ไทมุง
|
|
« เมื่อ: 13-06-2006, 22:23 » |
|
คิดได้ไงเนี่ย 3 ห่วง กกต.ยังหนาไม่เลิก ดิ้นยื้อเก้าอี้สุดชีวิต ล่าสุด คิดลูกไม้ใหม่เสนอปรับโครงสร้างใหม่ตบตา แบ่งการทำงานเป็น 3 ระดับ พร้อมเพิ่มคน-ตำแหน่งเข้าไปอีกเพียบ ไม่เข็ดคิดดึงผู้พิพากษาศาลฎีกา-สื่อ-นักวิชาการ เข้ามาร่วมหวังเพิ่มความน่าเชื่อถือจากสังคม คาดต้องละเลงงบประมาณถึงปีละกว่า 45 ล้านบาท ขณะที่พนักงาน กกต.วิจารณ์แซดยิ่งเปิดช่องเล่นพวกยิ่งกว่าเดิม http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000076730&CommentPage=1&#Comment
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 13-06-2006, 22:27 » |
|
คงตั้งใจจะเพิ่มความหนาของโครงสร้างหน้ามากกว่าครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
999
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 13-06-2006, 22:39 » |
|
เตือนกกต.อย่าดื้อ -ชี้ ทรท.ไม่ถูกยุบพรรค
13 มิถุนายน 2549 16:47 น. "เกษม ศิริสัมพันธ์" เตือน กกต.อย่าดื้อทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง ระวังถูกจำคุก เช่นอดีตประธานคตง. เชื่อ ทรท.ไม่ถึงขึ้นถูกยุบพรรค เหตุหลักฐานไม่ชัด ชี้แกนนำถูกตัดสิทธิทางการเมืองเท่านั้น กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายเกษม ศิริสัมพันธ์ อดีตคอลัมนิสต์การเมืองและอดีตเลขาธิการพรรคกิจสังคม กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในอนาคตว่า ทุกฝ่ายควรนำกระแสพระราชดำรัสใส่เกล้าฯไว้เพราะ 6 เดือนที่ผ่านมาประชาชนรำคาญกับการเมืองมาก และทุกฝ่ายควรยึดมั่นกติกาบ้านเมืองด้วย การเมืองควรอยู่ในระดับพอดีพอควร
ส่วนกรณีที่ศาลกำลังดำเนินการสอบสวนคดีเลือกตั้งหลายคดีโดยมีกกต.เป็นจำเลยสำคัญนั้น ตนมองว่าศาลเคยแนะนำให้กกต.ลาออกแล้วแต่กกต.ยังดื้อและเป็นทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองแบบนี้ทุกอย่างก็ติดขัดไปหมด ทำอะไรไม่ได้เลย อย่าลืมว่าเมื่อเร็วๆนี้ศาลได้สั่งจำคุกกับอดีตประธานคตง.ไปแล้วในเรื่องการทำงาน เรื่องนี้จะเป็นตัวอย่างที่กกต.ควรนำไปประกอบการพิจารณา หากยังไม่สนใจกับสิ่งที่ศาลเคยแนะนำแล้ว กกต.อาจโดนจำคุกด้วยคดีใดคดีหนึ่งที่เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งก็มีความเป็นไปได้มากทีเดียว
กรณีอดีตประธานคตง.เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู หากกกต.ยังดื้อแบบนี้อีกโดนแน่ๆ นายเกษม กล่าว
เมื่อถามว่ากรณีที่พรรคไทยรักไทยถูกกล่าวหาจากพรรคประชาธิปัตย์ว่าจ้างวานพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้ง ขณะเดียวกันพรรคไทยรักไทยก็ร้องเรียนพรรคประชาธิปัตย์หลายเรื่องเช่นกันนั้น เรื่องนี้จะมีการยุบพรรคเกิดขึ้นหรือไม่
นายเกษม กล่าวว่า การยุบพรรคการเมืองนั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะทั้งสองพรรคถือว่าเป็นพรรคใหญ่ของการเมืองไทยในช่วงนี้ หากมีการสอบสวนและพบหลักฐานว่าพรรคใดพรรคหนึ่งกระทำผิดจริง ตนคิดว่าการลงโทษคงไม่ถึงขั้นยุบพรรค โดยบุคคลที่เป็นแกนนำพรรคนั้นๆน่าจะโดนลงโทษตัดสิทธิทางการเมืองแทน เพราะเท่าที่ทราบจากข่าวนั้นยังไม่พบหลักฐานว่าพรรคนั้นๆได้มีมติพรรคให้จ้างวานพรรคเล็กกระทำการแบบนั้นจริง พูดง่ายๆหลักฐานยังไม่ชัดเท่าที่ควร
เมื่อถามว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบกับพรรคไทยรักไทยมากน้อยเพียงใด นายเกษม กล่าวว่า มันแปลกดี หลังจากที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งเมื่อปี2548จนสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้แต่สุดท้ายก็อยู่ไม่ได้ แม้ว่าจะมีเสียงสนับสนุนพรรคไทยรักไทย16-19ล้านเสียงก็ตาม แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรมากมายเพราะกระแสสังคมในช่วงนี้ไปมันสามารถเปลี่ยนการเมืองได้ตลอด
นายสุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า การเมืองช่วงนี้จะทำนายอนาคตไปไกลไม่ได้เพราะสถานการณ์การเมืองมันพลิกได้แทบทุกวัน ฉะนั้นต้องมองกันแบบวันต่อวันไปก่อน จะมองข้ามไปไกลว่าพรรคไทยรักไทยหลังจากที่โดนบีบแบบนี้จะแพ้หรือชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลายนั้นแม้จะโดนกล่าวหาว่าจ้างวานพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้งและอาจถูกยุบพรรคนั้น ตนคิดว่ามันคงไม่ถึงขั้นนั้นเพราะพยานหลักฐานที่ปรากฏในสื่อมวลชนก็พบว่าไม่มีข้อมูลและหลักฐานชี้โยงไปว่าพรรคมีส่วนเกี่ยวข้องแบบเต็มๆ ตอนนี้เท่าที่มองออกนั้นความผิดน่าจะอยู่ที่ระดับแกนนำพรรคบางคนเท่านั้น
ในช่วงจากนี้ไปหากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทยเดินหน้าสู้ต่อไปนั้นผลดีจะเกิดกับลูกพรรค หากในช่วงจากนี้ไปพ.ต.ท.ทักษิณยืนยันว่าจะเว้นวรรค จำนวนส.ส.พรรคไทยรักไทยน่าจะตกลงไปพอประมาณ
นายสุขุมกล่าวว่า เท่าที่ตนวิเคราะห์การเมืองตอนนี้ พบว่าแรงกกดันตกอยู่ที่กกต.เพราะกำลังขาดความน่าเชื่อถือและน่าจะพิจารณาตัวเองได้แล้ว หากกกต.ยังดึงดันทำงานต่อไปอาจโดนบีบให้ออกจากตำแหน่งด้วยคดีใดคดีหนึ่งที่กำลังพิจารณาอยู่ในช่วงนี้ก็เป็นได้
ส่วนกรณีที่ลูกพรรคไทยรักไทยและนายสุชน ชาลีเครือ ประธานส.ว. ดำเนินการสนับสนุนกกต.นั้น ตนมองว่าคนที่สนับสนุนกกต.จริงๆมีแค่ลูกพรรค ระดับแกนนำพรรคหรือรัฐบาลก็คงไม่ได้ดำเนินการเพราะไม่กล้าสนับสนุนกกต.อย่างเป็นทางการ มุมมองของตนคิดว่าการเลือกตั้งในวันที่ 15 ต.ค.นั้นน่าจะเกิดขึ้น แต่คนที่จัดการเลือกตั้งคงไม่ใช่กกต.ชุดนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
999
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 13-06-2006, 22:40 » |
|
เมื่อ กกต.ลองคมอัยการสูงสุด โดย หมายเหตุผู้จัดการ 13 มิถุนายน 2549 18:42 น. หลังจากกกต.ส่งเรื่องยุบพรรคไทยรักไทยไปยังอัยการสูงสุดแล้ว ก็มีวี่แววข่าวการแตกคอภายในสำนักงานอัยการสูงสุด ทำให้เกิดความวิตกกังวลในหมู่ประชาชน คือวิตกกังวลว่าอัยการสูงสุดจะถูกกกต.ลูบคมและจะทำให้สูญเสียความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมสำคัญของประเทศ ในวันนี้คนไทยได้รับรู้ถึงเล่ห์เหลี่ยมร้อยคมของการส่งเรื่องยุบพรรคไทยรักไทยไปให้อัยการสูงสุดแล้ว และเห็นด้วยกับการแถลงของโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดที่ว่าเป็นการกระทำสองมาตรฐานและทำให้เกิดความสับสนขึ้น แต่ความสำคัญอยู่ตรงที่อัยการสูงสุดจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรจึงจะไม่ถูกลูบคมและไม่เสียหายต่อสำนักงานอัยการสูงสุด ทั้งไม่ทำให้ประชาชนต้องผิดหวัง เพราะหากมีการคืนเรื่องกลับไปกกต.เพราะเหตุที่ไม่มีการชี้มูล ก็จะเข้าทางตีนของผู้ต้องการถ่วงเวลา และหมักหมมปัญหาให้กับบ้านเมืองเพิ่มขึ้น ดังที่ปรากฏตามคำแถลงของโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดนั้นแล้ว หรือถ้าหากไม่ส่งเรื่องคืนไป จะสอบสวนเพิ่มเติมอย่างไรและจะป้องกันปัญหาการโต้แย้งในภายหน้าว่ากระบวนการไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ได้อย่างไร ดูไปแล้วก็ออกจะห่วงใยท่านอัยการสูงสุดและสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ได้ เพราะสถานการณ์ขณะนี้เหมือนกับถูกขว้างขี้มาให้ จะรับท่าไหนก็มีแต่จะต้องเปรอะเปื้อนสกปรกทั้งนั้น แต่ด้วยความเคารพ ด้วยความรักและศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมของสำนักงานอัยการสูงสุด และด้วยความหวังว่าบรรดาอัยการทั้งมวลในสำนักงานอัยการสูงสุดจะได้ผนึกกำลังกับสถาบันตุลาการในการแก้ไขปัญหาของชาติ รับสนองกระแสพระราชดำรัสให้เป็นผลสำเร็จ เราจึงจำต้องมีหมายเหตุในวันนี้ และเป็นหมายเหตุที่เป็นผลสรุปรวมข้อคิดความเห็นของบรรดาที่ปรึกษาด้านกฎหมายหลายท่าน เพื่อมุ่งหวังนำเสนอให้อัยการสูงสุดได้พิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาการรับขี้ที่ถูกโยนมาให้ในครั้งนี้ ข้อสรุปของเราที่ขอนำเสนอคือมาไม้ไหนก็ต้องไปไม้นั้น จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาและรักษาเกียรติภูมิของสำนักงานอัยการสูงสุดเอาไว้ได้ เราขอเสนอว่าสำนักงานอัยการสูงสุดไม่สมควรคืนเรื่องกลับไปที่กกต. เพราะจะเข้าทางตีนของพวกคิดถ่วงเวลาแล้วโยนความผิดมาให้กับสำนักงานอัยการสูงสุดรับแทน เหตุผลข้อแรกก็คือเรื่องนี้เป็นเรื่องความผิดตามกฎหมายพรรคการเมือง ไม่ใช่ความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งกกต.ยังไม่ได้ทำอะไรเลย จึงต้องไม่สับสน หากต้องกุมเรื่องความผิดตามกฎหมายพรรคการเมืองให้แม่นยำ เหตุผลต่อมาคือการที่ประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองส่งเรื่องพร้อมหลักฐานว่ามีการกระทำความผิดตามกฎหมายพรรคการเมืองมาให้อัยการสูงสุดตามมาตรา 67 ย่อมถือได้ว่านายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่ามีการทำความผิดตามกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 66 แล้ว มิฉะนั้นจะส่งเรื่องมาทำไม และเมื่อถือเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องคืนเรื่องไปให้นายทะเบียนพรรคการเมืองชี้มูลความผิดอีกต่อไป นั่นคืออัยการสูงสุดสามารถพิจารณาเรื่องราวที่ส่งมาพร้อมพยานหลักฐานโดยเฉพาะสำนวนการสอบสวนของอนุกรรมการชุดนายนาม ยิ้มแย้ม และที่สอบสวนเพิ่มเติมว่าเป็นความผิดตามมาตรา 66 ของกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่ และเป็นความผิดในอนุมาตราใด หากเห็นว่าหลักฐานยังไม่แน่นหนาก็อาจสอบสวนพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร อย่างน้อยที่สุดเครดิตของคนระดับรองประธานศาลฎีกาอย่างนายนาม ยิ้มแย้ม และมติเอกฉันท์ของอนุกรรมการกกต.ที่ว่ามีการกระทำความผิดจริงก็มีน้ำหนักมั่นคงอยู่เป็นอันมาก เมื่อเห็นว่าหลักฐานชัดเจนว่ามีการกระทำความผิดก็สามารถยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยต่อไปได้ ถ้าเป็นเช่นนี้เรื่องราวก็สามารถดำเนินไปได้ตามอำนาจหน้าที่และอยู่ภายในอำนาจหน้าที่ของอัยการสูงสุด โดยไม่เปิดทางให้ถูกลองคมลูบคมหรือถ่วงเวลาต่อไปได้ ในทางตรงกันข้าม หากคืนเรื่องกลับไป นอกจากจะเข้าทางตีนของพวกคิดถ่วงเวลาแล้ว เขายังจะลบคมอัยการสูงสุดจนเสียผู้เสียคนได้โดยง่าย และจะเสื่อมเสียศักดิ์ศรีของทั้งสำนักงานอัยการสูงสุด เพราะเขาอาจย้อนสำนวนกลับคืนมาว่าได้ทำตามกฎหมายแล้วก็ได้ หรือไม่ก็กล่าวหาว่าอัยการสูงสุดละเว้นไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ และถือว่าเมื่อไม่ดำเนินการเขาก็ตั้งคณะทำงานร่วม เมื่อถึงขั้นนั้นอัยการสูงสุดก็จะเสียหน้าและเสียเชิงเสียชั้นจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน หรือเมื่อถึงขั้นนั้นแล้วหาข้อยุติไม่ได้ เขาก็ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเสียเอง อัยการสูงสุดก็ยิ่งตกอยู่ในฐานะลำบากหนักขึ้นหลายเท่า เห็นหรือยังพระคุณท่านว่ากระบวนการร้อยเล่ห์เหลี่ยมจัดนี้สารพัดเหลี่ยมลึกซึ้งขนาดไหน! ก็ขอเอาใจช่วยอัยการสูงสุดและสำนักงานอัยการสูงสุดให้รับมือกับการลองคมครั้งนี้อย่างมีชัย และขอวิงวอนอย่าได้แตกคอกันเองให้เป็นที่เย้ยหยันของคนบางพวกเลย นั่นเป็นเรื่องการลองคมอัยการสูงสุด แต่ก็ยังมีเรื่องอื่นอีกนั่นคือการลองคมพรรคการเมือง 34 พรรคที่จะประชุมกันในวันที่ 16 มิถุนายน ศกนี้ นัยว่าเพื่อชำระสะสางทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองที่ซ้ำซ้อนกัน ซึ่งดูเหมือนเป็นเหตุผลที่เข้าท่า แต่ใครจะรู้ว่านี่ก็คือความเหลี่ยมจัดที่ต้องการสกัดกั้นการไหลตัวไม่ให้สมาชิกพรรคการเมืองบางพรรคลาออก และการตกลงเวลาใดเวลาหนึ่งในการปิดทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองโดยผิดรัฐธรรมนูญนั้นจะมีปัญหาทางกฎหมายตามมาอีก ใครสงสัยก็ต้องไปดูบันทึกของประธานศาลฎีกาที่ระบุว่าการดำรงอยู่ของกกต.สามคนนี้จะมีปัญหาความชอบด้วยกฎหมายต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
999
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 13-06-2006, 22:45 » |
|
ผมเข้าใจว่าคงจะถ่วงเวลา แต่คงจะได้ไม่ถึงช่วงพรฎ.มีผลใช้บังคับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นทร์
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 13-06-2006, 22:55 » |
|
คิดได้ยังไงนะ กกต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
|
|
|
kingkong059
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 13-06-2006, 23:29 » |
|
อย่าไปว่า กกต เลย สงสารเขาบาง แค่นี้โคตรเหง้าสักหลาดก็โดนด่าจน...หาย ป่านนี้ผีปู่ญ่าตายายคงสะดุ้งสะเทือนคงคิดอยู่ในใจว่าลูกหลานกรูทำไมหน้าด้านเช่นนี้ แต่สิ่งที่ทุกคนอยากรู้คือว่า คุณหนาได้เงินไปเท่าไหรละเนียถุงเข้าข้าง ทรท จนหางสัน นำลายไหลขนาดนั้น จำพระราชดำรัชได้ไหมว่ามีที่ไหนใช้เวลาในการเลือกตังแค่30วันแล้วรัฐบาลก็บอกว่า กกต เสนอมา ขนาดรัฐบาลโยนขี้ให้ยังออกมาเชลียแบบ100% ท่าทางจาได้ไปหลายแน่เลยถ้าไม่ได้เงินก็คงจานั้งทับขี้อยู่แน่ๆเลยเลยกลัวว่าถ้าตัวเองลุกขึ้นคงเหม็นกันทังเมืองแน่เลย hohohohohoho ขำวะ หนายังกับแรด ทนยังกับพวกไทเทเนียม ขอให้กรรมตามสนองเร็วๆด้วยเทิด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายเบียร์
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 14-06-2006, 00:47 » |
|
ดิ้นจนเฮือกสุดท้ายเลยน้อ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
55555
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 14-06-2006, 09:40 » |
|
เลอะเทอะจริง.........แว่ว ๆ มาว่า เค้าจะไม่เอาด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พรรณชมพู
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 14-06-2006, 09:56 » |
|
อาจาร์ยเกษม วิเคราะห์ได้น่าสนใจมาก การยุบพรรคไทยรักไทย อาจก่อให้เกิดความวุ่นวาย(เพราะมันจะระดมคนมาก่อจลาจล) แต่หากเรื่องออกมาเป็นว่า กรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรค ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เพราะกระทำผิดในกรณีจ้างพรรคเล็ก พรรคก็จะยังคงอยู่ สมาชิกพรรคที่อ้างว่ามียี่สิบล้านคน ก็จะไม่มีเหตุผลมาก่อความวุ่นวายได้ น่าคิดค่ะ น่าคิดมาก
ส่วนเหตุที่ว่าทำไมหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ก็คงเทียบเคียงได้กับคณะรัฐมนตรี อันมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้า มติหรือการปฎิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งคณะ รัฐมนตรีคนหนึ่งทำผิด นายกก็ต้องรับผิด เมื่อนายกผิด คณะรัฐมนตรีก็ผิดทั้งหมด เป็นคณะบุคคลที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันเสมอ เช่นเดียวกับหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคนั่นเอง
ก็ออกจะดูดีนะคะ หากอัยการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ แล้วตัดสินตัดสิทธิ์ทางการเมืองห้าปี กับหัวหน้าพรรคไทยรักไทยและกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด พรรคก็ยังจะคงอยู่ แล้วให้นาย จตุพร พรหมพันธ์ เป็นหัวหน้าพรรคแทน อิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นทร์
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 14-06-2006, 11:27 » |
|
กกต.ปรับองค์กร ดึงศาล-สื่อฟอกตัว ผลาญงบปีละ45ล."ปชป."พร้อมชี้แจงคุมจ้างพรรเล็ก! กกต.ปรับองค์กร ดึงศาล-สื่อฟอกตัว ผลาญงบปีละ45ล."ปชป."พร้อมชี้แจงคุมจ้างพรรเล็ก! กกต.ผุดไอเดียผลาญงบฯอีก 45 ล้านบาทต่อปี เพื่อปรับโครงสร้างใหม่ หวังดึงศาล เอ็นจีโอ สื่อ ช่วยฟอกตัวกู้ภาพเน่า อดีต กกต.ชี้ ทำไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ตราบใดที่คนยังไม่เชื่อมั่น กกต. ส่วนนักวิชาการสวดเปิดช่องกาฝากกินฟรีเงินค่าตอบแทน แต่ทำงานไม่ได้เรื่อง http://www.dailynews.co.th/dailynews/pages/front_th/popup_news/Default.aspx?Newsid=90719&NewsType=1&Template=2
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
|
|
|
Limmy
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 14-06-2006, 20:31 » |
|
ปรับโครงสร้าง ก.ก.ต. ความคิดสร้างสรร +100 คะแนน ความน่าเชื่อถือ -1000 คะแนน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นู๋เจ๋ง
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 14-06-2006, 20:36 » |
|
จะทันเร้ออออ !!
แค๊ก แค๊ก คุก คุก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
|
|
|
จูล่ง_j
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 14-06-2006, 20:40 » |
|
กกต ชุดนี้คงคิดจะดันทุรัง เพื่อชื่อเสียง ให้กล่าวขานถึงไปอีกนานเท่านาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|