อมรรัตน์ ล้อถิรธร...รายงาน
กรณีอัยการสูงสุดมีคำสั่งให้อัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ถอนฟ้องธัมมชโยกับพวก ฐานยักยอกทรัพย์และเงินวัดพระธรรมกาย ซึ่งศาลอนุญาตให้ถอนฟ้องได้ ไม่เพียงเป็นข่าวที่ทำสังคมช็อก แต่น่าจะถูกบันทึกไว้ด้วยว่า เป็นอีก 1 ข่าวฉาวของรัฐบาลและอัยการสูงสุด เพราะต้องไม่ลืมว่า คดีนี้ใช้เวลาพิจารณายาวนานมาถึงปีนี้ ก็ 7 ปีแล้ว และการสืบพยานกำลังจะแล้วเสร็จ คือ มีกำหนดสืบนัดสุดท้ายเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่แล้ว! อยู่ๆ ก็เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา เมื่ออัยการสูงสุดมีคำสั่งให้ถอนฟ้อง!! งานนี้ นอกจากเหตุผลที่นำมาอ้างประกอบการถอนฟ้องจะยากต่อการรับฟังแล้ว ยังน่ากังขาอย่างยิ่งว่า นี่คือประกาศิตจากรัฐบาลให้อัยการ”ตัดตอน”คดีธรรมกายหรือไม่? และน่าคิดต่อไปด้วยว่า รัฐบาลกำลังจับมืออัยการเพื่อสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายใหม่ ให้”ผู้มีอิทธิพล-มีอำนาจ” สามารถทำอะไรก็ได้โดยไม่มีความผิด หรือ
ทำผิด ก็ไม่ต้องรับโทษใช่หรือไม่?
ข่าวพฤติกรรมฉาวของอดีตพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ ธัมมชโย หรือนายไชยบูลย์ สุทธิผล อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2541 หลังพระอดิศักดิ์ วิริสโก อดีตพระลูกวัดพระธรรมกายได้ออกมากล่าวหาธัมมชโยว่า ยักยอกเงินและที่ดินที่บรรดาญาติโยมบริจาคให้วัด และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น ใกล้ชิดสีกา และอวดอุตริมนุสธรรม ซึ่งต่อมา กรมที่ดินได้สำรวจพบ ธัมมชโยมีชื่อเป็นเจ้าของโฉนดที่ดินและบริษัทที่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกายกว่า 400 แปลง เนื้อที่กว่า 2 พันไร่ ใน จ.พิจิตร และเชียงใหม่
หลังจากนั้น นายวรัญชัย โชคชนะ แกนนำกลุ่มพุทธศาสนิกชนชาวไทย ได้เข้าแจ้งความต่อกองปราบปราม กล่าวหาธัมมชโยทำผิดกฎหมายอาญา ม.314 และ 343 ฐานหลอกลวงผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินและฉ้อโกงทรัพย์ที่มีผู้บริจาคให้วัดไปเป็นของตัวเองและพวก
ด้านพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ในฐานะเจ้าคณะภาค 1 ได้รับมอบหมายจากมหาเถรสมาคม(มส.) ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องทั้งหมด ขณะที่สมเด็จพระสังฆราชฯ สกลมหาสังฆปรินายก ได้มีพระลิขิตให้ธัมมชโยคืนที่ดินและทรัพย์สินขณะเป็นพระให้วัดพระธรรมกาย ต่อมา มส.มีมติให้วัดพระธรรมกายปฏิบัติตามคำวินิจฉัย 4 ข้อของเจ้าคณะภาค 1 ที่สรุปไว้หลังตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้แก่ ให้ปรับปรุงแนวทางคำสอนของวัดพระธรรมกายว่า นิพพานเป็นอนัตตา ไม่ใช่อัตตา และยุติการเรี่ยไรเงินนอกวัด เป็นต้น ส่วนคดีทางโลกนั้น ให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเป็นฝ่ายดำเนินการต่อไป
หลังจากผู้เกี่ยวข้องพยายามให้ธัมมชโยคืนที่ดินและเงินบริจาคแก่วัดพระธรรมกาย แต่ไม่สำเร็จ
กรมการศาสนาจึงได้เข้าแจ้งความต่อกองปราบปราม กล่าวโทษธัมมชโยในคดีอาญา ม.137 ,147 และ 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นอกจากนี้ยังมีอดีตทนายความวัดพระธรรมกายและญาติธรรมเข้าแจ้งความดำเนินคดีธัมมชโยเช่นกัน ฐานฉ้อโกงเงิน 35 ล้าน โดยมีข่าวว่า อัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาล โดยแยกเป็น 3 คดี
จากปี 2542 มาถึงวันนี้ เกือบ 7 ปีเต็ม มีการสืบพยานไปแล้วกว่า 100 นัด เหลือเพียงการสืบพยานจำเลยอีก 2 นัดในวันที่ 23-24 ส.ค. 49 แต่แล้ว ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่ออยู่ๆ ศาลอาญาได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา อนุญาตให้โจทก์ในคดีนี้ คือ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ถอนฟ้องจำเลยได้ คือ ธัมมชโย และนายถาวร พรหมถาวร ลูกศิษย์คนสนิท ที่ถูกฟ้องฐานเป็นเจ้าพนักงานและสนับสนุนเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยร่วมกันยักยอกทรัพย์และเงินบริจาคของวัดพระธรรมกาย จำนวน 6.8 ล้าน ไปซื้อที่ดินเขาพนมพา ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร โดยโอนกรรมสิทธิ์ใส่ชื่อนายถาวร จำเลยที่ 2 และนำเงินอีกเกือบ 30 ล้านไปซื้อที่ดินกว่า 900 ไร่ ใน ต.หนองพระ (จ.พิจิตร) และที่ ต.ท่าข้าม อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ โดยโอนกรรมสิทธิ์ให้นายถาวรเช่นกัน
โดยเรืออากาศโทวิญญู วิญญกุล อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 ให้เหตุผลประกอบการถอนฟ้องจำเลยทั้ง 2 เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ว่า คดีนี้สืบเนื่องจากจากธัมมชโยกับพวกไม่ปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชฯ บิดเบือนพุทธธรรมคำสั่งสอน โดยกล่าวหาว่า พระไตรปิฎกบกพร่อง ทำให้สงฆ์ที่หลงเชื่อแตกแยกออกเป็น 2 ฝ่าย เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ทำให้สงฆ์แตกแยกเป็นอนันตริยกรรม มีโทษทั้งปัจจุบันและอนาคตที่หนัก นอกจากนี้จำเลยไม่ยอมมอบสมบัติทั้งหมดขณะเป็นพระคืนให้วัดฯ แสดงชัดแจ้งว่า ต้องอาบัติ ปาราชิก ต้องพ้นจากความเป็นสมณะโดยอัตโนมัติ ต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาดเช่นเดียวกับผู้ที่ไม่ใช่พระ!
อย่างไรก็ตาม อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5
อ้างว่า บัดนี้ปราฏข้อเท็จจริงว่า ธัมมชโยกับพวกได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาตรงตามพระไตรปิฎกและนโยบายของสงฆ์
แล้ว ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เป็นที่ยอมรับทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังได้ให้ความร่วมมือช่วยเหลือกิจการของศาสนา ทั้งของคณะสงฆ์ ภาครัฐ และเอกชนจำนวนมาก ส่วนเรื่องทรัพย์สิน ธัมมชโยกับพวกก็ได้มอบทรัพย์สินทั้งหมด ทั้งที่ดินและเงินกว่า 959 ล้านบาทคืนแก่วัดพระธรรมกายแล้ว ดังนั้นการกระทำของธัมมชโยกับพวก จึงเป็นการปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชฯ ครบถ้วนทุกประการแล้ว ประกอบกับขณะนี้ บ้านเมืองต้องร่วมกันสร้างความสามัคคีของคนในชาติทุกหมู่เหล่า จึงเห็นว่า หากดำเนินคดีธัมมชโยกับพวกต่อไป อาจก่อให้เกิดความแตกแยกในศาสนจักร โดยเฉพาะพระภิกษุ สามเณร และประชาชนทั้งในและต่างประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ นอกจากนี้การดำเนินคดีต่อไปยังไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ อัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งให้ถอนฟ้องจำเลยในคดีนี้ ซึ่งในที่สุด ศาลฯ ได้อนุญาตให้ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีนี้ออกจากสารบบของศาลอาญาเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา
ผลจากการที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งให้ถอนฟ้องธัมมชโยกับพวกในคดีดังกล่าว และศาลอาญาได้อนุญาตให้ถอนฟ้องได้ ไม่เพียงทำให้ธัมมชโยกับนายถาวร ลูกศิษย์คนสนิทรอดพ้นจากความผิดในคดียักยอกทรัพย์ดังกล่าว แต่ยังจะส่งผลให้อีก 3 คดีที่เหลือที่ธัมมชโยกับพวกถูกฟ้องฐานยักยอกทรัพย์เช่นกัน ซึ่งอัยการอยู่ระหว่างรอการสั่งคดี ต้องมีอันยุติและล้มเลิกไปด้วย โดยอ้างว่า
เมื่ออัยการสูงสุดมีนโยบายให้ถอนฟ้อง พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ก็จะต้องมีความเห็นให้ยุติการสั่งคดีทั้ง 3 คดีไว้ เนื่องจากการดำเนินคดีจะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ!?! สำหรับ 3 คดีดังกล่าว ประกอบด้วย 1.คดีที่ธัมมชโย ,นางกมลศิริ คลี่สุวรรณ และนายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค ลูกศิษย์คนสนิท ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันเบียดบังเงินวัดพระธรรมกายกว่า 95 ล้านบาท ไปซื้อที่ดิน 2.คดีที่ธัมมชโย ,นางสงบ ปัญญาตรง ,นายมัยฤทธิ์ ปิตะวณิค และนายชาญวิทย์ ชาวงษ์ ลูกศิษย์คนสนิท ตกเป็นผู้ต้องหาเบียดบังเงินวัดฯ กว่า 845 ล้านบาท 3.คดีที่ธัมมชโย ร่วมกับนายเทิดชาติ ศรีนพรัตน์ ,นายมัยฤทธิ์ ปิตะวณิค และนางอมรรัตน์ สุวิพัฒน์ หรือ “สีกาตุ้ย” ลูกศิษย์คนสนิท ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันปลอมแปลงเอกสารและสนับสนุนเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
การถอนฟ้องธัมมชโยกับพวกของอัยการสูงสุด(นายพชร ยุติธรรมดำรง) โดยอ้างเหตุว่า จำเลยได้ปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชฯ แล้ว แถมเงินและที่ดินที่ทั้งสองเคยยักยอกไป ก็ได้คืนให้วัดพระธรรมกายแล้ว .
.
((ทำให้นึกถึงคดีข่มขืน..ถ้าโจรมันข่มขืนแยงเข้าไปแล้ว..ระหว่างจึ๋ยจึ๋ย..เกิดสำนึกผิด รีบชักออกมา จะโดนลงโทษไหมหว่า!!!))....(มาตราฐานแก๊งอั้ยเหลี่ยมตัวจริงต้องเก่งในเรื่อง แถ แถ แถ แถ แถ) อิอิ+
http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=26343