ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-05-2025, 06:52
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ตุลาการเป่านกหวีด พลังประชาชนหน้าซีดเริ่มป่วนเมือง 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ตุลาการเป่านกหวีด พลังประชาชนหน้าซีดเริ่มป่วนเมือง  (อ่าน 4562 ครั้ง)
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« เมื่อ: 15-07-2008, 13:28 »

วันอังคาร ที่ 15 กรกฎาคม 2551
ตุลาการเป่านกหวีด พลังประชาชนหน้าซีดเริ่มป่วนเมือง
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 98 , 03:11:48 น.   
http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/07/15/entry-1

สัปดาห์ที่แล้ว "ตุลาการเป่านกหวีด" มีคำวินิจฉัยที่ทำให้รัฐบาลปั่นป่วนครั้งใหญ่
แถมยังจะมีเมนูออกมาให้นายสมัครชิมไปบ่นไปอีกหลายเมนูในปลายเดือนนี้
ถ้าเป็นรัฐบาลหน้าบาง คงต้องเปิดหมวกอำลากันไปแล้ว

ขนาดหนังสือพิมพ์พาดหัว "ไร้ยางอาย" นายกยังไม่อายแถมเอามาประจานตัวเองออกทีวี

และหลังจากได้รับสัญญาณจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีจากรายการสนทนาประสาสมัครเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า

จะปลดทุกข์ให้นักการเมือง ตามสูตร "แก้เหตุแห่งทุกข์" นั่นคือ

"แก้ไขรัฐธรรมนูญ"

บรรดา สส.หรือมือกฎหมายของพรรคก็กระดี๊กระด๊ารับลูกกันยกใหญ่
ถึงขั้นประกาศจะเริ่มดำเนินการทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภาครั้งต่อไป

...เอาเข้าไป.... ไม่รู้จักอายจริงๆ แฮะ

โดยอ้างเหตุผลเพื่อแก้ไขอุปสรรคต่างๆ หลังจากรัฐบาลเผชิญปัญหารุมเร้าทั้งคดีที่จะนำไปสู่การเสนอยุบพรรค พปช.

และเรื่องที่ถูกยื่นถอดถอน กรณีดำเนินการออกแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190

ทั้งนี้เสนอเร่งรื้อมาตรา 237, 190 ก่อน

สส.พลังประชาชนติดต่อพรรคร่วมรัฐบาลเช่นพรรคชาติไทยแล้ว

แต่ก็ใช่จะมีเสียงสนับสนุนดังหวัง
แม้พรรคชาติไทยจะเห็นด้วยในการแก้ มาตรา 237 วรรค 2
แต่ยังไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขยกเลิกมาตรา 309

ส่วนฟากฝ่ายค้านนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณก็ออกมาค้านสุดตัว
บอกว่าหากจะแก้ไขกฎหมายเพื่อช่วยตนเองและพวกพ้องนั้นไม่เอาด้วยเด็ดขาด

แถมฝ่ายค้านจะเดินสายอธิบายกับประชาชนว่า....
มาตราไหน ส่งผลยังไง ทำไมรัฐบาลถึงอยากจะแก้ไขกันนัก
แก้ไขกฎหมายเพื่อตัวเอง หรือ แก้ไขกฎหมายเพื่อส่วนรวม

ไม่แต่เท่านั้น...

หัวข้อข่าววันนี้ "พปช.ป่วนการเมือง ล่าชื่อถอดทุกองค์กรอิสระ"

รายละเอียดบอกว่า ...ส.ส.ร่วมลงชื่อเสนอญัตติถอดถอนองค์กรอิสระ ได้แก่

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

เนื่องจากองค์กรตามรัฐธรรมนูญดังกล่าวมีที่มาจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550
ซึ่งไม่ชอบด้วยหลักการประชาธิปไตยเพราะสืบทอดมาจากอำนาจเผด็จการ

( สูตรเดิมๆ ที่พูดมา 7-8 เดือน ตั้งแต่รัฐธรรมนูญเฮงซวย )

และขอใช้สิทธิตามมาตรา 270 ที่ ส.ส.เข้าชื่อกัน 1 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด คือ 96 คน

โดยแกนนำล่ารายชื่อเป็น ส.ส.ภาคอีสาน กลุ่มเพื่อนเนวิน อาทิ
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา นายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รวมไปถึงนายสามารถ แก้วมีชัย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล

ขณะนี้ได้มี ส.ส.เริ่มทยอยลงชื่อแล้ว .....

นอกจากนั้นยังมีรายงานข่าวว่า บรรดาหน่วย นปก. หรือหน่วยป่วนตามอินเตอร์เน็ต
ได้ออกแบบฟอร์มถอดถอนองค์กรอิสระ ออกมากระจายอยู่ทั่วไป

สำหรับการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากการ "ดิ้นหนีตาย"

ทุรนทุรายเหมือนสัตว์นรก ที่กำลังจะตกลงกะทะทองแดง ถูกทิ่มแทงด้วยหอก แหลนหลาว

เออ.....ไม่แก้รัฐธรรมนูญมันจะเป็นจะตายหรือไง อิ อิ

ถึงได้กระ***นกระหือรือกันนัก...ฮ่า ฮ่า


***************************************

เรื่ององค์กรอิสระนั้น มาตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 299 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า

มาตรา 299 ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้
เป็นผู้ตรวจการแผ่นดินตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ และให้คงดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดวาระ
โดยให้เริ่มนับวาระตั้งแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง
และให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดังกล่าวเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธานผู้ตรวจการแผ่นดินให้แล้วเสร็จ
ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ และให้นำบทบัญญัติมาตรา ๒๔๒ วรรคสองและวรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม

ให้กรรมการการเลือกตั้ง กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
และสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้
คงดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดวาระ โดยให้เริ่มนับวาระตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง

ให้กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้คงดำรงตำแหน่งต่อไป
จนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้
แต่ถ้าบุคคลดังกล่าวได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งยังไม่เกินหนึ่งปีนับถึงวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้
มิให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับการห้ามดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินหนึ่งวาระ
มาใช้บังคับกับบุคคลนั้นในการแต่งตั้งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติขึ้นใหม่เป็นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้

ให้บุคคลตามมาตรานี้ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ที่ใช้บังคับอยู่ในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ต่อไป จนกว่าจะมีการตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
หรือกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญนี้ขึ้นใช้บังคับ
เว้นแต่บทบัญญัติใดขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ให้ใช้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้แทน

***************************************

แม้ว่าจะรัฐธรรมนูญ 2550 จะมาจากเผด็จการ แต่อย่างน้อยประชาชนก็ได้ให้ความเห็นชอบผ่านประชามติกว่า 14 ล้านเสียงมาแล้ว....

จะว่าไป มาตรา 270 นั้น การยื่นถอดถอนจะต้องบรรยายความผิด อาจจะเป็นเรื่องร่ำรวยผิดปกติ หรือใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ

เห็นความตื้นเขินของทีมกฎหมายของพรรคพลังประชาชนแล้วได้แต่ถอนหายใจทำไมไม่รอดูว่า
การยื่นถอดถอนของ สว. หรือหรือฝ่ายค้าน หรือพันธมิตร เค้าทำยังไงกันบ้าง ขั้นตอนมีอย่างไร

หากยังอ่านกฎหมายไม่แตก ก็อย่าเพิ่งแหกขี้ตาออกมาโวยวายป่วนเมือง

เพราะการยื่นตามมาตรา 270 นั้นต้องผ่านประธานวุฒิสภา
แล้วส่งต่อไปที่ ปปช.พิจารณา พิจารณาแล้วค่อยส่งเข้าวุฒิสภา ซึ่งต้องใช้เสียง 3 ใน 5

มองยังไงมันก็ผ่าน ปปช. ไปไม่ได้...
ใครจะบ้า บอกว่า ตัวเองทำผิดกฎหมาย
หากจะบอกว่า ผู้คนในองค์กรอิสระ ร่ำรวยผิดปกติก็เห็นเงียบๆ
หากจะบอกว่า องค์กรอิสระใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบก็ยังไม่เป็น

ตรงกันข้าม ประชาชนต่างก็ยอมรับการทำงานของ ปปช. และตุลาการศาลต่างๆ
จะมีคลางแคลงใจก็แต่เฉพาะ กกต. เท่านั้น

ไม่ทราบว่าทำเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม
นอกจาก "ป่วนเมืองหาเรื่องไปวันๆ"


***************************************

ทางฝ่ายตุลาการนั้น

นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ให้สัมภาษณ์ว่า
การแก้ รธน. จะเป็นทางออกหรือไม่ จะต้องไปถามนักการเมือง
เพราะไม่ใช่ผู้ร่าง จึงตอบไม่ได้

มีคำถามว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เกิดจากรัฐธรรมนูญ หรือการบังคับใช้กฎหมาย
นายอักขราทรกล่าวว่า ปัญหาอยู่ที่ใครสังคมทราบดี

แต่ปัญหาไม่น่าจะอยู่ที่รัฐธรรมนูญ

เรื่องการบังคับใช้กฎหมายนั้น ในส่วนของศาลปกครอง ก็ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติที่ออกโดยสภา

ส่วนรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ
ซึ่งช่วงเวลาที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยมีความเห็นในเรื่องต่างๆ มาแล้ว

ดังนั้น การบังคับใช้กฎหมายก็น่าจะถูกต้องแล้ว

ฟากของ"ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ" นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
กล่าวถึง กรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ออกมาระบุว่า จะทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ปรับโครงสร้างตุลาการใหม่เพราะทุกวันนี้ตุลาการเข้ามายุ่งเกี่ยวกับทางการเมืองมากไปว่า

ขอถามไปยังสังคม 3 คำถาม

1.จะให้อาชญากรแก้ไขกฎหมายอาญาหรือไม่
2.จะให้นักเลือกตั้งแก้ไขการทุจริต ซื้อเสียงหรือไม่
3.จะให้มิจฉาทิฐิ แก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่

ถ้าสังคมให้คำตอบอย่างไร จะได้นำไปศึกษาและปฏิบัติต่อไป


***************************************

หลายเสียงบอกว่า นี่คือ "รัฐธรรมนูญ 2550" กำลังทำงาน

นั่นคือ ตุลาการทำหน้าที่ถ่วงดุลตามหลักการประชาธิปไตยแล้ว

การที่ สส. มาดิ้นตามฝ่ายบริหาร ก็เนื่องมาจาก รัฐบาลหรือฝ่ายบริหารกลายเป็นหัวหน้านิติบัญญัติ

หรือพูดตรงๆ คือ "บริหาร" ครอบงำ "นิติบัญญัติ"

ทั้งๆ ที่โดยหลักการแล้ว "บริหาร" ต้องรับผิดชอบต่อ "นิติบัญญัติ"

กรณี มาตรา 190 ก็คือหลักการง่ายๆ บริหารจะทำอะไรที่สำคัญๆ ต้องผ่านสภาคือต้องให้สภารับรอง

เหมือนประเทศประชาธิปไตยทั่วๆไปนั่นแหละ

หากนำเรื่อง มติครม. เรื่องแถลงการณ์ร่วม เข้าสู่การพิจารณาของสภา
ทุกอย่างก็คงไม่มีเรื่องให้ต้องตีความโดยศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อศาลพิจารณาตามตัวบทกฎหมายแล้ว ก็วินิจฉัยไปตามที่ชอบที่ควร

หากศาลตัดสินแล้วยังไม่จบ แล้วจะเรียกว่าปกครองโดยหลักนิติธรรม หรือหลักนิติรัฐ ได้ยังไง

มองไปในสภาเห็นนักกฎหมายระดับผู้แทนปวงชนชาวไทย ทำได้แค่นี้

อนาคตอันไม่ใกลความวุ่นวายคงเลี่ยงไม่พ้น

เพราะตัวแทนประชาชนดันโง่กว่าประชาชนผู้มานอนถนน 52 วัน 52 คืน

หากเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 271 คิดหรือว่าจะผ่านเวทีประชาพิจารณ์ไปได้

มันคงไม่ง่ายเพียงเพราะมีเสียงมากในสภาแน่นอน

เว้นแต่ประชาชนยอมให้อาชญากรแก้ไขกฎหมายอาญาเท่านั้น


แคน ไทเมือง

(ชวนอ่านบทสัมภาษณ์พิเศษ)

'วิชา มหาคุณ' ป.ป.ช.สายยุติธรรม ทางรอดสุดท้าย...นกหวีดตุลาการ
สัมภาษณ์พิเศษ โดย พงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์, จำนง ศรีนคร

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=40661&catid=29
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2008, 21:55 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 15-07-2008, 13:55 »

ทำผิดแล้วก็แก้กฎหมายให้ตัวเองพ้นผิด

ชั่วร้ายจริงๆ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 15-07-2008, 14:05 »

'วิชา มหาคุณ' ป.ป.ช.สายยุติธรรม ทางรอดสุดท้าย...นกหวีดตุลาการ

"วิชา มหาคุณ" หนึ่งใน 9 กรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสำคัญในสถาบันตุลาการ อาทิ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา เลขานุการศาลฎีกา ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ฯลฯ

เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 รองประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ 3 ประธานอนุกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญกรอบที่ 3 ว่าด้วยองค์กรอิสระและศาล

"วิชา" บอกเล่าถึงภารกิจอันหนักอึ้งของ ป.ป.ช. ที่ถูกมองว่าเป็น "มรดกคณะรัฐประหาร" ผ่าน "มติชน" ไว้ว่า...

- ที่ผ่านมา คตส.ถูกตั้งข้อหาว่ามาจากคณะปฏิวัติ มุ่งหวังเพื่อจัดการกับคนใดคนหนึ่ง ต่อไปก็คงมีคนยื่นข้อกล่าวหานี้ให้ ป.ป.ช.ด้วย

ทั้ง 2 คณะก็มาโดยประกาศคณะปฏิวัติทั้งคู่ เพียงแต่ลักษณะขององค์กรแตกต่างกัน ป.ป.ช.เป็นองค์กรถาวรและได้รับการรองรับจากรัฐธรรมนูญ 2550 ให้ทำงานต่อเนื่องจนกว่าจะครบวาระ 9 ปี เป็นหลักประกันของประชาชน

- แสดงว่า คตส.-ป.ป.ช.-สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นเพื่อนตาย และนาทีนี้คงต้องกอดคอกันสู้

ก็ต้องทำงานในลักษณะที่รู้ใจดีพอสมควร ถ้าตั้งตัวอยู่คนละฝ่ายปัญหาเกิดขึ้นแน่ คดีไม่เสร็จ เราต้องไว้วางใจว่า เขาทำงานมาอย่างหนัก แต่อาจจะมีมุมมองบางแง่ที่มองกันคนละด้าน เพราะบางคนเป็นนักวิชาการ จึงไม่เคยชินกับการตรวจดูสำนวน แต่ถ้าเป็นผู้พิพากษาจะดูรู้ อย่างคดีของนายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส. ไปถึงศาลเร็ว เพราะมองเห็นอะไรเป็นพยานหลักฐาน

- แล้วรู้สึกอย่างไรที่มักมีนักการเมืองโจมตีทั้ง 3 องค์กรเสมอๆ ว่าเป็นเชื้อ คมช.ที่เหลืออยู่มาเพื่อล้มล้างรัฐบาล

เจอบางคนตั้งข้อสังเกตมาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ผลงานที่ออกมาของ ป.ป.ช.ก็เห็นแล้วว่าเราไม่เคยไปล้มล้างใคร ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก คดีที่ ป.ป.ช.นำเข้าสู่ศาล หรือไต่สวนเสร็จ มีทั้งที่ไม่ชี้มูล และชี้มูลความผิด แต่ที่เห็นว่าควรดำเนินคดี ไปที่ศาลแล้วก็ไม่เคยได้รับการปฏิเสธเลย ตลอด 2 ปีไม่มีคดีอะไรที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าไปเล่นงานใครโดยเฉพาะ

- แต่การถูกแต่งตั้งโดย คมช. และผลแห่งการทำงานของ ป.ป.ช.ส่งผลให้รัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบันต้องหลุดจากตำแหน่ง อาจมองได้ว่า ป.ป.ช.เป็นอาวุธสุดท้ายของ คมช.

ไม่หรอกครับ (สวนเสียงแข็ง) ที่ออกจากตำแหน่งเป็นเรื่องการตรวจสอบปกติ อย่างคุณไชยา (สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข) ผมบอกตั้งแต่ต้นว่า ถ้าลาออกจะสง่างาม กลับเข้ามาอีกก็ยังได้ เพราะไม่ได้ทำผิด กรณีคุณวิรุฬ (เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์) ก็เหมือนกัน ไม่ผิดแต่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง ตามกฎหมายจัดการหุ้น ซึ่งกฎหมายมีมาก่อนที่ ป.ป.ช.ชุดนี้จะรับตำแหน่ง และการเพิ่มเติมจากภรรยาและบุตร ก็ไม่ได้เติมตอนที่รัฐบาลนี้เข้ามา รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็เจอปัญหานี้ และรัฐมนตรีในขณะนั้นก็ลาออกโดยดี ไม่ใช่เราไปไล่ล่าจับผิดใคร หากลาออกเรื่องก็ไม่ถึงศาล ก็ไม่มีคดีครึกโครม ประชาชนก็จะได้สรรเสริญท่านอีกว่ามีสปิริต แต่ท่านก็บอกว่าไม่เอา ขอไปที่ศาล มันก็ช่วยไม่ได้

ผมคิดว่าฝ่ายบริหารไม่ได้ตั้งโจทย์กับ ป.ป.ช. แต่ตั้งโจทย์กับรัฐธรรมนูญ 2550 ว่ามีปัญหาสำหรับท่าน แต่รัฐธรรมนูญ 2550 แทบจะไม่ต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับเดิมเลย เพียงแต่เราเพิ่มจุดที่เคยมีปัญหา และประชาชนมีข้อสังเกตเข้ามาว่า มีจุดโหว่เรื่องการจัดการหุ้นของรัฐมนตรี เคยมีรายงานของนักวิชาการ คือ นายสุรพล นิติไกรพจน์ ว่าทำไมไม่เติมลงไปว่า นอกจากรัฐมนตรีแล้วให้เติมถึงคู่สมรส เราก็เติมไป หรือในกรณีองค์กรอิสระ ที่ให้ประธานศาล ประธานรัฐสภา และผู้นำฝ่ายค้าน เข้ามาเป็นผู้สรรหา (ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ) แทนที่จะให้ 15 คนแบบเดิม เพราะมีงานวิจัยว่ามีการวิ่งเต้นกัน มีการใช้อำนาจในทางที่ผิด จึงกำหนดในระดับสำคัญเลยจะได้วิ่งเต้นไม่ได้ แล้วตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ที่เห็นเป็นยังไง ที่มีคนด่า ส.ส.ร.มาก ส.ว.ทำไมมีการสรรหากับการเลือกตั้ง ก็เพราะมีการแทรกแซง มีการวิ่งเต้น สรรหาประโยชน์ แล้วบทบาท ส.ว.ขณะนี้เป็นยังไง ทุกอย่างมันดีขึ้น

- แต่ก็มีกลุ่มคนที่ไม่พอใจรัฐธรรมนูญ 2550 อยู่ และต้องการแก้ไข

รัฐธรรมนูญเราก้าวหน้าไปในแบบที่สอดคล้องกับสากล มีการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเข้มข้น เหตุที่เข้มข้นเพราะทุจริตเยอะ อย่างที่ตรวจสอบอยู่ พบว่ากระบวนการตรวจสอบไทยอ่อนแอมากถึงมากที่สุดเลย เรตติ้งวัดความโปร่งใสของไทยตกไปอยู่ลำดับรองบ๊วยแล้ว จาก 10 เป็น 12-13 ดีกว่าฟิลิปปินส์ประเทศเดียว ถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้ พินาศนะ! กรณีที่ผู้บริหารนิชิมัตสึบอกว่าต้องทิ้งเงินไปให้เรา 4- กว่าล้านเยน มันน่าขายหน้าไหม คุณเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ ก็แสดงว่าจริยธรรมเสื่อมแล้ว (เสียงสูง)

- รู้สึกว่าฝ่ายการเมืองจะมองต่างมุม

ก็เพราะฝ่ายการเมืองยังอยู่ในยุคเก่าไง (ตอบสวน) มันตามไม่ทันกับยุคสมัยที่มันเปลี่ยนแปลงไป ถ้าคุณมาเล่นการเมืองตามหลักธรรมภิบาล ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการ คุณไปรังเกียจการเคลื่อนไหวของประชาชนไม่ได้ เรียกว่าหลักประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบตัวแทน เรื่องสนธิสัญหานั้น ประชาชนที่เจ็บช้ำน้ำใจมากจากเอฟทีเอ เขาเคยมาขอคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญให้เพิ่มเติมว่า กระบวนการใดที่เข้าข่ายเป็นสัญญาต้องผ่านรัฐสภา เพราะเขาเชื่อรัฐสภา แต่รัฐบาลกลับคิดว่าฝ่ายบริหารเหนือรัฐสภา

- มีคนพูดกันบ่อยว่ากระบวนการตรวจสอบและถ่วงดุลทำให้การเมืองโตช้า

ถ้าพรรคการเมืองคัดเลือกคนดีๆ เข้ามา อย่างระดับกรรมการบริหาร หรือผู้บริหารพรรค มันจะต้องไม่มีทุจริต ต้องตั้งข้อสันนิษฐานนั้นไว้ตั้งแต่แรก ถ้าคุณทุจริต มันก็แย่แล้ว เหมือนกับบริษัท ถ้าผู้บริหารเจตนาที่จะทุจริต ระบบธุรกิจมันพินาศตั้งแต่แรกแล้ว เช่นเดียวกับระบบพรรคการเมือง ที่ต้องมีธรรมาภิบาลเช่นเดียวกับบรรษัทภิบาล ถ้าเข้าในตลาดหลักทรัพย์ หากมีเรื่องทุจริตหรือทำอะไรไม่โปร่งใส ตลาดก็จะแขวนป้ายหรือให้คุณออกไปจากตลาดไป

- แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไรกับข้ออ้างที่ว่าการตรวจสอบบางครั้งทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง เช่น กรณียื่นขอให้ถอดถอน ครม.กรณีเขาพระวิหาร

...ไอ้นี่มันเป็นผลต่างหาก ถ้าคุณทำถูกต้องตั้งแต่แรก ทำถูกตามที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ ตามมาตรา 190 ส่งเรื่องให้รัฐสภาชี้ขาดก็ไม่มีปัญหา แล้วคุณก็ไปบอกฝ่ายเขมรว่า ไม่ได้! เรื่องนี้ต้องฟังรัฐสภาก่อน แต่นี่คุณกลับบอกว่า มาตรา 190 เติมวรรคสองเข้าไป เติมไปให้มีปัญหา เห็นไหมว่า มุมมองของเขาคืออะไรก็ตามทำให้เขาใช้อำนาจไม่ได้เด็ดขาด ถือเป็นสิ่งที่ใช้ไม่ได้ อะไรก็ตามที่ยับยั้งชั่งใจให้มีสติมากขึ้น ถือเป็นสิ่งที่ใช้ไม่ได้ สมัยกรุงศรีอยุธยา พระมหากษัตริย์มีอำนาจมากเหลือเกิน ตัดหัวใครก็ได้ สมัยนั้นยังบอกเลยว่า พระมหากษัตริย์จะถือพระแสงดาบเองไม่ได้ ต้องให้มีพนักงานอัญเชิญพระแสงดาบ แล้วถ้าพระมหากษัตริย์บอกให้ส่งดาบให้ ต้องเตือนพระมหากษัตริย์เลย บอกว่าข้าพระพุทธเจ้าไม่อาจที่จะส่งดาบให้ได้ หากท้วง 2 หนแล้วถ้าพระองค์ยังยืนยันค่อยให้ไป แต่ถ้าไม่ท้วง พนักงานอัญเชิญพระแสงดาบถูกตัดคอเอง แสดงให้เห็นว่าสมัยกรุงศรีอยุธยายังมีกระบวนการตรวจสอบอำนาจของพระมหากษัตริย์แบบนี้เลย แล้วมาสมัยนี้ คุณจะไม่ให้ใครเขาตรวจสอบคุณเลยหรือ คุณจะบอกว่ามีอำนาจในฐานะผู้บริหาร มันไม่ได้ ต้องรู้ว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนแล้ว

- แสดงว่าแม้จะนำมาซึ่งสุญญากาศทางการเมือง ก็ต้องทำหน้าที่ตามกฎหมาย

มันไม่เป็นสุญญากาศหรอก ถ้าคุณปฏิบัติตามกระบวนการที่มันควรจะเป็น เช่น รับผิดชอบ ไม่ฝืนกระบวนการทางกฎหมาย เรื่องถอดถอนกฎหมายเขียนมานานแล้ว จะว่ามันถึงทางตันเพราะเราทำ คงไม่ใช่

- การที่ ป.ป.ช.มารับงานของ คตส.จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองหรือไม่

ไม่หรอกครับ (ส่ายหน้า) เพราะเราถือว่าเราเป็นองค์กรอยู่ในองค์กรตุลาการ เราไม่ได้ถือว่ามีอำนาจพิเศษนอกเหนือจากการเป็นองค์กรอยู่ใต้ร่มเงาของตุลาการ แต่ต้องเข้าใจว่า คดีทุกคดีไม่ได้สิ้นสุดที่ ป.ป.ช. เพราะมีกระบวนคานอยู่คืออัยการ ที่จะพิจารณาว่าฟ้องหรือไม่ฟ้อง หรือ ป.ป.ช.จะฟ้องเอง ศาลจะเป็นผู้ชี้ขาด แต่ทั้งหมดการทำงานต้องระวัง เพราะอาจถูกถอดถอนหรือดำเนินคดีอาญาได้เหมือนกับ ป.ป.ช.ชุดก่อน

- ในฐานะที่เป็นอดีตผู้พิพากษา มองบทบาทของกระบวนการยุติธรรมในช่วงหลังเป็นอย่างไร จะนำไปสู่การคลี่คลายวิกฤตทางการเมืองได้หรือไม่

แน่นอน (พยักหน้า) ผมพูดตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญ 2550 แล้วว่ามันไม่มีอะไรที่จะมีส่วนยับยั้งการใช้อำนาจที่เกินขอบเขตของฝ่ายบริหารได้ ถ้าตุลาการไม่เข้ามาใช้อำนาจนี้ ตามหลักนิติธรรม สำคัญมากที่ต้องถือกฎหมายเป็นใหญ่ ต้องสิ้นสุดที่ศาล ถ้าหากยังคาราคาซังอยู่ แล้วศาลไม่มีอำนาจชี้ขาด ก็ไม่จบ ถ้าบอกว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาเป็นกระบวนการนอกศาล วันนี้พันธมิตรอยู่ในอำนาจศาลแล้ว พันธมิตรไม่ได้ทำอะไรตามใจแล้วนะ เพราะมีการร้องไปที่ศาลให้เปิดทางเดินรถ ศาลท่านบอกว่าวันหยุดก็ตามสบาย ตอนเย็นวันธรรมดาจะใช้เสียงยังไงก็ตามใจ เห็นไหม อยู่ในกระบวนการของศาล ทีแรกมหาจำลอง (พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร) บอกว่าจะถอดถอนศาล แต่ตอนหลังยังต้องถอย เพราะมันไปไม่ได้ ถ้าไม่ยอมรับอำนาจศาล

- จากจุดนี้แสดงว่ากระบวนการยุติธรรมเริ่มเยียวยาปัญหาบ้านเมืองแล้ว

ความจริงเป็นเรื่องปกตินะ ประเทศที่เขาใช้ระบอบนิติธรรมตามหลักสากล ต่างก็ใช้อำนาจศาล ในการระงับยับยั้งตรวจสอบการใช้อำนาจโดยมิชอบของทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายอื่นมาโดยตลอด เพียงแต่ประเทศเราเพิ่งจะเริ่มมีกระบวนการที่ชี้ในเรื่องของการเมืองโดยแท้ อย่างที่ศาลรัฐธรรมนูญที่ชี้ว่าผิดหรือถูก กรณีมาตรา 190 ซึ่งก็ออกมาเร็ว สมัยก่อนมีศาลรัฐธรรมนูญเหมือนกันแต่รุงรัง เพราะต้องไปตรวจสอบ ไต่สวน ทั้งที่บางเรื่องน่าจะออกมาเร็ว ที่สำคัญคือ กระบวนการมันไปด้วยกัน อย่างศาลปกครองท่านก็ออกมาว่าไม่ให้ใช้แถลงการณ์ คือ ไปในทางเดียวกันกับศาลรัฐธรรมนูญ พวกเราต้องเทิดทูนองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ท่านทรงเคยมีกระแสพระราชดำรัสว่า ศาลต้องออกมาแก้ไขสถานการณ์ ตอนร่างรัฐธรรมนูญเราก็พูดถึงเรื่องนี้ จึงได้จัดกระบวนการศาลให้พอเหมาะ คือศาลรัฐธรรมนูญต้องไม่ให้รุงรัง เอาเรื่องเดียวคือ ชี้ขาดว่ากฎหมายใดขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือองค์กรไหนมีปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญ มันก็ราบรื่นใช่ไหม ส่วนถ้าเผื่อมันจะไปยุ่งเรื่องการไต่สวนหาข้อเท็จจริง ก็ให้ไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เปิดให้มีศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มันก็เป็นที่ยุติ ยอมรับก็หมด ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว คุณยงยุทธ (ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร) ก็เงียบแล้ว

- สรุปได้ว่าทางรอดทางเดียวของประเทศวันนี้ อยู่ที่กระบวนการยุติธรรม

ผมว่าอย่างนั้น (พยักหน้า) มันเป็นทางเดียว ผมเชื่อว่าตุลาการจะช่วยคลี่คลายปัญหาวันนี้ได้ ตราบใดที่ศาลยังเป็นที่พึ่ง และทุกคนคิดว่า เมื่อศาลวินิจฉัยอะไรแล้วต้องเป็นที่สุด อย่างน้อยคำวินิจฉัยของศาลก็ต้องเป็นที่ยอมรับ ไม่ใช่ประเทศเราประเทศเดียว อย่างโปรตุเกส สเปน เมื่อก่อนวุ่นวายมาก ไม่มีใครยับยั้งอำนาจบริหารได้ จนศาลต้องออกมาแบบนี้ ตุรกีก็เช่นกัน

- จึงไม่น่าแปลกใจที่ก่อนหน้านี้ จึงมีความพยายามแก้รัฐธรรมนูญโดยฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะมาตรา 309

ก็แน่นอน เขาไม่พอใจแน่ (หัวเราะ) เพราะเขาคิดว่าไปแทรกแซง ไปทำเกินอำนาจ แต่ผมถือว่ามันเป็นกระแสแห่งโลก คุณหยุดโลกไม่ได้ เหมือนกับคุณหยุดประวัติศาสตร์ คุณจะถูกประวัติศาสตร์เหยียบจมดิน มันไปไม่รอด กระแสของคนเริ่มรู้ขึ้นเรื่อยๆ ว่ากระบวนการอำนาจของประชาชนที่จะตรวจสอบ มีมากขึ้น และรู้ว่าจะใช้อันไหน ถ้านักการเมืองบอกว่าไม่ได้ คุณจะมาตรวจสอบผมไม่ได้ มันไปไม่รอด ถ้าท่านไม่พอใจ ก็ต้องว่าด้วยหลักของเหตุผล จริงอยู่ว่าเริ่มต้นมันมาจากการปฏิวัติรัฐประหาร แต่มันต้องทำให้เข้าร่องรอย ถ้าเผื่อไม่มีอำนาจใดมาคาน คุณก็จะลากรถถังออกมาอีก อย่างสถานการณ์วันนี้ แบบนี้นะ ถ้าเป็นสมัยก่อน รถถังออกมาแล้ว เข้าทางเลย แต่พอทุกคนรู้ว่าคดีนั้น ศาลจะตัดสินวันนั้นวันนี้ ก็รอฟัง กระทั่งศาลรัฐธรรมนูญท่านชี้ (กรณีการต่ออายุ คตส.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ) เป็นหลักประกันว่า กระบวนการตรวจสอบมันถูกต้อง

- ในช่วงบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2540 บอกกันว่าเป็นยุคที่องค์กรอิสระถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองมากที่สุด แล้วในวันนี้องค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช.ประกาศได้หรือไม่ว่าจะสร้างภูมิต้านทานในเรื่องนี้อย่างไร

ถามดีมาก (ยิ้มถูกใจ) การสร้างภูมิต้านทานของเราคือศรัทธาของคน ถ้าประชาชนไม่ศรัทธาเมื่อไหร่ มันไปของมันเอง โดยไม่ต้องมีใครมาโค่นล้ม

- แล้วที่ผ่านมาในการทำงานมี "ใบสั่ง" บ้างหรือไม่

ออเดอร์ใช่ไหม ไม่มีหรอก! แต่ก็มีโทรศัพท์มาบ้าง มีคนฝากต่อมาว่าคนนี้เป็นคนดีนะ อย่าไปทำอะไรเขาเลย เบาๆ หน่อยได้ไหม สำหรับฝ่ายการเมืองก็ไม่กล้ามาพูดโดยตรง แต่มีแบบฝากคนอื่นที่เป็นที่เคารพนับถือของเรามาพูดก็มี แต่คนมาพูดกับเราก็ยังบอกว่ารู้ว่าท่านไม่เปลี่ยน แต่ทำยังไงได้เขาฝากกระซิบ ผมก็บอกว่าเอาน่า...แล้วจะดูตามเนื้อผ้า (หัวเราะ)

- แล้วการทำคดีใหญ่ๆ เช่น คดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลัวจะมีกำลังภายในเกิดขึ้นไหม

ผมทำใจอยู่แล้วว่าจะเผชิญกับอะไรบ้างนับแต่อาสาเข้ามา และเข้าใจว่าอำนาจนี้เป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาก องค์กรอิสระไม่มีหลักประกันแบบศาล เพราะศาลมีเรื่องละเมิดอำนาจศาล แต่พวกเรายังทำงานกันได้เพราะความสุจริตใจ ไม่ได้ตั้งธงว่าใครผิดหรือถูก ขอยืนยันว่า ป.ป.ช.ยุคนี้ไม่มีมวยล้มแล้วต้มคนดูเด็ดขาด

- จากนี้คงต้องระวังถุงขนมเป็นพิเศษ

ทุกวันนี้มันจะมาหลายรูปแบบใช่ไหม (หัวเราะร่วน) ไม่มีปัญหาหรอก

ที่มา หน้า 11 หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=40661&catid=29
บันทึกการเข้า

Grimmy
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 118



« ตอบ #3 เมื่อ: 15-07-2008, 15:23 »

เมื่อกี้นั่งกินข้าว ได้ยินหมักตอบคำถามนักข่าว บอกเรื่องละเมิดมาตรา 190 มีอาจาร์ยธรรมศาสตร์ออกมาท้วงบอกว่าศาลวินิจฉัยเกินรัฐธรรมนูญ

กำ ไม่เชื่อศาลแต่เสือกไปเชื่ออาจาร์ยธรรมศาสตร์ 
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 15-07-2008, 15:40 »

- จากจุดนี้แสดงว่ากระบวนการยุติธรรมเริ่มเยียวยาปัญหาบ้านเมืองแล้ว

ความจริงเป็นเรื่องปกตินะ ประเทศที่เขาใช้ระบอบนิติธรรมตามหลักสากล ต่างก็ใช้อำนาจศาล ในการระงับยับยั้งตรวจสอบการใช้อำนาจโดยมิชอบของทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายอื่นมาโดยตลอด เพียงแต่ประเทศเราเพิ่งจะเริ่มมีกระบวนการที่ชี้ในเรื่องของการเมืองโดยแท้ อย่างที่ศาลรัฐธรรมนูญที่ชี้ว่าผิดหรือถูก กรณีมาตรา 190 ซึ่งก็ออกมาเร็ว สมัยก่อนมีศาลรัฐธรรมนูญเหมือนกันแต่รุงรัง เพราะต้องไปตรวจสอบ ไต่สวน ทั้งที่บางเรื่องน่าจะออกมาเร็ว ที่สำคัญคือ กระบวนการมันไปด้วยกัน อย่างศาลปกครองท่านก็ออกมาว่าไม่ให้ใช้แถลงการณ์ คือ ไปในทางเดียวกันกับศาลรัฐธรรมนูญ พวกเราต้องเทิดทูนองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ท่านทรงเคยมีกระแสพระราชดำรัสว่า ศาลต้องออกมาแก้ไขสถานการณ์ ตอนร่างรัฐธรรมนูญเราก็พูดถึงเรื่องนี้ จึงได้จัดกระบวนการศาลให้พอเหมาะ คือศาลรัฐธรรมนูญต้องไม่ให้รุงรัง เอาเรื่องเดียวคือ ชี้ขาดว่ากฎหมายใดขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือองค์กรไหนมีปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญ มันก็ราบรื่นใช่ไหม ส่วนถ้าเผื่อมันจะไปยุ่งเรื่องการไต่สวนหาข้อเท็จจริง ก็ให้ไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เปิดให้มีศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มันก็เป็นที่ยุติ ยอมรับก็หมด ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว คุณยงยุทธ (ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร) ก็เงียบแล้ว

- สรุปได้ว่าทางรอดทางเดียวของประเทศวันนี้ อยู่ที่กระบวนการยุติธรรม

ผมว่าอย่างนั้น (พยักหน้า) มันเป็นทางเดียว ผมเชื่อว่าตุลาการจะช่วยคลี่คลายปัญหาวันนี้ได้ ตราบใดที่ศาลยังเป็นที่พึ่ง และทุกคนคิดว่า เมื่อศาลวินิจฉัยอะไรแล้วต้องเป็นที่สุด อย่างน้อยคำวินิจฉัยของศาลก็ต้องเป็นที่ยอมรับ ไม่ใช่ประเทศเราประเทศเดียว อย่างโปรตุเกส สเปน เมื่อก่อนวุ่นวายมาก ไม่มีใครยับยั้งอำนาจบริหารได้ จนศาลต้องออกมาแบบนี้ ตุรกีก็เช่นกัน
บันทึกการเข้า

ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #5 เมื่อ: 15-07-2008, 15:52 »

ม๊อบพันธมารก็ชอบการเป่านกหวีด  นี่ตุลาการวิบัติยังเสนอหน้าลอยปากว่าเป่านกหวีดอีกหรือ!?!  สุดด้านหว่ะ!!



หนอนฯเอ๋ย ปลงเสียบ้าง อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
ทุ่มเทความกังวลห่วงใยอดีตนายกฯแม๊ว และนายกฯนอมินีมากนัก จนอยู่ฝ่ายอธรรม..

ประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ประเทศที่เจริญแล้ว ล้วนให้'ตุลาการ' ศาลยุติธรรมเป็นผู้พิพากษา ผู้ยุติความขัดแย้งทั้งสิ้น....

อย่าเหมือนหมัก เมถุน เห็นแก่ได้ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ยังจำได้ไหม... Question

ทันทีได้ทราบข่าวว่า พรรคพลังประชาชนได้ 233 ที่นั่งในสภาผู้แทนฯ หมัก เมถุน หัวหน้าพรรคฯ ยกย่อง สรรเสริญความเที่ยงธรรมในการปฏิบัติหน้าที่
ของคณะกรรมการ กกต.มากเพียงใด....

หลังจาก'ยุทธ์ ตู้เย็น' ได้ใบแดงพ้นตำแหน่ง สส.สัดส่วนและตำแหน่งประธานสภาฯ 'หมัก เมถุน' ให้สัมภาษณ์เหมือนคนละคน เหมือน'อีเพ็ญ'.....


ปล. ตุลาการในศาลยุติธรรมปฎิบัติหน้าที่เที่ยงธรรม และยุติธรรม ให้โอกาสอดีตนายกฯ เมีย ลูกๆ และวงศาคณาญาติที่ร่วมกระทำผิดชี้แจงมาตลอด...

คอร์รั่ปชั่นอย่างตะกละ มูมมาม ยะโส เหิมเกริม ทำให้แกนนำพรรค ทรท. พรรค พปช. ทั้งคนเก่าและคนใหม่ เป็นอย่างคำสั่งสอนในพุทธศาสนา ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว และ กรรมติดจรวด.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-07-2008, 15:54 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 15-07-2008, 21:13 »

ระบบตรวจสอบในรัฐธรรมนูญ 2550 เริ่มทำงาน

นักการเมืองเก่า ที่คิดว่า ได้รับการเลือกตั้งคือการได้อำนาจ ต้องคิดใหม่

รัฐธรรมนูญ 2550 เพียงแต่มาตอกย้ำ ปิดจุดอ่อนของรัฐธรรมนูญ 2540 เท่านั้นเอง

กรณี มาตรา 237 ก็ลงทัณฑ์ แก่พรรคชาติไทย เพื่อแผ่นดิน มัชฌิมา พลังประชาชน ถ้วนหน้า

หากผลการตัดสินของ กกต. ส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก็เป็นไปตามเนื้อผ้า

อย่าลืมว่าการลงเลือกตั้ง ก็ต้องอ่านรัฐธรรมนูญมาแล้ว ดันไปทำผิดเข้า

แล้วจะไปบอกว่ากฎหมายผิดได้ยังไง

กรณี มาตรา 190 ในเมืองมีเสียงข้างมากในสภา ทำไมไม่นำเรื่องแถลงการณ์ร่วมเข้าสภา

มันก็แค่นั้นเอง


บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 15-07-2008, 21:24 »

อ้อ....เมื่อซักครู่ ผบ.ทบ. ออกมาแสดงความคิดเห็นครั้งแรก

ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ....

เห็นว่าควรใช้ไปอีกระยะ....จะว่ายังไงดีล่ะทีนี้
บันทึกการเข้า

soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #8 เมื่อ: 15-07-2008, 21:27 »

อ้อ....เมื่อซักครู่ ผบ.ทบ. ออกมาแสดงความคิดเห็นครั้งแรก

ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ....

เห็นว่าควรใช้ไปอีกระยะ....จะว่ายังไงดีล่ะทีนี้


ขนาด รมว.กห. หนีบ ติดตัว ไปหลายเพลา

ยังไซโค ไม่ได้เลยรึ 


ระวังเด้อ เตี๋ยวโดนตั้งกรรมการสอบสวน โทษฐานวิจารณ์ นโยบาย รัฐบาล 
บันทึกการเข้า
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #9 เมื่อ: 15-07-2008, 22:07 »

"ตุลาการภิวัฒน์" คืออะไร บทความดีดีที่น่าอ่าน  อ่านแล้วจะเข้าใจ"ตุลาการภิวัฒน์"ได้ดีขึ้น

ตุลาการภิวัฒน์ หมายถึงการอนุวัติอำนาจตุลาการที่แผ่กว้างขึ้น ซึ่งครอบครุม เนื้อหา 5 ประการ

1. อำนาจตัดสินว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่    Judicial Reveiw ( ศาลรัฐธรรมนูญ )

2. อำนาจกำกับฝ่ายบริหาร   ( ศาลปกครอง )

3. อำนาจวางนโยบาย Judicial Policy Making ( ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ )

4. อำนาจตีความก้าวหน้า Judicial Activicm ( ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ )

5. รวมถึงอำนาจของสถาบันกึ่งตุลาการด้วย Quasi-Judicial

สนใจอ่านรายละเอียดต่อได้ตาม link ด้านล่างครับ
http://gotoknow.org/file/vicharnpanich/law.pdf

ถ้า link ด้านบนไม่ได้ ลองไปที่นี่ก็ได้ครับ
http://gotoknow.org/blog/thaikm/54272
แล้วกดตรง  ที่นี่ครับ (click)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2008, 19:19 โดย คนไทยคนหนึ่ง » บันทึกการเข้า
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #10 เมื่อ: 15-07-2008, 22:18 »

เมื่อเช้า ฟัง "เก็บตกจากเนชั่น" ผู้ดำเนินรายการคือ คุณวีณารัตน์ กับคุณธีระ เรียนสัมภาษณ์ อ.วิชา มหาคุณ ฟังแล้วต้องยิ้มพร้อมด้วยความสะใจค่ะ 

ตอนหนึ่งอาจารย์วิชาบอกว่า ก็เหมือนเด็กขโมยขนมกินในห้องแหละครับ 

ทั่นขาดวุฒิภาวะ -- ทั่นในที่นี้ ไม่บอกก็รู้ว่า ใคร  Mr. Green Laughing Mr. Green




บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 15-07-2008, 22:40 »

วันอังคาร ที่ 15 กรกฎาคม 2551
ข่าวเดี่ยว...ผบ.ทบ. เปิดใจ ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 490 , 21:36:59 น.   

เป็นข่าวจาก "ไทยพีบีเอส" เจาะ"ข่าวเดี่ยว" ออกมาเปิดเผย
ผ่านรายการ "ทีนี่ทีวีไทย"

นั่นคือ ผบ.ทบ. ออกมาให้ความเห็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า

"ในขณะนี้ยังเห็นว่ารัฐธรรมนูญ 2550 กำลังไปได้ดี
อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการพิจารณาของศาล

ไม่เห็นด้วยกับการยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ในขณะนี้"

นับว่าเป็นท่าทีที่ค่อนข้าง"คาดไม่ถึง" ของคอการเมืองพอสมควร

ทีนี้ก็มารอดูว่า บรรดา สส.พรรคพลังประชาชน จะกระ***นกระหือรือยื่นญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปหรือไม่

ที่สำคัญ เมื่อมีน้ำหนักจากฝ่ายกองทัพ ฟันธงออกมาตรงๆ ไม่อ้อมค้อมเช่นนี้

ย่อมทำให้เงื่อนไขการชุมนุมต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีน้ำหนักมากขึ้น

รวมทั้งการคัดค้านจากฝ่ายค้านและฝ่ายตุลาการ ซึ่งได้ออกมาโต้แย้งเชิงหลักการให้เห็นเมื่อวานนี้

ฝ่ายรัฐบาลและกลุ่ม สส.เสียงข้างมากจะรับฟังหรือไม่ ไม่อาจคาดเดา


เอาเป็นว่า.....เรื่องนี้ต้องขยาย.....ยังไม่ฟังธงไปในด้านใด

หากหันไปดูมาตรา 271 ที่กำหนดวิธีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องผ่านขั้นตอนมากมาย

หากเสียงข้างมากจะใช้วิชาหักดิบ คงกินกันไม่ได้ง่ายๆ แน่นอน

http://www.oknation.net/blog/black/2008/07/15/entry-1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2008, 20:51 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

mebeam
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 634


Fear can hold you prisoner. Hope can set you Free.


« ตอบ #12 เมื่อ: 16-07-2008, 18:58 »

ประเดิม ออกหมายจับ สมเกียรติ ก่อนเลยเย็นนี้   ยังไม่มีใครตั้งกระทู้เลย

และถ้าค่ำนี้เหล่าตุลาการ ได้ดูสกู๊ปพิเศษ NBT เรื่องการละเมิดอำนาจศาล ของเหล่า 5 แกนนำ
คงมี เรื่องดีๆ ตามมาอีกเป็นชุด

 
บันทึกการเข้า
An.mkII
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,984


Out of kontrol....!!!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 16-07-2008, 19:31 »

 

 คาดตร.ทำสำนวนคดี'พันธมิตร'หมิ่นฯ เสร็จสัปดาห์หน้า
 
   
 ผู้อ่าน 103 คน วันที่ 04 กรกฎาคม 2551 เวลา 13:36:54 น

     


ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกตร. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน นำหลักฐานซีดีบันทึกภาพและเสียง เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ให้ดำเนินคดีกับ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.แบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในข้อหาหมิ่นประมาท ตามมาตรา 112 กรณีใช้ถ้อยคำจาบจ้วงเบื้องสูง โดยระบุว่า อาจารย์โรงเรียนราชวินิตเป็นพวกเขมร และโรงเรียนราชวินิตเป็นของสมเด็จ ฮุนเซน ว่า เบื้องต้นเมื่อมีคนมาร้องทุกข์กล่าวโทษ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบว่ามีมูลความผิด ก็นำเข้าคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นพระบรมราชานุภาพของกองบัญชาการตำรวจ นครบาล ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่โดยตรง


ส่วนจะเรียกผู้ถูกล่าวหามาชี้แจงหรือไม่นั้น พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า  พนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานจนถึงระดับหนึ่งก่อน เพื่อพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามมาตรา 112 หรือไม่ หากเข้าข่าย ก็ตรวจสอบต่อไปว่าใครเป็นผู้หมิ่นประมาท

จากนั้นจึงเรียกมาชี้แจงข้อกล่าวหา และนำข้อเท็จจริงมาหักล้าง แต่หากออกหมายเรียกแล้วไม่มา จะดำเนินการเสนอศาล เพื่อออกหมายจับต่อไป ทั้งนี้ คาดว่าพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จเร็วๆ นี้

 
http://www1.matichonmultimedia.com/~matichon/news_detail.php?id=39261&catid=17

 



บช.น.ลุ้นศาลออกหมายจับ "สมเกียรติ"พูดหมิ่นเบื้องสูง

วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11085






รายงาน ข่าว


จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นเบื้องสูง บช.น.ได้ประชุม เพื่อพิจารณาคดีที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 1 ในแกนนำกลุ่มพันธมิตรที่ สน.นางเลิ้ง กรณีขึ้นปราศรัยบนเวทีมีเนื้อหาหมิ่นเบื้องสูง


ใช้เวลาหารือ 2 ชั่วโมง

มีการพิจารณาถึงพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวบรวมไว้ แล้วจึงมีความเห็นให้พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญากรุงเทพ ใต้ในวันที่ 16 กรกฎาคม


http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0112160751&day=2008-07-16&sectionid=0101
 
+++++

นี้แหละผลพวงของคนที่มีสมองไว้กันหู....
บันทึกการเข้า
mebeam
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 634


Fear can hold you prisoner. Hope can set you Free.


« ตอบ #14 เมื่อ: 16-07-2008, 20:09 »

^^^^^   ศาลพิจารณาออกหมายจับ โดยดูจากหลักฐาน ที่ตำรวจเสนอมา  ตำรวจ ก็ดูหลักฐานตามที่คนแจ้ง 
  แล้วตกลงว่าใครมีสมองไว้กันหู 
บันทึกการเข้า
อธิฏฐาน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,912


รักษาประเทศชาติ เป็นหน้าที่ของชาวไทยทุกคน


« ตอบ #15 เมื่อ: 16-07-2008, 20:17 »

^^^^^   ศาลพิจารณาออกหมายจับ โดยดูจากหลักฐาน ที่ตำรวจเสนอมา  ตำรวจ ก็ดูหลักฐานตามที่คนแจ้ง 
  แล้วตกลงว่าใครมีสมองไว้กันหู 

สงสัยนังเพ็ญแอบปิ๊งคุณสมเกียรติค่ะ เลยหาทางให้ไปอยู่ด้วยกัน




บันทึกการเข้า

หยุด...สัมปทานอุทยานแห่งชาติ
http://www.oknation.net/blog/sandstone
西施无情
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 456


ไซซีไ้ร้ใจ


« ตอบ #16 เมื่อ: 16-07-2008, 20:19 »

หน้าตาอุบาทว์อัปลักษ์ ดูก็รู้ว่าเป็นเกย์

หมายเหตุ : ไม่ได้ว่าให้เกย์ทั้งหลายแหล่นะคะ แต่รูป E-Pen เนี่ยมันเหมือนจริงๆ ดูก็รู้ไม่ต้องคิดเป็นอื่นเลย
บันทึกการเข้า

我愛你, 陈一冰,
An.mkII
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,984


Out of kontrol....!!!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 16-07-2008, 20:26 »

แล้วจู่ๆ  ไปออกหมายจับเขาได้เลยหรือ...โดยไม่ต้องมีหมายเรียกมาก่อน..

รึว่า เขามีหมายเรียกแล้ว ถ้ามีเอามายัน... เอาข่าวที่ว่ามีการออกหมายเรียกมายัน...
 
รึว่า สรุปว่า เดี๋ยวนี้ กฏหมายประเทศไทยเขามีแบบนี้เเล้ว..คือไม่ต้องออกหมายเรียกออกหมายจับมันเลย.

แบบนี้


๑..ไปแจ้งความ นาย ก.

๒..ตำรวจออกหมายจับ นาย ก.


มิใช่ว่า...


๑.. ไปแจ้งความ  นาย ก.

๒.. ตำรวจออกหมายเรียก นาย ก.มารับทราบข้อกล่าวหา

๓.. แต่เมื่อนาย ก. ไม่มารับทราบข้อกล่าหา ตำรวจจึงออกหมายจับ นาย ก.


อืม..สงสัยถ้างั้นแบบนี้ต้องเผาตำรากฏหมายทิ้งซะแล้ว..

ถ้าคิดจะออกหมายจับ ก่อนออกหมายเรียก... 
บันทึกการเข้า
An.mkII
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,984


Out of kontrol....!!!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 16-07-2008, 20:57 »

อืม...

ไปหาข่าวมาใหม่ สงสัย ผมก็คงจะมีหัวสมองไว้กันหูจริงๆ..

ที่ไม่รู้ว่ายุคนี้ ตำรวจไทยออกหมายจับได้เลยโดยไม่ต้องมใีหมายเรียก...

สุดยอด....


เพราะถ้าใครจะอ้างว่ามันเป็นคดีหมิ่นมันร้ายเเรง ต้องออกหมายจับสถานเดียว ห้ามออกหมายเรียก..


เอ๋ ที่อีปากจู๋ข้างบนนั้นแหละ เหตุไรจึงมีการออกหมายเรียกด้วย เหตุไรไม่ออกหมายจับเลย...


อืม..กฏหมายประเทศนี้เขาพัฒณาฮวบๆไปแล้วจริงๆ  คนที่มีหัวสมองไว้กันหูอย่างผมต้องไปศึกษากฏหมายใหม่... 

ทั้งๆที่ข่าวในวันที่๔ ของมติชนมาอ้างอิง  ตำรวจก็ยังบอกว่า  ต้องมีหมายเรียกก่อนหมายจับ





ออกหมายจับ"สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์"หมิ่นเบื้องสูง
   
19:59 น.


    เมื่อเวลา 17.45 น.พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. กล่าวถึงกรณีการออกหมายจับ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เนื่องจาก นายธนชาติ แสงประดับธรรมโชติ เข้าแจ้งความกับ ตำรวจ สน.นางเลิ้ง เมื่อ 29 มิ.ย. 2551 โดยกล่าวหา นายสมเกียรติ ขึ้นกล่าวปราศรัย บนเวทีพันธมิตร มีการกล่าวพาดพิง ดูหมิ่น สถาบันกษัตริย์ มีความผิดตามประมวล ป.อาญา มาตรา 112 โดยนำเทปการกล่าวปราศรัย ภาพถ่าย ภาพวีดีโอ มอบตำรวจเป็นหลักฐาน


    พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า นายธนชาติ แจ้งความกับนายสมเกียรติเพียงคนเดียว หลังจากพนักงานสอบสวน โดยพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดที่ได้รับจากนายธนชาติ

 และผลการสอบสวนมีมูลจึงขออนุมัติหมายจับศาลอาญา กระทั่งศาลอนุมัติออกหมายจับ ที่ 2200/2551 ลงวันที่ 16 ก.ค. ซึ่งตำรวจจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
   
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเรียกตัวนายสมเกียรติมารับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า คงไม่จำเป็นต้องเรียก หากเจอตัวสามารถจับกุมได้ทันที


ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะไปจับกุมที่เวทีปราศรัยหรือไม่ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวต่อว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่หากออกมานอกเวที ก็ค่อยว่ากัน แต่ หากมามอบตัวก็ยินดีให้ความสะดวก ขณะนี้ไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียก และ นายสมเกียรติไม่ได้รับการคุ้มครองจากเอกสิทธิ์ จากสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากอยู่ในช่วงปิดสมัยการประชุม ถ้าพบตัวที่ไหนก็สามารถจับกุมได้

แต่ส่วนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เกียรติเสมอ และอยากบอกฝากสื่อมวลชนไปว่าหากรู้แล้วให้มาติดต่อมอบตัวได้ทันที โดยธรรมชาติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สามารถใช้ตำแหน่ง หรือหลักทรัพย์ ประกันตัวเองได้ หากปฏิบัติตามเงื่อนไขของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้าจะให้ประกันตัวก็ต้องอยู่ในกรอบกติกา ซึ่งกำหนดว่า จะต้องมีการดำเนินการอย่างไรบ้าง


http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=329609





พธม.มึน"สมเกียรติ"ถูกออกหมายจับ
   
20:03 น.


    นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ แถลงกรณีที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ออกหมายจับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูงว่า

 ขอตั้งข้อสังเกตจากการออกหมายจับดังกล่าวว่าทำไมถึงรวดเร็วผิดสังเกตแทบทุก ขั้นตอน

เพราะตามปกติของขั้นตอนก่อนที่จะออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องออกหมายเรียกก่อนสองครั้ง หากผู้ถูกกล่าวหไม่ยอมไปตามหมายเรียก จึงจะออกหมายจับได้
   
 แต่กรณีของนายสมเกียรติใช้เวลาไม่ถึงสิบวันก็ออกหมายจับซึ่งถือเป็นการกระทำ ที่รวดเร็วมาก และอยู่ๆก็ออกหมายจับเลยซึ่งผิดขั้นตอน ตนขอตั้งข้อสังเกตไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึงบรรทัดฐานการดำเนินคดีของ นายสมเกียรติกับคดีที่เกี่ยวกับนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในข้อหาหมิ่นพระบรมเชานุภาพ

    โดยขณะนี้กลับไม่มีความคืบหน้าทางคดีแต่อย่างใด และเท่าที่ตนทราบมามีการดึงคดีไปออญุ่ในความดูแลของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ รองผบ.ตร.และมีแนวโน้มว่าจะดองคดีของนายจักรภพเพื่อให้สังคมลืมและจะทำให้ คดีหมดอายุความไป ซึ่งสุดท้ายจะเป็นมวยล้มต้มคนดูและสิ่งที่ตำรวจดำเนินการแสดงให้เห็นว่า ประเทศเราเป็นรัฐตำรวจไปแล้ว

    รวมทั้งยังมีคดีของพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในข้อหาการใช้เงินประชาสัมพันธ์ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอย่างผิดประเภท ซึ่งคดีนี้ก็ยังคงดองอยู่ ที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ซึ่งตนไม่แน่ใจว่านายกฯต้องการเอาคดีดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการต่อรองใน การดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.เสรี เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร.หรือไม่
 
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=329610&lang=T&cat=   
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 16-07-2008, 20:58 »

ป.วิอาญา ถ้ามีคนร้องต้องออกหมายเรียก 2 ครั้ง

หากหมายเรียกไปแล้วไม่มาค่อยขอออกหมายจับ ซึ่งก็แค่ให้ไปแก้ข้อกล่าวหา

ทำสำนวน ขอหมายจับจากศาล หากศาลเห็นด้วย ก็ออกหมายจับให้

สุดท้ายเมื่อไปแสดงตัวที่ สถานีตำรวจ ก็ใช้ตำแหน่ง สส. ประกันตัว

อีกนานครับ

คดีอีเพ็ญยังไม่เห็นคืบอะไรเลย


จู่ๆ ไปขอออกหมายจับ เดี๋ยวก็โดน 157 ซะเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2008, 22:09 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #20 เมื่อ: 16-07-2008, 21:29 »

ถ้าอัตราโทษเกินสามปี ก็เสนอขอออกหมายจับได้ครับ

อย่างที่คิดกันนั่นละ รัฐตำรวจ คดีอื่น เงียบเชียบ แปลไม่เสร็จ


แล้วแต่จะอ้าง




ผมว่ารอฟังทาง อ.สมเกียรติ ดีกว่าว่าจะดำเนินการอย่างไร

เพราะมีทางให้เล่นเย๊อะ สำหรับรัฐตำรวจ

เช่น ไม่ขอประกันตัว

เป็นต้น


ผมว่า ฝ่ายโน้นหวังผล เพื่อเป็นบรรทัดฐานว่า คดีหนูเพ็ญ จะเอาไงดีหว่า

 
บันทึกการเข้า
อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #21 เมื่อ: 16-07-2008, 21:47 »

องค์กรตุลาการต้องดำรงตนอย่างเป็นกลางและปราศจากอคติ ในกระบวนพิจารณาคดี ต้องให้โอกาสคู่ความทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ในกรณีที่ผู้พิพากษามีส่วนได้เสียกับประเด็นแห่งคดีที่ตนจะพิจารณา ผู้พิพากษานั้นต้องถอนตัวออกจากการพิจารณาคดี ดังสุภาษิตในภาษาละตินที่ว่า “Nemo in propria causa judex” ด้วยเหตุนี้ จึงเห็นกันว่าผู้พิพากษาทั้งหลายไม่ควรเข้าไป ‘เล่น’ การเมืองด้วยการไปดำรงตำแหน่งในรัฐบาล ไปร่างรัฐธรรมนูญ ไปร่างกฎหมาย หากเข้าไปแล้วก็ไม่ควรกลับมาเป็นผู้พิพากษาใหม่ เพราะในวันข้างหน้าเป็นไปได้ว่า อาจมีประเด็นแห่งคดีเกี่ยวกับเรื่องที่ตนเคยเข้าไปเกี่ยวข้อง
บันทึกการเข้า

soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #22 เมื่อ: 16-07-2008, 21:51 »

มะเหงก เอาไรมาโพสวะ

ลอกมาจากไหน 
บันทึกการเข้า
อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #23 เมื่อ: 16-07-2008, 22:01 »

ก็มันจริงมั้ยหล่ะ

ดั้นจะมาแถซะอีก
 
บันทึกการเข้า

An.mkII
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,984


Out of kontrol....!!!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 16-07-2008, 22:06 »

องค์กรตุลาการต้องดำรงตนอย่างเป็นกลางและปราศจากอคติ ในกระบวนพิจารณาคดี ต้องให้โอกาสคู่ความทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ในกรณีที่ผู้พิพากษามีส่วนได้เสียกับประเด็นแห่งคดีที่ตนจะพิจารณา ผู้พิพากษานั้นต้องถอนตัวออกจากการพิจารณาคดี ดังสุภาษิตในภาษาละตินที่ว่า “Nemo in propria causa judex” ด้วยเหตุนี้ จึงเห็นกันว่าผู้พิพากษาทั้งหลายไม่ควรเข้าไป ‘เล่น’ การเมืองด้วยการไปดำรงตำแหน่งในรัฐบาล ไปร่างรัฐธรรมนูญ ไปร่างกฎหมาย หากเข้าไปแล้วก็ไม่ควรกลับมาเป็นผู้พิพากษาใหม่ เพราะในวันข้างหน้าเป็นไปได้ว่า อาจมีประเด็นแห่งคดีเกี่ยวกับเรื่องที่ตนเคยเข้าไปเกี่ยวข้อง

บทความ ปิยบุตร แสงกนกกุล : องค์กรตุลาการกับประชาธิปไตย   
 


ปิยบุตร แสงกนกกุล

คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ID=11874&Key=HilightNews
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #25 เมื่อ: 16-07-2008, 22:17 »

หากผู้พิพากษา ตกเป็นจำเลย

ทางฝ่ายตุลาการมีกฎ มีเกณฑ์ ในการจัดตุลาการเข้าพิจารณาคดี

ผมไม่เห็นเป็นห่วงอะไร

ที่สำคัญ พวกนักการเมืองที่ขับรถสวนทางวันเวย์ ทั้งๆ ที่มีป้ายบอกชัดเจน

แล้วมาบอกว่ากฎหมายผิด หรือ ติดป้ายผิดเมื่อโดนตำรวจจับ

ผมว่ามันเพี้ยนๆ อยู่นะ


ยิ่งนักการเมืองดิ้น ประชาชนก็ยิ่งเห็นว่า รัฐธรรมนูญ 2550 คือยาแรงที่กำลังออกฤทธิ์

ทั้ง ผบ.ทอ./ผบ.ทบ. ก็ออกมาบอกแล้ว ทำไมไม่ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมทำงานไป

ฝ่ายการเมืองก็ทำงานไป ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐฐธรรมนูญ ซึ่งทำขึ้นมาเพื่อให้การเมืองสะอาดขึ้น


การตรวจสอบ ถ่วงดุล ของพลังทางสังคม หรือ จากฝ่ายตุลาการ ก็ชอบแล้วโดยหลักประชาธิปไตย

พวกนักการเมืองที่คุ้นชินกับการคอรัปชั่นอำนาจนั่นต่างหาก ที่ต้องปรับตัวไปตามกฎ กติกา ที่ควรจะเป็น

นักการเมืองล้าหลังกว่าประชาชน จะไปพัฒนาประเทศได้ยังไง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2008, 22:26 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

KILL...ER
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 330



« ตอบ #26 เมื่อ: 16-07-2008, 22:25 »

ปปช.เถื่อน นั่นน่ะเหรอ

ไอ้หัวโป๊งเหน่ง ซวยแน่แล้วงานนี้ ซวยทั้งก๊ก งานนี้ถึงกับคุก

รู้ทั้งรู้ว่า มันไม่ได้รับโปรดเกล้าแล้วยังเสือกหน้าด้านทำงาน

เท่ากับว่ามันไม่มีความจงรักภักดี ต้องเอาไปตัดหัวเหม่งๆ ออกซะ
บันทึกการเข้า

จงภาคภูมิใจในความเป็นไพร่กระฎุมพี
mebeam
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 634


Fear can hold you prisoner. Hope can set you Free.


« ตอบ #27 เมื่อ: 16-07-2008, 22:26 »

เรื่องหมายจับหมายเรียก
ตำรวจเขาตอบคำถามได้

1 ถ้าอัตราโทษเกินสามปี ตำรวจเสนอขอออกหมายจับได้ครับ  ( คุณ SOCO บอกไว้ถูกแล้ว )
2. ศาลพิจารณาแล้วหลักฐานครบ ชัดแจ้ง  อนุมัติออกหมายจับได้ ( ศาลท่านตัดสินใจเอง )

อัตราโทษ หมิ่นสถาบัน จำคุก 3 - 15 ปีครับ  


เรื่องแค่นี้คงไม่ต้องถึงกับเผาตำรากันมั้งครับ  
    



บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: 16-07-2008, 22:33 »

Killer ไม่ยอมอ่าน มาตรา 299 อีกแฮะ

ในกระทู้ก็ใส่ให้อ่านอยู่แล้ว ยังมาดันทุรังตามป๋าหมาก / ลุงหมัก

อ้อ...รัฐธรรมนูญ 2550 ผ่านการลงประชามติ ด้วยคะแนนสูงกว่าพรรคพลังประชาชนนะ เก็บไปคิดด้วย


ที่สำคัญในรัฐธรรมนูญ 2540 ที่ว่าดีนักดีหนา ก็ไม่ได้กำหนดให้ปปช. ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณ

เลยไม่ทราบว่าเก็บประเด็นนี้มาเล่นได้ยังไง


ขับรถสวนวันเวย์ พลตำรวจก็ออกใบสั่งได้นะ

ถึงที่สุดก็ไปสิ้นสุดที่ศาลอยู่ดี มิใช่ว่า ปปช.ชี้แล้วต้องเป็นไปตามนั้นซักหน่อย

ส่วนเรื่องยุบพรรค ก็มีมาตั้งแต่ 2540 มาเพิ่มโทษเพราะแม้ยุบพรรคพวกขี้โกงก็ไม่สำนึก ย้ายพรรคเฉยเลย

เค้าถึงต้องทำโทษผู้บริหารพรรค ก็เท่านั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-07-2008, 00:12 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
    กระโดดไป: