snowflake
|
|
« เมื่อ: 31-05-2006, 13:27 » |
|
ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนน 72 ต่อ 4 และงดออกเสียง 6 ไม่รับสรรหาผู้สมควรดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)แทนกกต.ที่เสียชีวิตและลาออกไป วันนี้ (31 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศาลฎีกา นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา ได้เรียกประชุมใหญ่ศาลฎีกา มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย รองประธานศาลฎีกา ประธานแผนกคดีพิเศษในศาลฎีกา ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และผู้พิพากษาศาลฎีการวม 82 คน เพื่อพิจารณากรณีที่นายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา มีหนังสือขอให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาสรรหาผู้สมควร เป็นกรรมการการเลือกตั้ง แทนนายจรัล บูรณพันธุ์ศรี ที่เสียชีวิตระหว่างดำรงตำแหน่ง และพล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรรณ ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 3 ชั่วโมง นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขานุการศาลฎีกาแถลงภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นเพียงสั้นๆว่าที่ประชุมได้มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีผู้อภิปรายมากเป็นประวัติการณ์ เพราะถือว่า ปัญหาที่ศาลฎีกากำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดของบ้านเมือง และในที่สุด ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ได้มีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมาก 72 เสียง คะแนนเสียงข้างน้อย 4 เสียง และงดออกเสียง 6 เสียง เห็นสมควรไม่พิจารณาสรรหาผู้สมควรเป็นกรรมการการเลือกตั้ง ตามหนังสือของประธานวุฒิสภาดังกล่าว นายวิรัช กล่าวต่อว่า ตนได้รับมอบหมายให้แถลงผลการประชุมเพียงแค่นี้ ส่วนรายละเอียดจะนำเรียนประธานศาลฎีกา เพื่อรับทราบ ก่อนที่ ประธานศาลฎีกา จะได้มีหนังสือ แจ้งประธานวุฒิสภา เพื่อแจ้งให้ทราบถึงเหตุผลอย่างละเอียดต่อไป http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000071375
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2006, 07:09 โดย snowflake »
|
บันทึกการเข้า
|
Even the smallest person can change the course of the future.
|
|
|
|
จูล่ง_j
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 31-05-2006, 13:39 » |
|
ศาลคิดถูกแล้ว อย่าหา กกต น้ำดี ไปปนกับ กกต น้ำเน่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 31-05-2006, 13:41 » |
|
ไม่มีเหตุผล มีอะไรรึเปล่าจ้ะ... เหตุผลตามมาพรุ่งนี้ จะส่งให้นายสุชิน ช่วงนี้ยังไม่มีคำแถลงถึงเหตุผล ก็ไปราชดำเนินด่าศาลแก้เซ็งได้นะจ๊ะ มีเวลาประมาณ 24 ชม. คงปั่นได้หลายกระทู้นะจ๊ะคุณคิล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
|
snowflake
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 31-05-2006, 13:44 » |
|
ไม่มีแล้วเป็นไง
จะถามว่าศาลมีสิทธิปฏิเสธไม่ช่วยหาให้หรือเปล่า ใช่มะ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Even the smallest person can change the course of the future.
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 31-05-2006, 13:45 » |
|
ผมว่า"มือ"ของผู้พิพากษา"ระบม" แตกเป็นริ้วๆ แน่ๆ ที่ไปตบหน้า"สุชิน" อย่างนั้น.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
|
นายเบียร์
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 31-05-2006, 14:14 » |
|
โอ้ยสุชินนนนนนนนนนนนนนนนน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
snowflake
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 31-05-2006, 14:14 » |
|
ไสว พราหมณี หนึ่งในทีมทีมกฎหมาย สุชน ยังดิ้นหาช่องสรรหา กกต.เพิ่มให้ได้ หลังศาลฎีกามีมติไม่รับคำร้อง เตรียมแก้เกี้ยวยื่นศาล รธน.ตีความ อ้างเข้าข่ายมาตรา 266 ขัดแย้งระหว่างองค์กร วันนี้ (31 พ.ค.) นายไสว พราหมณี รักษาการ ส.ว.นครราชสีมา ประธานทีมที่ปรึกษาด้านกฎหมายประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติ 72 เสียง ไม่สรรหากรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่ นายสุชน ชาลีเครือ รักษาการประธานวุฒิสภาเสนอ ว่า เป็นไปตามความคาดหมายของทีมที่ปรึกษาที่เคยมีการประเมินไว้ เพราะการเสนอให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเป็นช่องทางออกตามรัฐธรรมนูญที่สามารถทำได้ เมื่อ มาตรา 138(1) ไม่สามารถทำได้ จึงจำเป็นต้องใช้ มาตรา 138(2) และ (3) ต่อไป และเมื่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติออกมาอย่างนี้ ก็ต้องยอมรับ โดยทีมที่ปรึกษากฎหมายประธานวุฒิสภาจะได้มีการประชุมกันเพื่อกำหนดทางออกอีกครั้งในวัน 6 มิ.ย. ต้องรอดูเหตุผลของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย โดยจำเป็นต้องพึ่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อหาทางออก เพราะเข้าข่ายความขัดแย้งระหว่างองค์กร ตามมาตรา 266 ที่สำคัญต้องรอดูท่าที่ของ กกต.ทั้ง 3 คน ว่า จะตัดสินใจอย่างไรหากเกิดการลาออกก่อน ก็ไม่จำเป็นต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ก็สามารถเข้าสู่กระบวนการสรรหาใหม่ได้ตามมติของ 3 ศาล ทีม กม.ประธานวุฒิฯ กล่าว http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000071398
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Even the smallest person can change the course of the future.
|
|
|
cameronDZ
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 31-05-2006, 14:19 » |
|
ผลจากการ ตบ ทำให้ศาลข้อมือหัก
เพราะหน้ามัน หนา ยิ่งกว่าคอนกรีต
พรุ่งนี้เตรียมรับอีกข้อหา ทำร้ายศาล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย ...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ... แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก ...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
|
|
|
นู๋เจ๋ง
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 31-05-2006, 14:38 » |
|
แนวคิด คลับคล้าย คลับคลา พรรคฝ่ายค้านไม่ลงเลือกตั้ง เนอะ!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
|
|
|
batman
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 31-05-2006, 16:30 » |
|
ทุกครั้งที่มีมติอะไรออกมา ศาลท่านก็มีเหตุผลโดยไม่ล่าช้าทุกครั้งแหละ ไม่เหมือนกกต.ชุดนี้หรอก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
55555
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 31-05-2006, 19:28 » |
|
ก็เค้าเตือนมาก่อนหน้านี้แล้ว........ไม่รู้จะยื่นมาทำมาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
teera999
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 31-05-2006, 19:59 » |
|
ถ้าไม่มีศาลบ้านนี้เมืองนี้ก็ไม่รู้จะพึ่งใครแล้วครับ ศาล ยอมเปลืองตัวให้ลูกกระจ๊อกในพันทิพมันเสียดสีแบบไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ก็เพราะพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ผมเชื่อว่าคราวนี้ศาลเอาจริง ทักษิฯมันจะได้รู้ซะทีว่าคำว่าบารมีและอำนาจของจริงมันต่างจากอำนาจเงินยังไง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
(ก้อนหิน) ละเมอ
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 31-05-2006, 20:10 » |
|
ที่ รดน. เริ่มถกกันเรื่องเอกฉันท์ ไม่เอกฉันท์แล้ว บอกว่า มติศาล ไม่เป็นเอกฉันท์อ่ะ... 555 งานนี้ ท่านอาจารย์ น่าจะมาร่วมถกด้วยนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 31-05-2006, 23:05 » |
|
สว.ต้องยื่นเรื่องนี้ให้ ศาลรธน. พิจารณา ทันที อย่าช้า เสียเวล่ำเวลา ไม่ต้องรออะไรอีกต่อไปทั้งนั้น...
ชั่วโมงนี้เค้าไม่สนกันเรื่องเหตุ เรื่องผลกันแล้ว... บ้านนี้เมืองนี้... คุณ Killer ตำหนิเสี่ยแม้ว และ"สามอลัชชี"ทางกฎหมายทำไม ?.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
นทร์
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 01-06-2006, 10:19 » |
|
สุชน ดิ้นต่อครับ ทำท่าจะยื่นให้ ศาลรธน ตีความต่อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
|
|
|
snowflake
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 01-06-2006, 10:44 » |
|
อันที่จริง คราวนี้ทั่นสุชิน เอ๊ย สุชน ทำถูกต้องนะคะ คุณ นทร์ ที่ขอให้ศาลฎีกาสรรหา กกต. ตามมาตรา 138 (3) เพราะเป็นหน้าที่ ตามมาตรา 143 ของรัฐธรรมนูญ คือ เมื่อมี กกต.ลาออก ก็เป็นหน้าที่โดยตรงที่จะต้องดำเนินการ
เพียงแต่ปฏิบัติสองมาตรฐาน กลับกันกับครั้งก่อน ตอนคุณจรัล บูรณพันธุ์ศรี ตาย ที่ไม่พยายามสรรหา กกต.คนที่ 5 มาทดแทน และไม่พยายามหาช่องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ปล่อยให้เรื่องเรื้อรังมาตั้งนาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Even the smallest person can change the course of the future.
|
|
|
buntoshi
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 01-06-2006, 10:52 » |
|
ผมว่า"มือ"ของผู้พิพากษา"ระบม" แตกเป็นริ้วๆ แน่ๆ ที่ไปตบหน้า"สุชิน" อย่างนั้น.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ผลจากการ ตบ ทำให้ศาลข้อมือหัก
เพราะหน้ามัน หนา ยิ่งกว่าคอนกรีต
พรุ่งนี้เตรียมรับอีกข้อหา ทำร้ายศาล
ผมอ่านแค่หัวข้อกระทู้ ผมก็สงสารศาลจับจิตเลยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น.... ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ---------------------------
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 01-06-2006, 23:17 » |
|
ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนน 72 ต่อ 4 และงดออกเสียง 6 ไม่รับสรรหาผู้สมควรดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)แทนกกต.ที่เสียชีวิตและลาออกไป วันนี้ (31 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศาลฎีกา นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา ได้เรียกประชุมใหญ่ศาลฎีกา มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย รองประธานศาลฎีกา ประธานแผนกคดีพิเศษในศาลฎีกา ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และผู้พิพากษาศาลฎีการวม 82 คน เพื่อพิจารณากรณีที่นายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา มีหนังสือขอให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาสรรหาผู้สมควร เป็นกรรมการการเลือกตั้ง แทนนายจรัล บูรณพันธุ์ศรี ที่เสียชีวิตระหว่างดำรงตำแหน่ง และพล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรรณ ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 3 ชั่วโมง นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขานุการศาลฎีกาแถลงภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นเพียงสั้นๆว่าที่ประชุมได้มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีผู้อภิปรายมากเป็นประวัติการณ์ เพราะถือว่า ปัญหาที่ศาลฎีกากำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดของบ้านเมือง และในที่สุด ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ได้มีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมาก 72 เสียง คะแนนเสียงข้างน้อย 4 เสียง และงดออกเสียง 6 เสียง เห็นสมควรไม่พิจารณาสรรหาผู้สมควรเป็นกรรมการการเลือกตั้ง ตามหนังสือของประธานวุฒิสภาดังกล่าว นายวิรัช กล่าวต่อว่า ตนได้รับมอบหมายให้แถลงผลการประชุมเพียงแค่นี้ ส่วนรายละเอียดจะนำเรียนประธานศาลฎีกา เพื่อรับทราบ ก่อนที่ ประธานศาลฎีกา จะได้มีหนังสือ แจ้งประธานวุฒิสภา เพื่อแจ้งให้ทราบถึงเหตุผลอย่างละเอียดต่อไป http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000071375 ศาลตบหน้า"สุชน"ไม่รับสรรหากกต.เพิ่ม"สุชิน" แก้ข่าวว่าศาลตบไม่ถูกหรอก หลบทัน......
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
นู๋เจ๋ง
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 02-06-2006, 00:17 » |
|
3 เนติบริกร กับ 72 นักกฎหมาย ระดับ พระกาฬ
จะเหลือเรอะ??
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
|
|
|
snowflake
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 02-06-2006, 07:02 » |
|
ประธานศาลฎีกาทำหนังสือถึง "สุชน" ให้เหตุผลไม่ร่วมสังฆกรรมกับ กกต. ชี้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทำให้ "แก๊งหนา" พ้นสภาพ เพราะไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ คุณสมบัติไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ ขณะที่ "สุชิน" ยังเชื่องไม่ยอมรับหน้าแหกขอรอดูเหตุผลจากศาล ยันทำตามกฎหมาย บ่นพึมสงสาร กกต. โอดตัวเองถูกสื่อจับเป็นแพะ ภายหลังที่ประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2549 ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาหนังสือที่นายสุชน ชาลีเครือ รักษาการประธานวุฒิสภา ยื่นเรื่องเพื่อให้ที่ประชุมศาลฎีกาพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับเลือกเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลง 2 ตำแหน่ง ซึ่งต่อมาที่ประชุมศาลฎีกามีมติ 72 ต่อ 4 เสียงไม่รับหนังสือของนายสุชน และนายสุชนมีท่าทีจะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ผู้พิพากษารายหนึ่งเปิดเผยว่า เมื่อศาลฎีกาไม่รับหนังสือ ย่อมแสดงว่าต้องการให้ กกต.ออกไปก่อน แต่ถ้า กกต.ไม่ยอมออกและดื้อรั้นที่จะทำงาน ก็ต้องให้ดำเนินการต่อไป แต่ทุกครั้งที่ออกมติมาก็จะมีข้อโต้แย้งจากสังคมทุกครั้ง เนื่องจากการดำเนินการในสำนักงาน กกต.ทุกอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมีองค์ประชุมไม่เป็นไปตามมาตรา 8 และท้ายที่สุด กกต.ก็อยู่ไม่ได้ ส่วนกรณีที่นายสุชนจะดำเนินการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพราะเห็นว่าเกิดความขัดแย้งในองค์กร ผู้พิพากษารายนี้ระบุว่า การออกมติของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ถือเป็นดุลพินิจของศาลฎีกา ไม่ใช่การบังคับให้ศาลฎีกาต้องทำตามการร้องขอ อีกทั้งการออกมติครั้งนี้ไม่ถือเป็นความขัดแย้งขององค์กร การที่นายสุชนจะดำเนินการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจึงไม่น่าจะทำได้ อีกทั้งหากนายสุชนจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในนามส่วนตัวก็ทำไม่ได้ ต้องทำในนามวุฒิสภา "เมื่อศาลมีดุลพินิจออกมาแล้วว่าไม่ส่งบุคคลไปเป็น กกต. คุณสุชนและ กกต.น่าจะรับฟังมติ เพราะไม่ใช่การคิดคนเดียวทำคนเดียว แต่เป็นดุลพินิจของผู้พิพากษาศาลฎีกาที่เห็นสัญญาณอันตราย คุณสุชนไม่ควรร้อนตัว ไม่ต้องดิ้นรนเข้าข้างใคร จนต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีก เพราะไม่เกี่ยวข้องกับคุณสุชน และก่อนหน้านี้คุณสุชนก็มีหน้าที่ส่งเรื่องให้วินิจฉัยเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติ แต่กลับนิ่งเฉย ครั้งนี้ควรอยู่เฉยๆ ดีกว่า" ผู้พิพากษากล่าว ที่รัฐสภา วันเดียวกัน นายสุชน กล่าวถึงมติที่ประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกาว่า เรื่องนี้ตนเคารพในดุลยพินิจศาลฎีกา และหนังสือที่ตนได้ทำไปถึงประธานศาลฎีกา (นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ) เป็นหนังสือที่ทำไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 138 (2) เท่านั้น เป็นในส่วนที่เป็นอำนาจของศาลฎีกา ซึ่งเข้าใจว่าในรายละเอียดของการประชุม ทางศาลน่าจะส่งรายละเอียดของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาประกอบมากับหนังสือที่ทางศาลฎีกาจะส่งมาที่วุฒิสภาเร็วๆ นี้ หลังจากนั้นคงจะได้มีการมาดูรายละเอียดกันอีกครั้ง ว่าเหตุผลที่ศาลฎีกาไม่สรรหาคืออะไร "ที่สื่อเสนอข่าวไปว่าประธานวุฒิสภาหน้าแตก ยืนยันว่าไม่ใช่ ต้องขอชี้แจงว่าการทำหน้าที่ของประธานวุฒิสภานั้นเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ได้ไปบอกว่าศาลจะต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งปกติถ้ามี กกต.ว่างลงก็ต้องทำอย่างนี้อยู่แล้ว ก็เป็นการทำของทุกประธาน ไม่ว่าใครจะมาเป็นก็ต้องทำแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่เป็นเรื่องปกติ" เมื่อถามว่าจะมีการดำเนินการต่อไปหรือไม่ นายสุชนตอบว่า คงหยุดแล้วต้องรอทางศาลฎีกาส่งหนังสือมาอย่างเดียว ส่วนจะใช้ช่องทางอื่นต่อไปหรือไม่ก็ต้องรอดูเหตุผลของทางศาลฎีกาที่อาจจะมีการตอบเหตุผลมาด้วย ถามย้ำว่าทางทีมที่ปรึกษากฎหมายของประธานวุฒิสภา จะเสนอให้ส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายสุชนปฏิเสธว่ายังไม่ได้เรียกที่ปรึกษากฎหมายมาประชุมเลย ให้เลื่อนไปก่อน และไม่น่าจะต้องหารืออะไรกันมาก แต่รอความชัดเจนของศาลฎีกาก่อน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นและข้อมูลที่จะส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในเรื่องนี้ เพราะต้องรอหนังสือจากศาลฎีกาก่อน ซึ่งตอนนี้ยังไม่เห็นเงื่อนไขอะไรที่จะส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=2/Jun/2549&news_id=125267&cat_id=501
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2006, 07:19 โดย snowflake »
|
บันทึกการเข้า
|
Even the smallest person can change the course of the future.
|
|
|
snowflake
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 02-06-2006, 07:04 » |
|
มีรายงานว่า ศาลได้ส่งหนังสือแจ้งพร้อมรายละเอียดประกอบให้นายสุชนแล้วเมื่อเย็นวันที่ 1 มิถุนายน หนังสือดังกล่าวระบุว่า ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พิจารณาแล้วเห็นว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 138 (2) บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ที่จะพิจารณาสรรหาผู้สมควรเป็น กกต.เสนอต่อที่ประธานศาลฎีกา ซึ่งเป็นกรณีที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณาดำเนินการได้เองตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญมิได้บัญญัติให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาต้องดำเนินการตามที่มีการร้องขอในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ทรงเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยผ่านทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล แต่ในเวลาที่ประเทศตกอยู่ในภาวะว่างเว้นรัฐสภา และคณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุที่มีการยุบสภา หากมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรักษาระบอบการปกครองและความสงบสุขแห่งราชอาณาจักรไว้ พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจอธิปไตยโดยผ่านทางศาลได้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 ดังที่ทรงมีพระราชดำรัสแก่ประธานศาลปกครองสูงสุดและประธานศาลฎีกาเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 ดังนั้น การปฏิบัติภารกิจของศาลตามที่ได้รับใส่เกล้าใส่กระหม่อมมาจึงเป็นไปโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ประธานศาลฎีการะบุว่า ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้พิจารณาการสรรหาผู้สมควรเป็น กกต.แทนที่ตำแหน่งที่ว่าง 2 คนแล้วเห็นว่า ในการพิจารณาดังกล่าวที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาต้องคำนึงถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ต้องธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยและนำมาซึ่งความผาสุกของประชาชน ทั้งต้องคำนึงถึงพันธกิจของผู้พิพากษาและตุลาการตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งปรากฏในคำถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ตามาตรา 252 ว่า จะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายทุกประการ ดังนั้นเมื่อปัจจุบันประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤติทางการเมือง ประชาชนแบ่งออกเป็นฝักฝ่าย ไม่รับฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน มีผลกระทบกระเทือนต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และความผาสุกของอาณาประชาราษฎร์อย่างรุนแรง จึงนับเป็นสถานการณ์พิเศษที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาต้องพิจารณาด้วยความสุขุมรอบคอบ โดยมองผลที่จะตามมาในอนาคตด้วย หนังสือยังชี้ให้เห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้เพิกถอนการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กกต.ดำเนินการจัดการหรือจัดให้มีการเลือกตั้งที่ไม่เที่ยงธรรม หมายความว่าไม่ตั้งอยู่ในความเป็นธรรม ซึ่งหมายความอยู่ในตัวว่า กกต.ที่ประกอบด้วย พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ นายวีระชัย แนวบุญเนียร และ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ ไม่มีความเป็นกลางทางการเมือง ย่อมขาดคุณสมบัติที่จะเป็น กกต.ตามรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นเด็ดขาด ย่อมขาดคุณสมบัติที่จะเป็น กกต.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 136 ซึ่งจะต้องมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ "คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 บุคคลที่เหลืออีก 3 คน ยังคงใช้อำนาจหน้าที่ของ กกต.ต่อไป การดำเนินการและกระทำการต่างๆ ก็จะมีปัญหาความชอบด้วยกฎหมายอย่างไม่สิ้นสุด การที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะเสนอชื่อผู้สมควรเป็น กกต.เพิ่ม 2 คน ย่อมไม่สามารถเยียวยาปัญหาความชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวได้" นายชาญชัย* ระบุว่า การเลือกตั้งที่ถูกเพิกถอนโดยศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครอง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างร้ายแรง จนถูกฟ้องเป็นคดีอาญาหลายคดี ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด ทั้งขณะนี้ศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องแล้วและมีคำสั่งว่าคดี มีมูล ประทับรับฟ้องไว้พิจารณา จึงเห็นได้ว่า กกต.ที่เหลืออยู่ 3 คนนี้ มิได้อยู่ในฐานะที่สมควรจะได้รับความไว้วางใจจะให้ทำหน้าที่ต่อไป ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจึงไม่อยู่ในฐานะที่จะให้การสนับสนุนการดำเนินการของบุคคลทั้ง 3 ได้ http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=2/Jun/2549&news_id=125267&cat_id=501*นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา เพิ่มให้อีก link http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=3850&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2006, 00:26 โดย snowflake »
|
บันทึกการเข้า
|
Even the smallest person can change the course of the future.
|
|
|
R O S #41
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 02-06-2006, 07:33 » |
|
แค่อ่าน " การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กกต.ดำเนินการจัดการหรือจัดให้มีการเลือกตั้งที่ไม่เที่ยงธรรม หมายความว่าไม่ตั้งอยู่ในความเป็นธรรม ซึ่งหมายความอยู่ในตัวว่า กกต.ที่ประกอบด้วย พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ นายวีระชัย แนวบุญเนียร และ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ ไม่มีความเป็นกลางทางการเมือง ย่อมขาดคุณสมบัติที่จะเป็น กกต.ตามรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นเด็ดขาด ย่อมขาดคุณสมบัติที่จะเป็น กกต.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 136 ซึ่งจะต้องมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ การเลือกตั้งที่ถูกเพิกถอนโดยศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครอง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างร้ายแรง จนถูกฟ้องเป็นคดีอาญาหลายคดี ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด ทั้งขณะนี้ศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องแล้วและมีคำสั่งว่าคดีมีมูล ประทับรับฟ้องไว้พิจารณา จึงเห็นได้ว่า กกต.ที่เหลืออยู่ 3 คนนี้ มิได้อยู่ในฐานะที่สมควรจะได้รับความไว้วางใจจะให้ทำหน้าที่ต่อไป ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจึงไม่อยู่ในฐานะที่จะให้การสนับสนุนการดำเนินการของบุคคลทั้ง 3 ได้
3 กกต ที่ ศาลกล่าวถึงนี้ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ช่างไม่มีศักดิ์ศรี หรือยางอายเลยหรือไร อยู่ไปก็รังแต่ ทำให้ตระกูล ลูกหลานญาติพี่น้องได้อับอาย ศาลท่านพูดได้ชัดเจน ทั้งขู่ทั้งด่า ตอนนี้ เมื่อก่อนท่านปลอบมาให้ออกเพื่อเห็นแก่ชาติ แต่ทั้ง 3 ก็ด้าน ตอนนี้ ขู่และด่า ถ้ายังไม่ออกมีคุกแน่คะ รอชม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่มีอะไรที่ จะทำไม่ได้ และไม่ได้มา นอกจากเราจะท้อแท้ และยอมแพ้กับมัน
|
|
|
porameto009
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 02-06-2006, 09:57 » |
|
เมื่อวานศาลยุติธรรมมีมติออกมาแล้ว สุชนน่าจะเลือกได้แล้วว่าจะเลือกทางเดินที่สวยหรูคือลาออกจากรักษาการประธานวุฒิสภาหรือรับใช้รัฐบาลทักษิณต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ยามเฝ้าแผ่นดิน
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 02-06-2006, 10:16 » |
|
สุชิน เชลียร์เครือ เลียแม้จนหยาดสุดท้าย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
HILTON (ปาล์มาลี)
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 02-06-2006, 11:01 » |
|
A picture can tell more than a thousand words
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
snowflake
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 02-06-2006, 18:50 » |
|
^ ^ รู้ล่วงหน้าจริงๆ ด้วยค่ะ คุณ HILTON (ปาล์มาลี) พวก "ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่" ยุคนักกฎหมายพลิกตำราหาช่องมาสู้กัน
เชียร์คนนี้แล้วกันhttp://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=2/Jun/2549&news_id=125267&cat_id=501นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความเห็นถึงบทบาทนักกฎหมายในสถานการณ์วิกฤติการเมืองขณะนี้ว่า นักกฎหมายต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ยึดหลักกฎหมายไว้ให้มั่น แต่ที่ผ่านมานักกฎหมายทั้งหลายต่างออกมาให้ความเห็นโดยไม่มีหลัก แต่มีธงนำหน้า แล้วบีบกฎหมายให้เข้ามารองรับเป้าหมายหรืออุดมการณ์ทางการเมืองของตน ไม่ต่างกับที่เคยเรียกคนของรัฐบาลว่าเป็นเนติบริกร ทำให้ประชาชนผู้รับข่าวสารสับสน ไม่ทราบว่าอะไรคือความจริง เมื่อฟังนักกฎหมายพูดแล้วก็คิดว่านักกฎหมายที่ตีความตามกระแสเป็นฝ่ายถูกต้อง ซึ่งตนเห็นว่าไม่ใช่เสมอไป "ผมมองว่าสถานการณ์ช่วงนี้มันมั่วมาก ทั้งสองฝ่ายใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการเอาชนะกัน ใช้กฎหมายรับใช้การเมือง ผมอ่านหนังสือ 5 เล่ม 10 เล่ม เพื่อถ่ายทอดความรู้ แต่กลับต้องเจอกับนักกฎหมายที่มีธงของตัวเองแล้วมาเล่นถ้อยคำ โดยไม่รู้ว่าความผิดความถูกอยู่ตรงไหน มีแต่การจะเอาชนะกันในทางการเมือง แล้วใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ยอมรับว่ากฎหมายต้องคู่กับการเมือง แต่ทั้งสองไม่ใช่สิ่งเดียวกัน นักกฎหมายต้องมองให้เห็นประเด็นทางกฎหมายที่อยู่ในปัญหาการเมืองให้ได้ ไม่ใช่ปะปนกันไปหมดเหมือนขณะนี้" นายวรเจตน์ยกตัวอย่างถึงการมองประเด็นเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งของ กกต. 37 วันว่าเป็นความผิด ตนเห็นว่าเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นอำนาจของ กกต.และรัฐบาล ที่สามารถกำหนดได้ แต่ต้องภายใน 60 วัน บางเรื่องที่ กกต.มีอำนาจทำได้ ก็ต้องเคารพ แต่การเวียนเทียนผู้สมัครนั้นไม่ถูกต้อง ก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย ในภาวะที่กระแสน้ำเชี่ยวกรากอย่างรุนแรง นักกฎหมายต้องเป็นผู้เอาไม้ไปปักไว้ในน้ำเชี่ยวอย่างมั่นคง ไม่ว่าใครจะพัดไปไหนนักกฎหมายต้องไม่ไปตามกระแส ต้องยืนเป็นหลักให้กับสังคมนักกฎหมาย มธ.ผู้นี้เห็นว่า การที่ศาลฎีกาออกมาแถลงแสดงความไม่เห็นด้วยกับการอยู่ในตำแหน่งของ กกต.ที่เหลือก่อนหน้านี้ เท่ากับว่าศาลเข้าไปเป็นหนึ่งในผู้เล่นในสนาม หรือเลือกฝักฝ่ายโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าอาจจะมีปัญหาในเรื่องการชี้ขาดปัญหาในอนาคต ในสถานการณ์ที่บ้านเราขณะนี้เหลือแต่องค์กรตุลาการเท่านั้นที่เป็นที่พึ่ง ดังนั้นในช่วงหลังที่ศาลพยายามไม่นำเสนอในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมืองจึงถือเป็นเรื่องที่ดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Even the smallest person can change the course of the future.
|
|
|
|