my favorite songs and movies

[drop]

http://www.bangkokbiznews.com/2008/01/23/WW10_WW10_news.php?newsid=222863



วงการฮอลลีวู้ดช็อคกับการเสียชีวิตของดาราหนุ่มดาวรุ่ง"ฮีท เลดเจอร์" ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือเจตนาฆ่าตัวตาย

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ฮอลลีวู้ดอยู่ในอาการช็อค หลังทราบข่าวจากจากไปของดาราหนุ่มดาวรุ่งชาวออสเตรเลีย "ฮีท เลดเจอร์"วัย 28 ปี ซึ่งมีผู้พบศพอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่นครนิวยอร์คเมื่อบ่ายวันอังคาร  ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต แต่แหล่งข่าวทางตำรวจบอกกับสื่อมวลชนว่า มีขวดยานอนหลับตามใบสั่งแพทย์ตกอยู่ข้างศพ บ่งชี้ว่าหากไม่ใช่การรับประทานยาเกินขนาดโดยไม่เจตนา ก็เป็นการฆ่าตัวตาย

ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่าเขาเคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วเมื่อเดือนกันยายน หลังแยกทางกับ  "มิเชลล์ วิลเลี่ยมส" ดาราสาวผู้รับบทภรรยาของเขาในภาพยนต์คาวบอยเกย์ Brokeback  Mountain ซึ่งทำให้เขาเคยได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ ในบทนักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม ทั้งคู่มีลูกสาววัย 2 ขวบด้วยกัน และเคยมีรายงานว่าเขาพยายามต่อสู้กับการเสพติดเฮโรอีนด้วย

เลดเจอร์เพิ่งเสร็จสิ้นการรับบทดาวร้าย"โจ๊กเกอร์" ในภาพยนต์ตอนใหม่ของBatman Begins ชื่อ Dark Knight ในปีนี้ ภาพยนต์เรื่องอื่นๆที่เขาเคยแสดง รวมทั้ง A Knight's Tale,The Patriot และMonster's Ball.ภาพยนต์ที่ออกฉายล่าสุดของเลดเจอร์คือ I'm Not There ซึ่งเขารับบทเป็นหนึ่งในร่างเกิดใหม่ของนักร้องคนดัง"มิค แจคเกอร์" เช่นเดียวกับดาราสาวเคท แบลนเช็ต ผู้ซึ่งเมื่อวันอังคาร เพิ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากการรับบทร่างที่เกิดใหม่อีกร่างหนึ่ง

เมล กิ๊บสัน ผู้กำกับและนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ ผู้เลือก            "เลดเจอร์"มารับบทลูกชายในภาพยนต์สงครามประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ เรื่อง The Patriots  ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อการจากไปก่อนวัยอันควรของเขา เช่นเดียวกับดาราสาวชาติเดียวกัน "นิโคล คิดแมน"ขณะที่สตูดิโอยักษ์ใหญ่"วอร์เนอร์ บราเดอร์" บอกว่าเป็นการสูญเสียดาราผู้มีความสามารถสูง เลดเจอร์เป็นดาราดาวรุ่งที่กำลังมาแรงและเป็นคนพิเศษ

*************************
ดูหนังที่แสดงเรื่องแรก ชื่อ  knight  สนุกดี  หนังย้อนยุค  กึ่งหนังเพลง แบบสมัยใหม่
แล้วตามไปดู เรื่อง the  patriot  เล่นเป็นลูกชาย เมล กิ๊บสัน  สงครามกลางเมืองของ สรอ
เคยดู four  feather  หนังเกียรติศักดิ์ทหาร 
เรือง  Ned Kelly
และหลายคนคงรู้จักมากขึ้นจากเรื่อง  Brokeback Mountain

มีหนังรัก อีกเรื่องนึง จำไม่ได้  ที่ ไปร้องเพลง จีบสาว  บนอัฒจรรย์  สนามกีฬา  สนุกดี

ชอบพระเอกคนนี้  มาเสียชีวิต ซะแล้ว
 คงต้องสวดมนต์ แผ่เมตตา ให้แล้ว

 

[drop]

หาเจอล่ะ ชื่อหนังเรื่อง  10 things i hate about you  หนุ่ม ฮีท ขึ้นไปร้องเพลงกลางสนามฟุตบอล ด้วยเพลง

 Can't take my eyes off you ที่ Heath ร้องใน จีบสาว  Julia Stiles   ทั้งคู่ยังเป็น วัยรุ่นอยู่

หนังเรื่องแรก ๆ ของทั้งสองคน

ไปหาโหลดเพลงมาฟัง แล้วจะมาแปะทีหลัง

 

[ปรมาจารย์เจได]

โอว

พระเอกหนังเรื่อง Ned Kelly ของผมตายซะแล้ว...

ไปสู่ดีนะครับ

[drop]

คลิบหนังตอนร้องเพลงสนุกดี น่ารักดี 

http://www.youtube.com/watch?v=wWV7LWyTFQM&feature=related




ป.ล.  เนท แคลลี่ หนังคาวบอย  เหมือนเจสสี่ เจมส์ ของเมกา  ถ้าจำไม่ผิด


อิอิ 

[ปรมาจารย์เจได]

โอ้ว Ned Kelly เป็นโจรในอุดมคติผมเลยนะครับ
ฉายา Iron outlaw
เขามีสไตล์เป็นของตัวเอง ไม่ต้องเลียบแบบคาวบอย
ต้นแบบตำนานโจรออสซี่


ชุดเกราะ ใช้เมื่อต้องดวลปืน ประจัญบาน





เข้าสไตล์โจรที่มีคุณธรรม
ไม่ต้องการฆ่าใคร

แม้กระทั่งจะจี้เขาเป็นตัวประกัน ยังขอก่อน และขอให้เล่นละครตามไปด้วย

สุดท้าย เพื่อนพ้องตายเรียบ ตอนตำรวจบุกจับ

เหลือเค้าคนเดียวที่รอด
แล้วถูกพิพากษาให้แขวนคอ

มีประชาชนเข้าชื่อเพื่อขอไม่ให้ทางการฆ่าเค้าเป็นจำนวนมาก แต่ก็ตายอยู่ดี..

มาได้เห็นเป็นหนังแบบสนุกๆก็ตอนตา ฮีต เลดเจอร์ เล่นนี่แหละ

[drop]

คือว่า  เป็นพวก outlaw  นะ   ทำนองไม่ได้รับความยุติธรรมจาก  รบ  เลยต้องไปเป้นโจร

เนท  นี่ ชาวไร่ ธรรมดา ที่ต้องกลายเป็นโจร 

หนังคาวบอย คลาสสิค มีไม่กี่เรื่อง  butch cassidy  and the sundance kids   นี่เรื่องโปรด

ว่าแล้ว ก็ขอลางาน พักร้อน ไปบ้านนอกดู หนัง  ฮีท เลดเจอร์  ดีกว่า

ม่ายหวายแล้ว  สบถ... จนติดปากแล้ว   

อิอิ 

[ชัย คุรุ เทวา โอม]

http://www.youtube.com/watch?v=1GNearEuncU

Bob Dylan - Knockin' on Heaven's Door

เพลงนี้แต่งเพื่อชีวิตของ เจสซี่ เจมส์ ผมว่าก็คงคล้ายๆกันนะครับ

[drop]

คลิบหนังตอนร้องเพลงสนุกดี น่ารักดี 

http://www.youtube.com/watch?v=wWV7LWyTFQM&feature=related




ป.ล.  เนท แคลลี่ หนังคาวบอย  เหมือนเจสสี่ เจมส์ ของเมกา  ถ้าจำไม่ผิด


อิอิ 

อิอิ  แปะผิดลิงค์  http://www.youtube.com/watch?v=BIW7WXPb-dc

[drop]

คือว่า  เป็นพวก outlaw  นะ   ทำนองไม่ได้รับความยุติธรรมจาก  รบ  เลยต้องไปเป้นโจร

เนท  นี่ ชาวไร่ ธรรมดา ที่ต้องกลายเป็นโจร 

หนังคาวบอย คลาสสิค มีไม่กี่เรื่อง  butch cassidy  and the sundance kid   นี่เรื่องโปรด

ว่าแล้ว ก็ขอลางาน พักร้อน ไปบ้านนอกดู หนัง  ฮีท เลดเจอร์  ดีกว่า

ม่ายหวายแล้ว  สบถ... จนติดปากแล้ว   

อิอิ 

แปะลิงค์  http://www.youtube.com/watch?v=howEAqstkzQ

เด๋วหาเนื้อเพลงมาลง  อิอิ   

RAINDROPS KEEP FALLIN' ON MY HEAD

- words by Hal David, music by Burt Bacharach
- from the movie "Butch Cassidy and the Sundance Kid"
  starring Paul Newman and Robert Redford
- won the Academy's Oscar for the Best Film Song of 1969
- lyrics as recorded by B.J. Thomas (#1 for 4 weeks in 1970)

Raindrops keep fallin' on my head
And just like the guy whose feet are too big for his bed
Nothin' seems to fit
Those raindrops are fallin' on my head, they keep fallin'

So I just did me some talkin' to the sun
And I said I didn't like the way he got things done
Sleepin' on the job
Those raindrops are fallin' on my head, they keep fallin'

But there's one thing I know
The blues they send to meet me won't defeat me
It won't be long till happiness steps up to greet me

Raindrops keep fallin' on my head
But that doesn't mean my eyes will soon be turnin' red
Cryin's not for me
'Cause I'm never gonna stop the rain by complainin'
Because I'm free
Nothin's worryin' me

------ trumpet ------

It won't be long till happiness steps up to greet me

Raindrops keep fallin' on my head
But that doesn't mean my eyes will soon be turnin' red
Cryin's not for me
'Cause I'm never gonna stop the rain by complainin'
Because I'm free
Nothin's worryin' me

 

[drop]

ท่อง you tube  เจอเรื่องโปรดอีกเรื่อง



http://www.youtube.com/watch?v=ww8wqEgFIA8&feature=related


หนังโปรด  เพลงโปรดขนาดหนักอยุ่ช่วงนึง  ภาพประกอบเพลงชุดนี้  ชอบมาก  เอามาฝาก

อิอิ   :slime_bigsmile:m

[drop]

http://www.youtube.com/watch?v=WmxT21uFRwM

Print: Michael Jackson - We Are the World Lyrics print version


>> Download "Michael Jackson" Music <<

>> Complimentary "We Are the World" Ringtone <<


There comes a time
When we head a certain call
When the world must come together as one
There are people dying
And it's time to lend a hand to life
The greatest gift of all

We can't go on
Pretneding day by day
That someone, somewhere will soon make a change
We are all a part of
God's great big family
And the truth, you know love is all we need

[Chorus]
We are the world
We are the children
We are the ones who make a brighter day
So let's start giving
There's a choice we're making
We're saving our own lives
It's true we'll make a better day
Just you and me

Send them your heart
So they'll know that someone cares
And their lives will be stronger and free
As God has shown us by turning stone to bread
So we all must lend a helping hand

[Chorus]
We are the world
We are the children
We are the ones who make a brighter day
So let's start giving
There's a choice we're making
We're saving our own lives
It's true we'll make a better day
Just you and me

When you're down and out
There seems no hope at all
But if you just believe
There's no way we can fall
Well, well, well, well, let us realize
That a change will only come
When we stand together as one

[Chorus]
We are the world
We are the children
We are the ones who make a brighter day
So let's start giving
There's a choice we're making
We're saving our own lives
It's true we'll make a better day
Just you and me


>> Download "Michael Jackson" Music <<

>> Complimentary "We Are the World" Ringtone <<

[aiwen^mei]

หนังฮอลลีวู้ดในดวงใจได้แก่

๑. The Shawshank Redemption

๒. What's eating Gilbert Grape

๓. A few Food Men

๔. Far & Away

๕. Notting Hill

และ อีกสองเรื่องที่อัล ปาชิโน แสดงเป็นคนตาบอด กับ อีกเรื่องที่เมอรีล สตีฟ แสดงเป็นครูสอนไวโอลิน ลืมชื่อหนังไปซะเฉย ๆ 

แต่เดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยได้ดูหนังแล้วค่ะ มัวแต่เล่นอินเตอร์เน็ตแทน 

[qazwsx]

5 เรื่องในดวงใจของผม ( เอามั่งดิ )

1. 12 Angry Men ทั้ง Version ปี 1957 ( Henry Fonda ) หรือ Version หนัง TV ปี 1991 ( Jack Lemmon )
2. Forrest Gump
3. The Last Emperor
4. เฉิ่ม
5. Shindler's List

[drop]

หนังโปรด

Shindler ' s List
A  Few  good  men
Forrest  Gum
Lord  of The Ring
Lion King

[aiwen^mei]

5 เรื่องในดวงใจของผม ( เอามั่งดิ )

1. 12 Angry Men ทั้ง Version ปี 1957 ( Henry Fonda ) หรือ Version หนัง TV ปี 1991 ( Jack Lemmon )
2. Forrest Gump
3. The Last Emperor
4. เฉิ่ม
5. Shindler's List

หนังโปรด

Shindler ' s List
A  Few  good  men
Forrest  Gum
Lord  of The Ring
Lion King

ถ้าจำไม่ผิดนะคะ เรื่อง Forrest Gump คว้ารางวัลออสการ์แทบเหมายกเข่ง จนทำให้ The Shawshank Redemption ที่เข้าชิงในปีเดียวกัน ดเหมือนว่าจะวืดหมด หรืออาจได้มาแค่ตัวเดียว

เสียดายจนป่านนี้ ยังไม่ได้ดู ชินด์เลอร์ลิสต์ เลยค่ะ แต่ข่าวล่าสุดที่พ่อมดฮอลลีวู้ดออกมาประท้วงจีนถอนตัวจากมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่ง ทำเอาเซ็งแกไปเลย

สำหรับหนังที่ลืมชื่อไป เจอแล้วค่ะ ชื่อว่า Scent of a Woman อัล ปาชิโน รับบทนายทหารเกษียน (retired U.S. Army officer Lieutenant Colonel) ที่ตาบอด บทพูดคมมาก พูดแต่ละที ทำเอาสะอึกจุกไปตาม ๆ กัน แสดงเป็นคนตาบอดได้เหมือนจริงจนได้รางวัลออสการ์ ที่พักหลังรู้สึกว่า รางวัลนี้ไม่ขลังเท่าไหร่แล้ว



ส่วนอีกเรื่องคือ Music of the heart ของคุณป้ายอดนักแสดง Meryl Streep

[ปรมาจารย์เจได]

แนะนำหนังโปรดบ้างดีกว่า





ฟ้าทะลายโจร
TEARS OF THE BLACK TIGER

กำกับภาพยนตร์โดย :

วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง

ทีมงานสร้าง :

ผู้สร้าง : ฟิล์มบางกอก
ในเครือ บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน), ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น
บริหารการสร้าง : อดิเรก วัฎลีลา, ไบรอัน แอล มาร์การ์, เจริญ เอี่ยมพึ่งพร
บทภาพยนตร์ : วิศิษฎ์ ศาสนเที่ยง
กำกับภาพ : ณัฐวุฒิ กิตติคุณ, ระวิ เครือวรรณ, เรวัติ ปรีเลิศ
ดนตรีประกอบ : อมรพงศ์ เมธาคุณวุฒิ
ควบคุมการผลิต : นนทรีย์ นิมิบุตร

นักแสดงนำ :

ชาติชาย งามสรรพ์ ,สเตลลา มาลูกี้ ,ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ ,เอราวัติ เรืองวุฒิ

วันที่เข้าฉาย :

29 กันยายน 2543

ภาพยนตร์แนว :

แอ็คชั่น แฟนตาซี ดราม่า

เรื่องย่อ :

ดำได้พบกับรำเพยขณะที่ทั้งคู่ยังเด็ก เมื่อครั้งที่ครอบครัวของรำเพยหลบสงครามมาอยู่ที่สุพรรณบุรี ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ได้ทั้งคู่พบกันกลับสร้างความประทับใจไว้ไม่ลืมหลายปีผ่านไปดำเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ และได้พบกับรำเพย รำเพยจำเขาได้แต่ดำปฎิเสธ ดำช่วยเหลือรำเพยให้รอดพ้นจากการถูกข่มเหงของเพื่อนนักศึกษาเกเร แต่กลับถูกให้ออกจากมหาวิทยาลัยก่อนจากทั้งสองได้สารภาพถึงความรักที่มีต่อกัน ดำสัญญากับรำเพยว่าจะกลับมาสู่ขอเธอ แต่เมื่อกลับถึงบ้านปรากฏว่าบ้านดำถูกปล้น พ่อถูกฆ่าตาย ดำจึงตามไปล้างแค้น พวกโจรและนี่เองเป็นจุดพลิกผันที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นเสือดำ สมุนมือขวาของเสือฝ้ายโจรชื่อดัง เส้นทางรักระหว่างเขากับรำเพยจึงห่างออกจากกันมากยิ่งขึ้น

รางวัลที่ได้รับ :

OFFICIALLY SELECTED SUNDANCE 2002
รางวัลสุพรรณหงส์ ปี 2544
การสร้างภาพพิเศษยอดเยี่ยม (BEST SPECIAL VISUAL EFFECTS AWARD)
โดย อ๊อกไซด์ แปง
รางวัลสุพรรณหงส์ ปี 2544
ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม (BEST COSTUME DESIGN AWARD)
โดย น้ำผึ้ง โมจนากุล
OFFICIALLY SELECTED INTERNATIONAL DU FILM CANNES 2001
BEST ART DIRECTION INTERNATIONAL DE CINE GIJON 2001 SPAIN
OFFICIALLY SELECTED TOKYO FILMEX
JURY'S CHOICE (JURY'S SPECIAL AWARD) PIFAN 2001
DRAGONS & TIGERS AWARD FOR
YOUNG CINEMA VANCOUVER INTERNATIONAL FILMFESTIVAL 2000
รางวัลพระสุรัสวดี(ตุ๊กตาทอง) ปี 2543
เพลงนำภาพยนตร์ยอดเยียม "เพลง กำสวลจันทร์"
รางวัลพระสุรัสวดี (ตุ๊กตาทอง) ปี 2543
กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม โดย เอก เอี่ยมชื่น
รางวัลพระสุรัสวดี (ตุ๊กตาทอง) ปี 2543
เทคนิคพิเศษทางภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โดย อ๊อกไซด์ แปง
รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง ปี 2543
ผู้แสดงสมทบชายยอดเยี่ยม โดย สมบัติ เมทะนี
รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง ปี 2543
กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม โดย เอก เอี่ยมชื่น
รางวัลชมรมวิจารณืบันเทิง ปี 2543
ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม โดย อมรพงศ์ เมธาคุณวุฒิ
เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับเชิญอย่างเป็นทางการในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ

CANNES FILM FESTIVAL 2001
และได้เข้าชิงรางวัลในสาขา UN CERTRAIN REGARD (หนังที่น่าจับตามอง) ณ ประเทศฝรั่งเศส
SEATTLE INTERNATIONAL FILM FESTIVAL 2001 ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
NEW ZEALAND FILM FESTIVAL 2001 ณ ประเทศนิวซีแลนด์
EDINBURGH INTERNATIONAL FILM FESTIVAL 2001 ณ สหราชอาณาจักร UK
(อังกฤษ, เวลส์,สก๊อตแลนด์,ไอร์แลนด์เหนือ)
FILMMEX 2001 ณ ประเทศญี่ปุ่น
THE 2002 SUNDANCE FILM FESTIVAL ในประเภท WORLD CINEMA
THE 31st INTERNATIONAL FILM FESTIVAL ROTTERDAM ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์

เรื่องนี้ ตั้งใจไปดูตั้งแต่วันแรกที่เข้าเลยครับ ในตอนนั้น
คนดูเยอะมาก...

ทั้งโรงมี 4 คน

ตัวละครที่ชอบที่สุดคือ เสือฝ้าย นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี

[aiwen^mei]

แนะนำหนังโปรดบ้างดีกว่า



เรื่องนี้ ตั้งใจไปดูตั้งแต่วันแรกที่เข้าเลยครับ ในตอนนั้น
คนดูเยอะมาก...

ทั้งโรงมี 4 คน

ตัวละครที่ชอบที่สุดคือ เสือฝ้าย นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี

เรื่องนี้ดูจากยูบีซีค่ะ คลาสสิกมาก ชอบการถ่ายภาพ สวยได้ใจ

ถ้าหนังไทยล่ะก็ ชอบเรื่อง "โหมโรง" มาก ๆ ๆ กับอีกเรื่องคือ "๑๕ ค่ำเดือน ๑๑" 

[ปรมาจารย์เจได]

เรื่องนี้ดูจากยูบีซีค่ะ คลาสสิกมาก ชอบการถ่ายภาพ สวยได้ใจ

ถ้าหนังไทยล่ะก็ ชอบเรื่อง "โหมโรง" มาก ๆ ๆ กับอีกเรื่องคือ "๑๕ ค่ำเดือน ๑๑" 

 

พี่ดูหน้านางเอกสิครับ ไท๊ย ไทย ตอนหลังค่อยมาเห็นชื่อว่า สเตลล่า มาลูกี้ ยังขำอยู่เลย... แหม ถ้าไม่บอกว่าลูกครึ่งฝรั่งเนี่ย ชาตินี้คงไม่รู้

ตอนผมไปดูในโรงหนัง ผมยังคิดเลยว่า โอ้ แม่เจ้า มันหาคนหน้าตาไทยโบราณมาแสดงได้ใจมาก
จนถึงวันนี้ ผมยังไม่เห็นใครหน้าไทยโบราณเหมือนพี่ชาติชาย งามสรรพ์ กับนางเอกชื่อสเตลล่า ในเรื่องฟ้าทะลายโจรอีกเลย


อ่อ เรื่องโหมโรง ผมก็ไปดูวันแรกเหมือนกัน มันเข้าช่วงเดียวกันกับทวิภพ(สร้างใหม่)
โหมโรงมาดังเอาตอนหนังออกไปแล้ว
ทวิภพ ไม่มีใครกล่าวถึง

ส่วนเรื่อง 15 ค่ำ สนุกดีครับ
จนถึงวันนี้ ผมยังสงสัยอยู่เลยว่า ฉากที่นักประดาน้ำตายในน้ำอ่ะ สรุปมันโดนตัวไรกัด

ปล. 15 ค่ำ มันหาพระเอกหน้าตาลาวได้ใจมากมาแสดง 

[aiwen^mei]

พี่ดูหน้านางเอกสิครับ ไท๊ย ไทย ตอนหลังค่อยมาเห็นชื่อว่า สเตลล่า มาลูกี้ ยังขำอยู่เลย... แหม ถ้าไม่บอกว่าลูกครึ่งฝรั่งเนี่ย ชาตินี้คงไม่รู้

ตอนผมไปดูในโรงหนัง ผมยังคิดเลยว่า โอ้ แม่เจ้า มันหาคนหน้าตาไทยโบราณมาแสดงได้ใจมาก
จนถึงวันนี้ ผมยังไม่เห็นใครหน้าไทยโบราณเหมือนพี่ชาติชาย งามสรรพ์ กับนางเอกชื่อสเตลล่า ในเรื่องฟ้าทะลายโจรอีกเลย

จริงค่ะ เห็นด้วยทุกประการ 

ว่าแต่นางเอกคนสวยหายหน้าหายตาไปไหน หรือพี่ตกข่าวไม่รู้ค่ะ ไม่เห็นเธอเล่นหนังหรือละครอีกเลย

อ่อ เรื่องโหมโรง ผมก็ไปดูวันแรกเหมือนกัน มันเข้าช่วงเดียวกันกับทวิภพ(สร้างใหม่)
โหมโรงมาดังเอาตอนหนังออกไปแล้ว
ทวิภพ ไม่มีใครกล่าวถึง

ส่วนเรื่อง 15 ค่ำ สนุกดีครับ
จนถึงวันนี้ ผมยังสงสัยอยู่เลยว่า ฉากที่นักประดาน้ำตายในน้ำอ่ะ สรุปมันโดนตัวไรกัด

ปล. 15 ค่ำ มันหาพระเอกหน้าตาลาวได้ใจมากมาแสดง 

เรื่องโหมโรงนั้น ต้องยกให้เป็นความดีความชอบของสมาชิกพันทิปแห่งห้องเฉลิมไทยค่ะ ที่สร้างปรากฏการณ์โหมโรงจนหนังพลิกฟื้นคืนชีพกลับมาได้อย่างน่าอัศจรรย์

หนังเงียบมาก จนกำลังจะถูกถอดโปรแกรมอยู่แล้ว แต่ปาฏิหาริย์มีจริงค่ะ มีแฟนหนังที่เป็นสมาชิกพันทิปไปดูมา แล้วก็มาช่วยกันเชียร์ เชียร์จนได้ออกรายการดังในตอนนั้นของเฮียสรยุทธ์ที่ช่อง ๙

ท่านมุ้ยเองก็เป็นสมาชิกของพันทิป ใช้ชื่อว่า cinephil (ถ้าพิมพ์ผิดต้องขอประทานอภัยด้วยค่ะ) เข้าไปพูดคุยกับสมาชิกในกระทู้ด้วย เป็นที่น่าประทับใจยิ่ง

พี่ไปดูก็เพราะบังเอิญไปอ่านกระทู้ในห้องเฉลิมไทยพอดี ก็เลยเอานะ ลองไปดูเสียหน่อย

ดูแล้วต้องเชียร์ให้คนรอบข้างไปดู ขนาดครอบครัวพี่สาวอยู่ขอนแก่น ยังต้องขับรถไปดูที่อุดรธานีเลยค่ะ 

ส่วน ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ เป็นหนังไทยที่ฉีกแนว มันไม่ใช่แบบว่า พอดูต้นเรื่องแล้วรู้ตอนจบว่าเป็นอย่างไรเหมือนทุกทีอ่านะ 

ชอบที่สุดก็คุณสมชาย ศักดิกุล นี่แหละ ฮาซะ นอกจากจะแสดงเก่งแล้ว ยังพากย์เทนนิสได้เยี่ยมอีกต่างหาก 



นี่...เป็นผลงานปากต่อปากของแฟนหนัง

[ปรมาจารย์เจได]

ภาพยนตร์เรื่องโหมโรง เป็นหนังแนวปลุกกระแสชาตินิยมได้ดีทีเดียวครับ หากใครมีความรู้ด้านประวัติศาสตร์และการเมืองด้วยแล้ว ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่
ความประทับใจในหนังเรื่องนี้ ผมประทับใจหลายฉากมาก ไม่ว่าจะเป็น การได้เห็นการฝากฝังกันเข้ารั้วเข้าวัง, การหอบระนาดหนีการทิ้งระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 , การบรรเลงระนาดใส่นายทหารในยุคจอมพล ป

สิ่งที่ล่อใจผมไปดูหนังเรื่องโหมโรง
1. ผมชอบอุดหนุนหนังไทย ยิ่งทำแนวย้อนยุคยิ่งชอบ (ยกเว้นหนังของพจน์ อานนท์)
2. เห็นพระเอกใส่ชุดราชประแตนแล้วถือไม้ตีระนาดในใบโฆษณาหนัง ดูแล้วมันคลาสสิคมาก
3. เห็นว่าพงษ์พัฒน์แสดงด้วย เลยต้องดู (ไม่ว่าจะเป็นอำพล หรือ พงษ์พัฒน์ ผมดูทั้งนั้น)



 

ส่วนสเตลล่า มาลูกี้ (Stella Malucchi) นักแสดงหญิงลูกครึ่งอิตาลี-โคลัมเบีย ที่มีชื่อเสียงจากบท รำเพย จากภาพยนตร์เรื่อง ฟ้าทะลายโจร ของวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง
 
สเตลล่า มาลูกี้ เริ่มมีผลงานจากการถ่ายแบบ แสดงภาพยนตร์โฆษณา แสดงมิวสิกวิดีโอ และสะดุดตาวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ซึ่งกำลังมองหานางเอกสำหรับผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาอยู่ วิศิษฏ์ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า บทบาทของนางเอกภาพยนตร์ ฟ้าทะลายโจร นั้น ทำให้เขานึกถึงภาพของอลิซาเบธ เทเลอร์

ปัจจุบัน เปิดร้านขายอุปกรณ์แต่งรถแข่งนำเข้าจากอิตาลี และงานบริหารงานบริษัทของครอบครัว นำเข้าวัตถุดิบและอุปกรณ์เครื่องหนังจากอิตาลี มาขายต่อให้กับโรงงานในประเทศไทย

ผลงานล่าสุด
รับบท นันทาพราหมณี ที่ถูกขับเป็นจัณฑาล จาก องคุลีมาล (2546)


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2_%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%89

[drop]

หนังไทย  นี่เลย














ู
หนังไทยส่วนใหญ่ ดูจาก ดีวีดี  ยกเว้น ก้านกล้วย  ไปดูที่โรง

[ปรมาจารย์เจได]

หนังไทยที่ไปอุดหนุนมาล่าสุดก็คือรักสยามเท่าฟ้าครับ
นางเอกก็หน้าไทย น่ารักดี



แนว : Action, Comedy
กำกับ : ธนิตย์ จิตนุกูล
นำแสดง : ศรราม เทพพิทักษ์,มุตติพร ทองมาก, ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย, ทอม เคลย์เตอร์, สุเทพ วงศ์คำแหง,
เว็บไซต์ทางการ


          ครั้งแรก...ที่คนไทยรู้ว่าเครื่องบินคืออะไร...

          ครั้งแรก...ที่เครื่องบินประเทศฝรั่งแปลกปลอมเข้ามาบนท้องทุ่งนา...

         ครั้งแรก...ที่สยามประเทศติดปีก ริจะส่งคนไทย บินขึ้นไปชมประเทศตนเอง...บนฟ้า!!!

          ไม่มีอะไร สนุก น่ารัก ต้องใช้ความกล้า ความรัก และความสามัคคีเข้าสู้ เท่านี้อีกแล้ว

          จากเรื่องจริงของการก่อตั้งกองการบินขึ้นครั้งแรกในเอเชีย สู่ภาพยนตร์เปี่ยมแรงบันดาลใจ สัมผัสความงาม ความรัก และความสามัคคีแห่งฟากฟ้าสยามประเทศด้วยตาคุณเอง

เรื่องราว

          ปี พ.ศ.2447 พันตรี หลวงกาจยุทธการ (ขจรศักดิ์  รัตนนิสสัย) กลับจากฝึกเรียนการบินจากฝรั่งเศส ได้รับมอบหมายให้จัดตั้งกองบินแห่งสยาม แม้ขุนนางราชการผู้ทรงอำนาจบางท่านมองเรื่องเครื่องบินเป็นไร้สาระ หลวงกาจ จึงต้องปรับเปลี่ยนความเชื่อนี้ 

           ภารกิจแรกแห่งกองการบินสยาม ต้องฝึกนักบินคนสยามขึ้นมาให้ได้ โดยได้รับความช่วยเหลือจาก ปิแอร์ ปูร์ปอง ( ทอม เคลย์เตอร์) ครูฝึกของหลวงกาจ ศิษย์การบินกลุ่มแรกประกอบด้วย นายทหารสัญญาบัตร 4 นายร้อยโทรัตน์ (วุฒิชัย ไหมกัน) , ร้อยเอกอัษฏา (กฤษณ์  สุวรรณภาพ) ,พันตรีทวยเทพ ( ผดุงศักดิ์ กิจจานิชขจร), ร้อยตรีดำเกิง (กฤษฎา พัชรพิพัฒน์) โดยมี พลทหารชั้นประทวนร่วมกองบินเพียง 1นาย คือ พลทหาร ดวง เด็ดฉิมพลี (ศรราม เทพพิทักษ์) ลูกชาวนาที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักบิน 

          เมื่อเครื่องบินจากประเทศฝรั่งแปลกปลอมเข้ามาบนทุ่งนาสยาม...

          เมื่อเครื่องบินประจัญหน้ากับควาย...ไม่มีอะไรสนุก น่ารัก และต้องใช้ความกล้า ความรัก ความสามัคคีเข้าเผชิญเท่านี้อีกแล้ว

           ครั้งแรกที่คนไทยได้ขึ้นไปสัมผัสความงามแห่งฟากฟ้าแผ่นดินตนเอง เป็นที่รำลึกกล่าวขานของคนรุ่นหลังจวบจนทุกวันนี้


สิบตรี ดวง เด่นฉิมพลี ทหารชั้นประทวน อยากเป็นนักบิน


ลูกสาวพระยาเทวะวงศ์

[ปรมาจารย์เจได]

ตัวอย่าง

http://play.kapook.com/vdo/show-30156

[drop]

เนื้อหาดูน่ารักดี 

ศรราม  เป็นพระเอกหรือ   งั้นต้องไปหามาดูแล้ว   พระเอกในดวงใจ
 
กว่าจะโหลดคลิบมาดู  ครึ่งชั่วโมง

 

[aiwen^mei]

ขอบคุณหลาย ๆ ค่ะ และจากหนังที่ลิสต์มาข้างบน ได้ดูอีกเรื่องเดียวคือ แฟนฉัน

และไม่อยากจะบอกเลยว่า เพลง "แฟนฉัน" ของนราธิป วงชาตรีนั้น ฮิตซะขนาดไหน ดังจริง ๆ ในยุคนั้น ถ้าโรงเรียนมีประกวดร้องเพลง เพลงนี้จะเป็นหนึ่งในเพลงที่นักเรียนต้องเอามาร้องประกวดจนครูแปลกใจ 

ส่วนเรื่อง รักสยามเท่าฟ้า -- ขอรอดูจากยูบีซีค่ะ  แต่ดูจากภาพ และใบปิด น่าดูค่ะ

ถ้าชอบพงษ์พัฒน์ ตอนนี้ทุกเสาร์อาทิตย์ ช่วงเที่ยงมีรีรันซีรีส์ เรื่อง "อยู่กับก๋ง" ทางยูบีซีนะคะ เป็นก๋งที่เดิ้นมาก แค่ทรงผมก็เท่ระเบิด 

คุณ drop 333 โค้ดคำพูดของตัวเอกในเรื่อง A few good men มา ได้ใจมาก บทเชือดเฉือนปะทะคารมระหว่างลุงแจ๊ค นิโคลสัน กับหนุ่มหล่อทอม ครูซ  ระทึกกว่าฉากบู๊เป็นไหน ๆ 

มีอีกเรื่องที่ชอบคือ Terminator II  เรื่องที่ชอบรอง ๆ ลงมาคือ The Fugitive กับ Speed

และ The Metrix (Revolution) ชอบภาพสโลว์โมชั่นท่าต่อสู้ สุดยอดจริง ๆ แถมหนังยังแฝงปรัชญา-ศาสนาที่น่ามึนงงอีกต่างหาก

[drop]

The Fugitive  สนุก  ทอมมี่ ลีโจนส์ กับ  แฮริสัน ฟอร์ด  ไล่ล่ากัน สนุก

The Metrix (Revolution)  trilogy  ว่า สนุกทั้งสามภาค

speed  พอดุได้  เจสัน แพททริค กับ ซานดร้า บลูร๊อกถ้าจำไม่ผิด

A few good men  ทหาร นี่ คงเหมือนกันทั่วโลก

แฟนฉัน  เพลงเพราะ เนื้อเพลงน่ารัก เอามาทำเป็นหนัง ก็ดูสนุก ใส ๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก

 

[aiwen^mei]

ค่ะ Speed เป็นหนังที่ส่งให้นักแสดงหนุ่มหน้าใหม่ในตอนนั้น เคียนู รีฟส์ แจ้งเกิดค่ะ ยิ้มหวาน ฟันสวยมาก 

สำหรับ Lord of the Ring นั้น เป็นหนังไตรภาคที่ได้ดูที่โรงหนังจนครบ ชอบภาค ๑ กับ ภาค ๓ ค่ะ

ดนตรีประกอบเพราะมาก ทั้งภาคแรก และภาคสาม

ตอนที่พ่อมดขาวเดินทางพร้อมกับหนุ่มฮอบบิท เอไลจาห์ วู้ด แถมบางฉากยังสร้างรัศมีออร่าอันเจิดจรัสแจ่มจ้าแผ่จากตัวพ่อมดขาวเสียอีก 

ส่วนเจ้าตัวอะไรที่มาตามล่าหาแหวน น่ากลัวจริง ๆ เหมือนวิญญาณภูตพรายจากนรก 

แต่ที่ทึ่งมากก็คือ การสร้างเจ้าตัวอัปลักษณ์กอลลัมจากคอมพิวเตอร์กราฟฟิค โดยต้องให้นักแสดงอาวุโสชาวอังกฤษเป็นต้นแบบการเคลื่อนไหว

อื่น ๆ ก็นะ ยิ่งใหญ่ อลังการ งานสร้างจริง ๆ ก็สมควรแล้วที่ภาค ๓ กวาดรางวัลออสการ์น่าจะครบทุกตัวที่เข้าชิง

มีหนังอีกเรื่องที่ชอบ คือ อลิซาเบท ที่แสดงโดย เคท บลานเช็ต น่ะค่ะ บทนี้คงไม่มีใครเหมาะเท่ากับเธออีกแล้ว

สำหรับ OST อีกเพลงที่ชอบ เป็นเพลงเอกจากเรื่อง The Lion King คือ Cant you feel the love tonight ? ของท่านเซอร์เอลตันจอห์น พอตอนหลังท่านเซอร์แต่งเพลงให้กับเจ้าหญิงไดอานา (Candle in the wind) ท่วงทำนองคล้ายกันเลย แต่เพลง Candle in the wind  แฝงความเศร้ารันทดหดหู่ที่โลกต้องสูญเสียเจ้าหญิงอันเป็นที่รักไป 

[aiwen^mei]

มองชีวิต 360 ํ แบบพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง


แม้จะได้รับการกล่าวถึงจากนักแสดงด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง ทั้งในแง่ของคนที่อยากร่วมงานด้วย และคนที่เป็นแบบ "อยากเอาอย่าง" หาก พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ก็ว่าเขาน่ะไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมหลายคนถึงกล่าวอย่างนั้น เพราะจะว่าไปเขาก็ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ให้ของซื้อใจ ไม่ได้ให้เงินซื้อเสียง จะมีก็แต่ที่ผ่านมาเขาแค่ทำงานด้วยใจเท่านั้นเอง

พงษ์พัฒน์ที่ปัจจุบันนี้เป็นทั้งนักแสดง ผู้กำกับฯ และยังรับหน้าที่บริหารบริษัทในฐานะกรรมการผู้จัดการแอค อาร์ต เจเนอเรชั่น จำกัด และ ดู เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ผลิตงานละครและภาพยนตร์ตามลำดับ บอกว่า ทุกวันนี้เขามีงานเยอะ แต่ก็พร้อมจะทำให้ดี ควบคู่ไปกับการทำหน้าที่สามีและพ่อ โดยทุกอย่างที่พูดถึงนั้นพงษ์พัฒน์บอกว่าไม่ได้หวังว่าทุกอย่างจะออกมา "ดีที่สุด" แต่อย่างน้อยก็ต้องดีให้ได้อย่างใจเขา

เราไปดูกันว่าแต่ละด้านของเขาเป็นอย่างไร

...

นักแสดง-จงมองเห็นคุณค่าของงานที่คนอื่นมอบให้เรา

"เสน่ห์ของคนทำงานคือถ้าเจอใครสักคนที่เพิ่งรู้จักกัน เขาไม่พูดกับเราเลยนะ แต่ว่าทำงานแหลกราญ แล้วถ้าถามว่ารักคนคนนี้ไหม เฮ้ย! ชอบว่ะ อยากทำงานกับคนคนนี้อีก มันก็จบ ไม่มีอะไรมาก" นี่พงษ์พัฒน์เล่าถึงวิธีการทำงาน ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลที่คนอื่นประกาศว่าอยากร่วมงานกับเขาเสมอๆ

"อย่าดูถูกงาน อย่ามองว่ากระจอก ถ้ามองแบบนั้นเมื่อไหร่ งานคุณห่วยแน่

"แต่ถ้ามองว่างานนั้นยาก ก็จะใส่ใจดูแล จะมองหาวิธีทำงาน บางครั้งการเริ่มต้นมองงานก็ทำให้รู้แล้วว่า งานจะสำเร็จหรือไม่"

ที่สำคัญต้องใส่ความเป็นมืออาชีพลงไปในการทำงานด้วยพงษ์พัฒน์บอก

นอกจากนั้นยัง "ต้องเคารพกติกา" เขาว่าต่อ

"กติกา" ที่เอ่ยถึงก็คือการให้เกียรติผู้ร่วมงาน ไม่ใช่การฆ่าคนอื่นให้ตายดับดิ้นในฉาก

"ผมโคตรเกลียดคำนี้เลย ฆ่ากันให้ตายในฉากเนี่ย"

"เมื่อเขาเป็นพระเอกคุณต้องให้เขาเป็นพระเอก ฉากนี้เขาเป็นลีดเดอร์ก็ต้องปล่อยเขาเป็นลีดเดอร์" เขาว่าคนที่คิดว่าจะเข้ามาฆ่ากันในฉากได้นั้น เข้าใจผิดในเรื่องการทำงานอย่างมาก

ในความคิดผม ถ้าหากนักแสดงเริ่มต้นคิดจะฆ่ากัน ภาพยนตร์นั้นก็ตายก่อน

...

ผู้สร้าง-ผู้กำกับฯ-จงมองเห็นคุณค่างานของเราที่จะมอบให้คนอื่น

หลังจากแสดงฝีมือกำกับฯละคร 5 เรื่องทั้ง 12 ราศี,เก่งไม่เก่ง...ไม่เกี่ยว,กุหลาบสีดำ,วีรกรรมทำเพื่อเธอ" และ "เมื่อดอกรักบาน" กับภาพยนตร์ 2 เรื่อง คือ Me Myself : ขอให้รักจงเจริญ และ แฮปปี้ เบิร์ธเดย์ ที่กำลังจะเข้าฉาย พงษ์พัฒน์ก็ว่า เขาค้นพบวิธีทำงานให้ได้ใจคนดูอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือ จงฟังคำติมากกว่าคำชม

"คนวิจารณ์งาน ต้องยอมรับนะ คนเยินยออย่าไปฟังมาก มันจะเหลิง"

คนตินี่สำคัญ จงยกมือไหว้ เพราะคนพวกนี้มีมุมบางมุมที่เขาอยากจะบอกให้เราเอากลับไปคิด ว่าอันไหนจริงไม่จริง แล้วมาแก้ไขให้ได้ประโยชน์

ส่วนกับทีมงาน ที่เขาอยากให้มีความกระตือรือร้นตลอดเวลาการต้องใช้วิธีไม่ทำอะไรซ้ำๆ ให้ทำงานแปลกๆ ใหม่ๆ เสมอ จะซ้ำก็อยู่เรื่องเดียว คือการทำงานให้คนดูชอบ และนายทุนไม่ปวดใจ

"ผมไม่ต้องการส่วนแบ่งเยอะ เพราะฉะนั้นเงินลงทุนไม่ต้องมาก"

พอเหมาะพอดีกับการทำหนังรัก ซึ่งเน้นอารมณ์ ไม่เน้นฉาก หรือหนักซีจี จึงไม่ต้องลงทุนเรื่องนี้สักเท่าไหร่

"นั่นหมายความว่าการจะถอนทุนคืนให้นายทุนที่ผมแสนจะห่วงก็ง่าย" เขาพูดยิ้มๆ

แต่ก็ย้ำว่า "ผมไม่ได้พูดเล่นนะ"

"ผมกลัวว่าคนพวกนี้จะหมดไป แล้วพวกเราจะเอาเงินที่ไหนทำ เวลาทำงานผมจึงจะนึกถึงเม็ดเงินที่ต้องนำไปคืนเขา"

เพื่อจะได้มีคนให้เงินมาลงทุนทำสิ่งที่เขาอยากทำต่อไปในอนาคต

...

คุณพ่อ-ความสุขของลูกคือสิ่งที่จะปกป้องเอาไว้

พงษ์พัฒน์มองว่า ตัวเองไม่ใช่พ่อที่ใช้ได้เท่าใดนัก เพราะหน้าที่การงานหนักๆ ผนวกกับฐานะทางบ้านทำให้ไม่ค่อยมีเวลา แต่หากว่างเมื่อใด ทั้งชีวิตของเขาก็เป็นของ ไบเบิล วัย 14 และ ไรเฟิล วัย 11 สาวน้อยและหนุ่มน้อยในหัวใจทันที

การเลี้ยงลูกในสังคมซึ่งอุดมไปด้วยสิ่งเร้าและอบายร้ายนี้ พงษ์พัฒน์บอกว่า แม้จะใช้ความตั้งใจและความพยายามเต็มที่ที่จะให้ทุกอย่างออกมาดีแล้ว ในบางทีก็ต้องเผชิญกับเวรและกรรมที่จำต้องยอมรับบ้างเหมือนกัน

"เพราะเราสร้างหรือควบคุมสังคมทั้งหมดไม่ได้ แต่จะสอนว่าอันไหนดี อันไหนชั่ว สอนให้มีจิตสำนึกดี ส่วนเขาจะเลือกทางไหน ไปคิดเอา"

อย่างคอมพิวเตอร์ที่จะว่าไปก็เป็นเรื่องที่กังวลว่า เวลาที่ลูกแช็ตจะไปเจอคนไม่ดีหรือไม่ ก็ห้ามไม่ได้

"เวลาเขาเล่นเราก็ไปแอบดู ลูกคุยกับใคร แต่จะไป เฮ้ย! หรือห้ามตลอดเวลาไม่ถูก เดี๋ยวเขาไปเล่นบ้านเพื่อนก็จบเลย" เขายกตัวอย่างเรื่องที่พ่อสอน แต่เปิดโอกาสให้ลูกทดลองเลือกด้วยตัวเอง

"ถ้าเราโชคดีการทดลองทั้งหมดจะอยู่ในสายตา แต่ถ้าเราโชคร้าย การทดลองมันทำให้เขาไปเสียผู้เสียคน ไปติดยา ก็ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรม"

โชคดีที่บ้านเขาเป็นครอบครัวใหญ่อยู่กันแบบพี่ๆ น้องๆ ญาติวัยเด็กที่รุ่นราวคราวเดียวกันก็มีหลายคน และต่างก็สนุกสนานกับการสร้างสรรค์เมนูอาหารใหม่ๆ คุณพ่อคนนี้จึงออกจะภูมิใจไม่น้อยเมื่อลูกสาวคนโตมีเรื่องประเภท "ปาป๊าคะ วันนี้หนูขอเงินหม่ามี้ซื้อเครื่องอบขนมปัง" มาเล่าให้ฟัง ขณะที่ลูกชายก็มีวีรกรรมเฮฮาๆ กะเพื่อนมาบอกต่อ

ความสุขของลูกกับครอบครัวนั้น พงษ์พัฒน์บอกว่า เป็นสิ่งที่เขาหวงแหน ชนิดที่ไม่ยอมให้มีใครมาก้าวล่วง

ใครจะวิจารณ์งานผมอย่างไรก็ได้ แต่ถ้ามาแตะครอบครัว ผมก็ไม่ยอม

...

เวลาที่เหลืออยู่

ถึงวันนี้พงษ์พัฒน์ในวัย 46 ทำงานในวงการมากว่า 20 ปีแล้ว ส่วนจะอยู่ต่อไปอีกกี่ปี เขาตอบไม่ได้ อาจจะอีกหลายสิบปี หรือแค่วันนี้ พรุ่งนี้ เนื่องเพราะทุกอย่างอยู่ที่ "ยังสุข" แค่ไหน?

"แรกๆ นั้นเมื่อได้งานชิ้นหนึ่ง คนจนอย่างเราก็จะเกิดความมุ่งมั่นที่จะเกาะยึดเอาไว้ให้ดี จากนั้นก็เริ่มเห็นคุณค่าของอาชีพนี้ เพราะทำให้มีข้าวกิน มีเสื้อผ้าใส่ มีบ้าน ดังนั้น จึงต้องดูแลเอาใจใส่"

"ที่สำคัญต้องเคารพ เทิดทูนบูชา ไหว้ครูอาจารย์ที่สอนเราโดยไม่รู้ตัว เพราะผมไม่ได้เรียนฟิล์ม โทรทัศน์ หรือการกำกับฯ แต่ทำได้ แสดงว่าต้องมีครูที่เราแอบลักจำมา เราจึงต้องมุ่งมั่น สนุก ทำงานที่มีคุณภาพ และมีความสุขกับงาน"

แม้ว่าการเดินทางของเขาจะยังไม่สิ้นสุด แต่สิ่งละอันพันละน้อยที่เรี่ยละอยู่รายทางรอบๆ ตัวเขา ก็ยังมีสิ่งแปลก สิ่งใหม่ และ สิ่งดีๆ ที่น่าสนใจไว้ให้เราๆ ท่านๆ ได้รับรู้และนำไปปรับใช้เสมอโดยที่เจ้าตัวไม่หวงห้าม

และทั้งหมดนี้คือ 360 องศารอบตัวเขา

หน้า 24


http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01ent01030351&day=2008-03-03&sectionid=0105

นำบทสัมภาษณ์มาฝากผู้ที่ชื่นชอบและชื่นชมคุณพงษ์พัฒน์ค่ะ

เที่ยงนี้ได้ดูละคร "อยู่กับก๋ง" มีบทพูดให้แง่คิดดี ๆ หลายตอนมากทั้งจากก๋ง และครูที่แสดงโดยกบทรงสิทธิ์

[aiwen^mei]

The Kite Runner ความกลัว และความกล้า

โดย วันชัย ตัน



ได้ยินชื่อหนังสือเล่มนี้มานานแล้ว ไม่ได้อ่านสักที แต่พอมีโอกาสไปดูหนังเรื่องนี้แล้ว บอกกับตัวเองว่า

โชคดีจริงๆ ที่โลกเส็งเคร็งใบนี้ยังมีผู้สร้างหนังและคนเขียนหนังสือดีๆ ให้เราได้ซึมซับความงามของชีวิตท่ามกลางความโหดร้ายของมนุษย์

The Kite Runner ไม่ดูไม่ได้จริงๆ แม้ว่าจะเป็นหนังฟอร์มเล็กและรอบที่ไปชมมีคนดูเพียงสิบกว่าคน

อาเมียร์เป็นนักเขียนหนุ่มชาวอัฟกานิสถานผู้อพยพหนีภัยสงครามมาอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เด็ก แต่สิ่งที่ตามหลอกหลอนเขามาตลอดชีวิตคือ ความกลัวที่ได้ทรยศและทำบาปกับเพื่อนสนิทของเขาในวัยเด็ก

ความกลัวที่ได้พัฒนาเป็นความเกลียด ความโกรธ แต่ในที่สุดได้กลายเป็นความกล้าที่จะลบล้างความผิดของตนเอง

ช่วงปลายทศวรรษที่ 70 อาเมียร์ในวัยเด็กอาศัยอยู่ในกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน เขามีเพื่อนสนิทชื่อฮัสซาน อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แต่สถานะทางชนชั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อาเมียร์ผิวบอบบางเป็นลูกของคหบดี พ่อเป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียงในสังคม ส่วนฮัสซานเป็นพวกเผ่าฮาซาร่า ชนชั้นต่ำ ผิวหยาบกร้านเป็นลูกคนใช้เก่าแก่ของครอบครัว

ทั้งคู่ชอบเล่นว่าว โดยเฉพาะฮัสซานมีฝีมือในการตัดว่าวคู่แข่งอย่างหาตัวจับยาก อาเมียร์เป็นเด็กขี้ขลาด ไม่มั่นใจตัวเอง ขณะที่ฮัสซานเป็นเด็กเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ใจนักเลง คอยดูแลปกป้องอาเมียร์ที่โตมาด้วยกัน อาเมียร์จะให้ฮัสซานทำอะไรให้ก็ไม่เคยบ่น แต่รับใช้ด้วยความยินดีในฐานะเพื่อนตาย และเจ้านาย

อาเมียร์ได้เข้าโรงเรียน ชอบอ่านนิยายให้ฮัสซานที่ไม่ได้เข้าโรงเรียนและอ่านหนังสือไม่ออก

อาเมียร์ชอบเขียนนิทาน พ่อไม่สนใจ มีเพียงลุงของเขาที่คอยให้กำลังใจในการเขียนนิทาน แต่พ่อเป็นเสรีนิยม คนรุ่นใหม่ จิตใจเด็ดเดี่ยว รักความยุติธรรม แต่ชอบกินเหล้า ซึ่งอาเมียร์ถามพ่อว่าผิดหลักศาสนาไหม พ่อสอนลูกว่าไม่ เพราะความผิดประการเดียวของมนุษย์คือการขโมย การฆ่าคนก็คือการขโมยอย่างหนึ่ง เป็นการขโมยชีวิตไปจากคนรัก การโกหกก็เป็นการขโมยสิทธิในการรู้ความจริงของมนุษย์เช่นกัน

ครั้งหนึ่งอาเมียร์มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับอัสเซฟนักเลงรุ่นพี่ตัวโตกว่า และเตรียมรุมกระทืบอาเมียร์พร้อมด้วยพรรคพวกหลายคน แต่ฮัสซาน เข้าปกป้องด้วยการควักง่ามไม้หนังสติ๊กออกมา และเล็งลูกหินไปที่ใบหน้าของอัสเซฟ

พูดจาเด็ดขาดให้ปล่อยตัวอาเมียร์ออกมาทั้งๆ ที่ตัวเล็กกว่ามาก จนอัสเซฟยอมทำตาม แต่ผูกใจเจ็บมา ณ บัดนั้น

หลายวันต่อมา ทั้งคู่เข้าแข่งในเทศการประกวดว่าว และสามารถเฉือนตัดว่าวสีน้ำเงินคู่แข่งสำคัญในรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ฮัสซานวิ่งออกไปเก็บว่าวสีน้ำเงินเป็นของขวัญมาให้เพื่อน เขาหายไปพักใหญ่อาเมียร์รู้สึกผิดสังเกตจึงเดินออกไปตามหาฮัสซาน ตามซอยเปลี่ยว และเห็นเขากำลังเผชิญหน้ากับอัสเซฟและสมุน อัสเซฟสั่งให้มอบว่าวสีน้ำเงินให้เขา แต่ฮัสซานปฏิเสธบอกว่าเป็นของอาเมียร์ ในที่สุดเขาจึงถูกรุมทำร้าย และจบลงด้วยการถูกรุมข่มขืนอย่างโหดร้าย

อาเมียร์ได้แต่แอบดูเพื่อนถูกทำร้าย แต่ไม่กล้าไปช่วยแถมยังวิ่งหนีออกไปด้วยความกลัว ฮัสซานเดินขากระเผลกมีเลือดหยดออกมาด้านหลัง ฮัสซานไม่ปริปากพูดว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะความอายและไม่อยากให้เรื่องลุกลามใหญ่โต ขณะที่อาเมียร์ก็ไม่บอกความจริงว่าเห็นเหตุการณ์แต่ไม่กล้าเข้าไปช่วยเพื่อน

ฮัสซานมอบว่าวสีน้ำเงินให้อาเมียร์ เขาไม่กล้าสบตาฮัสซาน เพราะรู้สึกผิด รู้ดีว่าว่าวแลกมาด้วยความบริสุทธิ์ของเพื่อนตัวเอง หลังจากวันนั้นอาเมียร์รู้สึกได้ว่าทุกครั้งที่เห็นฮัสซานคือกระจกที่สะท้อนความผิดของตัวเองที่ทรยศเพื่อน และด้วยความกลัวว่าจะมีคนล่วงรู้ความลับเรื่องนี้ อาเมียร์จึงวางแผนที่จะไม่ให้ครอบครัวคนใช้อยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไป โดยการบอกพ่อใส่ร้ายว่าฮัสซานขโมยนาฬิกาข้อมือไป แต่แทนที่ฮัสซานจะแก้ตัว กลับก้มหน้ายอมรับโดยดุษฎี เพื่อปกป้องอาเมียร์เพื่อนของเขา

เมื่อฮัสซานและพ่อออกจากบ้าน อาเมียร์ดีใจมาก ความลับของเขาไม่มีใครรู้อีกต่อไป แต่ความรู้สึกผิดก็ยังเกาะกุมอยู่ในใจมาตลอด จนกระทั่งได้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบในประเทศ เมื่อกองทัพรัสเซียได้เข้ามายึดอำนาจการปกครองจากระบอบกษัตริย์ของอัฟกานิสถาน บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย พ่อและอาเมียร์ต้องอพยพออกจากประเทศหนีไปปากีสถานอย่างฉุกละหุก

ระหว่างทางตามถนนที่หลบอยู่ในรถบรรทุกกับผู้โดยสารคนอื่น ทหารรัสเซียได้เข้ามาตรวจค้นภายในรถ เห็นแม่ลูกอ่อนคนหนึ่งหน้าตาสะสวย จึงคิดจะใช้กำลังลากลงมาข่มขืน แต่พ่อของอาเมียร์ที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย ได้ลุกขึ้นยืนและตวาดออกไปอย่างเด็ดขาดว่า มาเอาชีวิตของข้าดีกว่าจะข่มขืนผู้หญิงอย่างไร้เกียรติ

ทหารรัสเซียเตรียมยิงพ่อ แต่โชคดีที่นายทหารรัสเซียมาห้ามเอาไว้ได้ และหนังได้ตัดภาพไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกาสิบกว่าปีต่อมา อาเมียร์จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ตั้งใจเป็นนักเขียน สร้างความผิดหวังให้แก่พ่อที่ได้งานทำในสถานีน้ำมันและต้องการให้ลูกเป็นหมอ แต่อาเมียร์เริ่มยืนหยัดในความคิดของตัวเองที่อยากเป็นนักเขียน ไม่กลัวอะไรเหมือนเดิม

เขากล้าที่จะเดินไปขอลูกสาวอดีตนายพลนอกราชการของอัฟกานิสถาน และต่อมานิยายเรื่องแรกของเขาได้รับการตีพิมพ์ กลายเป็นนักเขียนรุ่นใหม่ที่โด่งดัง ตอนนั้นเองอาเมียร์ได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากลุงของเขาเอง บอกว่าตอนนี้ได้อพยพหนีพวกตาลีบันมาอยู่ปากีสถานแล้ว และอยากให้เขากลับไปเยี่ยม โดยย้ำว่า "เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ทำสิ่งดีๆ ในชีวิต"

อาเมียร์ขออนุญาตเมียรักกลับไปเยี่ยมบ้าน เมื่อไปถึงปากีสถาน ลุงของเขาเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เขาได้จ้างฮัสซานพร้อมเมียและลูกชายให้มาเฝ้าบ้าน แต่พวกตาลีบันบุกมาหมายจะยึดบ้าน และไล่ฮัสซานให้ออกจากบ้าน แต่ฮันซันไม่ยอม บอกว่าเป็นบ้านของเจ้านาย ตาลีบันจึงสังหารเขาและเมียตาย ลูกชายถูกส่งไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า

ลุงได้เปิดเผยความจริงว่า แท้จริงฮัสซานเป็นน้องชายแท้ๆ แต่ต่างมารดา เพราะแม่ของฮัสซานคือคนใช้เก่าในบ้านที่พ่อของอาเมียร์เอามาทำเมีย

อาเมียร์เสียใจมาก พ่อปิดบังเขามาตลอดชีวิตว่า ฮัสซานคือน้องชายเขาเอง และลุงของเขาเตือนว่าสิ่งสุดท้ายที่อาเมียร์สามารถชดใช้ความผิดที่มีต่อฮัสซานได้ก็คือ การกลับไปกรุงคาบูลเพื่อนำหลานชายตัวเองออกมา

อาเมียร์รู้ทันทีว่า นี่คือหนทางเดียวที่จะชดเชยความผิดและชำระความกลัวในอดีตที่ตามมาหลอกหลอนไม่สิ้นสุด คือกล้าลุกออกไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือชีวิตหลานชายคนเดียวให้ออกมาจากขุมนรกของทาลีบัน

เมื่ออาเมียร์หลบหนีเข้าไปในกรุงคาบูลอีกครั้งหนึ่ง เขาตรงไปที่โรงเลี้ยงเด็กกำพร้า และได้พบว่าหลานชายถูกหัวหน้าตาลีบันเอาตัวไปเป็นทาสบำเรอ ผู้ดูแลบอกว่าจะไปหาพวกนี้ได้ในสนามกีฬา เมื่ออาเมียร์ไปถึงสนามกีฬา เขาได้ถูกนำตัวไปที่ตึกหลังหนึ่ง และเห็นหลานชายของเขาในชุดผู้หญิงกำลังร่ายรำ และหัวหน้าทาลีบันผู้นั้นคืออัสเซฟคู่ปรับเก่าผู้เคยข่มขืนฮัสซานในอดีต

อัสเซฟจำอาเมียร์ได้ทันทีและเข้าทำร้ายให้ถึงตาย แต่หลานชายได้ใช้หนังสติ๊กยิงใส่ลูกตาของอัสเซฟ ทั้งคู่หนีรอดจนข้ามพรมแดนมาปากีสถานได้สำเร็จ และไม่นานก็สามารถกลับไปอยู่สหรัฐอเมริกาได้ แต่หลานคนนี้ยังมีรอยแผลติดตัวเช่นเดียวกับฮัสซาน คือถูกข่มขืน เขาพูดตลอดว่าเป็นคนบาป

เมื่อกลับมาอยู่ในอเมริกา พ่อตาได้แสดงความไม่พอใจที่ในบ้านมีเด็กของพวกชนชั้นต่ำอาศัยอยู่ กลัวเป็นขี้ปากของชุมชนอัฟกานิสถานรอบๆ นี้ แต่อาเมียร์ได้กล้าพูดกับนายพลเพื่อปกป้องหลานชายว่า "ไปบอกทุกคนว่าเด็กคนนี้เป็นหลานแท้ๆ ของผม มีแม่เป็นคนรับใช้ในบ้านที่ถูกพ่อของผมเอามาทำเมีย"

อาเมียร์ทำทุกอย่างเพื่อไถ่บาปความผิดของตัวเองในอดีต และเขาก็ได้หลานชายของฮัสซานเป็นของขวัญ

ฉากสุดท้ายในเรื่องเมื่อทั้งหมดไปเดินเล่นในสวนสาธารณะและอาเมียร์ได้ซื้อว่าวมาให้หลานพยายามเล่น ตอนแรกหลานปฏิเสธ แต่เมื่ออาเมียร์ได้บอกว่าพ่อของเขาเป็นนักเล่นว่าวเก่งที่สุดคนหนึ่ง หลานชายก็เริ่มหันมาสนใจว่าว หัดเล่นว่าวด้วยกัน และทำให้ความผูกพันกับอาเมียร์กลับมาดีขึ้น โดยมีว่าวเป็นสื่อสัมพันธ์ชั้นดี

ตอนที่อาเมียร์วิ่งไปเก็บว่าวให้หลาน เขาได้พูดกับหลานรักประโยคเดียวกับที่ฮาสซานเคยพูดให้เขาฟังยี่สิบกว่าปีก่อน

"สำหรับคุณ ต่อให้หนักหนากว่านี้อีกพันเท่าก็ยังไหว"

The Kite Runner เป็นหนังไม่กี่เรื่องที่สามารถถ่ายทำแก่นของเรื่องออกมาได้ดีพอๆ กับต้นฉบับที่เป็นหนังสือขายดี ไม่ว่าจะฝีมือของผู้กำกับฯ ตัวแสดงที่คัดเลือกได้อย่างดี การถ่ายทำอันยอดเยี่ยม โดยเฉพาะฉากการเล่นว่าว และเพลงประกอบที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงตุ๊กตาทองออสการ์ประจำปี 2008

หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จในการเล่าเรื่องวิถีชีวิตคนอัฟกานิสถาน ที่เคยเป็นประเทศมุสลิมอันสงบสุข ไม่เคร่งครัด บ้านเมืองมีความสุข แต่สงครามทำให้ทุกอย่างพังพินาศจนหมดสิ้น

หนังเรื่องนี้เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ดี ฉากงานแต่งงานของอาเมียร์และภรรยา สะท้อนถึงประเพณีของมุสลิมอันงดงาม โดยเฉพาะตอนที่คู่บ่าวสาวนั่งอยู่ด้วยกัน มีคนเอาผ้ามาคลุมและยื่นกระจกบานใหญ่ให้ทั้งสองคนดู

คนหนึ่งถามว่า เห็นอะไรในกระจก อีกคนตอบว่า เห็นอนาคตของเรา

ฉากสะเทือนใจฉากหนึ่ง เกิดขึ้นในสนามกีฬา เมื่อพวกทาลีบันได้พิพากษาประหารชีวิตหญิงชายสองคนข้อหาคบชู้ ด้วยการรุมปาก้อนหินจนขาดใจตาย แต่อีกด้านหนึ่งบรรดาทาลีบันผู้เคร่งศาสนา ก็จับเอาเด็กสาวและเด็กชายจากโรงเลี้ยงเด็กกำพร้ามาบำบัดความใคร่ของตนเอง

ออกจากโรงหนัง เห็นคนรอบข้างเช็ดน้ำตากันถ้วนหน้า แต่อิ่มในความเป็นหนังที่สะท้อนจิตใจด้านมืดและด้านสว่างของมนุษย์ออกมาอย่างลึกซึ้ง

ความกลัวและความกล้าล้วนอยู่ภายในตัวมนุษย์ทุกคน

ทั้งสองด้านล้วนมีพลังในการทำลายล้างและสร้างสรรค์

อยู่ที่ว่ามนุษย์เลือกจะเป็นแบบใด

หน้า 8

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01way03060451&day=2008-04-06&sectionid=0137

[so what?]

The Kite Runner ความกลัว และความกล้า

โดย วันชัย ตัน

...


http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01way03060451&day=2008-04-06&sectionid=0137

ขอบคุณครับ เนื้อเรื่องน่าสนใจดี ถ้ามีเวลาคงต้องหามาดูซักหน่อย คนอัฟกันชอบเล่นว่าวครับ เพราะอากาศแห้ง มีลมแรงเกือบตลอดปี

เรื่องการข่มขืนชำเราเด็กหรือจับเด็กผู้ชายมาบำเรอความใคร่นี่ไม่ใช่แต่เป็นแต่พวกตาลิบันเท่านั้นครับ พวกนายทหาร-ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และผู้ทรงอิทธิพลตามหัวเมืองต่างๆอีกไม่น้อยก็มีรสนิยมแบบนี้ พวกนี้จะชอบบังคับเอาเด็กผู้ชายวัยรุ่นมาแต่งตัวป็นผู้หญิงแล้วเต้นระบำ ในขณะที่พวกตัวเองนั่งดวดเหล้าดูอย่างมีอารมณ์สุนทรีย์ มันคล้ายๆเป็นการแสดงพลังอำนาจอะไรซักอย่างนึงด้วยน่ะครับ

พูดถึงพวกตาลีบัน วันนี้มันเพิ่งบอมบ์สะพานที่เชื่อมคาบุล-คันดาฮาร์พังไปแห่งนึง พรุ่งนี้เช้าผมเลยได้โอกาสออกไปล่อเป้าอีกแล้วครับ   

[login not found]

จะว่าเรื่องนี้ไม่เป็นที่รู้จักก็กระไรอยู่ เพราะเป็นนิยายรางวัลระดับโลก
พอเอามาทำเป็นหนังอรรถรสก็โดนตัดจน***นเป็นไก่เหลือแต่โครง
อาศัยจุดขายเรื่องเศร้าสลด ชีวิตรันทด ในประเทศอันน่าสงสาร(ในความคิดฝรั่ง) จึงได้เข้าออสการ์
คล้ายๆเรื่อง sign ที่ค่อนข้างจะงี่เง่าแต่ก็ขายได้เพราะมีทั้งพระเจ้า และมนุษย์ตจ่างดาว

และก็ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ไม่ดีนะครับ เป็นการเปิดมุมมืดอีกมุมของสังคมให้คนได้เห็น
โดยเฉพาะกับพวกอ่อนโลก ที่วันๆไปโรงเรียน วี๊ดว้ายไล่ตามดารา เข้าร้านเน็ตเล่นเกม
แต่....ไม่ค่อยชอบเรื่องความบังเอิญที่แสนจะจงใจแบบนี้
เพราะความบังเอิญที่แสนจะจงใจดูดีเฉพาะในหนังตลกหรือหนังรักโรแมนติกเพื่อให้มันดู"เวอร์"ดีเท่านั้น
สำหรับในหนังชีวิตเมื่อมีความจงใจให้บังเอิญเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นโดยข้ามรายละเอียดและเหตุผล
กลายเป็นความเว่อร์จนขัดลูกตาเสมอๆ

 

[aiwen^mei]

ขอบคุณครับ เนื้อเรื่องน่าสนใจดี ถ้ามีเวลาคงต้องหามาดูซักหน่อย คนอัฟกันชอบเล่นว่าวครับ เพราะอากาศแห้ง มีลมแรงเกือบตลอดปี

เรื่องการข่มขืนชำเราเด็กหรือจับเด็กผู้ชายมาบำเรอความใคร่นี่ไม่ใช่แต่เป็นแต่พวกตาลิบันเท่านั้นครับ พวกนายทหาร-ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และผู้ทรงอิทธิพลตามหัวเมืองต่างๆอีกไม่น้อยก็มีรสนิยมแบบนี้ พวกนี้จะชอบบังคับเอาเด็กผู้ชายวัยรุ่นมาแต่งตัวป็นผู้หญิงแล้วเต้นระบำ ในขณะที่พวกตัวเองนั่งดวดเหล้าดูอย่างมีอารมณ์สุนทรีย์ มันคล้ายๆเป็นการแสดงพลังอำนาจอะไรซักอย่างนึงด้วยน่ะครับ

พูดถึงพวกตาลีบัน วันนี้มันเพิ่งบอมบ์สะพานที่เชื่อมคาบุล-คันดาฮาร์พังไปแห่งนึง พรุ่งนี้เช้าผมเลยได้โอกาสออกไปล่อเป้าอีกแล้วครับ   

ตามไปดูที่โรงไม่ทันเหมือนกันค่ะ แต่มีดีวีดีออกมาแล้ว

ขอคุณพระคุ้มครองค่ะ

จะว่าเรื่องนี้ไม่เป็นที่รู้จักก็กระไรอยู่ เพราะเป็นนิยายรางวัลระดับโลก
พอเอามาทำเป็นหนังอรรถรสก็โดนตัดจน***นเป็นไก่เหลือแต่โครง
อาศัยจุดขายเรื่องเศร้าสลด ชีวิตรันทด ในประเทศอันน่าสงสาร(ในความคิดฝรั่ง) จึงได้เข้าออสการ์
คล้ายๆเรื่อง sign ที่ค่อนข้างจะงี่เง่าแต่ก็ขายได้เพราะมีทั้งพระเจ้า และมนุษย์ตจ่างดาว

และก็ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ไม่ดีนะครับ เป็นการเปิดมุมมืดอีกมุมของสังคมให้คนได้เห็น
โดยเฉพาะกับพวกอ่อนโลก ที่วันๆไปโรงเรียน วี๊ดว้ายไล่ตามดารา เข้าร้านเน็ตเล่นเกม
แต่....ไม่ค่อยชอบเรื่องความบังเอิญที่แสนจะจงใจแบบนี้
เพราะความบังเอิญที่แสนจะจงใจดูดีเฉพาะในหนังตลกหรือหนังรักโรแมนติกเพื่อให้มันดู"เวอร์"ดีเท่านั้น
สำหรับในหนังชีวิตเมื่อมีความจงใจให้บังเอิญเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นโดยข้ามรายละเอียดและเหตุผล
กลายเป็นความเว่อร์จนขัดลูกตาเสมอๆ

 

ธรรมดาค่ะ ต่างคนต่างมุมมอง 

สาวกในห้องเฉลิมไทยหลายคนเช็ดน้ำตาป้อย ๆ 

[Cherub Rock]

 
เพิ่งได้ดู Kite Runner

มาคอนเฟิร์มว่าคุ้มค่า น่าดูเป็นที่ยิ่ง

[aiwen^mei]

เพิ่งได้ดู Kite Runner

มาคอนเฟิร์มว่าคุ้มค่า น่าดูเป็นที่ยิ่ง

ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ

อย่างนี้ต้องรีบไปหามาดูอย่างด่วนแล้วสิคะเนี่ยะ