ดูเหมือนเป็นการเปิดทางเลือกให้ ส่วนอาชญากรคนนั้นจะเลือกทางไหน ก็อยู่ที่การตัดสินใจของตัวเองค่ะ
หากมองว่าเปิดทางให้หนี ก็ต้องมองอีกมุมหนึ่งว่า ไม่ได้ปิดทางทั้งหมด เพราะในทุกคดีที่จำเลยได้รับการประกันตัว และทางกระบวนการยุติธรรม ต้องสันนิษฐานว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำตัดสินว่าผิดถึงที่สุด การไม่ปิดทางคือการให้ความยุติธรรมต่อจำเลย

ดังนั้น จำเลยจะนำไปใช้เป็นข้ออ้างว่าถูกรังแก ก็เห็นจะลำบากอยู่

จำเลยในคดีอาญาของศาลไม่ว่าจะประเทศใด ก็มีสองสถานะ คือถูกคุมขังระหว่างการดำเนินคดี หรือได้รับการประกันตัว ขึ้นอยู่กับดุลย์พินิจของศาลนั้นๆ

จำเลยที่ได้รับสิทธิ์ประกันตัว ก็ต้องรายงานตัวต่อศาลเป็นระยะเหมือนกัน

ดังนั้น จำเลยที่หนีคดีโดยใช้ช่องทางที่ได้รับการประกันตัว และได้รับอนุญาตให้ทำภาระกิจส่วนตัวได้อย่างมีสิทธิเสรีภาพ จะเอาอะไรไปอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

นี่เป็นการจงใจเปิดทางให้รอด หรือเป็นปกติที่เปิดทางให้เลือก

กำนันเป๊าะ วัฒนา หรืออาชญากรในคดีต่างๆหลายคน ก็ได้รับการเปิดทางเช่นนี้ และก็เลือกทางกันเองเองเช่นกัน
แต่ก่อนอื่น ช่วยกันเรียกร้องให้ยึดพาสปอร์ตทางการฑูต คืนกลับมาก่อนค่ะ อาชญากรหนีคดี จะใช้พาสปอร์ตทางการฑูตของประเทศไม่ได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ
