ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
24-11-2024, 03:06
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  พลังหญิงล้น...ถนนราชดำเนิน-มหาวิทยาลัยราชดำเนิน-วิทยาเขตมัฆวาน........!!! 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
พลังหญิงล้น...ถนนราชดำเนิน-มหาวิทยาลัยราชดำเนิน-วิทยาเขตมัฆวาน........!!!  (อ่าน 2443 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 24-08-2008, 23:24 »

16 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 17:12:00

พลังหญิงล้น...ถนนราชดำเนิน


:มิติความละเอียดอ่อนในอารมณ์ ความอ่อนหวานนุ่มนวล อบอุ่น แต่เต็มไปด้วยความอึด และอดทน น่าจะเป็นลักษณะพิเศษของอิสตรี ที่ช่วยลดอุณหภูมิความรุนแรงตึงเครียดของการชุมนุม แต่ก็แฝงไว้ด้วยพลังที่แข็งแกร่งอยู่ในที

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ :

บันทึกหน้าแรก...

            ค่ำคืนวันอังคารที่ 8 กรกฎาคม  2551

            ฝนตั้งเค้าทำท่าจะตก แต่ไม่ตกลงมาสักที ซ้ำเติมให้อากาศยิ่งร้อนอบอ้าวเป็นเท่าทวี แต่กระนั้นยิ่งดึก ก็ยิ่งมีผู้คนทะยอยเดินทาง มาร่วมฟังการปราศรัยของแกนนำพันธมิตร อย่างหนาแน่น...วันนั้น เป็นวันที่รัฐบาลกัมพูชา เพิ่งประกาศชัย ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

            จริยา สันติวิมล แม่บ้านวัย 49 ปี กำลังยืนชะเง้อคอ คอยมองหาเพื่อนหญิงที่นัดแนะกันเอาไว้ ที่นี่ เธอมีเพื่อนใหม่อีกนับสิบคน ที่มาพานพบ รู้จักกันในม็อบพันธมิตร..ต่างคน ต่างที่มา แต่มีอุดมการณ์เดียวกัน

            " พี่มาตัวคนเดียว แรกๆ สามีก็เป็นห่วง ไม่อยากให้เรามาเท่าไหร่ แต่พอมาแล้วเราได้เจอกลุ่มเพื่อนที่นี่ มีนับสิบคน ก็จะโทรชวนๆ นัดกันมาด้วยกัน "

            จังหวะเดียวกันกับเพื่อนสาวร่วมอุดมการณ์ของจริยา เพิ่งมาถึง สำทับว่า เมื่อกี้..เพิ่งเดินมาคนเดียว จากด้านวัดเบญจมบพิตร ทั้งมืด และเปลี่ยว ถึงจะกลัว แต่พอรู้ข่าววันนี้ ว่าไทยสูญเสียเขาพระวิหาร เรารู้สึกมีส่วนร่วม และเป็นห่วงด้วย ยิ่งกลัวว่าจะแพ้ ยิ่งรู้สึกว่า เราต้องมาเป็นแนวร่วมต่อสู้อีกแรง

            จริยา มองว่า การที่ม็อบพันธมิตร มีพลังจากผู้หญิงมาเข้าร่วมชุมนุมกันเยอะ ส่วนหนึ่งเพราะบรรดาแม่บ้าน ที่อยู่กับบ้าน จะมีเวลารับรู้ข้อมูลข่าวสารบ้านเมือง มากกว่าผู้ชาย ที่ต้องรับบทบาทออกไปทำงานนอกบ้าน หาเงินเลี้ยงครอบครัว อาจไม่มีเวลามาใส่ใจ ซึ่งเธอยอมรับช่องทางสื่อทีวีจอตู้ที่บ้าน ค่อนข้างมีบทบาทสูงต่อการรับรู้ข่าวสาร

            " เราติดตามข่าวสารทุกช่อง ไม่ได้ฟังความด้านเดียว แต่ที่รู้สึกได้ คือ ข้อมูลที่ได้รับจากเอเอสทีวี แตกต่างจากช่องอื่นๆ และพอได้ติดตามข่าวสารไปเรื่อย ทำให้รู้สึกว่า ในอดีตข่าวทุกช่องหลอกลวงเรา "

            ลักษณะความเป็นเพศแม่ของผู้หญิง ทำให้ผู้หญิงอาจจะมีความอดทนมากกว่าผู้ชาย และสำหรับจริยาแล้ว เธอบอกถึงเสน่ห์ที่ดึงดูดให้ต้องออกจากบ้าน มาร่วมชุมนุมข้างถนน ซึ่งเคยปักหลักตั้งแต่กลางคืน ยันสว่าง ก็เคยมาแล้ว ว่า ทั้งหลายทั้งปวง คือ การเข้ามารับฟังความจริง และเราเชื่อในเรื่องของความดี   

            " พี่เป็นแฟนติดตามตั้งแต่สมัยดูรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ทางช่อง 9 แล้ว เดี๋ยวนี้ ถ้าเปิดเอสเอสทีวี ก็จะดูได้ตลอด ทั้งกลางวัน กลางคืน ไม่ใช่ว่า เราฟังๆ แล้วจะเชื่ออย่างเดียว แต่เราจะศึกษาเบื้องหลังของแกนนำพันธมิตแต่ละคนด้วย มีประวัติอย่างไร เชื่อถือได้หรือไม่"

 

            บันทึกหน้าที่สอง..

            ม็อบยืดเยื้อเกินหนึ่งมาหลายวันแล้ว  มีผู้หญิงเข้ามาร่วมชุมนุมในม็อบพันธมิตร อย่างคับคั่ง โฆษกบนเวทีบอกว่านี่เป็นปรากฎการณ์แสดงพลังของบรรดาดอกไม้เหล็ก เพื่อร่วมขับไล่รัฐบาลครั้งนี้

             ระหว่างความเป็นสตรีเพศ กับพฤติกรรมการติดตามข้อมูลข่าวสารบ้านเมืองผ่านจอตู้สี่เหลี่ยมในบ้าน และอิทธิพลทางความคิด ผ่านยุทธวิธีสื่อสารมวลชน ปลุกพลังระดมพล       

             ความเป็นสตรีเพศ กับ ความรู้สึก "อิน" มีส่วนร่วมในการแสดงออกถึงความรู้สึก "รักชาติ" การตามล่าหา "ความจริง" นำมาสู่การอุทิศตน เพื่อหยัดยืนอุดมการณ์ในสิ่งที่พวกเธอเชื่อ และศรัทธาใน"ความดีงาม"และ"ความถูกต้อง" ...ผ่านหน้าที่ของการ "บอกต่อ" เพื่อขยายแนวร่วมอุดมการณ์ 

            มิติความละเอียดอ่อนในอารมณ์ ความอ่อนหวานนุ่มนวล อบอุ่น แต่เต็มไปด้วยความอึด และอดทน น่าจะเป็นลักษณะพิเศษของอิสตรี ที่ช่วยลดอุณหภูมิความรุนแรงตึงเครียดของการชุมนุม แต่ก็แฝงไว้ด้วยพลังที่แข็งแกร่งอยู่ในที

            ในขณะที่แนวร่วมพันธมิตรจำนวนไม่น้อย ที่เปิดเอเอสทีวี ติดตามการชุมนุมได้ทั้งวัน ยันค่ำ แล้วหลับไปคาทีวี...

 

            บันทึกหน้าที่สาม...

            ท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุม ที่กำลังตั้งอกตั้งใจฟังการปราศรัยบนเวทีพันธมิตร สาวสวยดูบอบบางร่างเล็ก ทวีพร ลิ้วสิริโรจน์ เจ้าของธุรกิจส่วนตัววัย 33 ปี กำลังนั่งพับเพียบบนผ้าใบ ฟังการปราศรัยอย่างตั้งใจ ดูจากรูปลักษณ์ภายนอก เสือผ้า หน้าผม ในชุดเสื้อแขนกุด และกระโปรงยาว พร้อมเฟอร์นิเจอร์ กระเป๋าหลุยส์วิตตองใบย่อม ที่วางอยู่ข้างกาย...ดูแล้วไม่เหมือนจะเข้ามาร่วมชุมนุม

            " ปกติ ถ้ามาม็อบจะใส่ชุดลุยๆ ทะมัดทะแมงกว่านี้ พวกกางกางสามส่วน กางเกงยีนส์ วันทีทีแรกไม่ได้คิดจะมา แต่พอมีคำตัดสินเรื่องขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร ทำให้ตัดสินใจแวะมา "

            น่าจะมากกว่าสิบครั้งขึ้นไปแล้ว ที่เธอมาเข้าร่วมชุมนุมในม็อบครั้งนี้ หลังจากเคยมาเข้าร่วมตั้งแต่ม็อบครั้งแรกตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เป็นการฉายเดี่ยวมาแบบตัวคนเดียว แต่ก็มีรุ่นพี่ที่รู้จักมาด้วย แต่วันนี้ ไปนั่งอยู่คนละกลุ่ม

            ทวีพร บอกว่า บ้านเธออยู่แถวๆ เขตคลองสามวา ในหมู่บ้านมีเธอเป็นผู้หญิงคนเดียว ที่มาร่วมชุมนุม และมีผู้ชายอีกคน เลยยิ่งเหมือนเป็นความรู้สึกรับผิดชอบ ว่า เราจะต้องเป็นตัวแทนมาเข้าร่วม เพื่อรับรู้ความจริงแล้วนำไปบอกต่อ..ถ้าเราไม่มา ก็จะยิ่งไม่มีใครเลย

            อะไรจูงใจให้รู้สึกอยากเข้ามามีส่วนร่วมในการชุมนุมครั้งนี้ คำตอบจากทวีพร คือ เพราะเธอคิดว่า ยังมีคนอีกเยอะในสังคมที่ไม่รู้ข้อมูล เราอยากมารับรู้"ข้อมูล" และคุยกับเพื่อนๆ คนที่ยังไม่รู้ความจริง ให้เขาลุกมามีส่วนร่วมเหมือนเรา

            แต่จนถึงบัดนี้ ทวีพร ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ทุกวันนี้ ส่วนยังก็ยังต้องมาตัวคนเดียว เพราะบางทีหลายคนคิดว่า ไม่ใช่ธุระ ! ประเด็นที่เรากำลังต่อสู้กัน มันเป็นเรื่องไกลตัว เขารู้สึกอย่างนั้น

            เธอวิเคราะห์ถึงพลังของผู้หญิงในม็อบว่า บางครั้งความเป็นผู้หญิงที่มีความรู้สึกละเอียดอ่อน โดยเฉพาะความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับความรักชาต ทำให้ค่อนข้างอินกับประเด็นเหล่านี้เป็นพิเศษ บวกกับความเป็นนักสู้ กัดไม่ปล่อย และมีความเกาะติดในเรื่องที่มีความสนใจสูง..นี่อาจเป็นอานุภาพที่ทรงพลังของผู้หญิง 

            " ยิ่งถ้าเราคิดว่า เราพูดความจริงแล้วคนอื่นไม่เชื่อ มันจะยิ่งเป็นพลังให้เราต้องมาร่วมชุมชน และต้องมาให้บ่อยขึ้น เพื่อแสดงพลัง ยิ่งมีคนไม่รู้เยอะ ไม่เชื่อเยอะ พี่ยิ่งอยากมามีส่วนร่วมนะ แม้ว่าจะต้องมาคนเดียว ก็ไม่เคยรู้สึกกลัว"

            สำหรับทวีพรแล้ว ความอบอุ่นของพันธมิตร ความเจตนาดี รักชาติ ไม่ได้หวังผลประโยชน์ใดๆ ตอบแทน คือ มาด้วยใจ..นี่คือ เสน่ห์ที่ทำให้ทำไม เธอต้องมาเข้าร่วมม็อบครั้งนี้

            " ม็อบที่นี่อบอุ่น เป็นม็อบที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลก คนข้างนอก อาจมองว่า ม็อบน่ากลัว แต่เรามาที่นี่ มันไม่ได้น่ากลัวอย่างนั้น คนที่นี่ล้วนมาเพราะต้องการแสดงพลัง ให้คนภายนอกได้รู้ และเข้ามามีส่วนร่วม ที่นี่มีเด็กตัวเล็กๆไม่กี่เดือน พ่อแม่มาชุมนุมก็อุ้มกันมา เพราะอยากเรียกร้องให้สังคม และคนที่นั่งอยูที่บ้าน ออกมามีส่วนร่วมแสดงพลังด้วยกัน " ทวีพร บอกอย่างนั้น

            บันทึกหน้าที่สี่...

             ยังมี อรุณี นิสภารมย์ คุณแม่วัย 30 ปี แม่บ้านคนหนึ่ง ปกติเธอ คอยดูแลลูกวัยกำลังซน 2 คน คนโต 5 ขวบ คนเล็ก 3 ขวบ การมาร่วมชุมนุมฟังปราศรัยในม็อบพันธมิตร กลายเป็นกิจกรรมหนึ่งของครอบครัว ที่ยกกันมาทั้งบ้าน รวมถึงเจ้าตัวเล็กที่กำลังซนทั้งสองคน ก็ร่วมเป็นพันธมิตรรุ่นจิ๋ว มาชุมนุมกับเค้าด้วย

            เช่นเดียวกับ "พลังหญิง" คนอื่นๆ อรุณี บอกว่า บ้านเรายกครอบครัวกันมาที่นี่ครั้งละ 7-8 คน สมาชิกครอบครัวอายุ 70 ปีแล้ว ก็ยังมาร่วม ก็เพราะ"ข้อมูลข่าวสาร" ที่สำคัญ คือ  "เป็นห่วง ไม่อยากให้ประเทศชาติต้องล่มสลาย"  จึงต้องลุกขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ 


             " ส่วนใหญ่จะมาอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง ตอนนี้ แถวบ้าน พอเขาได้ฟังข้อมูล ก็เริ่มมากันเยอะขึ้น เวลามาก็ต้องเอาลูกมาด้วย ถึงแม้มาที่นี่ มีบ้างที่เขาจะบ่นว่าร้อน ตามประสาเด็ก แต่ถ้าไม่พามาด้วย เขาจะร้องตาม "

            พัฒนาการและความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างการชุมนุมของพันธมิตร ยกแรกในปี 2549 กับยกปัจจุบัน นอกจากจะเป็นการชุมนุมที่ยืดเยื้อ สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ชัด คุณแม่ลูกสองอย่างอรุณี บอกว่า มาม็อบครั้งนี้ มีความสนุกสนนามากขึ้น และทุกคนรู้สึกร่วมใจกันมากขึ้น บนเวทีก็มีความบังเทิง ทั้งดนตรี บทเพลง และบทกวี ยกตัวอย่างเพลงที่กลายเป็นเพลงประจำม็อบพันธมิตรไปแล้ว อย่างเพลง "เทียนแห่งธรรม" และอีกหลายๆ เพลง ที่ลูกๆ นั่งฟัง จนตอนนี้ ร้องตามกันได้แล้ว

               " ประทับใจในความมีน้ำใจ การช่วยเหลือกัน คือ ถ้าว่างปุ๊บ เราอยากจะมาร่วมชุมนุมด้วย เพราะว่าอยากมาเป็นกำลังใจให้กัน อย่างพอมีข่าวว่าจะมีการถูกรื้อ พอรู้ปุ๊บก็จะต้องรีบมาทันที" อรุณี เล่าถึงความประทับใจ พลังสำคัญในแนวรบราชดำเนิน

 

                                                   
หน้า 1

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #1 เมื่อ: 24-08-2008, 23:32 »

จากจุดเริ่มต้นลั่นกลองรบ

บนเส้นทางปีกธงชัย


 

            ย้อนหลังไปก่อนวันที่ 25 พ.ค. มีเหตุการณ์หลายอย่างกดดันบรรยากาศการเมืองไทย เนื่องมาจากท่าทีที่ไม่แยแสต้องเสียงฝ่ายค้านที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล...

            นับแต่วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2551 ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมประชาชนได้ร่วมกันชุมนุมใหญ่ ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วเคลื่อนขบวนมาปักหลักพักค้างที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก ก่อนจะบรรลุเป้าหมายเคลื่อนย้ายมวลชนนับแสนปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล จนถึงวันนี้นับเป็นเวลายาวนานกว่า 1 เดือนแล้ว ทั้งนี้ที่ผ่านมา การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ มีส่วนก่อให้เกิดเหตุการณ์หลายอย่าง เช่น

            ...ตำรวจจึงได้ชี้ขาด จักรภพ เพ็ญแข ว่าหมิ่นเบื้องสูง และทำให้ จักรภพ เพ็ญแข ต้องลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยเปิดแถลงข่าวในวันที่ 30 พ.ค. 2551 และมีการลาออกมีผลวันที่ 9 มิถุนายน 2551

            ....สมาชิกวุฒิสภาถอนรายชื่อออกจากญัตติการล้มล้างรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดของคนในระบอบทักษิณ จนมีจำนวนเสียงไม่เพียงพอและทำให้ญัตติต้องล้มไป หลังจากที่พันธมิตรฯยื่นรายชื่อกว่า 3 หมื่นคนถอดถอนนักการเมืองที่เข้าชื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญเพราะมีการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ทั้งยังส่งผลให้ชาติประหยัดเงินภาษีอากรของประชาชนได้อีกกว่า 2,400 ล้านบาท

            ...สมัคร สุนทรเวช ต้องกลับลำหลังจากประกาศที่จะแตกหักกับพันธมิตรฯ เพราะมีประชาชนจำนวนมหาศาลนับแสนคนทั่วทุกสารทิศมาร่วมชุมนุมร่วมกับพันธมิตรฯหลังจากการประกาศกร้าวของนายกรัฐมนตรี

            ...หลังจากที่ไม่สามารถล้มล้างรัฐธรรมนูญได้เพราะการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ทนายทักษิณ ได้นำเงิน 2 ล้านบาทใส่ถุงขนมมาให้เจ้าหน้าที่ในศาลฎีกา จนเป็นเหตุทำให้ศาลฎีกาได้พิพากษาจำคุกทีมทนายของทักษิณ 3 คนเป็นเวลา 6 เดือนในเวลาต่อมาโดยไม่รอลงอาญา โดยระบุว่าต้องการทำให้เกิดการชักจูงต่อกรณีที่ คตส. ได้ฟ้องในคดีการซื้อที่ดินรัชดาของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร

            ...ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ล้มเหลวและต้องถอยในการสั่งปิดทีวีเคเบิลทีวี หลังประชาชนได้ลุกฮือต่อสู้กับคำสั่งที่ไม่ชอบทั่วประเทศ

            ...พันธมิตรฯ เคลื่อนพลหลายแสนคนมาที่หน้าทำเนียบรัฐบาลได้เป็นผลสำเร็จ โดยไม่ได้มีการทำลายทรัพย์สินทางราชการหรือความวุ่นวายใดๆทั้งสิ้น

            ...ภายหลังจากที่พันธมิตรฯเคลื่อนพลหลายแสนมาที่หน้าทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร ได้กลับลำยอมให้วุฒิสภาอภิปรายทั่วไป และยอมให้ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธอ้างว่าไม่มีเวลาเพราะต้องพิจารณาเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปี

            ...ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้กับคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมได้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป หลังจากที่นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้มีการปลดและเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยาและขัดขวางการใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา ซึ่งเป็นไปตามที่พันธมิตรฯได้กล่าวหามาก่อนหน้านี้

            ...หลังจากที่ไม่สามารถล้มล้างรัฐธรรมนูญได้เพราะการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ เจ้าหน้าที่ กกต.ได้ปลอมแปลงเอกสาร และยื่นเอกสารเท็จต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งในคดีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช พันธมิตรฯจึงได้เปิดโปงและกดดันด้วยการเคลื่อนผู้ชุมนุมแบบดาวกระจายไปหน้า กกต. เป็นผลทำให้กกต.ต้องยอมจำนนและตั้งกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ กกต. ที่กระทำการดังกล่าว

            ...และต้องยอมรับว่า พราะการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ทำให้นพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องยอมเปิดเผยมติคณะรัฐมนตรีและแผนที่ที่ได้ไปลงนามแถลงการณ์ยกปราสาทพระวิหารและพื้นที่เขาพระวิหารร่วมกับกัมพูชาเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก หลังจากนั้นกลุ่มพันธมิตรฯได้ยื่นต่อศาลปกครองกลาง เป็นผลทำให้ศาลปกครองได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามนำมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวไปใช้ในการลงนามกับประเทศกัมพูชาได้เป็นผลสำเร็จ

            ...ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้กับคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมได้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป หลังจากที่นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้มีการปลดและเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยาและขัดขวางการใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา ซึ่งเป็นไปตามที่พันธมิตรฯได้กล่าวหามาก่อนหน้านี้

            ...ช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม 2551 หลังจากกลับมาจากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่ประเทศแคนาดา นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ประกาศลาออกโดยมีผลในวันที่ 14 กรกฎาคม อันเป็นผลจากการกดดันของกลุ่มพันธมิตรฯ สื่อมวลชน และภาคประชาชน ให้นายนพดล รับผิดชอบต่อกรณีการลงนามยินยอมให้ประเทศกัมพูชาจดทะเบียน “ปราสาทพระวิหาร” เป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว

            ...พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ต้องประกาศเลื่อนการจัดงานมหาสังฆทาน รวมพลังไทยเพื่อพ่อของแผ่นดิน ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 กรกฎาคม 2551 ออกไปโดยไม่มีกำหนด พร้อมกับยอมรับว่าสาเหตุหนึ่งมาจากกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำเรื่องดังกล่าวไปโจมตีบนเวที เนื่องจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย มาเป็นประธานจัดงาน โดยมี พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เข้าร่วมงานดังกล่าวด้วย
ส่งต่อให้ผู้อื่น  พิมพ์ข่าวหน้านี้ บันทึกข่าวลงเครื่อง 

 
 
http://www.bangkokbiznews.com/2008/07/16/news_276840.php 


ข้อเขียนตีพิมพ์ใน'กรุงเทพธุรกิจ' เมื่อวันที่ 16 กรกฏาคม 2551.....

คนที่สนใจความเคลื่อนไหวของผู้ร่วมชุมนุม'พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย' อ่านแล้ว พิจารณาเอาเองครับ จะเห็นพ้องกับผู้เขียน หรือเห็นต่าง....?



หน้า 2
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2008, 23:39 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #2 เมื่อ: 24-08-2008, 23:38 »

16 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 01:00:00
  ราชดำเนิน...แนวรบดงดอกไม้


:ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าความเติบโตของภาคประชาชน ทำให้ม็อบพันธมิตรยืดเยื้อมานานเกิน 50 วัน อย่างไม่มีใครคาดคิด

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : แต่หากมองด้วยวิธีการบริหารจัดการฝูงชนจำนวนมากมายที่ไปร่วมชุมนุมหน้าเวที ก็ต้องยอมรับว่า การเลี้ยงม็อบให้โตวันโตคืนเหมือนเด็กน้อยมีชีวิตแข็งแกร่งนั้น มีหลักการและเทคนิคแน่นอน แต่อะไรเล่า คือ เครื่องมือที่ทำให้บรรยากาศม็อบของคนเรือนแสนสามารถดำเนินไปอย่างราบรื่น ปราศจากความรุนแรงและมีสัมฤทธิผลต่อประเทศ

กระทั่ง มีตัวแทนที่เรียกตัวเองนำหน้าว่า 'พันธมิตร' จากต่างแดน  เช่น ลอนดอน ซิดนีย์ แอลเอ  ชิคาโก  วอชิงตัน ดี.ซี. นิวยอร์ก ขึ้นเวทีไปชูสองแขนขึ้นขณะเปล่งเสียง "เยส วีแคน"  คืออดีตแอร์โฮสเตส 'มาลี' เพื่อประกาศขยายแนวรบไปถึงคนไทยทั่วโลก

หลังจากผ่านการชุมนุมยืดเยื้อเกิน 1 เดือน กลางที่ชุมนุมคืนหนึ่ง ผู้ประสานงานพันธมิตร เจ้าของคารมโวหารที่ประกาศตัวเองว่าไม่นิยมความรุนแรงและหยาบคาย สุริยะใส กตะศิลา เผยความประหลาดใจว่า "ผมเห็นพลังสำคัญในพันธมิตรนี้ กว่า 70 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้หญิง"

ผู้หญิงต่างวัย ต่างผิวพรรณ สีผม จากคุณย่าวัยเกิน 90 จนถึงเด็กหญิงอายุ 2 ขวบ ล้วนรับบท 'นักรบร่วมทัพพันธมิตร' ส่งเสียงผ่านจอเอเอสทีวี และอินเทอร์เน็ต ซึ่งสร้างสถิติครั้งแรกไปยังผู้รับชมทั่วโลกได้ประจักษ์แก่ตาแก่หู

ทุกครั้งที่มีเสียงโฆษกหญิงหรือชาย ส่งสัญญาณนำโห่ หรือขับไล่  "ทักษิณ ติดคุก"  "สมัคร ติดคุก"  "นพดวยติดคุก" หรือ "เฉลิมออกไป" พลังเสียงก้องกระหึ่ม กว้างไกลจากคนที่นั่งอยู่บนถนนคนที่ไกลเวทีที่สุด ส่งกระแสคลื่นมากระทบหูคนบนเวที เป็นระดับเสียงแหลมเล็ก ที่เปล่งพร้อมกันยาวนานทุกครั้งที่ได้รับสัญญาณการนำจากผู้นำบนเวที ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่ผู้ชุมนุมมีแค่เรือนพันในตอนกลางวัน  เรือนหมื่นในคืนระหว่างวันธรรมดา หรือเรือนแสนในคืนสุดสัปดาห์ ล้วนสรุปได้ชัดว่าเป็นพลังที่เปล่งออกมาอย่างเต็มเสียงกระตือรือร้นจากเสียงผู้หญิง จนกลบเสียงผู้ชายหมด

และที่สังเกตเห็นทันที คือ ม็อบหมู่มากล้วนสาวใหญ่ ผู้ซึ่งวัยผ่านขบวนการเติบโตทางจิตสำนึกเมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ถึง '14 ตุลาคม 2516'  ต่อมาการชุมนุมที่นำไปสู่ความวิปโยค '6 ตุลาคม 2519'  จากนั้นบรรยากาศประชาธิปไตยบ่มเพาะตัวเอง จนถึง 'พฤษภาทมิฬ  2535' ก่อนพัฒนามาเป็นม็อบชนชั้นกลางที่เข้มแข็งแข่งกับอารยชนชาติอื่นได้ในช่วงปี 25348-2549 ที่ผลักดันพลังขับเคลื่อน เพื่อ 'ไล่ทักษิณ' จนทหารต้องออกมาทำรัฐประหาร  9 กันยายน 2549

หลากสี..หลากสวน

ท่ามกลางเสียงร้องตะโกนพร้อมเพรียง ขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด มีเสียงของผู้หญิง 3 คนนี้อยู่ด้วย เธอมาจากต่างอาชีพและครอบครัว แต่มาชุมนุมกัน ณ สะพานมัฆวาน  อะไร? ทำให้เธอทั้งสามมาร่วมกันผสานเสียง ขณะหัวใจแย้มบานราวดอกไม้ที่เริงร่าในฤดูฝน

ศกุนตลา ชยางกูร หรือ 'กิ๊บ' หลานสาวของหม่อมเจ้าวงศ์มหิป ชยางกูร ผู้ล่วงลับ ซึ่งเคยเป็นเอกอัครราชทูตหลายประเทศ รวมทั้งเขมร และประเทศสุดท้ายคือ อิตาลี ทั้งยังเป็นหนึ่งในทีมทนายฝ่ายไทยที่ว่าความกรณีเขาพระวิหาร ร่วมกับ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เผยที่มาของการมาอยู่ในแนวรบราชดำเนินว่า “ท่านอา คือ หม่อมเจ้าวงศ์มหิป และหม่อมละมัย ชยางกูร เลี้ยงดูกิ๊บมาตลอด ได้ติดตามท่านไปหลายประเทศ ตอนนั้นเรายังเล็กมาก เมื่อไม่นานนี้ฝ่ายค้านในรัฐสภานำมาอภิปรายเรื่องเขาพระวิหารออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ยังเห็นภาพท่านอานั่งอยู่ในศาลโลกเลยค่ะ..กิ๊บดีใจที่ได้มาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่อย่างนั้นจะอกแตกตาย ที่นี่เป็นทางออกของประชาชนที่จะต่อสู้กับสิ่งไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองของเรา เมื่อกลไกของรัฐมันบิดเบือน"

ก้าวแรกของเธอคือ 'พันธมิตร 2549' ปลายยุคทักษิณ ท่ามกลางเมฆหมอกความกังขาในประโยชน์ทับซ้อนที่แผ่คลุมประเทศไทย โชคดีที่ในบ้านเธอมีความคิดแนวเดียวกันทั้งตัวเอง สามีและลูกชายวัยทำงาน ไม่ต้องขัดแย้งกัน  เธอมาชุมนุมในปีนี้ ก็เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกรณีเขาพระวิหาร "ชวนเพื่อนที่รู้ใจไปกัน ดื่มน้ำน้อยหน่อย กินอาหารสะอาดเพื่อไม่เสี่ยงกับอุบัติเหตุท้องเสีย อุปกรณ์พัด ร่ม ขวดน้ำดื่มจิบเพื่อดับร้อน กระดาษปูนั่ง ถ้าจะไป ยังไงต้องไปให้ได้ อย่างเย็นวันหนึ่งต้องไปงานแต่งงานที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว เอาชุดไปเปลี่ยนเลย ออกจากงาน ก็ต่อไปสะพานมัฆวานทันที"

ในยุคการเมืองมืดมิด สื่อมวลชนต่างมีม่านมุ้ง ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น จึงต้องฉลาดที่จะเลือกเสพสื่อ ศกุนตลาบอกว่า

“เราต้องรู้เท่าทันสื่อมวลชน เพื่อจะได้เลือกสื่อที่โปร่งใส ยามนี้สื่อโทรทัศน์ช่อง 3, 5, 7, 9, NBT ใช้ไม่ได้แล้ว มีเหลือแต่เอเอสทีวีและเนชั่นแชนแนล ที่ผ่านมารัฐต้องการให้ประชาชนรู้น้อย มุ่งไปบันเทิงมาตลอด 5-6 ปี เหมือนเบี่ยงเบนความสนใจ สะท้อนถึงบ้านเมืองที่ยังไม่เจริญ ดังนั้นสื่อหนังสือพิมพ์กลายเป็นสื่อหลักในแง่ของความน่าเชื่อถือ มีจรรยาบรรณ”

กิ๊บสังเคราะห์พลังมวลชนว่า "การชุมนุมมีประโยชน์มากกว่าโทษ เป็นการระดมข้อมูลข่าวสาร ทำให้คนมีอุดมการณ์ หรือความคิดต่างไม่รู้สึกว้าเหว่ ซึมเศร้าหรือบ้าอยู่คนเดียวกับปัญหาหนักๆ ของบ้านเมือง ที่ลำพังเราจะแก้ไม่ได้ มาที่ชุมนุมมันได้เรียนรู้และได้กำลังใจที่จะสู้ต่อไป ได้รับรู้ข่าวสารตรง แต่ไม่ได้เชื่อทันที นำมาวิเคราะห์ตรึกตรอง กาลเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า ข้อมูลที่พันธมิตรไปเสาะหาขุดคุ้ยนำมาเผยแพร่นั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องจริง เชื่อถือได้ เช่น กรณีหุ้นเทมาเส็ก ข้อมูลกระบวนการล่วงละเมิดล้มล้างสถาบันมีร่องรอยมาก่อนแล้ว จนเราได้เห็นกับตาในเวบไซต์ ซึ่งเราตกใจว่ามันเป็นจริงแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าในยุคสมัยของเรา จะมีคนไทยจำนวนหนึ่งกล้าทำเรื่องแบบนี้กับสถาบันที่เราเทิดทูนยิ่งชีวิต เรายอมไม่ได้"

ในขณะที่ ประภาพรรณ ภูวเจนสถิตย์  ศิษย์เก่าจามจุรี ปี 2516 เจ้าของเอเยนซีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ผู้คุ้นเคยกับม็อบ เพราะเป็นอดีตนักเรียนโรงเรียนสตรีวิทยา หัวมุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ชัยภูมิเป็นเลิศของการชุมนุมมาทุกยุคสมัย ช่วง 14 ตุลา เลิกเรียนก็ไปนั่งฟังในชุดนักเรียนกับเพื่อน ด้วยความอยากรู้ 

"จำได้ว่า ปี 2505 เรียนอยู่ชั้นประถม 2 ที่จังหวัดเพชรบุรี ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ เช้าวันที่ศาลโลกตัดสินกรณีเขาพระวิหารเป็นเช้าที่โกลาหล ในโรงเรียนไม่มีการเรียนการสอน คุณครูชื่อสุนทร เขียนตัวหนังสือตัวโตเต็มกระดานดำว่า “เขาพระวิหารเป็นของไทย” ทั้งครูและนักเรียนลงมารวมตัวกันที่สนามหญ้า เดินโบกธงไทยและตะโกนประโยคนั้นไปพร้อมๆ กัน พวกผู้ใหญ่พากันเดินขบวนประท้วง.. มาวันนี้คนไทยต้องสะอื้นในอกอีกครั้ง"

เธอมีเบ้าหลอมสำคัญ "ที่บ้านสนใจการเมือง ตอนคุณพ่อมีชีวิตอยู่ เวลาทานข้าวมื้อเย็น เป็นช่วงที่คุณพ่อพูดคุยเรื่องการเมืองและเหตุการณ์ประจำวันกับลูกๆ ทุกวันนี้กลับจากทำงาน เดินเข้าบ้าน คุณแม่จะรายงานเลยว่า วันนี้นพดลลาออกแล้วนะ ห้องคอมพิวเตอร์ในบ้านกลายเป็นมุมสภากาแฟยามที่มีเรื่องด่วน"

ประภาพรรณเชื่อว่า การชุมนุมพันธมิตรเป็นกระบวนการประชาชน ซึ่งพัฒนาก้าวหน้าไปไกลเกินกว่าที่ภาครัฐหรือกระบวนการไหนๆ จะคาดคิด มีการบริหารจัดการมวลชนที่ดีเยี่ยม ภายใต้โครงสร้างง่ายๆ ของ 5 แกนนำ แต่มีพลังเข้มแข็ง แกนนำมีบุคลิกภาพความสามารถที่หลากหลายกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว

ข้อสังเกตที่ว่าผู้หญิงมาม็อบมากกว่าผู้ชาย และกำลังกระจายไปทุกจังหวัด เธอว่า

"อาจเพราะประชากรไทยตอนนี้หญิงมากกว่าชาย เกือบหนึ่งล้านคน แต่ไม่ว่าหญิงหรือชายก็รู้สึกไม่ต่างกัน เรารักพระมหากษัตริย์ รักประเทศไทยได้เหมือนกัน ที่ชอบมากอีกอย่างคือ การใส่ศิลปะดนตรีเข้าไป ช่วยลดแรงกดดันทางอารมณ์ของมวลชนให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์มากกว่าทำลาย โดยที่เนื้อหาสาระการต่อสู้ไม่ได้เปลี่ยน มีเพลงดีๆ ที่เกิดจากการชุมนุมพันธมิตร เช่น เพลงเรารักพระเจ้าอยู่หัว เสียงเอื้อนไพเราะได้อารมณ์ดนตรีทางใต้ตามสไตล์ของแฮมเมอร์, เพลงเดินเดินเดิน วงซูซู สนุกมากทั้งจังหวะ ดนตรีและความหมายของเนื้อเพลงที่ฮึกเหิมให้กำลังใจดีจัง”

ข้อสรุปของประภาพรรณกับศกุนตลาชัดเจนเหมือนกันว่า คนโกงต้องเข้าสู่กระบวนการศาลยุติธรรมอย่างโปร่งใส กระบวนการประชาชนเมื่อใช้ให้ถูกทาง จะกลายเป็นพลังสร้างสรรค์อันมหาศาลที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ

"เราอยากเห็นประเทศไทยเป็น Dynamic Democracy จึงควรสนับสนุนให้ประชาธิปไตยทางตรง หรือการเมืองภาคประชาชนได้เติบโตและมีส่วนร่วมพัฒนาการเมืองไทยให้ใสสะอาด  เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันปกป้อง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ในยุคทุนดิจิทัล”

มือใหม่หัดม็อบ

หันมาหาผู้ชุมนุมมือใหม่บ้าง 'ครั้งแรก' ของผู้หญิงอีกคนคือบ่ายวันศุกร์หนึ่งของเดือนมิถุนายน 2551 

"ไปม็อบครั้งแรกวันที่พันธมิตรเคลื่อนพลจากมัฆวานไปทำเนียบ ก่อนไปก็ตื่นเต้น กลัวอยู่ในใจเหมือนกัน เพื่อนที่เคยไป บอกไม่ต้องเอารถมาจะเป็นภาระ เรียกแท็กซี่จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไม่มีคันไหนยอมไปเลย จนคันที่เจ็ด เพื่อนส่งเสียงเข้มเลย ไปทำเนียบ ลุงแท็กซี่บอกตกลง แต่ไปส่งได้แค่สวนสัตว์ดุสิตนะ แล้วเดินไปทำเนียบเอง โอ้โห...เดินผ่านตำรวจพร้อมโล่และอาวุธครบมือประมาณ 5 -600 คน เราใจเย็นส่งยิ้มให้เขา เดินไปจนถึงที่หมาย"

สุวีรา พันธุ์กระวี หรือ จ๋า สาวทันสมัยนักเรียนเก่าอังกฤษ จากครอบครัวที่คุณปู่เคยเป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือและเกี่ยวพันกับการเมืองระดับประเทศ คุณตา วนิช ปานะนนท์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ สุวีรากำลังใช้ชีวิตกับสามีชาวอิตาเลียน มีกิจการรีสอร์ทงามบนเกาะสมุย

“สนใจติดตามข่าวสารบ้านเมืองตลอดเวลา บอกได้ว่าตั้งแต่เปลี่ยนการปกครองปี 2475 อำนาจและผลประโยชน์ถูกโยน ถูกเปลี่ยนมือไปมา ในกลุ่มชนที่เราเรียกว่ารัฐบาล พร้อมไปกับการฝังรากลึกของการหาประโยชน์ คอร์รัปชั่นทั้งทางตรงทางอ้อม พรรคการเมืองล้มลุกคลุกคลาน สรุปได้ว่าอำนาจเหล่านั้นไม่เคยถึงมือประชาชนเลย ระบอบทักษิณเป็นปรากฏการณ์ยุคดิจิทัลที่วิ่งไปรวบอำนาจนั้นไว้อย่างบูรณาการเบ็ดเสร็จ...

...เราจะต้องเลือกตั้งกันอีกกี่หน มันจะมีอีกกี่สมชายที่ต้องถูกอุ้มหายไปอย่างไร้ร่องรอย มันจะมี ส.ส.ยกมือรับรองรัฐบาลที่ฉ้อฉลขายชาติกันอีกกี่รอบ เราจะอยู่รอให้คนโกงเอาสมบัติดินแดนไทยไปขายแลกประโยชน์เข้ากระเป๋ากันอีกหรือ จ๋าบอกตัวเองว่า วันนี้ฉันต้องไปชุมนุมแล้ว... ขับรถมาเลยจากสมุย สามีก็ห้ามไม่อยากให้มา"

จากประสบการณ์เคยเรียนในอังกฤษ 10 กว่าปี  สุวีราคิดว่าปัญหาของการเมืองที่เหมือนย่ำอยู่กับที่ เป็นเพราะนักการเมืองที่คิดไม่ซื่อ และสนุกกับการคอร์รัปชันที่หนักข้อขึ้นทุกวัน ทั้งนี้ทั้งนั้น มาจากการศึกษายังไม่กระจายทั่วถึง

"เราต้องพัฒนาประชาชนทุกภาคส่วนให้มีอาวุธทางปัญญา อย่างในอังกฤษประชาชนมีความรู้ มันกระจายทั่วถึง นักการเมืองจะโกงกินยากขึ้น เพราะคนมีสำนึกทางการเมืองสูงที่จะไม่ซื้อสิทธิขายเสียง และปกป้องสิทธิเสรีภาพ"

เป้าหมายที่เธออยากเห็นจากม็อบครั้งนี้ คือ “เรารักพระมหากษัตริย์ไทย และอยากเห็นประเทศไทยก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและมีศักดิ์ศรี เราไม่จำเป็นต้องเหมือนอเมริกาหรืออังกฤษ กลไกการเมืองของเราอาจต้องปรับให้เข้ากับปัญหาและวัฒนธรรมของเราค่ะ”

นี่คือภาพม็อบคนเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ที่ระหว่างชุมนุม 'ภรรยา' หลายคนคอยโทรรายงานให้สามีทราบตลอด ด้วยประโยคที่ว่า

"ไม่ต้องเป็นห่วง"


http://www.bangkokbiznews.com/2008/07/16/news_276326.php

หน้า 3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2008, 23:43 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
นักปฏิวัติ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 330



« ตอบ #3 เมื่อ: 24-08-2008, 23:40 »

"ผู้หญิงมีบทบาทสำคัญยิ่ง ในขบวนการปฎิวัติ
พวกเธอสามารถทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ชาย
ในการใช้ชีวิตสู้รบที่ยากเข็ญ
พวกเธอนำเอาคุณสมบัติและบุคลิกภาพที่ดี
ของเพศหญิงมาใช้ประโยชน์
และทำงานหนักเท่าเทียมกับชาย
แต่ด้วยความนุ่มนวลที่เหนือกว่า
ความนุ่มนวลนั้น มีความสำคัญยิ่ง
ในห้วงเวลาแห่งความทุกข์ท้อ"
เช เกวารา

บันทึกการเข้า

"สุดยอดกลยุทธ์ คือชนะโดยไม่ต้องรบ" ซุนวู

"ผู้นำชั้นเลิศนั้น เพียงแต่เป็นที่รับรู้ว่ามีตัวตนอยู่
ชั้นรองลงมา เป็นที่รักและสรรเสริญ
ชั้นรองกว่านั้น เป็นที่เกรงกลัวและเกลียดชัง" เหล่าจื๊อ เต้าเต๋อจิง
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #4 เมื่อ: 24-08-2008, 23:50 »

ป้า น้า อา สูงอายุ นักศึกษาวิทยาเขตมัฆวานฯ มหาวิทยาลัยราชดำเนิน ได้ความรู้ ประสบการณ์ รอบรู้การเมือง และวิชาการอื่นๆ มากว่านักศึกษา'ไฮโซ' หลักสูตรปริญญาโทพิเศษของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ยุค'รังสรรค์ แสงสุข' เป็นอธิการบดี.....!!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2008, 23:52 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1]
    กระโดดไป: