6 ตุลา ถึง วันนี้ หมากประชาชน กับ เกมส์การเมือง

ขอคาระด้วยจิตถึง ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์
ดร.ป๋วยเคยกล่าวไว้ว่า ผมอยากจะเตือนคุณว่า คำว่า 'ไทย" หมายความว่ามีเสรีภาพและพวกเราคนไทยที่อยู่ในประเทศไทยต้องมีเสรีภาพ
เหตุการ์ณบ้านเมืองวันนี้ นอกเหนือจาก กลุ่มผู้หวังอำนาจ กดขี่ เอารัดเอาเปรียบ ประชาชน แล้ว สิ่งที่น่าเสียใจที่สุด คือ ประชาชนผู้ตามืดบอดในสังคมไทยมาอย่าง ยาวนาน ถึง 30 กว่าปี
ความเหมือนที่แตกต่าง หลายๆ อย่าง จาก เหตุการ์ณ 6 ตุลา กับ สถานการณ์ปัจจุบันของ สังคมไทย ทุกวันนี้ มี ตัวแปรมาจาก ประชาชน จริงหรือ !!!!! เหตุการณ์ ที่ น่าเวทนา กับสังคมไทย อันดับ 1 ของบ้านเมืองเรา ที่เป็นปัญหาทุกวันนี้ คือ ประชาชน
ความเหมือนที่ 1 เหตุการณ์ 6 ตุลาคม หลาย ๆ คน คงรู้ดีถึง เหตุการณ์ กลุ่มพลังนักศึกษา กรรมกร ชาวนา ชาวไร่ ที่ ช่วยกัน รักษาไว้ซึ่ง ประชาธิปไตย
เปรียบเทียบ กับ เหตุการณ์ บ้านเมืองเราวันนี้ ยังมี กลุ่มประชาชนซึ่งต้องการรักษาไว้ซึ่งประชาธิปไตย ที่วีรชน ได้ช่วยกันปกปักรักษาไว้ ด้วยชีวิต ซึ่ง คือ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ ความเหมือนที่แตกต่างคือ พลังนักศึกษาที่เคยเข้มแข็งวันนี้ พวกเค้าไปไหน?????
แต่ ความน่าเวทนา ของประเทศไทย ที่ไม่เคยหมดไปจาก เมืองพุทธ นี้เลย นั้นก็คือ ประชาชนผู้หลงผิด
ความเหมือนที่ 2 เหตุการณ์ 6 ตุลา นั้น ได้มีกลุ่มติดอาวุธซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ตำรวจและทหาร คือ กลุ่ม กระทิงแดง ลูกเสือชาวบ้าน ค้างคาวไทย เป็นต้น ซึง กลุ่มพวกนี้ กระทำ ตนเปรียบ เสมือนว่า พวกเค้านั้น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่แท้จริงแล้ว พวกเค้านั้น คือ เครื่องมือทางการเมืองอย่างแท้จริง กลุ่มคนเหล่านี้ พกพาอาวุธ ในที่ สาธารณะ ตำรวจก็ไม่เคยจะจัดการ แม้กระทั่ง สื่อคนไหนพยายามจะถ่ายภาพ ก็ยังไม่วายถูกทำร้ายร่างกาย กลุ่ม ทรชน กลุ่มนี้ใช้อำนาจโดยพลการ ตั้งศาลเตี้ย เข่นฆ่าผู้คน ที่อยู่คนละฝ่ายกับตน อย่าง สัตว์นรก เลือดเย็น ซึ่ง แต่ละคนนั้นมาจาก นักเรียนอาชีวะ ซึ่งบางคนก็จบไปแล้ว บางคนก็เรียนไม่จบ บางคนก็ไม่เรียน ซึ่งแน่นอน การกระทำของพวกเค้าล้วนแต่ตอบสนอง สัญชาตญาณดิบ ของตนเองเท่านั้น มิใช่เพื่อทำลายคอมมิวนิสต์ ตามอุดมการณ์ของพวกเค้าเลย เพราะคนพวกนี้ไม่มี อุดมการณ์ (สังเกตุจากพฤติกรรม การฆ่า เช่น การเผาศพกลางถนน การตอกไม้บนหน้าอกของศพ การทำวิตรถาร กับศพ ซึ่งไม่ใช่ อารยะ ของมนุษย์ หากแต่เป็น สัตว์ป่า สัตว์นรก) และแน่นอนความเลวทราม ต่ำช้า ของ DNA ของ ทรชน เหล่านั้น ยังไม่หมดไป มีการถ่ายทอด รุ่นต่อรุ่น จน วิวัฒนาการ มาเป็น น.ป.ก กลุ่มคนรักอุดร ซึ่ง พฤติกรรม ไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลย สิ่งที่ ประชาชนในสังคมไทย ที่เรียกตัวเองว่า คนกลาง โปรด ไตร่ตรองว่า คุณ อยู่ระหว่าง นปก กับ เพื่อนร่วมชาติ ที่มีเลือดเนื้อ ชีวิต และความเจ็บปวดเหมือนคุณนั้น คุณยังจะบอกว่าตนเองเป็นคนกลางอยู่อีกกระนั้นหรือ หากคิดเช่นนั้น กระผม ขออณุญาติ นิยามคำใหม่ ว่า กลุ่มคนไม่เอาถ่าน ไม่เอาใจใส่ต่อบ้านเมือง ไร้หัวใจต่อพี่น้องร่วมชาติ กว่าคนแบบนี้จะรู้สึกตัว ทุกอย่างก็คงจะสายไปเสียแล้ว บ้านเมืองสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีคนกลาง โปรดจำเอาไว้ ความดี กับ ความเลว ไม่มี จุดกึ่งกลางที่คุณจะยืนอยู่ได้
ความเหมือนที่ 3 ในเหตุการณ์ 6 ตุลา นั้น ได้มีกลุ่ม นักวิชาการ อวิชชา กลุ่มนึง เรียกตัวเองว่า กลุ่มนวพล หน้าที่ของพวกนี้ คือ การ ล้างสมองผู้คน บิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างกำลังให้แก่ตนเองเพื่อเป็น มติจากมหาชน เปรียบเสมือน สัสดี ที่เกณฑ์ กำลังคน เข้ามาเพื่อ ใช้เป็นเครื่องมือ ไปทำร้ายร่างกาย กลุ่มพลังนักศึกษา ทำให้ ประชาชน เข้าใจผิดว่า กลุ่มพลังนักศึกษาซึ่งปกป้องประชาธิปไตยนั้น เป็นพวกไม่จงรักภักดี หมิ่นเหม่ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ ไม่ต่าง อะไรกับ พวกนักวิชาการ บัดซบ ทุกวันนี้ ที่ออกมาให้ความเท็จบิดเบือนประวัติศาสตร์ เป็นนายกแต่ กล้า โกหกคำโต ต่อคนทั้งโลก กระทำการหยาบคาย และกลุ่ม นักวิชาการ ต่ำช้า อื่นๆ อีกมากมาย ทุกวันนี้ที่ ออกมา เขียนหนังสือ บทความเพื่อหาแนวร่วม และก่อให้เกิดความคำใจผิดต่อ กลุ่มที่ปกป้องประชาธิปไตย ก็คงไม่ต่าง จาก ไข่มุกดำ วีระ จตุพร ณัฐวุฒิ และ จักรภพ พวกนี้ เรียกว่า นวพลได้ หรือไม่ สังคมไทย ไปพิจารณาเอาตามสมควร
ความเหมือนที่ 4
นายสมัคร สุนทรเวช ยังอยู่ ใน บ้านเมืองนี้!!!!!!!!!!!! ไม่อาจปฏิเสธ ได้ว่า ท่านผู้นี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ 6 ตุลาคม โดย เหตุต่อไปนี้
1.มรว.เสนีย์ ปราโมช จะประกาศภาวะฉุกเฉิน ไม่ให้มีการชุมนุม แต่มีการคัดค้านจาก ผู้ไม่หวังดี โดยกล่าวว่า จะต้องปราบนักศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้สิ้นซาก แต่ มรว.เสนีย์ พูดว่าไม่ได้ คุณจะเอาลูกเสือชาวบ้านไปฆ่านักศึกษาไม่ได้
2.การประท้วงที่ ลานพระบรมรูปทรงม้า ของกลุ่มลูกเสือชาวบ้าน มีนาย สมัคร รวมอยู่ด้วย คำถามคือ นายสมัครไปทำอะไรที่ลานพระรูปในวันนั้น
3.มีการเรียกร้องจากยานเกราะและผู้อยู่เบื้องหลัง ให้แต่งตั้ง นายสมัครและนายสมบุญ เป็น รัฐมนตรีมหาดไทย และให้ขับไล่ นาย สุรินทร์ นาย ชวน หลีกภัย นายดำรง แต่ ทว่า เรื่องนี้กลับต้อง แทบกระอักเลือด เนื่องจาก มรว.เสนีย์ ลาออกในเดือนกันยานั้น สถานีวิทยุยานเกราะได้ระดมจ้างชาวบ้านออกมาออกอากาสเชิงว่าเป็น มติมหาชน แต่ ชาวบ้านที่จ้างวานมาให้พูดนั้น กลับพูดว่า ให้ มรว.เสนีย์ เป็นนายก ต่อไป และให้รัฐมนตรีที่ชั่วและเลวออก กลายเป็น ว่า มรว.เป็นนายก ต่อ และ ไล่นาย สมัครกับ นาย สมบุญ ออกไป เป็นเชิงว่า นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมบุญ ซึ่งเป็นพวกยานเกราะนั้น เป็นคนเลว!!!
4.ยานเกราะเรียกร้องให้ลูกเสือชาวบ้าน นวพล กระทิงแดง และกลุ่ม ชั่วร้าย อื่นๆ ชุมนุมกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาล โดยเรียกร้องตลอดคืนวันอังคารที่ 5 และ เช้าวันพุธที่ 6 จนกระทั่งตอนบ่าย มรว.เสนีย์ จึง จัดตั้งรัฐบาลใหม่ ตามคำเรียกร้อง แต่ ต่อมาอีก 1-2 ชั่วโมง ก็เกิดการยึดอำนาจทำรัฐประหาร โดย ธานินทร์ กรัยวิเชียร และ นายสมัคร ก็ได้เป็น รัฐมนตรีมหาดไทย ในรัฐบาล รัฐประหารของธารินทร์ !!!!! ซึ่งเป็นยุคที่มีการสั่งปิดหนังสือพิมพ์มากที่สุด
ผู้อ่านก็ ใช้วิจารณญาณ ดูว่า นาย สมัคร สุนทรเวช ผู้มี ส่วนได้เสีย กับ เหตุการณ์ รัฐประหาร นี้ และ อยู่ในที่ชุมนุม นั้นเกี่ยวข้องกับ 6 ตุลา หรือไม่!!!!!!
ความเหมือนที่ 5 วิทยุยานเกราะกลายพันธ์ เป็น NBT ซึ่ง กรอกหูชาวบ้าน ผ่าน ฟรีทีวี ของประชาชน โดย กลุ่ม นวพล อย่าง วีระ จตุพร ณัฐวุฒิ 3 เกลอ ถ้า เจ๊เพ็ญ ไม่ถูก คดี คงได้ เห็นเกย์ ปากปีจอ มา เห่าเพิ่ม ผ่านจอ อีกตัว แต่ พอดีเจอ ชนัก ติดหลัง เลยไป เเอบเป็นกาหลิบ -*- ทำให้ ผู้วุฒิภาวะต่ำได้ฟังเข้าเกิดความเข้าใจผิด กลายเป็นว่า ตัวเองได้ฟัง คำแถลงจาก รัฐบาลเท็จนั้น เป็นเรื่อง ปราดเปรื่อง จึง คิดว่าตนนั้นฉลาด จึงเที่ยวไปร่วม ม็อป นปก. อย่างเช่น ในอดีต 6 ตุลา กลุ่มนวพล กล่อม มัวเมา ประชาชนไปเป็น ลูกเสือชาวบ้าน กระทิงแดง ก็เป็นจำนวนมาก ซึ่ง เหตุนี้ มัน ช่างน่าเศร้าใจ ยิ่งนัก ที่ คนไทยด้วยกันกับคิดร้ายกับพี่น้องคนไทย
ความเหมือนที่ 6 กลุ่มนักศึกษาอดีต 14 ตุลา 2516 นั้น มีพลังเข้มเเข็งมาก จนได้รับชัยชนะ แต่ เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 นั้น แผ่วลงไปอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจาก หลัง 14 ตุลา นักการเมืองต่าง ๆ พากันประจบนักศึกษา ถึงกับสนับสนุนให้มี การ สอนประชาธิปไตย ในชนบท แต่ ทว่า ไม่มีที่ใดในโลกที่ ใครจะสอนประชาธิปไตยกันได้ และนักศึกษาก็เกิดความ โอหัง เมื่อออกไป สอน ก็เที่ยวไปสร้างศัตรูไว้ โดยไปด่าเจ้าหน้าที่ ชาวบ้านต่างๆ ต่อมาก็คิดว่าพลังของตนนั้นมีพอที่จะต่อต้านกับ พวก องค์การอุบาทว์ต่างๆได้ และ เกิดความไม่เกรงใจ โดยเฉพาะการ ใช้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อย่างพร่ำเพรื่อจนเกินไป ทำให้ สถานที่นั้นเกิดความล่อแหลม และแทนที่จะปลูกนิยมในหมู่ประชาชน กับนึกว่าประชาชนเข้าข้างตนอยู่เสมอ จึงทำให้พลังอ่อนแอลง
เปรียบเทียบกับ ปัจจุบน อ่อนแอลง จนหดหายไปแล้ว วันนี้นักศึกษาทำอะไรอยู่กับบ้านเมืองเช่นนี้
คนกลุ่มหนึ่ง เดินห้าง จับกลุ่มเป็นนักเลง ท้าต่อยท้าตี เที่ยวผับเที่ยวกลางคืน บางคนอาการหนัก ถึงขั้น ตรรกะวิบัติ หลงในอบายมุข โดยเข้า ลัทธิ ฟ้าเดียวกัน ประชาไท ซึ่งผู้สร้างเวปบอร์ด มีเจตนาร้าย และหมิ่นต่อเบื้องสูงอยู่บ่อยครั้ง แต่บุคคลพวกนี้ก็ คิดเองไม่เป็น เนื่องจาก รักในความสนุกสนาน และมี ความเพ้อเจ้ออยู่ในตนเอง จึงเป็นเรื่องน่าเศร้า จาก สูงสุดสู่ความล้มเหลวอย่างใหญ่หลวงใน สังคมไทย ซึ่ง นักศึกษาจากที่เคยกระตือรือร้นทางสังคมการเมือง จากเป็นผู้ ถือตะเกียงท่ามกลางสายฝนและพายุ กลับกลายเป็น แสงไฟนีออน ในซ่องโจร หรือ ซ่อง ดีๆ นี่เอง
ความเหมือนที่ 7
วันนี้บางคน ก็ยังทำตัวเป็น คนไม่มีประวัติศาสตร์ เห็นได้ว่า จาก กรณ๊ ไม่ว่าจะ 14 ตุลา 6 ตุลา หรือ พฤษภาทมิฬ นั้น คนไทยบางคนทำตัวเป็น คนความจำเสื่อม เฉกเช่น ยุคนี้ ที่ เรามี กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่กลับ มี บางคนที่สมองมีเท่าเมล็ดถั่วเขียน อันเนื่องจากไม่เคยอ่านหนังสือหรือไรมิทราบได้ กลับ กล่าวอ้าง ว่า เป็น ม็อบ ที่ทำให้เศรษฐกิจไม่ดี ต่างชาติไม่กล้าลงทุน จราจร ติดขัด ซึ่ง ควรพลิกประวัติศาสตร์ ดูว่า ทุกครั้งที่มีการ ชุมนุมโดยวิธี สันติอหิงสา นั้น ซึ่งถูกต้องตาม รัฐธรรมนูญ นั้น เคยมีครั้งไหนที่ ทำให้ บ้านเมืองเดือดร้อน!!!!!! นอกเหนือจาก กลาย สละชีพ ของเหล่าวีรชน ซึ่ง ได้มาซึ่งประชาธิปไตยถึงทุกวันนี้ ซึ่ง ไม่รู้ว่า ตัวผู้ที่พูดนั้น เคยทำอะไรให้กับชาติบ้านเมืองหรือไม่ ถึงได้ โอหัง กล่าวว่าร้าย คนอื่นเช่นนี้ ตัวผมเองมอง ข้อดี ของ กลุ่มพันธมิตร ได้หลาย นานับประการนักซึ่งคำนวณ เป็น มูลค่ามิได้ ไหนจะเปรียบเสมือนการ อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ชนิดรายวัน ทันเหตุการณ์ ไหนจะเป็นการถ่ายทอดความรู้ รัฐศาสตร์ สู่ประชาชน ได้อย่างไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ซึ่งนำมาสู่การเข้าใจประชาธิปไตย ได้อย่างแท้จริง ซึ่งต้องเกิดความเข้าใจในปัญหาก่อน บางคน เป็นคนไม่เอาไหน ไม่เอาถ่าน ก็จะอ้างว่า ทำตัวเป็นกลาง เนื่องจาก เป็นพวกไม่มีความรับผิดชอบแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ก็ไม่มี หาเรื่องที่จะหนีปัญหา ไปใช้ชีวิต คนเดียวแบบเห็นแก่ตัว ไม่ยินดียินร้ายต่อบ้านเมือง เพียงเพื่อแสวงหาความสุขต่อตนเอง เปรียบเหมือนคน โฉดเขลา แต่กลับชอบอ้างว่า เป็น คนกลาง (จะเป็นกลางได้อย่างไร ในเมื่อ ชีวิตประจำวันของคนเหล่านี้ คือ ดูหนัง ฟังเพลง เห่อแฟชั่น สำมะเลเทเมา แต่วันดีคืนดี ก็มา บ่นรำคาญ กลุ่มพันธมิตร ) แบบนี้ มันกลางยังไงหากใครเป็น 1 ในคนกลาง ช่วยตอบผู้เขียน ที???????????????
สังคมวิบัติ เมื่อ ทรชน กลายเป็น วีรชน!!!!!!!!!!! แล้ว วีรชน กลายเป็น ทรชน
เป็นเรื่องแปลกแต่จริงของสังคมไทย คุณเคยได้ยินไหม ว่า เกลียดจำลอง เกลียดสนธิ คนพฤษภาทมิฬโง่ไปตาย กลุ่มพันธมิตรน่ารำคาญ และอื่นๆๆๆอีกมากมาย
ช่างน่าเศร้า กับคนพวกนี้ ซึ่งตัวผู้เขียนเอง ได้เคย ลองถามว่า เกลียดทำไม????? เบื่อเพราะอะไร??????
คนพวกนี้เกลียดเเค่ เพราะว่า รู้สึกเกลียด หน้าตาน่าเกลียด และ มีคนทำให้รู้สึกเกลียด นั่นก็คือ สื่อ!!!!! สื่อที่เป็นพิษ
อย่างในสมัยนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะมี บางคนทำตัวอวดฉลาด พูดคำว่า จำลองพาคนไปตาย ได้อย่างไม่สำเหนียกปากตนเอง ซึ่งการที่ วีรชนทำเพื่อส่วนรวมเพื่อหน้าที่เช่นนี้ มันไม่ได้ หมายความว่า ใครพาใครไปตาย มันคือหน้าที่ของทุกคน ทำเพื่อส่วนรวมของทุกคน มันสมควรแล้วหรือที่ มี คนที่ กินบนเรือนขี้รดหลังคา กล่าวเช่นนี้ และยังมีคำ ครหาอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งผมฉงนกับ ความ ฉงาย ของ คนเหล่านี้เหลือเกิน ว่า ทำคุณบูชาโทษ นั้น มีมีจริง ๆ
..............โปรดติดตามความบัดซบของ คนตาบอดในสังคมไทยต่อไปอย่างใกล้ชิด.....................................