ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
01-02-2025, 12:10
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ขี้ด.บ.ก็ตาย ไม่ขึ้นก็ตาย เพราะหน้าเหลี่ยมมันทำลายภูมิคุ้มกันชาติไปจนหมดสิ้นแล้ว 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ขี้ด.บ.ก็ตาย ไม่ขึ้นก็ตาย เพราะหน้าเหลี่ยมมันทำลายภูมิคุ้มกันชาติไปจนหมดสิ้นแล้ว  (อ่าน 813 ครั้ง)
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« เมื่อ: 03-06-2006, 11:56 »


ควรขึ้น "เงินออมกำลังหด ถ้าไม่ขึ้นตอนนี้ แล้วรอไปเรื่อยๆแล้วขึ้นแรงๆ อาจช็อคได้"

รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ
การที่กนง.ไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ก็จะไม่เป็นผลดีต่อการบริหารเงินทุนหมุนเวียน โดยเฉพาะช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยนโยบายของไทยกับเฟดถ้าแตกต่างกัน 0.25-0.50% จะเป็นปัญหาบั่นทอนเงินออมในระบบ เพราะอัตราเงินเฟ้อยังสูง 6.2%ขณะที่อัตราดอกเบี้ยแท้จริงยังติดลบ และระยะต่อไปหากกนง.จะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยตามแนวโน้มก็อาจจะช็อคเศรษฐกิจได้

ดร.บันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค BBL ""
ถ้ากนง.ไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ตลาดหลักทรัพย์และภาคธุรกิจจะดีขึ้นเพียงระยะสั้น แต่ระยะยาวกนง.ก็ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตราย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังสูง โดยส่วนตัวคิดว่าโอกาสปรับเพิ่มดอกเบี้ยมีมากถึง 90% เพราะตลาดได้รับรู้ไปก่อนหน้าแล้วว่ากนง.จะปรับดอกเบี้ยขึ้น

ไม่ควรขึ้น "บาทแข็งทำให้ส่งออกทรุด กลัวกำลังซื้อหด NPL พุ่ง"

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ KTB
ขณะนี้การลงทุนและการบริโภคน้อยลงอยู่แล้ว การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกก็ต้องทำให้การลงทุนและการใช้จ่ายหดลงไปอีก ถามว่าเศรษฐกิจส่วนรวมรับได้หรือเปล่า?ถ้าอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นอีก ถ้ารับได้โดยคิดว่าจะมีส่วนอื่นมาเติมให้ก็โอเค ทุกอย่างจบ แต่ถ้าเศรษฐกิจส่วนรวมรับไม่ได้ก็ต้องหยุด

นายเธียรชัย มหาศิริ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม ส.อ.ท.
หากมีการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกภาระเพิ่มขึ้น เพราะส่วนใหญ่กู้เงินจากธนาคารมาลงทุนในการซื้อวัตถุดิบ การขยายโรงงาน การปรับปรุงเครื่องจักร รวมถึงใช้เป็นทุนหมุนเวียน หากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลานี้ถือเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจให้ทรุดลงไปอีก บางรายอาจถึงขั้นต้องปิดกิจการ



"ภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจ" คืออะไร Question ก็คือ "ความพอเพียง" ไง แต่ตลอด 5 ปีที่ผ่าน ภูมิคุ้มกันตรงนี้มันถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้วด้วย Thaksinomics ตั้งแต่รัฐบาล คนชั้นกลาง คนต่างจังหวัด เลวร้ายกว่ายุคบรรหาร ชาติชาย ชวลิต รวมกันซะอีก กู้สะบั้นหั่นแหลก เอาเงินมาผลาญ คอรับชั่น แล้วมาบอกประชาชนว่า "กู้แล้วรวยอย่างผม" ถ้ามันไม่มีความเน่าเฟะพวกนี้ โลกจะเปลี่ยนแปลงยังไง ไทยจะไม่กระทบมากนัก ยุคโลกาภิวัตน์ รัฐบาลประเทศด้อยพัฒนาประเทศไหนอย่าทำลายภูมิคุ้มกันตัวเองลงไปก็เก่งมากแล้ว (มีประวัติศาสตร์ไทยยุคไหนบ้าง ที่กองทัพขาดเงินมากถึงขนาดกำลังจะฝึกร.ด.ไม่ได้)

เลิกใส่หน้ากากเหอะ จะพูดจะทำอะไรให้มันจริงใจกันบ้าง ให้มันมีความเด็ดขาด อย่ายึกยัก แทงกั๊ก ไม่ควรญาติดีกับผู้ที่สนับสนุนการทำลายชาติ แบบว่า  "สามัคคีกันดีกว่า" "เห็นต่าง แต่ก็คนไทยด้วยกัน" เสียเวลา แบบว่า ประเทศเดินมาถึงปากเหวอีกครั้งแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2006, 12:00 โดย ThaiTruth » บันทึกการเข้า

ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #1 เมื่อ: 03-06-2006, 12:33 »

ช่วงเวลาวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตการเมือง เสี่ยแม้ว 3 กกต. ควรลาออกและเว้นวรรคฯ เสีย เพื่อให้นายกฯคนใหม่เดินตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง แก้ไขการใช้เงินในอนาคตเพื่อตอบสนองวัตถุนิยมและ การเติบโตตัวเลข GDP ของเสี่ยแม้วและรากหญ้า.....



พวกนี้ นอกจากฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องแล้ว ยังฟังภาษาศาลฏีกา ไม่รู้เรื่องอีก เป็นเวรกรรมของคนไทยทั้งชาติ......!






บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 03-06-2006, 14:11 »

ขึ้นก็ตาย ไม่ขึ้นก็ตาย

คอยเตรียมรับสภาพต่อไปให้ดีแล้วกัน
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #3 เมื่อ: 03-06-2006, 14:35 »

รัฐบาลถังแตก วิกฤติร้ายที่เกิดขึ้นจริง ภายใต้การล้างผลาญเงินมากว่าห้าปีของพรรคไทยรักไทย หนี้สาธารณะพุ่งกระฉูด เงินทุนสำรองกำลังร่อยหรอ ป่านนี้เงินทองของหลวงตามหาบัว เหลือกี่สลึงก็ไม่รู้

กองทัพขาดแคลนงบประมาณ เมื่อเกิดอุทกภัยใหญ่ร้ายแรง รัฐบาลไม่มีปัญญาครือไม่มีสมองพอจะพิจารณาว่า กองทัพไม่มีงบประมาณเหลือที่จะไปช่วยประชาชนที่ประสบภัย

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพระราชทานรับสั่ง ให้กองทัพไปรับค่าน้ำมัน จากพระองค์ท่านได้

หากรัฐบาลและนายรัฐมนตรี มีความละอายในการบริหารราชการแผ่นดินที่บกพร่อง จนถึงขนาดกองทัพไม่มีเงินเติมน้ำมันพาหนะ จนระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท รัฐบาลและนายรัฐมนตรี น่าจะรับผิดชอบ เอาเพียงขอพระราชทานอภัยโทษ ที่บริหารราชการเลินเล่อถึงเพียงนี้  แต่พวกนั้นก็ไม่ทำ หนามาก

ภูมิคุ้มกันชาติ เพียงแค่ค่าน้ำมันของกองทัพยังมีไม่พอแล้ว ภูมิคุ้มกันอะไรจะเหลือ ป่านนี้กองทัพเรือมิต้องใช้กำลังพลพายเรือรบกันแล้วหรือ กองทัพอากาศคงต้องซื้อลูกโป่งมาผูกกับเครื่องบิน เผื่อมันจะลอยได้กระมัง

นี่แหละ การบริหารงานล้มเหลวผิดพลาดของไทยรักไทยและทักษิณ

แอร์ฟอร์ซวัน มีเงินเติมน้ำมัน แต่ไม่มีเงินค่าน้ำมันให้กองทัพไปช่วยผู้ประสบภัย  อนิจจา
บันทึกการเข้า
so what?
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,729


« ตอบ #4 เมื่อ: 03-06-2006, 16:00 »

หมดเวลาปาร์ตี้แล้วครับ ใครที่ผ่อนบ้านอยู่รีบหาเงินมาโปะได้แล้วครับ
ส่วนรากหญ้าที่รักของเหลี่ยมก็เตรียมตัวขายเลหลัง มือถือ มอเตอร์ไซค์ ปิ๊คอัพ ด่วนจี๋


                          Mr. Green  Mr. Green
บันทึกการเข้า
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 03-06-2006, 16:47 »

ความเห็นของ "ทนงซัง" รัฐมนตรีเถื่อนด้านการคลัง

"กระทรวงการคลังเห็นว่า หากเศรษฐกิจได้รับยาที่แรงไปอาจทำให้เกิดอาการแพ้ยาได้ ภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงถดถอย เราจึงได้ปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจลง ฉะนั้นก็ควรมีวิธีการที่ทำให้ดีกว่านี้ อย่างเรื่องดอกเบี้ยผมไม่แน่ใจว่าถ้าขึ้นแล้วจะดี" (อยู่ตรงข้ามกับธปท.)
"ที่สำคัญต้องดูแลระดับล่างไม่ให้ได้รับผลกระทบมาก มาตรการทางการคลังทั้งหมด ช่วยเหลือได้ในระยะสั้นเท่านั้น" (แปลว่ารากหญ้าเป็นรากเน่าแล้ว)
"การแก้ปัญหาในระยะยาวจะต้องใช้มาตรการทางการเงินเป็นตัวหลักในการกระตุ้น" (หลักการข้อเดียวของ Thaksinomics)


ความเห็นของ "หม่อมอุ๋ย"

"เรื่องดอกเบี้ยเวลาไม่มีทางออกทีไรก็โยนมาที่ผมซึ่งเรื่องนโยบายดอกเบี้ยมัน ก็มีส่วนทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวเล็กน้อยเท่านั้น เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวเพียง 4.5 % ทั่วโลกก็อิจฉาแล้ว"


ทั้งนี้นับจากกลางปี 2547 แบงก์ชาติแสดงความกังวลต่อภาวะคุกคามของเงินเฟ้อมาก ดังที่ปรากฎว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)หรือ บอร์ดการเงินนับจากช่วงเวลาดังกล่าวจนถึงการประชุมครั้งล่าสุด ( 10 เมษายน 2548 ) รวม 12 ครั้ง บอร์ดการเงิน ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาร์พี (อัตราซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่แบงก์ชาติใช้ชี้นำตลาด รวมแล้ว 3.5 % หรือจาก 1.25% เป็น 4.75 % มีเพียงการประชุม 2 ครั้งแรกในช่วงต้นปี 2548 เท่านั้นที่ไม่มีการขยับอัตราดอกเบี้ยชี้นำ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจยังไม่ชัดจากผลกระทบของโศกนาฎกรรมสึนามิ

เหตุผลหลักที่แบงก์ชาติดำเนินมาตรการการเงินอย่างเข้มข้นต่อเนื่องมาโดยตลอด นอกจากหวังกำราบเงินเฟ้อ ( ระดับราคาสินค้าและบริการที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง) ที่ถูกกดดันจากราคาน้ำมันแล้ว ยังหวังแก้ปัญหาอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (หมายถึงอัตราดอกเบี้ย 1 ปี คาดการณ์เฉลี่ยในรอบ 12 เดือน หักลบจากอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในรอบ 12 เดือน)ที่ติดลบต่อเนื่องมานาน ซึ่งส่งผลให้อัตราการออมภาคเอกชนของไทยยังอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควร โดยล่าสุด ณ เดือน เมษายน ที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังติดลบ 0.63 %

อย่างไรก็ดีดูเหมือนว่าวัคซีนดอกเบี้ยที่แบงก์ชาติฉีดใส่ระบบเศรษฐกิจ ไม่สามารถยับยั้งการเติบโตของตัวเลขเงินเฟ้อได้ หลายเดือนที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อขยับสูงขึ้นมาโดยตลอดล่าสุดเดือน พฤษภาคมที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาประกาศว่าอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นถึง 6.2 ซึ่งสูงที่สุดในรอบปี

ของแพง ไอ้คนที่มันเป็นหนี้อยู่แล้วก็ยิ่งต้องกู้เพิ่มมาโปะ มันก็ไม่หยุดกู้ เงินก็ยิ่งล้นออก เงินเฟ้อก็ไม่หยุดอีก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องออมเงินสำหรับคนกลุ่มนี้ แล้ว "ทนงซัง" จะให้มีการ กู้ๆๆๆ ไปสุดถึงเมื่อไร และถ้าไม่ขึ้นดอกเบี้ยสะกัด มันก็ยัง กู้ ๆๆๆ ไปเรื่อยๆ หนี้ยิ่งบานไปเรื่อย จุดสิ้นสุดอยู่ที่ไหน เมื่อไรมันถึงจะพอ(เพียง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2006, 16:52 โดย ThaiTruth » บันทึกการเข้า

::วิญญาณห้อง2::
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 656



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 03-06-2006, 18:37 »

ฟันธง

ต้องขึ้นดอกเบี้ย.....................................................

รากหญ้าตาย ช่างมัน(เฉพาะพวกที่เป็นหนี้)

ไม่งั้นจะตายกันทั้งประเทศ เหตุผลรึ........

เงินเฟ้อ 6% ดอกเบี้ย 4%

ติดลบมาแบบนี้ 3-4 ปีแล้ว เมื่อก่อน Gap ติดลบไม่กว้างเท่านี้ ตอนนี้กว้างมาก ขอบอก
บันทึกการเข้า

--------this is the world-------
หน้า: [1]
    กระโดดไป: