ "วันของผม"
การเกิดขึ้นของ "พรรคเพื่อไทย" ในขณะที่พรรคพลังประชาชนยังไม่ถูกยุบ น่าจะเป็น กลยุทธ์การบริหารงานแบบทักษิณ ที่คิดไม่ต่างจาก "ยุทธการดาวกระจาย" ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนฯ แต่ต่างกันที่ "ดาวกระจาย" ของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นเพียงแย่งชิงพื้นที่ข่าววูบวาบเพียงแค่วันเดียวจริงๆ แต่การแตกตัวออกมาของ "พรรคเพื่อไทย" เป็น "ดาวกระจาย" เพื่อรวบรวมสายพันธุ์ภาคเหนือให้เป็นกลุ่มก้อน มองการชิงพื้นที่เลือกตั้ง และการเมืองในระยะยาว
คอยดูว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะเกิดพรรคใหม่อีกหลายพรรค เพื่อรองรับอีกหลายสายพันธุ์ที่จะ "ดาวกระจาย" ออกจากพรรคพลังประชาชนที่หนีไม่พ้นถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคในอีกไม่กี่วันข้างหน้า รวมทั้งสายพันธุ์ "อีสานพัฒนา" ที่ออกมาร้องโวยวายแฉโน่นแฉนี่พอเป็นพิธี เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงรอยกับ "แก๊งออฟโฟร์" ที่กระจายตัวยึดพื้นที่ฐานเสียงอีสานใต้และอีสานกลางได้อย่างหนาแน่นกว่า แต่เมื่อผลประโยชน์ "ลงตัว" เรื่องก็เงียบหายไปตามความคาดหมายของวิถีการเมืองเน่าๆ
แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบอก "เป่านกหวีด" ครั้งสุดท้าย ที่ยังไม่รู้ว่าจะไล่ "รัฐบาลหอกหัก" ให้ออกไปสำเร็จหรือไม่ แต่ "อดีตนายกรัฐมนตรีของเรา" เป่านกหวีด "จัดแถว" มาหลายวันจนใกล้จะลงตัวแล้ว เหลือแต่ "กระบวนการยุติธรรม" เท่านั้น ที่เดินไปข้างหน้าแล้วจะสถาปนาความยุติธรรมหยุดยั้งการจัดแถว เพื่อ "วันของผม" ได้หรือไม่
(อ่านข้อเขียนย้อนหลัง และแสดงความคิดเห็นตลอด 24 ชั่วโมง ทาง
www.oknation.net/blog/adisak)
http://www.bangkokbiznews.com/2008/08/24/news_288057.phpพวกบัตรเติมเงิน อาจจะเข้ามาบอกว่าคิดฟุ้งซ่านเกินเหตุ ไม่มีเหตุอันใดจะส่อว่าเป็นอย่างนั้นได้เลย....
ก็ขอให้คนอ่านใช้สติปัญญา พิจารณาเอาเองครับ....!!!