ศาลปกครองสั่งห้าม ครม.'ขายชาติ' สั่งห้ามยกปราสาทพระวิหารให้เขมร

[E-pen]

ศาลปกครองสั่งห้ามใช้มติครม.เรื่องปราสาทพระวิหาร
วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2551
นสพ.คม-ชัด-ลึก   http://www.komchadluek.net/2008/06/28/x_main_a001_209130.php?news_id=209130
 
ศาลปกครองสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามใช้มติครม.เห็นชอบลงนามแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา และห้ามดำเนินใดๆ จนกว่าจะมีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น โดยส่งแฟกซ์ให้คู่ความทราบตั้งแต่02.00น.


เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2551 เวลา 02.00 น. ศาลปกครองกลาง โดยนายประวิตร บุญเทียม ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครอง , นายณัฐ รัฐอมฤต และนายชาชิวัฒน์  ศรีแก้ว ตุลาการศาลปกครองกลาง เจ้าของสำนวน คดีเขาพระวิหาร มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวคดีที่ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ , นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กับพวกรวม 9 คนซึ่งเป็นทนายความและนักสิทธิมนุษยชน ร่วมกันยื่นฟ้อง นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ และ คณะรัฐมนตรี  เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1- 2 เรื่องกระทำการโยมิชอบด้วยกฎหมาย กรณีที่นายนพดล รมว.ต่างประเทศ ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย -กัมพูชา พร้อมแผนที่แนบ ลงวันที่ 18 มิ.ย. ขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร เป็นมรดกโลก ที่จะมีการเสนอแถลงการณ์ต่อองค์การยูเนสโก ในระหว่างวันที่ 2-10 ก.ค.นี้

โดยศาลมีสั่งพร้อมส่งโทรสาร(แฟกซ์) ให้คู่ความทราบเมื่อเวลา 02.00 น. ซึ่งคำสั่งระบุห้ามผู้ถูกฟ้องทั้งสองนำมติ ครม. เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2551 ที่เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ซึ่ง ครม.เห็นชอบให้นายนพดล ปัทมะ รมว.การต่างประเทศ ไปลงนามในวันที่ 18 มิ.ย.51 นั้น ไปใช้ในแถลงการณ์ร่วม และห้ามดำเนินการตามแถลงการณ์ร่วม ฯ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ผู้สื่อข่าวรายงาน ในการมีคำสั่งองค์คณะศาลปกครองกลาง เจ้าของสำนวน ได้ร่วมประชุมกันทั้งวันอยู่ที่ศาลปกครอง ถ.สาทรใต้ จนถึงเวลาตีสอง จึงมีคำสั่งและแจ้งให้คู่ความทราบ โดยก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งคดีนี้ศาลได้ดำเนินไต่สวนคู่ความทั้งสองไปเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยไต่สวนนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ผู้ฟ้องที่ 1 และนายนิติธร ล้ำเหลือ ผู้ฟ้องที่ 2  ส่วนฝ่ายผู้ถูกฟ้องมีนายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ รับมอบอำนาจจากนายนพดล รมว.ต่างประเทศ เข้าให้ถอยคำต่อศาล และนายเชิดชู รักตบุตร อัคราชทูตประจำกรุงปารีส ปฏิบัติราชการกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่ และรับทราบข้อมูลแผนที่แนบท้ายเรื่องนี้ดีที่สุด และนายพิษณุ สุวรรณะชฎ รองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก

โดยการไต่สวนได้มีการซักถามอย่างละเอียดเกี่ยวกับแผนที่ N1 N2 N3 ซึ่งกัมพูชาใช้แนบท้ายในแถลงการณ์ร่วม ฯ และประเด็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเสียดินแดน รวมทั้งกรณีว่าหากมีการดำเนินการไปแล้วกัมพูชาจะอ้างสิทธิ์ดินแดนที่ทับซ้อนและมีข้อพิพาทภายหลังที่ขึ้นเป็นมรดกโลกแล้วได้หรือไม่ ซึ่งการไต่สวนดังกล่าวศาลปกครองกลางใช้เวลาตั้งแต่ 10.00 น. จนถึง 23.00 น. จึงแล้วเสร็จ

 

[เล่าปี๋]

เย้ ตาเหล่งานนี้หน้าแตก หมอไม่รับเย็บ....

[อธิฏฐาน]

12:58 น.


นายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวหลังจากศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ยุติการปฏิบัติการตามแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาเกี่ยวกับการจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ว่า ตามขั้นตอนคงต้องมีการอุทธรณ์ ไปยังศาลปกครองสูงสุด ซึ่งการที่กัมพูชาจะไปขึ้นทะเบียนมรดกได้หรือไม่ ความจริงการที่ไทยให้การยินยอม ไม่ได้หมายความว่า กัมพูชาจะขึ้นได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความเห็นหรือมติคณะกรรมการมรดกโลก

เรื่องนี้เป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาล ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้พยายามดำเนินการขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกับกัมพูชา แต่กัมพูชายืนยันขึ้นทะเบียนแต่ฝ่ายเดียว ซึ่งทั้งหมดดำเนินไปตามขั้นตอน

ส่วนที่มีข่าวว่ากระทรวงการต่างประเทศเพิ่งทราบว่า แผนที่แนบท้ายการดำเนินการดังกล่าว ทางกัมพูชารุกล้ำพื้นที่ของไทยนั้น อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กล่าวว่า เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ตนไม่ได้ชี้แจงกับศาลว่า ไทยเสียดินแดน หรือไปรับสิทธิเหนือดินแดนในพื้นที่ทับซ้อน กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ยืนยันแถลงการณ์ร่วม แผนผังไม่มีส่วนใดรุกล้ำเข้ามา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเสียดินแดน

ด้านนายธฤต จรุงวัฒน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อศาลปกครองมีคำสั่งเช่นนี้ฝ่ายบริหารก็ต้องนำมาปฏิบัติให้เป็นไปโดยสอดคล้อง อย่างไรก็ตาม คาดว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงการต่างประเทศ จะหารือเพื่อวางแนวทางปฏิบัติต่อไป

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=326958

[ริวเซย์]

การที่นายนพเหล่ปล่อยให้เขมรจดทะเบียนนำเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่ฝ่ายเดียว

อาจเป็นการทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบซึ่งอธิปไตยหรือเสียอธิปไตยได้ในอนาคต

เพราะการแบ่งพรมแดนนั้นใช้แนวสันปันน้ำเป็นหลัก อาจมีการอ้างเรื่องพรมแดนได้ในอนาคต

อีกทั้งไทยยังหมดสิทธิที่จะโต้แย้งสิทธิในเขาพระวิหารในอนาคต

ดังนั้นจึงเป็นการชัดว่าไทยสูญเสียอธิปไตยอย่างชัดเจน

ศาลปกครองกลางตัดสินในคดีนี้ให้คุ้มครองและยุติจึงชอบแล้ว


หมากตาต่อไปคือฟ้องนพเหล่และรัฐมนตรียกคดีที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

สมบัติของชาติ ไม่ใช่ของที่จะเอามาขายกินกันได้ง่ายๆอีกต่อไปแล้ว

[h_e_a_t]

การที่นายนพเหล่ปล่อยให้เขมรจดทะเบียนนำเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่ฝ่ายเดียว

อาจเป็นการทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบซึ่งอธิปไตยหรือเสียอธิปไตยได้ในอนาคต

เพราะการแบ่งพรมแดนนั้นใช้แนวสันปันน้ำเป็นหลัก อาจมีการอ้างเรื่องพรมแดนได้ในอนาคต

อีกทั้งไทยยังหมดสิทธิที่จะโต้แย้งสิทธิในเขาพระวิหารในอนาคต

ดังนั้นจึงเป็นการชัดว่าไทยสูญเสียอธิปไตยอย่างชัดเจน

ศาลปกครองกลางตัดสินในคดีนี้ให้คุ้มครองและยุติจึงชอบแล้ว


หมากตาต่อไปคือฟ้องนพเหล่และรัฐมนตรียกคดีที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

สมบัติของชาติ ไม่ใช่ของที่จะเอามาขายกินกันได้ง่ายๆอีกต่อไปแล้ว


ภายในประเทศอาจมองเห็นทางออก แต่ทางสากล ผมว่าอ้อยเข้าปากช้างไปแล้ว เราเสียเปรียบไปแล้วครับ ยากที่จะแก้ได้ หากกัมพูชาดึงดันเสนอและยืนยันว่าเรามีฉันทานุมัติ

.............................เราเอาคำสั่งศาลปกครองไปอ้างในสากล ไม่รู้ว่าจะรับฟังขึ้นหรือไม่นะครับ เพราะเขาถือว่าว่าเป็นการตกลงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล

อ่านข่าวนี้แล้วจะรู้ว่า ทางกัมพูชาคิดยังไงhttp://www.phnompenhpost.com/index.php/200806268857/National-news/Thai-protests-keep-border-closed.html

[jerasak]

12:58 น.


นายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวหลังจากศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ยุติการปฏิบัติการตามแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาเกี่ยวกับการจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ว่า ตามขั้นตอนคงต้องมีการอุทธรณ์ ไปยังศาลปกครองสูงสุด ซึ่งการที่กัมพูชาจะไปขึ้นทะเบียนมรดกได้หรือไม่ ความจริงการที่ไทยให้การยินยอม ไม่ได้หมายความว่า กัมพูชาจะขึ้นได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความเห็นหรือมติคณะกรรมการมรดกโลก
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=326958

ผมอ่านข่าว อธิบดีกฤต ไกรจิตติ คนนี้ทั้งที่ให้สัมภาษณ์และให้การต่อศาล
มีการให้ความเห็นที่เอื้อประโยชน์ต่อกัมพูชาและปกป้อง รมต.ต่างประเทศ
มาโดยตลอด ประกอบกับเพิ่งจะย้ายมารับตำแหน่งประมาณเพียง 2 เดือน
พอจะเชื่อได้ว่าย้ายมา "รับงาน" เรื่องปราสาทพระวิหาร

ในข่าวนี้ก็มีการการเล่นคำอีก เช่น "ความจริงการที่ไทยให้การยินยอม
ไม่ได้หมายความว่า กัมพูชาจะขึ้นได้"
ทั้งที่ความจริงหากไทยไม่ยินยอม กัมพูชาก็ขึ้นทะเบียนไม่ได้แน่ๆ