http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6643895/P6643895.htmlคำแปล FCCT โดยจักรภพ
คำแปลโดยนายจักรภพ เพ็ญแข และคณะ
(จักรภพ) ขอบคุณมากครับโจนาธาน
ท่านแขกผู้มีเกียรติและมิตรสหายทั้งหลาย ผมตั้งใจจะกล่าวในรายละเอียด ถึงเหตุการณ์ที่ผมเพิ่งประสบมา เพื่อที่ท่านทั้งหลายจะได้เข้าใจถึงสถานะของผม ผมเพิ่งออกมาจากเรือนจำของคุณเปรม ซึ่งไม่ใช่เรือนจำทั่ว ๆ ไป แต่เป็นเรือนจำ ของคุณเปรม เป็นวิธีการสื่อสารโดยตรงกับสาธารณชนว่าเขาเป็นบุคคลที่ถูกแตะต้องไม่ได้ คุณเปรมเป็นใคร คุณเปรมเป็นตัวแทนของใคร คุณเปรมเป็นตัวแทนของคนๆ นั้นจริงหรือ นี่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราจะพูดคุยกันในคืนนี้ เพราะมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตของประชาธิปไตยของไทยดังที่ท่านทั้งหลายทราบดีอยู่แล้ว ทั้งนี้ ท่านทั้งหลายต่างก็มีข้อมูลและความรู้ที่ดีมากเกี่ยวกับประเทศไทย และสถานการณ์ที่สลับซับซ้อนและชวนปวดหัวอย่างไม่จำเป็นของการเมืองไทย โจนาธาน (ผู้ดำเนินรายการ) ได้ตั้งหัวข้อในการสนทนาให้ผมที่กว้างมาก เรื่องประชาธิปไตยและระบบอุปถัมภ์ของไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนาในเรื่องกระบวนการพัฒนาสู่ประชาธิปไตยของไทย ผมจะพยายามนำเสนอหัวข้อนี้อย่างที่ดีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงสถานการณ์ของประเทศไทย ในขณะนี้คงไม่มีหัวข้ออื่นใดที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยในปัจจุบันนี้มากไปกว่าหัวข้อที่เราจะพูดคุยกันในวันนี้อีกแล้ว ผมมีความเห็นว่าวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้เกิดจากการปะทะกันโดยตรงของวิถีทางประชาธิปไตย และระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงและจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญประเทศไทย ทั้งสองฝ่ายต่างต้องเดิมพันสูงมาก สองฝ่ายนี้ผมหมายถึงวิถีทางประชาธิปไตยและระบบอุปถัมภ์ และถ้าท่านนำผลของการลงประชามติ เมื่อ 19 สิงหาคมที่ผ่านมาวิเคราะห์อย่างจริงจัง ท่านจะเห็นความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่าง คนไทยจำนวนร้อยละ 56 และร้อยละ 41 ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีครั้งใดที่คนจำนวนมาก ขนาดนั้นจะลุกขึ้นมาประกาศว่าเราไม่ต้องการะบบอุปถัมภ์อีกต่อไป สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการคือประชาธิปไตย ไม่ใช่ใครสักคนที่จะมาตบหลัง ตบไหล่ แล้วบอกว่าฉันจะทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้นเล็กน้อย แต่เธอควรจะต้องสำนึกบุญคุณ ของฉันเป็นอย่างยิ่ง บัดนี้ได้เวลาแล้วที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงความเข้าใจในเรื่องสิทธิโดยธรรมชาติของประชาชนคนไทยว่าเราไม่แตกต่างกับประชาชนคนชาติอื่นๆ ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ผมเชื่อว่าท่านทั้งหลายจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ภายในชั่วชีวิตของท่าน การเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ที่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ณ เวลานี้
จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:48:48 A:202.47.237.156 X: ]
ความคิดเห็นที่ 1
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยของเราได้เริ่มต้นขึ้นด้วยระบบอุปถัมภ์ ท่านทั้งหลายในที่นี้เกือบทุกท่าน คงได้เคยอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศไทยและประวัติศาสตร์ของเรา โดยย่อ เพราะเราตัดสินใจที่นับประวัติศาสตร์ของเราย้อนหลังไป 700 ปี และข้ามประวัติศาสตร์อีก 300 ปีก่อนหน้านั้น เพราะมันไปเกี่ยวพันกับปัญหา ความยุ่งยากในภาคใต้ นั่นคือเหตุผลที่เราเลือกที่จะนับจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ไปที่ 700 ปีก่อน ในยุคสมัยของสุโขทัย เรามีสุโขทัยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรที่ต่อมา ได้กลายมาเป็นประเทศไทยในปัจจุบัน ในช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานของยุคสมัยสุโขทัย เราได้รับการเรียนรู้และทำให้เชื่อว่ากษัตริย์พระองค์หนึ่งสมัยสุโขทัย คือ กษัตริย์พระองค์นั้น มีพระนามว่า รามคำแหง ซึ่งถ้าจะเรียกให้ถูกต้อง ต้องเรียกว่า พ่อขุนรามคำแหง คติที่ว่ากษัตริย์คือองค์สมมติเทพยังไม่เป็นที่รู้จักในสมัยสุโขทัย ดังนั้น ในยุคสมัยสุโขทัยเราจะเคารพและนับถือกษัตริย์ เพราะความที่ทรงเป็นเสมือนบิดาผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความเมตตากรุณาต่อประชาชน และเป็นผู้ที่หยิบยื่นสิ่งที่ประชาชนต้องการในเวลาที่ประชาชนต้องการ ตัวอย่างที่สำคัญยิ่งประการหนึ่งคือ การที่ท่านพ่อขุนรามคำแหงได้จัดให้มีการติดตั้งระฆังไว้ที่หน้าวัง ประชาชนคนใดที่มีปัญหาสามารถมาตีระฆัง แล้วท่านพ่อขุนรามฯ ก็จะเสด็จออกมา หรือข้าราชบริพารก็จะออกมาแก้ปัญหาให้ นี่คือบทเรียนบทแรกที่เด็กนักเรียนของไทยได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบการปกครองของไทยว่า เราต้องการพึ่งพาใครสักคน ถ้าเรามีปัญหา ให้ไปหาใครสักคนที่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ดังนั้นก่อนที่เราจะรู้ตัวด้วยซ้ำไป เราได้เข้าไปสู่ระบบอุปถัมภ์ เพราะเราถามหาการพึ่งพาอาศัย ก่อนที่เราจะพิจารณาถึงความสามารถของตนเองในการแก้ไขปัญหา แนวคิดพื้นฐานนี้เองที่ทำให้คนไทยเราแตกต่างจากคนชาติอื่น ๆ ทั่วโลก และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรา ในยุคสมัยสุโขทัย เรามีพระมหากษัตริย์ที่ปฏิบัติพระองค์เป็นที่พึ่งพิงของประชาชนเช่นนั้น ดังนั้นประชาชนจึงหน้าที่ในถวายความจงรักภักดี ประชาชนศรัทธาในระบบซึ่งปกครองพวกเขา เพราะนั่นคือระบบการปกครองที่ใช้ได้ผลในยุคสมัยนั้น และไม่มีระบบอื่นใดที่จะมาแข่งขันหรือแทนที่ หรือถ้าจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งในเวลานั้นไม่มีแนวความคิด หรือวิธีการที่เหมาะสมกว่าในการปกครองราชอาณาจักรของไทย ดังนั้นวิธีการปกครองประเทศเช่นนั้นจึงเป็นระบบที่ดีที่สุดในเวลานั้น
จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:50:15 A:202.47.237.156 X: ]
ความคิดเห็นที่ 2
หลังจากนั้นก็ถึงยุคสมัยของอยุธยา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศเป็นเวลานานกว่า 400 ปี คติเรื่องกษัตริย์เป็นสมมติเทพได้รับการเผยแพร่เข้ามาในสมัยอยุธยาผ่านทางอารยธรรมขอม คติที่ว่าถือว่ากษัตริย์เป็นสมมติเทพ กษัตริย์ทรงเป็นตัวแทนของบรรดาเทพเจ้าของศาสนาฮินดูและเทพเจ้าอื่น ๆ ได้รับการยอมรับในประเทศไทยในสมัยนี้ ดังนั้นระบบของการอุปถัมภ์ที่ให้ความช่วยเหลือ หรือเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนได้รับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบของการให้ความคุ้มครอง ถ้าท่านจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน ท่านจะได้รับความคุ้มครอง และเพื่อที่จะย้ำให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงการให้ความคุ้มครองนี้ ถ้าท่านมีพฤติการณ์ในทางอื่น ท่านจะต้องถูกลงโทษ ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าในสมัยอยุธยามีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง บางคนอาจจะคิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบถอยหลัง บางคนอาจจะคิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบพัฒนาขึ้น ไม่ว่าท่านจะคิดอย่างไรก็ตาม ระบบนี้เป็นการผสมผสานกันของการมีความเมตตากรุณาเยี่ยงบิดาผู้ยิ่งใหญ่ เช่น พ่อขุน และระบบของการมีผู้นำที่ยิ่งใหญ่ เราอาจจะกล่าวได้ว่าพระมหากษัตริย์ในสมัยอยุธยาทรงมีพระราชอำนาจ สูงมาก และทัศนคติของการใช้พระราชอำนาจเพิ่งเป็นที่ยอมรับแพร่หลายในสมัย นั้นด้วย และถ้าผู้ที่มีอำนาจมีความเมตตากรุณาด้วย ท่านก็จะได้รับประโยชน์จากอำนาจนั้นเช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าสมัยอยุธยาได้สอนคนไทยให้เรียนรู้ที่จะอยู่กับอำนาจ เรียนรู้ว่าจะอยู่กับอำนาจได้อย่างไร จะเอาตัวรอดจากอำนาจได้อย่างไร และทำอย่างไรจึงจะไม่ถูกอำนาจนั้นทำร้าย แต่ยิ่งไปกว่านั้น สมัยอยุธยายังก่อให้เกิดรูปแบบของความสัมพันธ์แบบใหม่ คือความสัมพันธ์ของนายกับทาส ความสัมพันธ์ระหว่างขุนนางกับไพร่ หรือสามัญชน และนั่นคือสมัยอยุธยา
หลังจากนั้นเราก็มาถึงยุครัตนโกสินทร์ โดยผมขอข้ามระยะเวลา 12 ปีของสมัยธนบุรี ในยุคสมัยของกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งเราอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์จักรีผู้ทรงก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้น ยุคสมัยนี้คือสิ่งที่เป็นการผสมผสานระหว่างสมัยอยุธยาและทักษะสมัยใหม่ที่เราอยากจะเรียกว่า “การบริหารจัดการความรู้” เราอาจกล่าวได้ว่า ความรุ่งเรืองของการปกครองโดยพระบิดาผู้ยิ่งใหญ่ผสานกับพระราชอำนาจในสมัยอยุธยา และสถานะของพระราชวงศ์ที่เป็นดังสมมติเทพได้รับการผสมผสานในยุครัตนโกสินทร์กับระบบของการ “บริหารจัดการความรู้” ในยุครัตนโกสินทร์คือยุคที่ความรู้คืออำนาจดังที่คนจำนวนไม่น้อยเชื่อเช่นนั้น และนั่นคือเหตุผลที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงดำรัสเป็นภาษาอังกฤษในราชสำนัก และทรงได้นำการศึกษาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ตลอดจนการประดิษฐ์ มาสู่ประเทศไทย และทรงโปรดให้มีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่เป็นเรื่องใหม่ที่คนไทยในยุคนั้นไม่เคยรู้จักมาก่อน ด้วยเหตุนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ จึงทรงมีที่มาของพระราชอำนาจอีกประการหนึ่ง ประชาชนไม่ได้คิดแค่เพียงว่าพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ หรือพระบิดาของชาติผู้ทรงเมตตากรุณาเท่านั้น แต่ประชาชนมองว่าพระองค์ทรงเป็นบิดาแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอีกด้วย และเรายังคำนึงถึงพระองค์ท่านเช่นนั้นแม้จนในทุกวันนี้ เราอาจกล่าวได้ว่าระบบการปกครองของไทยในสมัยนั้นได้เป็นไปในทิศทางที่ว่าบรรดาผู้นำและผู้ปกครองได้ดำเนินการอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนเชื่อว่าผู้นำและผู้ปกครองสามารถเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนได้ วิธีการที่แสดงถึงการเป็นหลักเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนในแต่ละยุคสมัยก็แตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงของเวลาดังที่ผมได้เรียนท่านมาแล้ว
จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:50:57 A:202.47.237.156 X: ]
ความคิดเห็นที่ 3
หลังจากนั้นก็ถึงยุคสมัยของอยุธยา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศเป็นเวลานานกว่า 400 ปี คติเรื่องกษัตริย์เป็นสมมติเทพได้รับการเผยแพร่เข้ามาในสมัยอยุธยาผ่านทางอารยธรรมขอม คติที่ว่าถือว่ากษัตริย์เป็นสมมติเทพ กษัตริย์ทรงเป็นตัวแทนของบรรดาเทพเจ้าของศาสนาฮินดูและเทพเจ้าอื่น ๆ ได้รับการยอมรับในประเทศไทยในสมัยนี้ ดังนั้นระบบของการอุปถัมภ์ที่ให้ความช่วยเหลือ หรือเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนได้รับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบของการให้ความคุ้มครอง ถ้าท่านจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน ท่านจะได้รับความคุ้มครอง และเพื่อที่จะย้ำให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงการให้ความคุ้มครองนี้ ถ้าท่านมีพฤติการณ์ในทางอื่น ท่านจะต้องถูกลงโทษ ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าในสมัยอยุธยามีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง บางคนอาจจะคิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบถอยหลัง บางคนอาจจะคิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบพัฒนาขึ้น ไม่ว่าท่านจะคิดอย่างไรก็ตาม ระบบนี้เป็นการผสมผสานกันของการมีความเมตตากรุณาเยี่ยงบิดาผู้ยิ่งใหญ่ เช่น พ่อขุน และระบบของการมีผู้นำที่ยิ่งใหญ่ เราอาจจะกล่าวได้ว่าพระมหากษัตริย์ในสมัยอยุธยาทรงมีพระราชอำนาจ สูงมาก และทัศนคติของการใช้พระราชอำนาจเพิ่งเป็นที่ยอมรับแพร่หลายในสมัย นั้นด้วย และถ้าผู้ที่มีอำนาจมีความเมตตากรุณาด้วย ท่านก็จะได้รับประโยชน์จากอำนาจนั้นเช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าสมัยอยุธยาได้สอนคนไทยให้เรียนรู้ที่จะอยู่กับอำนาจ เรียนรู้ว่าจะอยู่กับอำนาจได้อย่างไร จะเอาตัวรอดจากอำนาจได้อย่างไร และทำอย่างไรจึงจะไม่ถูกอำนาจนั้นทำร้าย แต่ยิ่งไปกว่านั้น สมัยอยุธยายังก่อให้เกิดรูปแบบของความสัมพันธ์แบบใหม่ คือความสัมพันธ์ของนายกับทาส ความสัมพันธ์ระหว่างขุนนางกับไพร่ หรือสามัญชน และนั่นคือสมัยอยุธยา
หลังจากนั้นเราก็มาถึงยุครัตนโกสินทร์ โดยผมขอข้ามระยะเวลา 12 ปีของสมัยธนบุรี ในยุคสมัยของกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งเราอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์จักรีผู้ทรงก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้น ยุคสมัยนี้คือสิ่งที่เป็นการผสมผสานระหว่างสมัยอยุธยาและทักษะสมัยใหม่ที่เราอยากจะเรียกว่า “การบริหารจัดการความรู้” เราอาจกล่าวได้ว่า ความรุ่งเรืองของการปกครองโดยพระบิดาผู้ยิ่งใหญ่ผสานกับพระราชอำนาจในสมัยอยุธยา และสถานะของพระราชวงศ์ที่เป็นดังสมมติเทพได้รับการผสมผสานในยุครัตนโกสินทร์กับระบบของการ “บริหารจัดการความรู้” ในยุครัตนโกสินทร์คือยุคที่ความรู้คืออำนาจดังที่คนจำนวนไม่น้อยเชื่อเช่นนั้น และนั่นคือเหตุผลที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงดำรัสเป็นภาษาอังกฤษในราชสำนัก และทรงได้นำการศึกษาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ตลอดจนการประดิษฐ์ มาสู่ประเทศไทย และทรงโปรดให้มีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่เป็นเรื่องใหม่ที่คนไทยในยุคนั้นไม่เคยรู้จักมาก่อน ด้วยเหตุนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ จึงทรงมีที่มาของพระราชอำนาจอีกประการหนึ่ง ประชาชนไม่ได้คิดแค่เพียงว่าพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ หรือพระบิดาของชาติผู้ทรงเมตตากรุณาเท่านั้น แต่ประชาชนมองว่าพระองค์ทรงเป็นบิดาแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอีกด้วย และเรายังคำนึงถึงพระองค์ท่านเช่นนั้นแม้จนในทุกวันนี้ เราอาจกล่าวได้ว่าระบบการปกครองของไทยในสมัยนั้นได้เป็นไปในทิศทางที่ว่าบรรดาผู้นำและผู้ปกครองได้ดำเนินการอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนเชื่อว่าผู้นำและผู้ปกครองสามารถเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนได้ วิธีการที่แสดงถึงการเป็นหลักเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนในแต่ละยุคสมัยก็แตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงของเวลาดังที่ผมได้เรียนท่านมาแล้ว
จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:51:28 A:202.47.237.156 X: ]
ความคิดเห็นที่ 4
บัดนี้เราอยู่ในยุคของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช หรือในหลวงรัชกาลที่เก้า เรามีระบบที่ผสมผสานของแนวคิดทุกอย่าง และจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ยาวนานถึงมากกว่า 60 ปีแล้ว พระองค์ทรงได้รับการยกย่องเป็นตำนาน (Myth) สถานภาพของพระองค์ในประเทศไทยจึงได้รับการเผยแพร่ คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้ว่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เผยแพร่กันไปเกี่ยวกับพระองค์ท่านนั้นว่าเรื่องใดเป็นเรื่องจริง เรื่องใดเป็นความเชื่อ ทั้งนี้เพราะพระองค์ ทรงครองราชย์มานานมากจนพระองค์ทรงเป็นทุกอย่างที่ได้มีการกล่าวถึง พระองค์ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักวิทยาศาสตร์ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนา ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักมาก และทรงได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ปกป้องระบอบประชาธิปไตยของไทย ในแนวคิดใหม่ ดังนั้น เรากำลังเผชิญเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้ที่เป็นตัวแปรอยู่ในสังคม แล้วเราต้องจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ใหม่ เราได้พลาดโอกาสที่สำคัญในอดีต เช่น เมื่อท่านปรีดี พนมยงค์ ผู้นำพลเรือนได้ทำการอภิวัฒน์ในปีพ.ศ. 2475 และเปลี่ยนการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชไปสู่ระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเหตุการณ์อภิวัฒน์นั้นเกิดขึ้นในสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือในหลวงรัชกาลที่ 7 ในภายหลังท่านปรีดีได้กล่าวว่าท่านได้เห็นอำนาจเมื่อท่านอายุ 32 แต่เมื่อท่านอายุใกล้ 50 ท่านก็สูญเสียอำนาจโดยสิ้นเชิง และต้องลี้ภัยไปอยู่ปักกิ่งถึง 10 ปี และใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายที่ฝรั่งเศส ท่านไม่ได้กลับคืนสู่ประเทศไทยอีกเลย เว้นแต่เถ้ากระดูกของท่านเท่านั้น ท่านได้เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อข้าพเจ้ามีอำนาจ ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับอำนาจ เมื่อข้าพเจ้าอายุมากขึ้น และเรียนรู้ว่าควรทำอย่างไร ข้าพเจ้าก็ไร้ซึ่งอำนาจ แนวคิดของการมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานานเป็นเสมือนเครื่องเตือนให้เราตระหนักว่าเราอาจต้องการผู้นำที่จะมาดำเนินการจัดลำดับความสำคัญต่าง ๆ ให้เรา
ท่านเห็นหรือไม่ครับ ทุกสิ่งที่ผมได้เล่าให้ท่านฟังตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้นำไปสู่ความ ยึดมั่นของคนไทยว่า การที่เรามีพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีความเมตตากรุณาเช่นนี้แล้ว เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีประชาธิปไตย เราถูกชักนำให้เชื่อว่ารูปแบบของรัฐบาลที่ดีที่สุด คือประชาธิปไตยภายใต้การชี้นำหรือภายใต้พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แนวคิดที่พัฒนามาในลักษณะนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์ในปัจจุบันขึ้น ซึ่งผมมองว่าเป็นการปะทะกันระหว่างวิถีทางประชาธิปไตยของไทยและระบบอุปถัมภ์ หรืออาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า คนไทยถูกทำให้รู้สึกคุ้นเคยกับระบบอุปถัมภ์ เราเริ่มประดิษฐ์คำอย่างเช่น “ไม่เป็นไร” ซึ่งอาจหมายความเช่นนั้นเพราะไม่มีวิธีการอื่นที่จะกล่าวแล้ว เราคิดค้นระบบของการยิ้มตลอดเวลาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เพราะการยิ้มเป็นทางออกของปัญหาอย่างหนึ่ง อาจเป็นเพราะเราไม่มีวิธีการที่ดีกว่านี้ในเวลานั้น และเรายังมีความเชื่อที่ว่าค่าของคนคือคนของใคร ซึ่งเป็นการวัดคุณค่า ของคนบนพื้นฐานของฐานะหรือสังกัดของคน ซึ่งความคิดและถ้อยคำที่ใช้ในลักษณะนี้มาจากความรู้สึกที่ว่าการอุปถัมภ์เป็นสิ่งที่ยอมรับได้
จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:52:01 A:202.47.237.156 X: ]
ความคิดเห็นที่ 5
ผมเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1992 และในเวลานั้นผมไม่เคยเข้าใจว่าทำไมคนต้องโกรธเมื่อมีคนพยายามช่วยเหลือพวกเขา เพื่อนของผมบางคนตอบโต้ผมด้วยความโกรธ รวมทั้งคนอื่น ๆ ที่ผมเกี่ยวข้องด้วย เขาจะบอกว่าไม่ต้องมาทำเป็นดีกับฉัน ไม่ต้องมาช่วยฉัน ผมไม่เคยเข้าใจพวกเขาเพราะการได้รับความช่วยเหลือหรือการอุปถัมภ์เป็นสิ่งที่ถูกต้องในความคิดของผมในเวลานั้น การได้รับการยกยอ หรือชื่นชมก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะชีวิตของเราต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่นอยู่แล้ว ดังนั้นการได้รับการอุปถัมภ์จึงไม่ใช่การไม่มีอารยธรรม แต่เวลานี้เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก และทำให้เกิดความขัดแย้งในปัจจุบัน เพราะเวลานี้มีคนจำนวนมากที่ก้าวออกมาและประกาศว่าเราไม่ต้องการความสุขลมๆแล้งๆแบบนั้นอีกแล้ว คนกว่าร้อยละ 41 ได้กล่าวปฏิเสธต่อร่างรัฐธรรมนูญที่ร่างโดยเผด็จการ และ กลุ่มผู้สนับสนุนเผด็จการ ซึ่งเป็นผลของการพยายามในส่วนของภาครัฐที่ใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาลเพื่อที่จะโน้มน้าวให้ประเทศไทยทั้งประเทศกลายเป็นประเทศที่พูดคำว่า “ได้ครับ” เป็นอย่างเดียว ท่านยังคงจำได้เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น มีคนส่วนหนึ่งเชื่อว่ามีความไม่ถูกต้องเกิดขึ้นในกระบวนการรณรงค์ให้คนยอมรับร่างรัฐธรรมนูญ หรือการนับคะแนนเสียง แต่เมื่อ นับรวมกับวิธีการเทคนิคต่าง ๆ ที่บรรดา “พี่ใหญ่” ทั้งหลายใช้ พวกเขาได้เสียงสนับสนุนเพียงร้อยละ 56 ซึ่งแทคติคนั้นรวมถึงการขึ้นป้ายขนาดใหญ่ทั่วทั้งกรุงเทพฯ และอาจจะมีนอกเขตกรุงเทพฯด้วย แต่ผมไม่เห็นนะครับ ผมเห็นแต่ป้ายขนาดใหญ่ตลอดข้างทางดอนเมืองโทลเวย์จากสนามบินเก่าของเรา คือดอนเมือง ข้อความพวกนั้นก็เป็นไปในทำนองที่ว่าพวกเราคนไทย ควรจะออกเสียงไปในทิศทางเดียวกัน เราเชื่อมั่นใน สิ่งเดียวกัน เราต้องลงคะแนนเสียงเหมือน ๆ กัน แต่สิ่งที่สำคัญมาก ๆ ก็คือชื่อที่ลงท้ายข้อความต่าง ๆ ในป้ายขนาดใหญ่เหล่านั้น มีการระบุว่าเป็นกลุ่มคนใส่เสื้อเหลือง หรืออีกนัยหนึ่ง เมื่อนับคนใส่เสื้อเหลืองกลุ่มนั้นรวมกับเทคนิควิธีการต่าง ๆ แล้ว ก็ยังได้คะแนนเสียงแค่ร้อยละ 56 และนั่นคือปัญหาที่ใหญ่มาก ประเทศไทยของเราอยู่ใน หัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นสิ่งที่เรากำลังพูดถึงเรื่องราวระหว่างวิถีทางประชาธิปไตยและระบบอุปถัมภ์ก็คือการที่ประชาชนมีอายุมากขึ้น ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ ตัวผมเองเติบโตขึ้นมาในระบบอุปถัมภ์ ผมเองก็ได้รับการชุบเลี้ยงอย่างดีเหมือนกัน พ่อของผมรับราชการในกองทัพอากาศ และต่อมาก็มาเป็นกัปตันสายการบินพาณิชย์ให้กับการบินไทย ในตอนที่คุณพ่อของผมเริ่มต้นงานกับการบินไทย ท่านเป็นหนึ่งในนักบิน คนไทยกลุ่มแรกของการบินไทย ดังนั้นท่านจึงมีรายได้มากพอสมควรที่จะเลี้ยงดูครอบครัวและผมให้ไม่ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากของชีวิตเหมือนอย่างที่คุณพ่อของผมเคยผ่านมา ดังนั้นผมจึงเติบโตมาในระบบอุปถัมภ์เช่นกัน แม้แต่เวลาอาหารผมก็ถือว่าเป็นสิทธิที่ผมต้องได้ ต้องมีอาหารเย็นมาเสิร์ฟบนโต๊ะเสมอ ผมไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกที่ว่าถ้ากินข้าวเย็นวันนี้แล้ว และพรุ่งนี้อาจจะไม่มีอะไรกิน แต่คุณพ่อของผมท่านเคยผ่านประสบการณ์เช่นนั้นแล้ว ผมเติบโตขึ้นมาในระบบเช่นนั้น เรียกว่า อยู่สุขสบายดี ผมเริ่มตั้งคำถามและข้อสังเกตระบบอุปถัมภ์ในภายหลัง เมื่อผมได้มาทำงานเป็นสื่อมวลชนเต็มตัวทำงานให้กับสถานีโทรทัศน์และผมเริ่มจะตรวจสอบประเทศไทยและสังคมอย่างจริงจังมากกว่าเดิม ผมพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ ผมใช้เวลานานหลายปี และประสบการณ์ภายใต้การบริหารราชการของรัฐบาลทักษิณก่อนที่จะเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้ ระบบอุปถัมภ์เป็นตัวปัญหาเพราะมันส่งเสริมให้มีความไม่เสมอภาค ความไม่เท่าเทียมระหว่างบุคคลทั่ว ๆ ไป และสิ่งนั้นเป็นการขัดแย้งกับหลักการของประชาธิปไตย เพราะมันส่งเสริมให้คนคิดที่จะพึ่งพิงบุคคลอื่น ๆ ระบบอุปถัมภ์ก่อให้เกิดทาสอย่างไม่จบสิ้นในขณะที่มีนายเพียงจำนวนน้อย ระบบอุปถัมภ์ ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถพัฒนาได้ ดังนั้น เมื่อได้รับการศึกษาอบรมมาเป็นเวลานาน ได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวเกือบทั่วโลกเป็นเวลานาน ไม่เคยได้รับการเลือกปฏิบัติโดยตรงจากวัฒนธรรมต่างประเทศเป็นเวลานานแสนนาน พวกเราจำนวนมาก จึงยังเหมือนเป็นเด็กอยู่ เมื่อท่านสังเกตการต่อสู้ทางการเมืองของไทยท่านจะพบว่าเป็นเรื่องที่น่าสมเพชเป็นเหมือนเกมของเด็ก ๆ วิธีการที่เขาเล่นเกมการเมือง หรือเสี้ยมกันทางการเมืองในแบบนั้นเป็นเพราะในระบบอุปถัมภ์ท่านจะยังคงเป็นเหมือนเด็ก
จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:53:23 A:202.47.237.156 X: ]
ความคิดเห็นที่ 6
ท่านจะยังคงเป็นคนที่ต้องพึ่งพาอาศัยบุคคลอื่น ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่ความน่าสมเพชนี้มีอยู่ทั่วไปในประเทศไทย ตัวอย่างล่าสุดที่ท่านเพิ่งพบก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอดีตพรรคไทยรักไทย ท่านทั้งหลายอาจได้อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งมีปัญหากับชื่อของพรรคไทยรักไทยใหม่ ในขณะที่พรรคไทยรักไทยยังไม่ได้มีการจัดตั้งเป็นพรรคใหม่ที่ใช้ชื่อว่าพรรคพลังประชาชน หรือ พปช. มีการพยายามใช้เทคนิคการเปลี่ยนหรือแก้ชื่อเพื่อที่ว่าประชาชนจะได้รู้ว่านี่คือพรรคไทยรักไทย ดังนั้นพรรค จึงเปลี่ยนชื่อ และชื่อของพรรคก็ได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หลังจากนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้งก็พบว่าชื่อย่อของพรรคเป็นชื่อย่อของพรรคไทยรักไทย หรือ ทรท. คณะกรรมการเลือกตั้งก็เพิกถอนการให้ความเห็นชอบทันที โดยบอกพวกเขาว่า เขาไม่สามารถใช้ชื่อย่อว่าเป็น ทรท. ได้อีก ฝันร้ายของผมก็กลับคืนมา หรืออาจกล่าวได้ว่าเรื่องน่าสมเพชแบบนี้เป็นอีกตัวอย่างของการที่เราพยายามเอาชนะกันในศตวรรษที่ 21 สมัยคุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ผมได้มีโอกาสทำงานกับท่านและก็ทำให้ผมชื่นชอบท่านเป็นการส่วนตัว คุณทักษิณเข้ามารับตำแหน่งและแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว คุณทักษิณได้ดึงอำนาจจากระบบอุปถัมภ์ จากอำนาจในรูปแบบที่เคยเป็นมาและได้เปลี่ยนให้กลายเป็นนโยบายสาธารณะที่สร้างประโยชน์ให้กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ ผมทำงานอยู่กับคุณทักษิณผมถึงทราบว่าสิ่งที่คุณทักษิณทำไม่ใช่แค่นโยบายในเชิงปรัชญา คุณทักษิณเพียงแต่ต้องการทำหน้าที่ของท่านเท่านั้น คุณทักษิณต้องการให้คนชอบ ต้องการให้คนรัก ต้องการเป็นมหาเศรษฐี ที่สร้างประโยชน์ให้กับสังคมและนั่นคือวิธีการที่คุณทักษิณคิดในเรื่องต่าง ๆ แต่รูปแบบการทำงานแบบง่าย ๆ ของเขากลับไปขัดแย้งโดยตรงกับระบบอุปถัมภ์เพราะมันไปแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นระบบอุปถัมภ์ และเกิดขึ้นเร็วมาก แค่เพียงเวลา 5 ปีเท่านั้นประชาชนในระดับรากหญ้าเริ่มที่จะรู้สึกว่าพวกเขามีสิทธิ ประชาชนในระดับรากหญ้า มีสิทธิที่จะรู้สึกว่าพวกเราต้องการสิ่งที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างมากไม่ใช่แค่ดีขึ้นกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ชนชั้นรากหญ้าได้รับทางเลือกใหม่ และคุณทักษิณ ท้าทายคนทุกคน แต่บางคนก็พ่ายแพ้เพราะสิ่งที่เขาเป็น และสิ่งที่คุณทักษิณทำเมื่อทักษิณชนะการเลือกตั้งครั้งที่ 2 โดยได้คะแนนเสียง 377 ที่นั่งในสภาผู้แทนฯ ซึ่งมี 500 ที่นั่ง การได้เสียงข้างมากเด็ดขาดในสภาเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ในโอกาสต่อไปผมคงจะได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังฉากและเป็นการเล่าอย่างไม่เป็นทางการสำหรับการสังเกตเหตุการณ์ต่าง ๆ ตามความคิดของผมเอง ซึ่งผมต้องขอโทษที่ไม่สามารถพูดในที่นี้ได้ มีเหตุการณ์ที่ชี้ว่ามีบรรยากาศของการข่มขู่คุกคามเกิดขึ้นในทันทีที่ทักษิณชนะเลือกตั้งได้ สส. จำนวน 377 ที่นั่งจากจำนวน 500 ที่นั่ง หรืออีกนัยหนึ่งเกิดความรู้สึกของคนกลุ่มหนึ่งว่าไม่ควรไว้วางใจในตัวทักษิณ เพราะทักษิณละเมิดกฎที่ว่าด้วยการต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่นๆ ทักษิณเริ่มต้นการเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้นำคนอื่น ๆ และนั่นเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายในระบบอุปถัมภ์ ทักษิณจะผิดหรือถูกคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ที่จะตัดสิน ท่านอาจจะลากตัวทักษิณมาขึ้นศาลหรืออาจจะให้เป็นศาลยุติธรรมของประเทศก็ได้ เรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญก็คือสิ่งที่มาพร้อมทักษิณ และทักษิณได้สร้างรอยไว้ในประเทศไทย เป็นสิ่งที่ประชาชน ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เขาแทบไม่เคยทำอะไรให้คนกรุงเทพเลย เพราะเขาคิดว่า คนกรุงเทพฯไม่ได้ต้องการเขาเท่าไหร่นัก ถ้าคุณถามคนกรุงเทพว่าทักษิณทำอะไรให้เขาบ้าง คนกรุงเทพฯอาจต้องใช้เวลาถึง 2 อาทิตย์ที่จะคิดและคำตอบอาจจะเป็นอะไรก็ได้ แต่ถ้าคุณไปถามคนชั้นรากหญ้า พวกเขาจะสามารถบอกคุณได้เป็น 10 เรื่องในสิ่งที่ เขาคิดว่าระบบใหม่ของทักษิณได้หยิบยื่นให้กับเขา แล้วทักษิณให้การอุปถัมภ์คนชั้นรากหญ้าหรือไม่ ในการทำเช่นนั้นก็อาจถือได้ว่าทักษิณเองก็ให้การอุปถัมภ์แก่คน ชั้นรากหญ้า แต่เขาไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น และผมจะบอกท่านว่าจากการสังเกต ด้วยตัวผมเองว่าอะไรเป็นเหตุให้ทักษิณทำเช่นนั้น และมีนโยบายเช่นนั้น ท่านคงทราบว่าทักษิณได้วางแผนการณ์ไว้ว่าในช่วง 2 ปีสุดท้ายของรัฐบาลสมัยที่สองของเขา เขาจะใช้เวลาเพียงหนึ่งในสามในประเทศไทย และอีกสองในสามจะใช้เวลากับการเดินทางไปทั่วโลก จากการวางแผนของเขา เขาตั้งใจจะทำหน้าที่ของ “เซลส์แมน” ของประเทศ
จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:54:19 A:202.47.237.156 X: ]
ความคิดเห็นที่ 7
ในช่วง 2 ปีสุดท้าย แต่เขาก็ถูกปลดจากภารกิจนั้นเสียก่อน เขาถูกกระทำรัฐประหารในระหว่างที่รอจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ ในทันทีที่เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เราได้วางแผนการที่จะจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น แต่แล้วก็มีโทรศัพท์จากเมืองไทยมาถึงและหลังจากนั้นก็ทำให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป ตามความคิดเห็นของผมนั่นคือความผิดพลาด เราควรจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้น เราควรจะดำเนินการต่อไปเพื่อให้ คมช. รัฐบาลของสุรยุทธ์ และพวกที่เหลือทั้งหมดถือเป็นพวกที่กระทำผิดกฎหมาย เราควรทำเพื่อให้พวกเขาขาดความชอบธรรมเหมือนรัฐบาลของเฮง สัมริน เมื่อหลายปีก่อน เราควรจะทำเช่นนั้น แต่โทรศัพท์จากกรุงเทพฯสายนั้นเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง แล้วเราจะสามารถทำอะไรได้ ผมเป็นแค่คน ตัวเล็ก ๆ ในภารกิจการเดินทางอันยิ่งใหญ่ ในเวลานั้นผมเป็น รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากับรองหัวหน้าผู้บริหารประจำทำเนียบขาวในระบบของสหรัฐฯ แต่ก็เป็นแค่ตำแหน่งเล็ก ๆ ที่ไม่สามารถผลักดันอะไรได้ ผมอยากจะผลักดันให้มีการจัดตั้งรัฐบาลผลัดถิ่น และถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะเกิดการขัดแย้ง การต่อสู้อย่างรุนแรงในประเทศไทย ดังนั้นถ้าเราจะพูดกันในแง่มุมของประวัติศาสตร์ ว่าแม้แต่นายกรัฐมนตรีที่เข้าสู่อำนาจด้วยพลังของประชาชน เพราะสิ่งที่เขาทำเพื่อปลดปล่อยประชาชนจากระบบอุปถัมภ์ แต่ในเวลาที่สำคัญที่สุดที่ต้องตัดสินใจภายใต้วิกฤต เขากลับตัดสินใจจากมุมมองจากความคิดในระบบอุปถัมภ์ ดังนั้นระบบอุปถัมภ์ได้ฝังรากลึกมาก และเป็นการขัดแย้งทางอ้อมกับวิถีทางของประชาธิปไตย เราต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงปัญหานี้ เราต้องทำให้ระบบอุปถัมภ์กลายเป็นเรื่องของบุคคล โดยการระบุไปเลยว่าใครยังคงให้การอุปถัมภ์ประชาชน และผมก็เชื่อว่าบัดนี้คือเวลาที่เราต้องทำเช่นนั้น ถ้าท่านเคยติดคุกแล้วสักครั้ง ทุกอย่างจะธรรมดามาก ท่านจะสามารถติดคุกได้อีกหลายครั้ง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายจริง ๆ นะครับ มันธรรมดามาก ตอนนี้ผมกำลังรออีกคดีหนึ่งที่ถูกกล่าวหาที่เรียกกันว่า “คดีดักฟัง” เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ในขณะที่ขึ้นเวทีประท้วงที่สนามหลวง ผมได้เปิดเผยเทปการสนทนาทางโทรศัพท์ของคน 3 คน สองในสามคนนั้นเป็นผู้พิพากษา คนหนึ่งอยู่ที่ศาลฎีกา และอีกคนอยู่ที่ศาลอุทธรณ์ คนหนึ่งนี้เป็นที่รู้กันทั่วไปว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิด ซึ่งมีการสันนิษฐานว่าเป็นไปในเชิงรักร่วมเพศกับผู้มีอำนาจ และสิ่งที่พวกเขาพูดกันก็คือจะหาทางบิดเบือนพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวเพื่อให้เกิดผลเสียต่อรัฐบาลของทักษิณและคณะกรรมการการเลือกตั้งที่คนกลุ่มนี้คิดว่าเข้าข้างรัฐบาลทักษิณได้อย่างไร และสิ่งที่ตามมาก็เป็นอย่างที่พวกท่านทั้งหลายทราบกันอยู่แล้ว ถ้าท่านติดตามข่าวสารในประเทศไทย หรืออาจกล่าวได้ว่า[จากการเปิดเผยเทปในวันนั้น]พวกเขาถูกบังคับให้เผชิญความจริงว่าระบบอุปถัมภ์ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญของประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ดำเนินการกันอย่างไร ว่าพวกเขาให้การดูแลกันและกัน และใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวเพื่อที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างไร ว่าพวกเขาทำร้ายประชาชนด้วยการไม่ยอมรับมติเสียงข้างมากของประชาชนอย่างไร ว่าพวกเขาคิดว่าประชาธิปไตยต้องการการชี้นำอย่างไร กระนั้นก็ตาม เรื่องเทปดังกล่าวจะเป็นคดีที่ใหญ่มากจากนี้ไป ไม่ใช่เรื่องที่ตำรวจจะมาแจ้งข้อหากับผมและเพื่อนอีก 2-3 รายว่าลอบดักฟังโทรศัพท์ มันเป็นเทปที่มีการตั้งใจอัดเสียงไว้โดยบุคคลที่สามซึ่งอีกไม่นานเขาก็จะแสดงตัวออกมา ท่านนั้นเป็นปลัดของสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนั้น คดีนี้ก็จะถูกดำเนินคดีใน ชั้นศาลต่อไป เจตนาของผมในเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับประเด็นที่ว่าผมจะเห็นด้วยกับการ ดักฟังทางโทรศัพท์หรือไม่ แต่ผมต้องการนำคุณเปรม หรือพลเอกเปรม และผู้พิพากษาอีก 2 คนนั้นไปขึ้นศาลต่างหาก นั่นคือเจตนาของผม และเมื่อผมได้เผชิญหน้ากับคุณเปรมในศาลและจะได้ถามเขาว่าทำไมผู้นำที่ยิ่งใหญ่อย่างคุณเปรมถึงตัดสินใจลดระดับของประชาธิปไตยลงเช่นนี้ คุณเปรมเคยเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่เคยเป็น ฯพณฯ แต่บัดนี้ เขาได้เปลี่ยนไปแล้ว จากบุคคลที่เคยเป็นผู้นำที่เราจะขาดเสียไม่ได้ในอดีต บัดนี้ได้กลายเป็นผู้นำในเวลาที่ผิดพลาดในประวัติศาสตร์ คุณเปรมเป็นสัญลักษณ์ของหลาย ๆ อย่าง เราได้เรียนรู้จากคุณเปรมว่า เมื่อคนที่ดีแก่ตัวลงมาก ๆ และผมไม่ได้หมายถึงอายุ แต่เป็นสภาวะของความรู้สึกว่าตัวเองแก่ ในสภาวะของจิตใจที่จะไม่ผจญภัยอีกต่อไป แต่ถอยกลับคืนเข้าสู่อดีต กลับสู่วันคืนอันดีงามในอดีตที่คุณเปรมรู้สึกคุ้นเคย ซึ่งสภาวะเช่นนั้นไม่ได้เหมาะสมกับประเทศไทยอีกต่อไป ดังนั้นผมขอโทษที่ผมใช้เวลาไปค่อนข้างมาก แต่ผมแค่อยากจะบอกว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมได้ค้นพบทั้งในคุกและนอกคุกว่าประชาธิปไตยขัดแย้งกับระบบอุปถัมภ์อย่างสิ้นเชิง และการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ก็จะไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย สถานการณ์หลังการเลือกตั้งจะยิ่งแย่ลงไปอีกเพราะจะมีการใช้แทคติกและการดำเนินการในเบื้องหลังต่าง ๆ อย่างมากมาย และจะมีการเปิดเผยเจตนาที่แท้จริงออกมาในเมื่อคุณไม่สามารถอนุญาตให้มีประชาธิปไตยได้ในประเทศนี้ เมื่อท่านไปที่สนามหลวงท่านจะได้ความรู้สึกเดียวกับที่ผมมีว่าประชาชนคนไทยไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไปแล้ว พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ถูกบังคับให้เป็นเด็กและ อยู่ภายใต้กรอบของขนบธรรมเนียม พวกเขาสับสนทั้งทางกายและทางความคิด และกำลังพยายามที่จะออกจากกรอบนั้น ผมไม่รู้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร แต่มันจะต้องมีผลลัพธ์ออกมา
จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:54:46 A:202.47.237.156 X: ]
ความคิดเห็นที่ 8
ดังนั้นผมขอจบการนำเสนอของผมเพียงแค่นี้ ผมหวังว่าความคิดเห็นของผมจะทำให้เกิดคำถาม และการวิพากษ์วิจารณ์ที่ติดตามมา ผมต้องการฟังความเห็นและคำถามของท่านทั้งหลายมาก ผมอยากรู้ว่าพวกท่านคิดอย่างไรกับประเทศไทย เพราะหลาย ๆ ท่านในที่นี้ก็ได้อยู่ในประเทศไทยมาเป็นเวลานาน หลาย ๆ ท่านเป็นผู้ที่รักประเทศไทยอย่างแท้จริง และผมไม่อยากทำร้ายความรู้สึกเช่นนั้น ดังนั้นผมจึงอยากที่จะทราบว่าท่านคิดจริง ๆ อย่างไร ณ เวลานี้
ขอบคุณครับ
จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:55:26 A:202.47.237.156 X: ]
ความคิดเห็นที่ 9
(คำแปล)
ถาม-ตอบ
(โจนาธาน) คุณบอกว่าณ จุดใดจุดหนึ่งประเทศไทยต้องการผู้นำที่จะมาจัดลำดับสถาบัน
ต่าง ๆในปัจจุบัน ผมหมายถึงที่คุณจักรภพบอกว่าระบบอุปถัมภ์เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันคุณจักรภพก็คิดว่าวิธีแก้ปัญหาของประเทศไทยคือการแก้ไขปัญหาโดยอาศัยผู้นำที่มีความเข้มแข็งเช่นคุณทักษิณ ซึ่งเคยเป็นผู้บังคับบัญชาของคุณจักรภพมาก่อน ความคิดเช่นนั้นไม่กลายเป็นระบบอุปถัมภ์ภายใต้ ทักษิณ ชินวัตรหรือครับ หรือแม้แต่คุณทักษิณเอง เขาไม่ได้อาศัยระบบอุปถัมภ์ในการขึ้นสู่อำนาจหรือ
(จักรภพ) คุณทักษิณอาจไม่ใช่ผู้นำที่ผมพูดถึง ความจริงผมควรเรียกว่าเป็นสภาวะแห่งความเป็นผู้นำมากกว่าตัวผู้นำ สิ่งที่ผมหมายถึงก็คือหลาย ๆ สิ่งได้รับการจัดลำดับความสำคัญใหม่ โดยอาศัยพลังจากระบบอุปถัมภ์ แต่เมื่อประชาชนเริ่มที่จะปฏิเสธสิ่งนั้น ประชาชนต้องการผู้นำอีกลักษณะหนึ่งในการที่จะช่วยให้ประชาชนสามารถมองเห็นภาพต่างๆ เหล่านี้ได้ทะลุปรุโปร่ง ผมก็ไม่รู้ดีไปกว่าพวกท่านว่าสภาวะของการเป็นผู้นำยุคใหม่จะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร แต่ถ้าคุณถามผม ถ้าผมต้องสันนิษฐานว่าผมรู้อะไรอยู่บ้าง ผมอยากจะบอกว่าสภาวะของความเป็นผู้นำในยุคใหม่จะต้องมีความต่อเนื่องในการที่จะลดความไม่เสมอภาคของคนระหว่างคนที่อาศัยในเมืองใหญ่และส่วนที่เหลือของประเทศที่ต้องอดทนอยู่ หรืออาจจะกล่าวได้ว่าบรรดานโยบายที่เรียกว่า “ประชานิยม” นี่จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้คนเริ่มที่จะเชื่ออีกครั้งว่าพวกเขามีสิทธิ ตอนนี้คุณทักษิณก็อายุเกือบจะ 60 ปีแล้ว อย่างที่รู้กันว่าเขาเป็นคนที่มีความสุขมาก และตอนนี้ก็ดูเขาจะมีความสุขมากกว่าเดิมกับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดังนั้นผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำไปว่าคุณทักษิณจะต้องการได้ตำแหน่งนั้นหรือไม่ เขามีความสุขกับการเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ตามที่คุณทักษิณบอกไว้ว่าถ้าเจ้าของไม่ชอบสิ่งที่เขาทำ ผู้จัดการมืออาชีพอย่างเขาก็ต้องไปทำงานให้กับบริษัทอื่น ทัศนคติแบบนั้นไม่มีความเป็นนักปฏิวัติเลย สำหรับสภาวะผู้นำใหม่ที่ผมพูดถึงจะต้องมีความเป็นนักปฏิวัติมากกว่านี้
จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:56:08 A:202.47.237.156 X: ]
ความคิดเห็นที่ 10
(โจนาธาน) ขอนำประเด็นที่คุณเพิ่งกล่าวถึงในเรื่องความจำเป็นที่ต้องมีผู้นำ แต่สำหรับประเทศไทยแล้วจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดหรือเปล่าถ้ามีผู้นำระดับประเทศที่ค่อนข้างอ่อนแอแต่เริ่มที่จะมีพลวัตรทางการเมืองในระดับท้องถิ่นที่เข้มแข็ง นอกจากนี้ถ้าคุณจะรออัศวินหรือผู้นำที่จะมาช่วย คุณจะนึกถึงระบบอุปถัมภ์แบบเดิม ๆ ที่มีอยู่ตลอดมา
(จักรภพ) ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้รออัศวินขี่ม้าขาวที่จะมาช่วยพวกเราทุกคน ไม่ใช่ครับ สิ่งที่ผมพูดถึงคือสภาวการณ์ของการไม่มีอัศวินม้าขาว แต่เป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม นี่คือสถานการณ์ของการที่ไม่มีอัศวินม้าขาวสำหรับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน จะไม่เหมือนกับเมื่อเหตุการณ์พฤษภาทมิฬเมื่อปี 1992 ไม่มีใครที่จะมายุติเรื่องนี้ได้เพราะทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในวิกฤตนี้ คุณก็เห็น ไม่มีใครเป็นกรรมการได้ ดังนั้นอะไรที่จะเกิดขึ้นจากนี้ต่อไปเป็นสิ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้ได้ แต่ผมคาดว่าคงต้องเป็นเรื่องของคนบางคน คนที่มีอำนาจบารมีถ้าคุณเข้าใจ ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพที่จับต้องได้และแตะต้องได้ ลองแต่งตั้งพลเอกสะพรั่งให้เป็น ผบ.ทบ. หรือ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์
เตมียาเวส แล้วคุณจะเห็นอะไรบางอย่าง ความจริงแล้วพวกเขาควรจะทำแบบนั้น พวกเขาน่าจะแต่งตั้งคนที่มีบุคลิกเผด็จการมากที่สุดเข้ารับตำแหน่งที่มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นประชาธิปไตย และเมื่อนั้นเราอาจจะเห็นบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น เมื่อมีการปฏิวัติ ผู้นำของการปฏิวัติมักเป็นคนที่เราไม่รู้ว่าเป็นใคร ดังนั้นผมไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้นำ
(มาวาน) มีความพยายามของอดีตรัฐบาลทักษิณที่จะตั้งรัฐบาลผลัดถิ่น ผมอยากรู้ ขอให้คุณช่วยเล่าให้เราฟังว่าเขาพยายามจะทำอะไร และโทรศัพท์จากเมืองไทยมีเมื่อไร และใครเป็นคนโทรศัพท์ไป
(จักรภพ) ผมเคยติดคุกมาแล้วครั้งหนึ่ง และผมพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการกระทำแบบเดียวกันอีกครั้ง สิ่งที่ผมสามารถบอกได้ก็คือว่าความคิดเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นไม่ได้มาจากตัวคุณทักษิณ แต่เป็นความคิดที่มาจากทีมงานบางคนซึ่งรวมถึงตัวผมเองด้วย และเราได้ทำการติดต่อบางประเทศอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งผมขออนุญาตไม่เอ่ยนามประเทศเหล่านั้น แต่มีไม่น้อยกว่า 10 ประเทศในคืนนั้น เพื่อขอความเห็นว่าประเทศเหล่านั้นจะรับรองรัฐบาลผลัดถิ่นของเราหรือไม่ พวกเขาตอบว่าพวกเขาจะรับรอง เราอาจพูดได้ว่า ถ้าคุณทักษิณจะเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลผลัดถิ่น ผมคิดว่าเขาจะประสบความสำเร็จ แต่นั่นคือคำว่า “ถ้า” คุณจะเรียกว่าอะไร สถานการณ์ที่ “ถ้า” ส่วนใครเป็นคนโทรศัพท์ไป ผมขอโทษที่ผมไม่สามารถเปิดเผยได้ในเวลานี้ แต่ผมจะ....
(โจนาธาน) ชื่อขึ้นตัวด้วยตัวอักษร “พี” หรือไม่...
(จักรภพ) จริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องของรูปแบบหรือวิธีการมากกว่า โทรศัพท์ครั้งนั้นได้เปลี่ยนความคิดที่คุณทักษิณกำลังคิดอยู่ในเวลานั้น ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่เขาจะประกาศภาวะฉุกเฉินทางสถานีโทรทัศน์ของ อสมท. ช่อง 9 ถ้าคุณจำเวลาได้คือประมาณ 21.20 น. เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นเล็กน้อย และผมอยู่ในกรุงเทพ เพราะเราพอจะรู้ว่าอาจมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นแต่คุณทักษิณจำเป็นต้องเดินทางไปอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงบินจากนิวยอร์คไปลอนดอน และการจัดตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นในลอนดอนก็ยากกว่าที่จะทำในสหประชาชาติ ดังนั้นผมจึงตระหนักว่าคุณทักษิณได้ยุติความคิดนั้นแล้ว แต่ความคิดนั้นไม่ได้เริ่มมาจากเขา
จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:57:08 A:202.47.237.156 X: ]
ความคิดเห็นที่ 11
(ปีเตอร์) คุณพูดว่าบางสิ่งคล้าย ๆ กับการละเมอในการอธิบายถึงการพัฒนาโดยคุณทักษิณเสมือนหนึ่งว่าเป็นวีรบุรุษของประชาธิปไตย คุณจะสามารถขยายความเพิ่มเติมได้อีกหรือไม่ คุณรู้สึกหรือ ว่าเขาให้ความสนใจอย่างแท้จริงในการส่งเสริมประชาธิปไตยในประเทศไทย หรือว่าเขาเพียงแต่พยายามผูกขาดระบบอุปถัมภ์ และถ้าเขาเดินละเมอเข้าสู่การเป็นวีรบุรุษของประชาธิปไตย ดังภาพพจน์ที่เขากำลังสร้างอยู่นั้น ผมอยากทราบว่าเขาจะเป็นนักประชาธิปไตยจริงหรือ เขาเป็นนักการเมืองแห่งระบอบประชาธิปไตยจริงหรือ หรือว่านั่นเป็นแค่วีรบุรุษโดยอุบัติเหตุแต่คุณพยายามจะส่งเสริมเขาอยู่ตอนนี้
(จักรภพ) เขาเป็นผลผลิตของระบบอุปถัมภ์และระบบเผด็จการ และเขาพยายามที่จะเป็นประชาธิปไตยมากกว่าที่เขาอาจจะเคยเป็นมา เขาต่อสู้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลาระหว่างการเป็นนักธุรกิจผู้เชื่อในเสรีนิยมและนายตำรวจ เป็นความขัดแย้งภายในตัวของเขาเอง แต่ที่สำคัญก็คือเขาเป็นคนดีพอที่ผมจะทำงานด้วย เพราะผมต้องการใครสักคน เราต้องการใครสักคนที่จะนำทางไปสู่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ถ้าประเทศไทยจมลึกอยู่ในระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นวิถีทางในอดีตที่นำพาประเทศไทยเดินทางมาถึงปัจจุบันนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษา ทำไมเราถึงต้องไปโรงเรียนเล่า แค่หานายให้ได้สักคนแล้วคุณก็มีชีวิตที่ดีแล้ว เพราะว่าคุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงออกถึงการศึกษาของคุณและความรู้ของคุณอยู่ดี ถ้าคุณต้องการประเทศที่เต็มไปด้วยประชาชนที่มีพลังและประชาชนที่ต้องการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คุณต้องทำให้ประชาชนมีความเสมอภาค ผมหมายถึงให้โอกาสตัวคุณเองที่จะแสดงตัวตนของคุณในสังคม และเพื่อตอบคำถามของปีเตอร์ ผมเชื่อว่าคุณทักษิณพยายามที่จะเป็นประชาธิปไตย ประชาชนในรุ่นนี้แทบจะไม่มีความเป็นประชาธิปไตย แม้แต่คนที่เคยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยก็ยังกลายเป็นเผด็จการเมื่อคุณได้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับพวกเขา ผู้นำประชาธิปไตยบางคนในประเทศไทยทุบตีภริยาของพวกเขา นั่นเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก นั่นเป็นประชาธิปไตยแบบไหน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของการต่อสู้ระหว่างประชาธิปไตยและเผด็จการที่ทั้งเขาและคนรุ่นเดียวกับเขาต้องเผชิญ ผมไม่ขอสันนิษฐานว่าเขาเป็นแบบไหน แต่ผมบอกว่าที่ผมพูดว่าเขาเดินละเมอเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบาย ผมหมายความว่า เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะยึดอำนาจจากระบบอุปถัมภ์เดิม เขาไม่รู้ว่ามีการทำสงครามอยู่ เขาไม่รู้ว่าคนจนเป็นสมบัติของคนอื่น ดังนั้นเขาจึงพูดโพล่งคำบางคำออกไปโดยไม่เคยรู้ว่าถ้อยคำนั้นจะทำร้ายคนที่ได้ยินหรือเปล่า ครั้งหนึ่งก่อนที่ผมจะมาเป็นโฆษกรัฐบาล คุณทักษิณเคยพูดว่าเขาเบื่อพวกนายหน้าของคนจน คนที่คอยพูดถึงคนจนและความยากจนอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่เคยทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขมัน คุณรู้ว่าคุณสามารถให้ชีวิตจิตใจแก่ประชาชนแทนที่จะให้ชีวิตที่ดีกว่า คุณไม่สามารถให้แต่โครงการพวกเขา พวกเขาต้องการผลลัพธ์ และนั่นคือวิธีคิดของคุณทักษิณ นั่นคือสาเหตุที่ผมคิดว่าบางครั้งเป็นการเดินละเมอ เพราะเขาไม่รู้ถึงผลกระทบของสิ่งที่เขาทำแต่สักวันในอนาคตเขาจะตระหนักถึงผลกระทบเหล่านั้น ดังนั้นสิ่งที่เรากำลังพูดถึงจริง ๆ แล้ว คือการเป็นผู้นำเพื่อการแก้ไขเปลี่ยนแปลง คุณทักษิณไม่ใช่เผด็จการจากที่ผมเคยทำงานกับเขา ผมจะเป็นคนที่เดินจากคุณทักษิณเองถ้าเขาต้องการ แต่เขาเป็นแค่คนที่ยึดมั่นกับความคิดของตนและพยายามทำงานของตัวเองให้เสร็จ ซึ่งไม่เคยมีผู้นำคนใดในประเทศไทยเคยเป็นเช่นนี้ ดังนั้นจึงกลายเป็นเผด็จการในใจของคนเพราะการที่พยายามยึดมั่นกับสิ่งที่คุณได้ทำลงไป คุณยืนยันว่านั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำ และนั่นคือความเป็นผู้นำ และสิ่งนั้นอาจถูกตีความโดยใครบางคนว่าเป็นเผด็จการ แต่ถ้าคุณได้พบเขาด้วยตัวคุณเองและใช้เวลาอยู่กับเขา คุณจะรู้ว่าเขาไม่ได้มีเชื้อเผด็จการอยู่ในตัวเขา แต่ผมไม่ได้บอกว่าคุณทักษิณเป็นซูเปอร์แมน แต่เขาดีกว่าผู้นำเก่า ๆ ที่ผมถูกสั่งให้เคารพ ผมพร้อมที่จะทำงานภายใต้สามัญชนที่มีความดีเพียงครึ่งเดียว มากกว่าที่จะทำงานให้กับขุนนางที่ว่างเปล่า
(ไซมอน) คุณจะลงสมัครในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคมหรือไม่ ถ้าจะสมัครคุณจะเข้าร่วมกับพรรคการเมืองใด และคุณจะสามารถบอกเราได้หรือไม่ว่าพรรคการเมืองที่คุณเข้าร่วมนั้นมีจุดยืนใดที่จะทำเพื่อประเทศไทยบ้าง หรือถ้าคุณตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมในการเลือกตั้งครั้งนี้เพราะคุณรณรงค์มาโดยตลอดว่าขัดกับรัฐธรรมนูญท่านจะดำเนินกิจกรรมอื่นใด ซึ่งอาจจะเป็นตามท้องถนนเพื่อจะแสดงจุดยืนทางการเมืองของคุณหรือไม่
(จักรภพ) ขอบคุณครับคุณไซม่อน เรามี สส. รวม 377 คนในสภาผู้แทนแล้วเราก็ถูกยึดอำนาจ ดังนั้นบางทีการที่เราชนะในการเลือกตั้งอาจจะไม่ใช่คำตอบทั้งหมดและทางออกทั้งหมด ดังนั้นพวกเราทุกคนหรือบางคนที่ร่วมกันรณรงค์ที่สนามหลวงกำลังพิจารณาว่าเราควรจะลงสมัครรับเลือกตั้ง และถ้าเราต้องการจะเข้าร่วมในการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ หมายความว่าเราต้องการเวทีที่จะเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดนี้ การรณรงค์เลือกตั้งของเราจะเป็นที่ท้องสนามหลวงถ้าต้องการร่วมในการเลือกตั้ง แต่ถ้าเราตัดสินใจว่าจะไม่ร่วมในการเลือกตั้งนั่นหมายความว่าเราต้องหาบางสิ่งบางอย่างนอกกระบวนการเลือกตั้งเพื่อจะดำเนินการปกป้องระบอบประชาธิปไตยอย่างดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้วางท่าว่าเป็นผู้พิทักษ์ของสรรพสิ่ง แต่เราพยายามและเรายอมตายเพื่อสิ่งนี้ พรรคการเมืองที่เราจะเข้าร่วมอาจเป็นพรรคอะไรก็ได้ ไทยรักไทย หรืออะไรก็ได้ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไร อาจเป็นไทยรักจีนก็ได้ ผมจะเข้าร่วมกับพรรคนั้น
จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:57:42 A:202.47.237.156 X: ]
ความคิดเห็นที่ 12
(ปีเตอร์ คอลลินส์ จากนิตยสารอิคอนอมิสต์) คำถามของผมถามผู้บรรยายได้ทั้งสองท่าน จากข้อมูลที่เราอ่านพบ พรรคพลังประชาชนมีอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยเข้าร่วมลงสมัครเป็นจำนวนมาก ผมมีสองคำถาม คำถามแรก คุณคิดว่าจะมีการดำเนินการอะไรที่จะหยุดยั้งพรรคพลังประชาชนจากการชนะการเลือกตั้ง และคำถามที่สองคุณคิดว่ารัฐบาลที่นำโดยคุณสมัครจะเป็นอย่างไร หรือว่าคุณสมัครเป็นคนอย่างไร
(จักรภพ) พวกเขาได้พยายามโอนงบประมาณจำนวนมากไปที่ภาคอีสานแล้ว พวกเขามีคนที่เป็นอดีต สส. จากพรรคไทยรักไทย เช่น วิวัฒนชัย ณ กาฬสินธิ์ ที่ออกมาประกาศว่าจะจัดตั้งกลุ่มอีสานและพยายามจะแย่งคะแนนเสียงจากพรรคพลังประชาชนและอดีตพรรคไทยรักไทยให้ได้มากที่สุด แทคติกประเภทนี้ซึ่งผมไม่รู้ว่าจะมีอีกมากไหม แต่ผมคิดว่าแทคติกที่สำคัญที่สุดคือการพยายามใส่ร้ายคุณทักษิณว่าเป็นคนเลว พวกเขาจะพยายามทำเช่นนั้นต่อไป และอย่างอื่นผมคิดว่าผมได้พูดถึงไปแล้ว
สำหรับคำถามที่สอง คุณสมัครมาจาก...คือถ้าคุณใช้วิธีคิดแบบตะวันตก คุณจะมองคุณสมัครว่าเป็นพวกอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว แต่ถ้าคุณพิจารณาคุณสมัครอย่างใกล้ชิดและติดตามเรื่องราวที่ผ่านมาคุณจะพบว่าเขาฝังรากลึกในระบบอุปถัมภ์ ผมหมายความว่าเขาเป็นคนที่อนุรักษ์นิยมสุดขั้วที่พร้อมจะสละจุดยืนของเขาได้อย่างง่ายดายถ้าได้รับการร้องขอ และต่อมาคุณสมัครตัดสินใจจะแก้ต่างแทนคุณทักษิณในเวลาที่อายุเขาย่างเข้า 70 ตอนนี้คุณรู้ไหมว่าคุณสมัครอายุ 70 กว่าปีแล้ว เขาไม่ใช่นักการเมืองหนุ่ม แต่ครั้งนี้เขาตัดสินใจที่จะกระโดดเข้ามาแก้ต่างให้คุณทักษิณ ผมยังไม่เคยได้มีโอกาสพบคุณสมัคร แต่ผมเชื่อว่าคุณสมัครไม่เชื่ออีกต่อไปแล้วว่าเราจะสามารถบริหารประเทศนี้แบบนี้ต่อไปได้อีก หรืออีกนัยหนึ่งคุณสมัครก็เป็นอีกผลผลิตหนึ่งของระบบอุปถัมภ์ของไทยซึ่งหมดความอดทนกับระบบนี้ ผมคิดว่าคุณสมัครจะเป็นผู้นำที่ดีสำหรับช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่ผมไม่คิดว่าคุณสมัครจะพยายามเป็นผู้นำไปนานแสนนาน ผมหมายถึงว่าคุณสมัครมีอีกชีวิตหนึ่ง เขามีแมว 47 ตัว และต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมงกับสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ คนแบบนี้ไม่สามารถ...
(โจนาธาน) มันยุติธรรมไหมครับถ้าจะถามว่าว่าคุณสมัครจะเรียกค่าใช้จ่ายจำนวนเท่าใดสำหรับการต่อสู้เพื่อบทบาทของชินวัตร
(จักรภพ) ผมคิดว่าชั่วชีวิตกระมังครับ ผมคิดว่าคุณสมัครต้องการพูดและสื่อว่าตลอดเวลาหลายปีที่อยู่ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ถึงเวลาแล้วที่ต้องใช้คืนประเทศชาติ
จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:58:47 A:202.47.237.156 X: ]
ความคิดเห็นที่ 13
(อาจารย์วรพร) สุนทรพจน์
(โจนาธาน) ผมขอถามทั้งสองท่านเกี่ยวกับคุณทักษิณ ดูเหมือนว่าคุณทั้งสองคนจะมีปัญหาใหญ่กับระบบอุปถัมภ์ ซึ่งอยู่รอดมาได้ตลอดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลายครั้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และคุณทั้งสองก็พบว่าการบริหารของรัฐบาลทักษิณเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการตอบโต้ระบบอุปถัมภ์ แต่คุณทราบหรือไม่ว่าในท้ายที่สุดก็สรุปกันว่าทักษิณ ชินวัตรไม่ใช่ผู้นำที่เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เพราะเขาสร้างข้อขัดแย้งมากเกินไปและเพราะเขาเป็นผู้นำที่สร้างความมั่งคั่งมหาศาลจากการผูกขาดสัมปทานโทรศัพท์มือถือของรัฐ ทักษิณเป็นคนที่ไม่มีความเป็นนักการทูตเอาเลย และเขาก็ไม่มีความอดทนเมื่อต้องการผลงาน เขาไม่ให้ความสนใจกับปัญหาสิทธิมนุษยชน ปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด และปัญหาการฆ่ากันในภาคใต้ จะมีใครที่โต้เถียงได้ว่าผลพวงจากนโยบายภาคใต้ของทักษิณไม่ได้ก่อให้เกิดภัยพิบัติมหาศาล สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เขา[ทักษิณ]เป็นผู้นำที่สร้างความขัดแย้งอย่างมากมาย และเป็นเรื่องยากที่ระบบเดิม ๆ จะสามารถยอมรับเขาได้ ดังนั้นในแง่หนึ่งแล้วทักษิณเป็นคนนำตัวเองเข้าสู่การล่มสลายของเขาหรือไม่
(อาจารย์วรพร) ตอบ...
คุณจักรภพ คุณเห็นด้วยในเรื่องที่แสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อบกพร่องของคุณทักษิณหรือไม่
(จักรภพ) ใช่ครับ คุณทักษิณทำให้เกิดการโต้แย้งกันมากมาย ผมยอมรับเพราะในฐานะโฆษกรัฐบาล ผมต้องรับมือกับบรรดาวิวาทะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากคุณทักษิณ
(โจนาธาน) คุณยอมรับหรือไม่ว่าคุณทักษิณเป็นคนส่งกระสุนให้ศัตรูของเขาเองเพราะการที่เขาไม่มีความเป็นนักการทูตเพียงพอจึงก่อให้เกิดปัญหามากมาย
(จักรภพ) คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ครับ ถ้าคุณต้องการทำงานของคุณในเมืองไทยให้สำเร็จ คุณต้องสร้างความวุ่นวายยุ่งยากเพราะไม่มีใครต้องการทำงานให้สำเร็จ ถ้าคุณขอให้คนทำงานแทนที่จะเล่น พวกเขาจะเกลียดคุณ
(โจนาธาน) คุณคิดอย่างไรกับการตายของผู้คนเพราะสงครามต่อต้านยาเสพติด และการตายของผู้คนในภาคใต้ที่เกิดจากนโยบายที่ริเริ่มโดยคุณทักษิณ
จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:59:05 A:202.47.237.156 X: ]
ความคิดเห็นที่ 14
(จักรภพ) ผมไม่ได้เห็นด้วยกับนโยบายทุกอย่างของรัฐบาลคุณทักษิณ ผมตกใจกับการเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์ที่ตากใบ ตอนนั้นผมเป็นโฆษกรัฐบาล ผมอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากมาก แต่ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงสถานะของตัวผม สิ่งที่สำคัญก็คือคุณทักษิณทำให้เกิดความขัดแย้ง แต่สิ่งที่สำคัญตอนนี้ก็คือคุณสามารถสังเกตได้จากตอนที่มีการทำรัฐประหาร พวกเขาอ้างเหตุผลสี่ข้อว่าทำไมถึงต้องทำการยึดอำนาจ ทุกอย่างที่คุณถามผมตอนนี้ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเขาอ้างในการทำรัฐประหาร ดังนั้นไม่จริงหรือที่ทั้งประเทศไม่ได้แคร์อะไรกับเรื่องเหล่านี้ อย่างที่เราพูดถึงเรื่องคุณธรรมของศาสนาพุทธ เมื่อหลายปีก่อนเราเคยมีเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่โตที่ผมจำได้มีอาสาสมัครท่านหนึ่งเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงแต่มีชื่อเสียงเพราะเรื่องอื่น คือ ท่านเป็นคนที่อนุรักษ์สัตว์ป่า ท่านลงทุนทำอะไรมากมาย ออกค้นหาสัตว์ป่า ทำการรักษาสัตว์ป่า เขียนหนังสือต่างๆ ให้การศึกษากับสังคมเรื่องการอนุรักษ์สัตว์ป่า แต่ท่านผู้นั้นก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เมื่อพบว่ามีสุนัขข้างถนนตัวหนึ่งไปถูกทิ้งให้นอนตายอยู่หน้าบ้านของท่านผู้นั้น ดังนั้นเรากำลังพูดถึงการอนุรักษ์สัตว์ป่าในไทย แต่กลับมีประเด็นว่ามีสุนัขตายข้างถนนตัวหนึ่ง ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ควรพูดหรือไม่แต่เป็นเรื่องของชีวิตต่างหาก แต่ที่สำคัญคือคุณทักษิณเป็นจุดเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยในแบบเก่าที่ไม่เคยสนใจกับชีวิตของใครก็ตามที่ถูกหาว่าเป็นพวกนอกรีต คุณก็รู้ว่าคนไทยใจดีแต่ก็อาจจะกลายเป็นคนที่โหดร้ายมากกับใครก็ตามที่ถือว่าเป็นคนนอกรีต นอกคอก คุณจะได้รับการปฏิบัติอย่างมีอภิสิทธิ์ตราบเท่าที่คุณเคารพและปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมของสังคม ถ้าคุณเริ่มที่จะทำอย่างอื่นที่แตกต่าง พวกเขาจะฆ่าคุณ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เรายอมรับ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมยอมรับ ผมไม่เห็นด้วยกับสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นทุกครั้งที่เราพูดถึงรัฐบาล เราจะพูดถึงความขัดแย้ง ศูนย์กลางของความขัดแย้ง ทักษิณเข้าไปสู่ความขัดแย้งอย่างมากที่สุด เพราะเขาเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุก ๆ เรื่อง เขาเข้าไปมีบทบาทในทุก ๆ เรื่องในเวลานั้น เขายังสื่อสารความหมายของทุกอย่างซึ่งมากเกินไป แต่โปรดอย่าให้ความสนใจน้อยเกินไปต่อความจริงที่ว่าความขัดแย้งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายมากในประเทศไทยจริงหรือไม่ ผมไม่รู้ว่าจะใช้คำอะไรที่จะอธิบายได้อย่างเหมาะสม คุณก็ทราบดีว่าคนอย่างสนธิ ลิ้มทองกุลคงยินดีมากกว่าที่จะพูดแบบนี้ การรณรงค์ของสนธิ ลิ้มทองกุลได้กล่าวหาคุณทักษิณว่าไม่จงรักภักดีต่อราชวงศ์เพราะการไปจัดงานพิธีในวัดพระแก้ว (ซึ่งไม่เป็นความจริง) แต่ทำไมถึงเชื่อเรื่องนี้กันได้นานมาก และแม้จะมีการปฏิเสธอย่างเป็นทางการจากเลขาธิการสำนักพระราชวังเองก็ตาม คนบางคนก็ยังเชื่อเช่นนั้น ซึ่งเชื่อมโยงไปยังความคิดที่ว่าคุณทักษิณไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน นี่คือตัวอย่างของสิ่งที่ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดี นอกจากการสร้างเรื่องโกหกให้น่าเชื่อถือ ให้มีกระแส คือการที่ให้ความสำคัญน้อยมากกับเรื่องที่มีสาระ แต่ไปเชื่อถือในเรื่องโกหก เรื่องที่ไม่มีสาระ และนั่นคือสังคมไทยและถ้าผมทำได้ ผมจะหาหนทางที่จะแก้ไขสิ่งนี้
คำถาม: เราได้ยินกันมากเรื่องความเห็นที่เกี่ยวกับระบบอุปถัมภ์และว่าระบบนี้เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ แต่ตามที่ผมคิดก็คือแม้ในสหราชอาณาจักรซึ่งได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งประชาธิปไตย สภาสูงหรือสภาขุนนางก็มาจากการแต่งตั้งโดยสถาบันกษัตริย์ทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้ย้อนกลับไปได้หลายปี จริง ๆ แล้วเป็นเวลาหลายร้อยปี เรามีธรรมเนียมการสืบทอดตำแหน่งทางสายเลือด ซึ่งในบางกรณีสามารถสืบย้อนหลังไปได้หลายร้อยปี เรามีบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตลอดชีวิตแต่นั่นเป็นสภาสูงของสหราชอาณาจักรและยังเป็นศาลสูงสุดของประเทศอีกด้วย ถ้าคุณมีปัญหาคุณมีสิทธิที่จะไปร้องเรียนที่สภาขุนนาง บางทีคุณอาจจะช่วยแสดงความเห็นว่าทำไมระบบอุปถัมภ์จึงไม่ประสบความสำเร็จ
(จักรภพ) ผมไม่ทราบว่าจะตอบคำถามนี้ให้ถูกต้องได้อย่างไร แต่ผมเห็นว่าพระราชินีทรงเปลี่ยนพฤติกรรมของพระองค์ตามกระแสความนิยมของโทนี่ แบลร์ พระองค์ทรงปรับพระองค์เอง นั่นเป็นบทเรียนที่ดี ผมไม่รู้เรื่องสภาขุนนางหรือสภาสูงของอังกฤษ แต่ผมเชื่อว่าสภาสูงนั้นคงไม่มีอำนาจมากเกินไปและสภาสูงน่าจะรู้จักบทบาทหน้าที่ของตน พวกเขารู้ว่าพวกเขาเป็นขุนนาง ดังนั้นจึงจะไม่ทำอะไรที่สกปรก ผมคิดเช่นนั้นนะครับ
จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:59:39 A:202.47.237.156 X: ]
ความคิดเห็นที่ 15
(อาจารย์วรพร) .....
(จักรภพ) ขอโทษนะครับ ใครก็ได้ช่วยตอบผมทีว่าสภาขุนนางที่สมาชิกจำนวนเท่าใด และเมื่อเทียบกับสภาผู้แทนราษฎรแล้วมีจำนวนเท่าใด ท่านทราบจำนวนหรือไม่ คือผมไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ ทั้งสองสภามีจำนวนสมาชิกเท่ากันหรือไม่
(คีธ) ผมเพิ่งมาอยู่ประเทศไทยได้ไม่กี่สัปดาห์ เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ขณะที่มีการทำรัฐประหารผมยังอยู่ในออสเตรเลีย และติดตามผลการแข่งขันฟุตบอลออสเตรเลียนัดชิงชนะเลิศ และข่าวรัฐประหารในไทยก็ถูกดันเข้าไปอยู่หน้าใน ๆ ของหนังสือพิมพ์ ผมไม่เคยทราบมาก่อนว่าภายในเวลา 1 ปี ผมต้องมาอยู่ที่นี่และผมมีความรู้น้อยมากเกี่ยวกับการเมืองประชาธิปไตยและสถาบันกษัตริย์ของไทย รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ แต่วันนี้ผมได้เรียนรู้เยอะมาก ผมสนใจประเด็นที่ว่าทำไมประวัติศาสตร์ของประเทศจึงถูกกำหนดย้อนหลังไปเพียง 700 ปี ในเมื่อความจริงแล้วมีประวัติศาสตร์อันยาวนานก่อนหน้านั้นอีก ผมได้รู้จักระบบอุปถัมภ์ที่มีระฆังแขวนไว้นอกปราสาทเพื่อที่พระเจ้าแผ่นดินจะสามารถเสด็จออกมาช่วยเหลือพวกคุณได้ และผมคิดนั่นเป็นสิ่งที่ดีมาก ผมคิดว่าต้องเป็นเรื่องที่ดีมากที่มีระบบเช่นนั้น ดังนั้นผมจึงไม่แน่ใจว่าทำไมต้องมีประชาธิปไตยเป็นทางเลือกด้วย ดังนั้น จริง ๆ แล้วคำถามของผมก็คือ คุณได้ติดคุกมาแล้ว คุณถูกดำเนินคดีเพราะคุณก่อการชุมนุมอันบ้าบิ่นของผู้คนตามท้องถนน และดูไม่เหมือนว่าเป็นการละเมิดกฎหมายที่รุนแรงแต่อย่างใด คุณถูกกล่าวหาด้วยข้อหานั้น แล้วก็ถูกปล่อยตัวออกมา เพิ่งมีการทำรัฐประหารและคืนนี้คุณก็มาอยู่ที่นี่และสามารถพูดอย่างเปิดเผยได้ ผมไม่ได้อยู่ในประเทศนี้นานพอดังนั้นผมไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วคุณสามารถท้าทายรัฐบาลโดยชอบด้วยกฎหมายหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายได้หรือไม่ และสามารถลุกขึ้นในที่สาธารณะและพูดได้หรือไม่ ผมไม่เห็นหลักฐานว่ามีการเฝ้าติดตามคุณหรือถ่ายภาพคุณเวลาไปไหนมาไหน และดูท่าทางคุณก็ปลอดภัยและมีความมั่นใจ ดังนั้น ประเด็นของผมก็คือว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะดูเหมือนสิ่งที่พูดคุยมาในคืนนี้จะดูไม่เป็นจริง
(จักรภพ) เป็นข้อสังเกตที่ดีมากครับและการคิดเช่นนั้นด้วย ถูกครับ ผมอาจถูกจองจำในคุกนานกว่านี้ก็ได้ ผมไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผมคืนนี้ หลังจากที่ผมกลับบ้าน แต่ผมเดาว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี สำหรับเรื่องนี้อย่างที่ผมเคยพูดมาก่อนหน้านี้ และผมหมายความรวมถึงตัวผมเองด้วย คนไทยเราได้รับการฝึกมาให้ไม่เป็นนักอุดมคติ การเป็นนักอุดมคติจะเป็นปัญหาเพราะคุณจะต่อสู้กับคนอื่นเพื่อความเชื่อของคุณ แต่สิ่งที่เราต้องการในประเทศไทยของเรา คือ ความกลมกลืนหรือสมานฉันท์ เราเรียกประเทศของเราเช่นนั้น อย่างที่ทราบเมื่อคุณสอนคนหรือเมื่อคุณสอนเด็ก ๆ ในประเทศไทย ผมไม่ทราบว่าคุณจะสอนคนของประเทศคุณอย่างไร แต่ที่นี่ เด็ก ๆ จะถูกสอนให้ปฏิบัติตนตามกฎระเบียบ ถ้าคุณเชื่อฟังคุณจะไปได้สวยมาก ถ้าครูเดินเข้ามาแล้วบอกว่าเด็กคนนี้เป็นนักเรียนที่ดี หมายความว่าเด็กคนนี้เชื่อฟังกฎระเบียบของโรงเรียน และนั่นคือคำชม ไม่มีครูคนไหนเดินเข้ามาชมลูกของคุณว่า ดีจังเธอนี่กบฏหรือหัวแข็งจังนะ คุณเข้าใจสิ่งที่ผมบอกไหมครับ ดังนั้นผมไม่ทราบว่าเป็นการบิดเบือนแนวคิดหรือไม่ แต่มันอาจส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ปัจจุบันที่ในเมื่อคนส่วนใหญ่จะเชื่อฟังหรือหัวอ่อน ดังนั้นคนที่มีพยศแม้เพียงน้อยนิดก็กลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ ดังนั้นจริง ๆ แล้วคุณคงไม่สามารถเปรียบเทียบประเทศไทยกับที่ไหนได้ แต่ในการที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามในประเทศนี้ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือต้องคงความแตกต่างไว้และต้องพยายามอยู่รอด และถ้าคุณสามารถเอาตัวรอดอยู่ได้นานเพียงพอก็จะมีคนบางคนที่อาจจะสะดุดคิดและหันมาร่วมกับคุณ แต่ประเด็นก็คือคุณไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป และนั่นคือสถานการณ์ของผมในเวลานี้ ดังนั้นถ้าคุณเปรียบเทียบประเทศไทยกับราวันด้า การฆ่ากันก็คงน้อยกว่า แต่มีคนที่ถูกขังไว้ในคุกและถูกลืม ผมสามารถพูดได้ว่าจากความรู้สึกของผมเอง เป็นไปได้ว่านักโทษในประเทศไทยมากกว่าครึ่งไม่ใช่ผู้ที่กระทำความผิด มีคนเคยพูดว่าคุกในประเทศไทยมีไว้ขังคนจน คนโง่ และคนที่บาดเจ็บ คุณต้องเป็นคนที่โง่มาก ๆ ถ้าคุณติดคุก ถ้าคุณรู้จักที่จะประนีประนอม จะเป็นสิ่งที่มีค่า ไม่ว่าคุณจะทำผิดมากแค่ไหนก็ตาม หรือไม่ว่าอาชญากรรมที่ทำจะรุนแรงแค่ไหนก็ตาม ถ้าคุณดำรงอยู่อย่างชาญฉลาด ถ้าคุณรู้ว่าควรพูดอะไรกับประชาชน รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับประชาชน รู้ว่าจะทำตัวให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างไร ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าสิ่งที่คุณได้เห็นในประเทศไทยในขณะนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ และเชื่อผมเถอะว่าถ้ามีการขัดแย้งกันอย่างรุนแรงเกิดขึ้นเมื่อไร จากการที่เรามีบทนำของการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่โตมากจะไม่มีข้อแก้ตัวอีกต่อไป จะเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก แต่ผมก็เป็นมือใหม่สำหรับเรื่องนี้เช่นกัน ผมไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอะไรในอนาคต
(คำถาม) ทรท. หมายถึงอะไร
(จักรภพ) เป็นชื่อย่อของพรรคไทยรักไทยที่ถูกยุบไปแล้ว เป็นพรรคการเมืองที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2544
คุณหมายถึงชื่อย่อใหม่หรือครับ
อ๋อ นั่นหมายถึงไทยรวมไทย ซึ่งหมายความว่าการที่คนไทยมาร่วมมือกันประมาณนั้นครับ
(คำถาม) ขณะที่คุณถูกจับคุณได้แสดงสัญลักษณ์ victory หรือชัยชนะ และมีคนจำนวนมากที่คาดเดาและมีข่าวลือแพร่ไปทั่วว่าอะไรคือชัยชนะของคุณในเวลานั้น ช่วยยืนยันเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้หรือไม่
(จักรภพ) ผมคือเราชนะในแง่ที่ว่าเราบุกไปที่บ้านของเปรม เขาเป็นบุคคลที่แตะต้องไม่ได้ เขาเป็นเหมือนเทพเจ้า
(คำถาม) แต่คุณไม่ได้แสดงสัญลักษณ์ของชัยชนะที่บ้านของเขา แต่คุณทำในเวลาที่คุณถูกจับ
(จักรภพ) ถูกต้องครับ เพราะว่าเขาออกมาและจับกุมพวกเรา เราต้องการให้เขาแสดงตัวออกมา เราไม่ต้องการให้เขาอยู่เบื้องหลังและใช้กลเม็ดต่างๆ ดังนั้น ชัยชนะก็คือการที่เขาต้องยอมแสดงตัวออกมาว่าเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เราต้องการแสดงสิ่งนี้ให้สาธารณชนรู้ไม่ว่าปฏิกิริยาของพวกเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ในความเห็นของพวกเรานั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และถึงตอนนี้ผู้คนก็เริ่มพูดถึงเรื่องนี้ เราเดินทางไปต่างจังหวัดและผู้คนก็มาถามผม บอกให้ผมเล่าถึงบทบาทของเปรมให้พวกเขาฟังให้มากขึ้นไปอีก
(คำถาม) คำถามสุดท้ายของผมก็เพราะผมเคยได้ยินมาว่าทักษิณมีความจงรักภักดี 100% ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
(จักรภพ) ผมไม่ได้พูดเช่นนั้น เขามีความจงรักภักดีอยู่
(คำถาม) ผมขอโทษนะ เขามีความจงรักภักดีอยู่ใช่มั๊ย
(จักรภพ) ผมไม่ได้พูดอย่างนั้น ผมจะไม่พูดเช่นนั้น
(คำถาม) โอเคครับ ถ้าเช่นนั้น มีความจงรักภักดีอยู่ แล้วถ้าในกรณีของพจมาน ทักษิณมีความจงรักภักดี 100% ต่อเธอหรือไม่
(จักรภพ) คุณหมายถึงว่าคุณทักษิณซื่อสัตย์ต่อเธอหรือเปล่าหรือ
(คำถาม) ใช่ครับ
(จักรภพ) คือนั่นไม่ใช่หน้าที่ของผมในฐานะโฆษกที่จะตอบเรื่องเช่นนั้น ผมสามารถให้ชื่อของบุคคลที่คุณสามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมได้
(คำถาม) เคยมีใครถูกดำเนินคดีเพราะการทำรัฐประหารแบบนี้หรือไม่ หรือการทำรัฐประหารเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ คือคุณสามารถทำรัฐประหารเมื่อใดก็ได้อย่างนั้นหรือ
(จักรภพ) เคยมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2520 ประมาณ 4 ปี หลังจาก 14 ตุลาซึ่งน่าจะเป็นปี 1977 มีการทำรัฐประหารในปี 1977 ผู้นำของการทำรัฐประหารถูกลงโทษแต่น่าประหลาดใจ....
(อาจารย์วรพร) เป็นการทำรัฐประหารที่ไม่สำเร็จ
(จักรภพ) ถูกต้องครับอาจารย์พูดถูก และผมอยากเสริมเรื่องที่น่าประหลาดใจมากกว่านี้ด้วย สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ ที่เขาถูกลงโทษไม่ใช่เพราะเขาทำการรัฐประหารแล้วล้มเหลว แต่เพราะเขาฆ่านายทหารคนหนึ่ง เขาฆ่านายทหารยศพลตรีผู้ที่ปฏิเสธที่จะช่วยเขาทำการรัฐประหาร และนำไปสู่ความล้มเหลวในการทำรัฐประหารครั้งนั้น ดังนั้นที่เขาถูกดำเนินคดีก็เพราะเขาล้ำเส้น แต่ไม่ใช่เพราะเขาทำการยึดอำนาจ
(โจนาธาน) (กล่าวปิดงาน)
(จักรภพ) ขอโทษนะครับแต่ขอเสริมประเด็นที่คุณได้กล่าวไปว่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะมาสนทนากันที่นี่ แต่ผมอยากให้ท่านทั้งหลายเก็บไปคิดถึงสิ่งที่พวกเรากำลังคิดอยู่ในเวลานี้ว่าต้องมีการลงโทษและการชดเชยการกระทำผิด ถ้าเขาจะกลับมาสู่อำนาจอีกครั้งหรือถ้าเขาจะจัดตั้งพรรคการเมืองอีก จะมีการลงสมัครรับเลือกตั้งอย่างจริงจัง และการลงโทษการทำรัฐประหารจะต้องระบุไว้ชัดเจนในนโยบาย
จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 15:00:27 A:202.47.237.156 X: ]