เปลวสีเงิน
พลเอกอนุพงษ์"นายกฯที่เหนือนายกฯ"
3 กันยายน 2551 กองบรรณาธิการ
ย่างเข้าวันที่ ๓ ของ Black September แล้วนะครับ เวลาสำหรับท่านเหลือน้อยเข้ามาทุกขณะแล้ว พยายามตักตวงลมหายใจเข้าไว้ เพราะนี่คือ "โอกาสสุดท้าย"
ของ "อสูรประชาธิปไตย" ที่กระหายเลือดคนไทยด้วยกันจะมีชีวิตอยู่ เหตุ "กาลีเมือง" กลางดึกที่ ๒ กันยา จะโทษว่าใครเป็น "ตัวการ" ทำให้ นปช.-พธม.ฆ่ากันกลางเมืองไม่ได้ นอกจาก..ไอ้ผู้นำกาลี!
ถ้า นปช.ภายใต้ "รัฐบาลบงการ" จะชุมนุมกันอยู่ที่สนามหลวงตามปกติ ไม่เคลื่อนทัพด้วยเจตนาไปล้อมปราบ บุกตีผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ถึงที่สะพานมัฆวานฯ และทำเนียบฯ
จลาจลเมือง "ไทยฆ่าไทย" ต้องไม่เกิด!
และถ้า "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ไม่รู้เห็นเป็นใจกับการ ปล่อยให้ม็อบ นปช.เคลื่อนกำลังมา สกัดกั้น-ยับยั้งให้ชุมนุมกันอยู่แต่ในที่ตั้งนั้น ซึ่งอยู่ในภาวะวิสัยที่ทำได้
"ไทยฆ่าไทย" ก็จะไม่เกิด!
และถ้า สมุนใกล้ชิดทักษิณ คนพรรคพลังประชาชน รวมถึงอำนาจรัฐในเครือข่ายมหาดไทย ไม่ไฟเขียวให้ระดมคนจากต่างจังหวัดเข้ามา แล้วคนรัฐบาลไม่บัญชาการบุกไปล้อมตี พร้อมโฆษณาชวนเชื่อผ่านสถานีวิทยุว่า
"นายกฯ พวกเรา ตำรวจพวกเรา..รีบไปล้อมจับกบฏที่ทำเนียบฯ ด่วน" แล้วละก็..ไทยฆ่าไทยก็จะไม่เกิด!
แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วเหมือน "จงใจให้เกิด" และเหมือนจงใจพัฒนาเงื่อนไข สู่ระดับที่ "นายกรัฐมนตรี" จะประกาศใช้ พ.ร.ก."สถานการณ์ฉุกเฉิน" ในกรุงเทพฯ ได้อย่างสมเหตุ-สมผล!?
รัฐบาล โดยนายสมัคร สุนทรเวช ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่ออะไร?
คำตอบสั้นๆ ชัดๆ แต่..ใช่ คือ...
หวัง "ยืมมือทหาร" ฆ่าพันธมิตรฯ!
ผู้มีบุญคุณเหนือหัวหนีเตลิดไปรอล่วงหน้าอยู่นอกประเทศ ถนัดในการ "ซุกหุ้น"
นายสมัคร-ผู้ไม่กล้าทรยศต่อผู้มีบุญคุณ ก็เจริญตามรอยตีนด้วยการ "ซุก" เป็นสันดานบ้าง
ทันทีที่ถูกพันธมิตรฯ ยึดทำเนียบฯ กลายเป็นรัฐบาล "ผีไม่มีโลงใส่" ก็เร่ร่อนไป "ซุกทหาร" ในขณะที่ปากก็โม้ตั้งแต่วันที่ ๒๖ สิงหา ว่าพรุ่งนี้จะกลับไปนั่งทำงานที่ทำเนียบฯ นี่ก็ผ่านไป ๗ วันแล้ว
มีน้ำยาได้กลับไปเหยียบอย่างที่ปากโวมั้ยล่ะ?
"ซุกทหาร" แล้วก็ไป "ซุกศาล" ด้วยการขอคุ้มครองชั่วคราว พอได้รับคำสั่งศาลก็เที่ยวเอาไปคุยโขมงว่า "ศาลให้ดาบ ๒ เล่ม" แล้วก็เอาดาบนั้นไปให้ตำรวจที่คุ้มกันเจ้าพนักงานปิดหมาย ไล่ตี-ไล่กระทืบพันธมิตรฯ เสียชุ่มตีน
"ถือดี-ด้วยอ้างศาล" แต่ทำกันเหมือนลิงได้แก้ว จนในที่สุดศาลท่านต้อง "ถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว" ที่ให้พันธมิตรฯ ต้องย้ายออกไปจากทำเนียบฯ นั้นเสีย!
หวังยืมมือศาลปราบพันธมิตรฯ ไม่สำเร็จ คราวนี้ก็หวัง "ซุกรัฐสภา" ทำหนังสือเชิญส.ส.-ส.ว.ให้มาเสนอแนะเป็นทางออก หัวหน้าฝ่ายค้านเสนอ ๒ ทางให้เลือก "ยุบสภาฯ-ลาออก"
ไม่ตรงกะใจคนบ้า นอกจากไม่เลือกทั้ง ๒ ทางนั้นแล้ว ยังคุยโขมงยกหางตัวเองว่า "เป็นผู้รักประชาธิปไตยยิ่งกว่าใคร" อ้างว่าการทำอย่างนั้น ถือเป็นการไม่รักษาระบอบประชาธิปไตย
ซึ่งทั้งที่จริงๆ แล้ว การลาออก หรือยุบสภาฯ มันก็เป็นวิถีทางประชาธิปไตยธรรมดา อันมีเป็นข้อบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญดังที่ทราบกันอยู่!
"ซุกรัฐสภา" ไม่เป็นดังหวังอีก คราวนี้ไป "ซุก นปช." มีการแสดงเจตนาลับๆ ล่อๆ ผ่านคำพูดและท่าทีของ ส.ส.พลังประชาชนบางคน และของนายกฯ เองให้รู้เป็นนัย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะนายสมัครเคยพูดไว้หลายหนแล้ว ในทำนอง "ผมจะให้คนของผมลุกขึ้นมาฆ่าบ้าง"
คราวนี้..การยืมมือ นปช.ได้ผล เกิดการฆ่ากันกลาง "ถนนราชดำเนินนอก" ได้เลือดเซ่นธรณี และนี่..เป็นเหตุ-เป็นผลให้นักนิยมประชาธิปไตยยิ่งกว่าใครๆ อย่างนายสมัคร ยึดเป็นเงื่อนไขประกาศ "สถานการณ์ฉุกเฉิน"!
เรียกว่าย้อนกลับมา "ซุกทหาร" คือยืมมือทหารไปประหัตประหารมวลชนพันธมิตรฯ แทนตัวเองอีกครั้ง
นี่..ใช่ว่าผมกล่าวหานายสมัครเป็น "จอมซุก" ที่เก่งแต่ยืมมือคนอื่นทำงานแทนในอำนาจ-หน้าที่ของตน หากแต่ว่านายสมัครยอมรับ-ชัดในเรื่องนี้เอง
เมื่อวาน นักข่าวซักถามถึงเหตุผลที่ประกาศภาวะฉุกเฉินว่า "ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมแก้ปัญหาเองได้ ทำไมต้องมอบให้ ผบ.ทบ.เป็นผู้ดำเนินการ?" นายสมัครตอบว่า
"ไม่รู้จักวิธีการสั่งการหรือ คนเป็นหัวหน้าเขาไม่ลงไปดูเองหรอก เขามีเบอร์ ๒ และคนที่เกี่ยวข้อง แม่ทัพถ้าจะรบเองก็ต้องสุดท้ายถึงจะลงมือเอง ก่อนอื่นเขามีคนที่จะดำเนินการเป็นขั้นตอน"
นี่ไง "การซุก" หรือ "แอบหลัง" ด้วยคำว่า "สั่งการ" คนอื่น เป็นวิธีการทำงานของคนเป็นหัวหน้าอย่าง "นายสมัคร" เขาไง!
ทีนี้มาทำความรู้จัก "ภาวะฉุกเฉิน" กันบ้างว่า ในการประกาศใช้ของนายสมัครตั้งแต่เช้าวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๑ เป็นต้นไป เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ นั้น มีสาระอะไรที่จำเป็นต้องรู้บ้าง
"พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน" แปลความง่ายๆ ก็คือ
การใช้อำนาจที่เหนือกว่าอำนาจบัญญัติในรัฐธรรมนญู โดยไม่ผิดกฎหมายทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต
พ.ร.ก.ฉบับที่นายสมัครหยิบมาใช้นี้ ถือเป็น "มรดกเผด็จการประชาธิปไตยทักษิณ" ทำทิ้งไว้ให้ตั้งแต่ปี ๒๕๔๘!
ผู้ครองอำนาจนี้ จะทำอะไรตามข้อกำหนดได้ "ตามอำเภอใจ" และสิ่งที่ทำนั้นถือว่าไม่ผิดกฎหมาย ใครจะมาฟ้องร้องเอาโทษภายหลังก็ไม่ได้ด้วย!
ข้อกำหนดเป็นข้อห้ามไว้ ๕ ข้อครั้งนี้ คือ ห้ามมั่วสุม-ชุมนุมกันเกิน ๕ คนขึ้นไป ห้ามสื่อวิทยุ-โทรทัศน์-หนังสือพิมพ์ เสนอข่าวบิดเบือน ห้ามใช้อาคาร-สถานที่ ใช้รถ-ใช้เรือ เป็นไปเพื่อการมั่วสุม-ชุมนุม
สรุป เจตนาการนำ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนี้มาใช้ มี ๒ เป้าหมาย คือ
-ปราบการชุมนุมพันธมิตรฯ ที่ยึดทำเนียบรัฐบาล
-ปราบสื่อหนังสือพิมพ์-โทรทัศน์ที่ไม่เลือกข้างรัฐบาล
ก็มาดูกันต่อ นายสมัครในฐานะนายกฯ เป็นผู้ "ประกาศใช้" อำนาจพิเศษเหนือรัฐธรรมนูญ แต่นายสมัครก็ไม่กล้าลงมานั่งบัญชาการปราบพันธมิตรฯ ด้วยตัวเอง
ประกาศตั้งให้ "พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา" ผบ.ทบ.เป็นหัวหน้าในการสั่งการปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และแม่ทัพภาคที่ ๑ เป็นรองหัวหน้า
แล้วทั้งหัวหน้าและรองหัวหน้านี้มี "อำนาจ" อย่างไรบ้าง ตามประกาศจากคำสั่งนายสมัคร มี ๒ ข้อ ดังนี้ คือ
๑.บังคับบัญชา และสั่งการส่วนราชการ และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
๒.ดำเนินการอื่นๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีกำหนด หรือมอบหมาย ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
เอาละครับ ทราบองค์ประกอบอำนาจกันแล้ว พูดกันชัดๆ ตามกรอบอำนาจ "ครอบจักรวาล" ตาม พ.ร.ก.นี้ เท่ากับว่า ณ ขณะนี้ ประเทศไทยเรามี "นายกรัฐมนตรี" คนที่ ๒ ในเวลาเดียวกันแล้วครับ และคนนั้นคือ
. "พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา" ผู้มีทั้งอำนาจบัญชาการกองทัพบก และมีทั้งอำนาจ "สั่งการประเทศ" ได้ตามอำเภอใจ ด้วยอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เป็นโอกาสดีของประเทศไทยและคนไทยแล้วครับ ด้วยอำนาจเหนืออำนาจ "ทำอะไรก็ได้" เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉินของประเทศขณะนี้
ไม่ต้องเสียเวลาไปเจรจากะฝ่ายไหนหรอกครับ และไม่ต้องใช้อำนาจผ่านกำลังตำรวจ-ทหารไปปราบพันธมิตรฯ หรือ นปช.-นปก.ให้ร้าวรานใจกัน
ผมขอเสนอให้ท่านพิจารณา ดังนี้
๑.พักการใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา
๒.เชิญ ๗ พรรคและปัญญาชนอาวุโสมาประชุมเพื่อหารือ
๓.ตั้งรัฐบาลแห่งชาติให้เสร็จในเดือนกันยานี้
๔.แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้เสร็จ แล้ว "ยุบสภา" เลือกตั้งใหม่
ตามวิธีการที่ผมเสนอนี้ ไม่ต้องห่วงหรอกครับว่า "แล้วนายสมัครจะยอมหรือ?" เหตุผลคือ ก่อนหน้านี้ นายสมัครมีอำนาจเหนือที่ท่านต้อง "รับปฏิบัติ" แต่ขณะนี้นายสมัคร "ให้ดาบ" ท่านมาถือแทนแล้ว แถมเหนือกว่าอีกขั้นด้วยอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ ปรัชญาของการใช้พ.ร.ก.นี้ก็เพื่อ "แก้ไขสถานการณ์" ที่อำนาจตามรัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้ ท่านใช้อำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ แต่ถูกกฎหมายนี้ "จี้นายสมัครลาออกไป" รับประกันได้.. บ้านเมืองหายฉุกเฉินทันที.
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=3/Sep/2551&news_id=163419&cat_id=200