ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-01-2025, 02:52
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  "เหล่'เซ็นยกเขาพระวิหาร'ไม่ผ่านรัฐสภา'..ศาลรัฐธรรมนูญชี้"ผิด รธน."เรียกสอบ'เหล่' 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
"เหล่'เซ็นยกเขาพระวิหาร'ไม่ผ่านรัฐสภา'..ศาลรัฐธรรมนูญชี้"ผิด รธน."เรียกสอบ'เหล่'  (อ่าน 3256 ครั้ง)
oho
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 712


« เมื่อ: 03-07-2008, 15:19 »

ศาลฯ รับชี้ขาดแถลง “พระวิหาร” ขัด รธน. - เรียก “นพเหล่” แจงบ่าย 3 วันนี้
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 กรกฎาคม 2551 13:27 น.
 

ไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์
 
 
 
  ศาล รธน.พิจารณาด่วนคำร้องแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรือไม่   เรียก “นพดล” ชี้แจงภายในบ่าย 3 วันนี้ หรือ 9 โมงเช้าวันศุกร์ หากไม่มาถือไม่ติดใจ ตุลาการเดินหน้าพิจารณาต่อทันที
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (3 ก.ค.) ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีนายชัช ชลวร ประธานคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เป็นประธานการประชุมคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ
       
       ภายหลังการประชุม นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงว่า ที่ประชุมได้พิจารณาคำร้องของประธานวุฒิสภาที่ส่งความเห็นของ ส.ว.77 คน และคำร้องของประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ส่งความเห็นของ ส.ส.151 คน เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ว่าคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ลงวันที่ 18 มิ.ย. 51 เป็นหนังสือสนธิสัญญาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรคสอง ซึ่งต้องรับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนหรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า จำนวนของ ส.ว.และส.ส.ที่เสนอความเห็นมีไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกที่มีอยู่ใน 2 สภา คำร้องทั้ง 2 จึงเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรคหก ประกอบมาตรา 154 วรรคหนึ่ง(1) จึงมีคำสั่งให้รับคำร้องทั้ง 2 ไว้พิจารณาและให้มีคำสั่งรวมกรพิจารณาคำร้องทั้ง 2 เข้าด้วยกัน เนื่องจากมีประเด็นพิจารณาอย่างเดียวกัน
       
       นายไพบูลย์ กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 มีมติเรียกนายนพดล ปัทมะ รมว.การต่างประเทศ มาชี้แจงและให้ถ้อยคำพร้อมเอกสารประกอบในประเด็นที่เกี่ยวกับคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในเวลา 15.00 น.ของวันที่ 3 ก.ค. หรือในวันที่ 4 ก.ค. เวลา 09.00 น. หากไม่มาตามกำหนดนัด ให้ถือว่าไม่ติดใจชี้แจงและให้ถ้อยคำ และขั้นตอนต่อไปคณะตุลาการฯก็จะประชุมเพื่ออภิปราย ซึ่งหากข้อมูลเพียงพอก็อาจจะสามารถวินิจฉัยและลงมติได้
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำร้องของประธานวุฒิสภานั้นได้ส่งมาให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาในวันที่ 30 มิ.ย. ในขณะที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งให้พิจารณาในวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา และได้กำหนดในวาระการประชุมในวันที่ 3 ก.ค. เนื่องจากคณะตุลาการฯ เห็นว่ากรณีนี้เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องพิจารณา และระเบียบวิธีพิจารณาคดีของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญสามารถใช้ดุลพินิจหยิบยกคำร้องมาพิจารณาได้ตามดุลพินิจของตุลาการฯ
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ระบุให้หนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือพื้นที่นอกอาณาเขตไทย จะต้องออกเป็น พ.ร.บ. และต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา    และมาตรา 154 กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจพิจารณาคำร้องว่าร่าง พ.ร.บ.ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งว่าร่าง พ.ร.บ.นั้นขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญนั้นให้ส่วนที่ขัดหรือแย้งนั้นตกไป และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้ ให้นายกฯระงับการดำเนินการไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย
       
       ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อนายนพดลถึงเรื่องดังกล่าว แต่ได้รับทราบจากเลขาฯ ส่วนตัวของนายนพดลว่าอาจไม่สามารถเดินทางไปชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในช่วงบ่ายวันนี้ เนื่องจากยังคงติดงานเลี้ยงที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีนักร้องสาว “ลีเดีย” มาร่วมงานด้วย
       


*******************************************************


77 ส.ว. เข้าชื่อร้อง ศาล รธน.ตีความมติ ครม.ขายชาติขัด รธน.190
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000076769

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 30 มิถุนายน 2551 15:12 น.
 


   
  ส.ว.เข้าชื่อยื่นหนังสือ ปธ.วุฒิ ส่งเรื่องศาล รธน.ตีความมติ ครม.รับรองแผนที่เขาพระวิหารเอื้อเขมรขัด ม.190 จี้เร่งดำเนินการก่อนเข้าประชุม คกก.มรดกโลก ลั่นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้องมาทีหลังอธิปไตยไทย
       
       วันนี้ (30 มิ.ย.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.เป็นตัวแทน ส.ว.77 คน ยื่นหนังสือต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยกรณีรัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้ความเห็นชอบการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ต่อมาเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นตัวแทนรัฐบาลร่วมลงนามคำแถลงการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ให้ความเห็นชอบกรณีดังกล่าว ว่า เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรือไม่ เนื่องจากมาตราดังกล่าว ระบุว่า การทำหนังสือสัญญาใดที่มีบทเปลี่ยงแปลงอาณาเขตไทย หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
       
       โดย น.ส.รสนา ระบุว่า ขอให้ประธานวุฒิสภาได้เร่งดำเนินการในเรื่องนี้เป็นการด่วนก่อนการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในวันที่ 2 ก.ค.นี้ ที่ประเทศแคนนาดา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่ออาณาเขตดินแดนอธิปไตยของประเทศ นอกจากนี้ การส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความยังเป็นการยุติความขัดแย้งการโต้แย้งในสังคม ที่มีแนวโน้มลุกลามกว้างขวางทั่วประเทศ ทั้งนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าเรื่องดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญรัฐบาลจะต้องแสดงความรับผิดชอบตามกฎหมาย แต่หากวินิจฉัยว่าไม่ขัดกฎหมายก็เป็นความชอบธรรมของรัฐบาล แต่ในส่วนของ ส.ว.เห็นว่า การลงนามดังกล่าวเป็นสนธิสัญญา ซึ่งรัฐบาลอาจจะปฏิเสธว่าไม่ใช่
       
       ด้าน นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เราทุกคนตระหนักถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นอย่างดี แต่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะต้องไม่กระทบต่ออธิปไตยของไทย หากกระทบกับอธิปไตยของไทยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะต้องมาทีหลัง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการดำเนินการของ ส.ว.ครั้งนี้ จะไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา
       
       ขณะที่ นายประสพสุข ระบุว่า จะเร่งดำเนินการตรวจสอบและส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว เนื่องจากทราบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญและเป็นผลประโยชน์ของประเทศ
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2008, 15:21 โดย oho » บันทึกการเข้า
O_envi
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 495



« ตอบ #1 เมื่อ: 03-07-2008, 15:51 »

คือผมอยากรู้ว่าถ้าผิดแล้ว เหล่มันจะเข้าคุกป่าวครับ
บันทึกการเข้า

The change musts come one by one.It has to start with you
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #2 เมื่อ: 03-07-2008, 15:56 »

ต้องไปฟ้องอาญาต่อ

ซึ่งโทษทางอาญา คือ ประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิตครับ
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 03-07-2008, 15:57 »

นี่มันขายชาติชัดๆ เพราะเสียสิทธิโต้แย้งในปราสาทพระวิหารตลอดไป ถือได้ว่าเสียอธิปไตยบนปราสาทพระวิหารแล้ว

ผิดทั้งรัฐธรรมนูญ ทั้งกฎหมายอาญา โทษถึงประหารชีวิต

แต่ไอ้เหลี่ยมอ้างว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงเฉยเลย หน้าด้านจริงๆ เอากับมันสิ

 

เรื่องนี้จุดจบของไอ้เหล่อีกไม่นานนักหรอก ถ้าฟ้องคดีก็ต้องขึ้นสู้ที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ตัดสินแค่ครั้งเดียว ไม่มีมีสิทธิอุทธรณ์แน่นอน
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


moon
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 780


« ตอบ #4 เมื่อ: 03-07-2008, 16:00 »

สงสัยจังว่า ถ้ามันผิด แล้วได้ที่ไปเซนต์มาน่ะเป็นโมฆะหรือปล่าว
บันทึกการเข้า
oho
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 712


« ตอบ #5 เมื่อ: 03-07-2008, 16:04 »

จับโกหกนพดลได้อีก อ้างแถลงการณ์22พ.ค. ต้องรอให้ครม.อนุมัติ แต่ดูเอกสารกลับไม่มี!      
Thursday, 03 July 2008  



จับโกหก “นพดล” อ้างแถลงการณ์ร่วม “ไทย-กัมพูชา-ยูเนสโก” เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2551 เป็นแค่การสรุปผลการประชุมร่วมกัน ที่ต้องเซ็นชื่อกำกับเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการลงนามร่วม แถมยังมีถ้อยคำที่ระบุว่า “ไม่มีผลผูกพันจนกว่าครม.อนุมัติ”

แต่เมื่อมาดูในสมุดปกขาวของบัวแก้ว ที่แพร่ไม่กี่วันแล้วถูกระงับ กลับไม่พบว่ามีถ้อยคำที่นพดลอ้างถึง “ส.ว.ปรียนันทนา” ตามบี้ ควรเปิดเผยเนื้อหาของแถลงการณ์ฉบับนี้ให้สังคมรับรู้ ก่อนบินไปแคนาดา

วันที่ 3 ก.ค. 2551 นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ กล่าวผ่านรายการ “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” ทางช่อง 3 อสมท. ถึงท่าทีของกระทรวงการต่างประเทศ ในกรณีปราสาทพระวิหารว่า เราต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล คือ 1.น่าจะเป็นการดีที่จะเลื่อนไปก่อน 2.เราไม่อาจสนับสนุนการขึ้นทะเบียนได้ ซึ่งทำตามคำสั่งศาล ส่วนการจดทะเบียนร่วมก็ต้องหารือกัน ตนจะไปหารือกับนายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ก่อนการประชุมที่แคนาดา คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร เราต้องมีท่าทีเดียวกัน เพราะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลอย่างเคร่งครัด ไม่สามารถสนับสนุนกัมพูชาได้

ส่วนข่าวเรื่องที่ไปลงนามวันที่ 22 พ.ค. 2551 นั้น นายนพดล ชี้แจงว่า เป็นการสรุปการประชุมกัน ซึ่งเป็นการเซ็นกำกับไป เหมือนการตกลงข้อความร่วมกัน ว่าเป็น copy ที่มีการพูดคุยกัน ผมเซ็นเพียง N.P. ว่าเป็นเอกสารที่ตนดูแล้ว และจะนำกลับมาให้ครม.พิจารณา N คือ นพดล P คือ ปัทมะ เขียนว่า ไม่มีผลผูกพันจนกว่าครม.จะอนุมัติ เพียงเซ็นรับทราบว่ามีการเจรจากัน

“เรื่องนี้ทางยูเนสโก้ในไทยได้สร้างความสับสน ผมได้เชิญผอ.ยูเนสโก้ประจำกรุงเทพฯมาพบแล้ว เพื่อทำหนังสือประท้วงว่า เราไม่ได้ทำแบบนั้น ประเด็นที่บอกเซ็น 2 รอบจึงไม่จริง ผมจะอาสาทำไม เมื่อจะเอาเข้าครม. ทำไมต้องเอาคอขึ้นเขียงคนเดียว มันเป็นธรรมเนียมการเจรจาทุกที่ ซึ่งต้องมีการเซ็นกำกับว่านี่คือเอกสารเบื้องต้น ว่าห้ามเพิ่มเติมนะ งานสำคัญขนาดนี้ เราไม่สามารถออกแถลงการณ์ร่วม โดยที่ครม.ยังไม่ทราบไม่ได้ N.P. ก็เพื่อเซ็นกำกับเท่านั้น ไม่ได้เซ็นลายเซ็นแบบจริงๆ”รมว.ต่างประเทศกล่าว


บอกเฉย "ไม่มีผลผูกพัน-ต้องให้ครม.เห็นชอบก่อน"

นายนพดล กล่าวด้วยว่า เอกสารนี้ (หมายถึงฉบับวันที่ 22 พ.ค.) ไม่มีผลผูกพันระหว่างประเทศ เป็นแค่การลงนามกำกับว่าเป็นร่างเบื้องต้น และเขียนชัดว่าต้องได้รับความเห็นชอบจากครม.ก่อน การที่ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ส.ว.สรรหา จะกังวล ก็คงเข้าใจผิด ทูตของเราที่แคนาดา รายงานมาแล้วว่า ทางคณะกรรมการมรดกโลกรับทราบเรื่องท่าทีของไทยที่ไม่ยอมรับต่อการรับรองของกัมพูชาแล้ว

“เมื่อไปถึงแคนาดา ผมจะคุยกับท่านปองพล เพราะท่าทีของไทยต้องเหมือนกัน ท่านคงหมายถึงเลื่อนไปก่อน แล้วไปจดร่วมกัน เพราะครั้งนี้ไทยไม่ได้ยื่นขอจดร่วม เพียงแต่เราปกป้องไม่ให้เสียดินแดน ยังยืนยันว่า สิ่งที่ทำมาถูกต้อง เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย ส่วนท่าทีของกัมพูชานั้น เราก็เชิญท่านทูตมา เพื่อให้รับหนังสือว่า คำสั่งศาลห้ามไม่ให้เราสนับสนุน เพราะเรื่องนี้เป็นคำสั่งศาล ไม่อยากให้สัมพันธ์ของ 2 ประเทศมีปัญหา และการไปแคนาดาครั้งนี้ คงคุยนอกรอบกับกัมพูชาด้วย”นายนพดลกล่าวและว่า ทั้งนี้ตนไม่ได้ต่อสายคุยกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แต่เป็นเรื่องของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ส่วนใหญ่ตนจะคุยกับนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในเบื้องต้นก็คิดว่า เขาน่าจะเข้าใจ เราต้องทำทุกอย่างให้นิ่มนวล และตรงไปตรงมา

เมื่อถามว่า หนังสือที่เซ็นไปเมื่อ 22 พ.ค.นั้น จะเปิดเผยได้หรือไม่ นายนพดลกล่าวว่า “หากเปิดเผยแล้วจะมีปัญหาหรือไม่ เพราะคำสั่งศาลห้ามไม่ให้ผมดำเนินการใดๆ”



ส.ว.ย้ำไม่พบเห็นถ้อยคำ "ต้องให้ครม.พิจารณาก่อน"

ด้านม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนเห็นแถลงการณ์ร่วมของวันที่ 22 พ.ค.แล้ว ซึ่งไม่ได้เห็นข้อความที่บอกเลยว่า "ต้องให้ครม.พิจารณาก่อน" ไม่รู้ว่าผิดกฎหมายหรือไม่ จะแปลความอย่างไรก็แล้วแต่ แถลงการณ์วันที่ 22 พ.ค.นี้เป็นข้อผูกมัดหรือผูกพันแล้ว รมว.ต่างประเทศต้องไปถอนแถลงการณ์ร่วมนี้ออกมาก่อน และควรเปิดเผยเอกสารนี้ก่อนเดินทางไปแคนาดา เพราะยูเนสโก้บอกเองว่ามีผลผูกพัน ดังนั้นเพื่อความชัดเจนก็ควรเปิดเผยออกมา จึงควรแถลงการณ์ออกมาก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือเลขที่ 136.32/1038/08 ที่ นายเชลดอน เชฟเฟอร์ ผู้อำนวยการยูเนสโก สำนักงานกรุงเทพมหานคร ที่ส่งถึงม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เมื่อวันที่ 1ก.ค.ที่ผ่านมานั้น ในตอนท้ายระบุชัดว่า 'พันธะในอันที่จะให้ความร่วมมือเพื่อบริหารจัดการและให้ความคุ้มครองปราสาทพระวิหารดังกล่าว ได้รับการเน้นย้ำและแสดงออกอย่างเป็นทางการแล้วโดย แถลงการณ์ร่วมซึ่งลงนามโดยรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและรองนายกรัฐมนตรี กัมพูชาที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2008 แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวถูกนำเสนอเพื่อรับการพิจารณาจากคณะกรรมการมรดกโลกใน ฐานะเป็นส่วนประกอบหนึ่งของแฟ้มนำเสนอเพื่อการขอขึ้นทะเบียน และตามที่ได้อธิบายมาแล้วข้างต้น คณะกรรมการมรดกโลกจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดสุดท้ายในเรื่องนี้'





“หมัก” ยังปกป้อง “นพดล” ทำอะไรผิด ย้ำทำตามคำพิพากษาของศาลปกครองแล้ว
  
ที่นครกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กัมพูชาใช้แถลงการณ์ร่วม ที่นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ไปลงนาม ที่ กรุงปารีส ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ในการยื่นขอจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกว่า สิ่งที่นายนพดลทำเป็นความผิดอย่างไร ก็ให้บอกมา ตอนนี้ตนได้ทำทุกอย่างตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางแล้ว และส่งเรื่องไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบแล้ว จะให้ทำอย่างไรอีก ได้ทำอย่างตรงไปตรงมาตามกฎหมายทุกอย่าง

โชว์หลักฐานจับโกหกนพดล-เช็คเอกสารแถลงการณ์แล้วไม่พบถ้อยคำที่บอก

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากการตรวจสอบสมุดปกขาวกรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ที่กระทรวงการต่างประเทศจัดทำขึ้น และแผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ www.mfa.go.th เมื่อช่วงค่ำวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ต่อมาได้ถูกระงับการเผยแพร่สมุดปกขาวนี้ โดยกระทรวงการต่างประเทศให้เหตุผลว่า เพราะศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ที่ระงับไม่ให้มีการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งจากการตรวจสอบสมุดปกขาวดังกล่าวพบว่า ในส่วนของคำแถลงการณ์ร่วมไทย กัมพูชา ยูเนสโก ณ วันที่ 22 พ.ค. 2551 เวลา 23.35 น. ก็ไม่ได้มีถ้อยคำใดที่ปรากฏเลยว่า ต้องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาหรืออนุมัติก่อน เหมือนที่นายนพดลพยายามกล่าวชี้แจงในวันนี้







ปชป.อัด "หมัก"ทำคนไทยในจีนเข้าใจผิดเรื่องปราสาทพระวิหาร

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวกับคนไทยในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า กรณีปราสาทพระวิหารเป็นเรื่องทางการเมืองที่มีการนำมาฟาดฟันในสภาฯ จากการที่ฝ่ายค้านนำเรื่องนี้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า นายกฯพูดในสิ่งที่คลาดเคลื่อน ทำให้คนไทยในประเทศจีนที่ไม่ได้มีโอกาสติดตามการอภิปรายดังกล่าว เกิดความเข้าใจผิดในเรื่องนี้ ทั้งนี้การที่พรรคประชาธิปัตย์หยิบยกกรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารมาอภิปรายรมว.ต่างประเทศเป็นการทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านนำเสนอให้เห็นว่าเหตุใดนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ กระทำไม่ถูกต้องในการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารโดยกัมพูชาเป็นผู้เสนอฝ่ายเดียว ไม่ใช่การนำมาฟาดฟันในสภาฯ อีกทั้งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อไมตรีที่ดีของทั้ง 2 ประเทศ




ศาลรธน.พิจารณาด่วนคำร้องสนธิสัญญาร่วมไทย-กัมพูชา ขัดรัฐธรรมนูญม. 190 หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อเวลา 09.30 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีนายชัช ชลวร ประธานคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เป็นประธานการประชุมคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ

ภายหลังการประชุม นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงว่า ที่ประชุมได้พิจารณาคำร้องของประธานวุฒิสภาที่ส่งความเห็นของส.ว. 77 คน และคำร้องของประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ส่งความเห็นของส.ส. 151 คน เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ว่าคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ลงวันที่ 18 มิ.ย. 2551 เป็นหนังสือสนธิสัญญาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรคสอง ซึ่งต้องรับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนหรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า จำนวนของส.ว.และส.ส.ที่เสนอความเห็นมีไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกที่มีอยู่ใน 2 สภา คำร้องทั้ง 2 จึงเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรคหก ประกอบมาตรา 154 วรรคหนึ่ง (1) จึงมีคำสั่งให้รับคำร้องทั้ง 2 ไว้พิจารณาและให้มีคำสั่งรวมกรพิจารณาคำร้องทั้ง 2 เข้าด้วยกัน เนื่องจากมีประเด็นพิจารณาอย่างเดียวกัน

เรียก “นพดล” แจงภายในบ่าย 3 วันนี้หรือ 9 โมงเช้าวันศุกร์ หากไม่มาถือไม่ติดใจ
              
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 มีมติเรียกนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ มาชี้แจงและให้ถ้อยคำพร้อมเอกสารประกอบในประเด็นที่เกี่ยวกับคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในเวลา 15.00 น.ของวันที่ 3 ก.ค. หรือในวันที่ 4 ก.ค. เวลา 09.00 น. หากไม่มาตามกำหนดนัด ให้ถือว่าไม่ติดใจชี้แจงและให้ถ้อยคำ และขั้นตอนต่อไปคณะตุลาการฯก็จะประชุมเพื่ออภิปราย ซึ่งหากข้อมูลเพียงพอก็อาจจะสามารถวินิจฉัยและลงมติได้
              
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำร้องของประธานวุฒิสภานั้น ได้ส่งมาให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาในวันที่ 30 มิ.ย. ในขณะที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งให้พิจารณาในวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา และได้กำหนดในวาระการประชุมในวันที่ 3 ก.ค. เนื่องจากคณะตุลาการฯเห็นว่ากรณีนี้เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องพิจารณา และระเบียบวิธีพิจารณาคดีของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญสามารถใช้ดุลพินิจหยิบยกคำร้องมาพิจารณาได้ตามดุลพินิจของตุลาการฯ
              
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ระบุให้หนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือพื้นที่นอกอาณาเขตไทย จะต้องออกเป็นพ.ร.บ. และได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา และมาตรา 154 กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจพิจารณาคำร้องว่าร่างพ.ร.บ.ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งว่าร่างพ.ร.บ.นั้นขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญนั้นให้ส่วนที่ขัดหรือแย้งนั้นตกไป และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้ ให้นายกฯระงับการดำเนินการไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2008, 16:09 โดย oho » บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #6 เมื่อ: 03-07-2008, 16:11 »

ฤทธิ์ตุลาการภิวัฒน์ที่กำลังคุกคามอำนาจบริหาร...ต้องมีการชำระสะสางกระบวนการยุติธรรมด่วนและรุนแรง!!
บันทึกการเข้า
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #7 เมื่อ: 03-07-2008, 16:16 »

เข้ามาแถอีกแล้ว อย่านี้เค้าเรียกว่า นิติรัฐต่างหาก

อำนาจตุลาการมีไว้ถ่วงดุล ไม่ให้รัฐบาลใช้อำนาจกระทำการผิดกฏหมายตามใจตัวเอง ต่างหาก
บันทึกการเข้า
moon
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 780


« ตอบ #8 เมื่อ: 03-07-2008, 16:20 »

ควายตัวเมีย  ออกลูกมาเป็นตัวเมีย  อยู่มาไม่นาน  ออกลูกออกหลานมาเป็นตัวเมีย

ก็เลยทำให้ท่านผู้รู้ในนี้ ต้องมานั่งสีซอ ให้ควายฟังอยู่ร่ำไป   
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #9 เมื่อ: 03-07-2008, 16:21 »

เข้ามาแถอีกแล้ว อย่านี้เค้าเรียกว่า นิติรัฐต่างหาก

อำนาจตุลาการมีไว้ถ่วงดุล ไม่ให้รัฐบาลใช้อำนาจกระทำการผิดกฏหมายตามใจตัวเอง ต่างหาก


แล้วถ้าคนในตุลาการกระทำผิด...ใครจะถ่วงดุลฤา?  หรือว่าเทวดาข้างบนนั่น!?!

บันทึกการเข้า
moon
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 780


« ตอบ #10 เมื่อ: 03-07-2008, 16:24 »


แล้วถ้าคนในตุลาการกระทำผิด...ใครจะถ่วงดุลฤา?  หรือว่าเทวดาข้างบนนั่น!?!




เออนั่นสิ เรียนท่านผู้รู้ ช่วยอธิบายให้กระผม กับ มัน ฟังหน่อย ขอบคุณ
บันทึกการเข้า
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #11 เมื่อ: 03-07-2008, 16:24 »

สว มีหน้าที่ถอดถอนครับ

เป็นการคานอำนาจกัน ระหว่างอำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ และ อำนาจนิติบัญญัติ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2008, 16:28 โดย คนไทยคนหนึ่ง » บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #12 เมื่อ: 03-07-2008, 16:49 »

สว มีหน้าที่ถอดถอนครับ

เป็นการคานอำนาจกัน ระหว่างอำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ และ อำนาจนิติบัญญัติ


สว.ที่มาจากการแต่งตั้งกว่า 70 คนนั่น...คือกลุ่มคนที่รับใช้อำนาจที่แต่งตั้งมากับมือ เช่น คำนูณ เป็นต้น  กลุ่มคนเหล่านี้หรือที่จะถอดถอนตุลาการชุดปัจจุบัน!?!   ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
บันทึกการเข้า
กุหลาบดำ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 303



« ตอบ #13 เมื่อ: 03-07-2008, 21:10 »

รีบๆ สอบพณฯ เหล่เร็วๆนะค่ะ เพราะถ้าสอบช้าไปท่านอาจจะมิได้สอบ พณฯเหล่เลย เนื่องจากคาดว่าในเร็วๆนี้ พณฯเหล่จะถูกประชาชนรุมกระทืบตายคาตีนเป็นแน่แท้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2008, 21:14 โดย mummam » บันทึกการเข้า
moon
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 780


« ตอบ #14 เมื่อ: 03-07-2008, 21:23 »

สว มีหน้าที่ถอดถอนครับ

เป็นการคานอำนาจกัน ระหว่างอำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ และ อำนาจนิติบัญญัติ



ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: