ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
12-12-2024, 01:50
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ห้องสาธารณะ  |  “เพ็ญ” ปัดหมิ่นสถาบัน ยกเหตุผลพิลึกพูดนานแล้วบรรยากาศพาไป : หน้าไม่อาย 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
“เพ็ญ” ปัดหมิ่นสถาบัน ยกเหตุผลพิลึกพูดนานแล้วบรรยากาศพาไป : หน้าไม่อาย  (อ่าน 2504 ครั้ง)
ใครก้ได้ เอาไปถ่วงน้ำที
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 15-05-2008, 15:27 »

“เพ็ญ” ปัดหมิ่นสถาบัน ยกเหตุผลพิลึกพูดนานแล้วบรรยากาศพาไป
โดย ผู้จัดการออนไลน์    15 พฤษภาคม 2551 12:21 น.
นายจักรภพ เพ็ญแข
   
       “เพ็ญ” ยังจีบปากจีบคอรายวัน อ้างไม่ได้กล่าวโจมตีสถาบันเบื้องสูง แถมใช้เหตุผลพิลึกพูดมานานปีกว่าแล้วเป็นอีกบรรยากาศที่พาไป ตอนนี้มาเป็นรัฐมนตรีแล้วได้เปลี่ยนวิธีพูดแล้ว ยืนยันจะแปลเอกสารคำพูดมาเผยแพร่ด้วย
       วันนี้ (15 พ.ค.) นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงกรณีมีคำพูดหมิ่นสถาบันเบื้องสูงเมื่อครั้งไปบรรยายกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศเมื่อหลายเดือนก่อนว่า คำบรรยายของตนที่เป็นข่าวในขณ

http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000056702

เวลาพูด ก็จีบปากจีบคอ ลอยหน้าลอยตา  พูด  ด่า  เขา  อย่างเสีย ๆ หาย ๆ  (ตอนพูด ต่อหน้า ฝรั่ง  คงเล่นหูเล่นตา นึกว่า สวยซะ)
ทำท่า ทำทาง ราวกับ  คนจริง ๆๆ  ผมคิดอย่างนี้ จริง ๆ  สิ่งที่ผมคิด เขียน  ผมเป็นอย่างนั้นจริง ๆ

พอจะถุกฟ้อง  ก็  บรรยากาศ พาไป   

โห่  หน้าตัวเมีย  จริง ๆ 
บันทึกการเข้า
ใครก้ได้ เอาไปถ่วงน้ำที
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 16-05-2008, 05:00 »

“เพ็ญ” ขาสั่น!โร่ประสาน “บุคคลระดับบน” ผวาก้าวล่วงสถาบัน

โดย ผู้จัดการออนไลน์    16 พฤษภาคม 2551 02:13 น.

จักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

      
“สุทิน” โดดป้อง “จักรภพ” ปูดวิ่งแจ้นประสาน “บุคคลระดับบน” หวังล้างบาปให้ตัวเอง เหตุผวาโดนซักฟอกฐานก้าวล่วงสถาบัน โวย ปชป.ทำเป็นขบวนการโดยดึงสถาบันมาเป็นประเด็นทางการเมือง
       
       วานนี้ ( 15 พ.ค.) นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นถอดถอนนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าเป็นบุคคลที่มีทัศนคติอันตราย รวมทั้งเคยไปกล่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในเรื่องล่อแหลมต่อสถาบันว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์เก็บทุกเรื่อง จ้องทุกฝีก้าว เพียงแต่เขายังหาอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้ เช่น เรื่องการตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่น จึงเหลือทางเดียวโดยหันมาเล่นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างที่เคยใช้ได้ผลมาแล้วสมัยนายควง อภัยวงศ์ อดีตนายกรัฐมนตรี
       
       “กรณีที่กล่าวหานายจักรภพ ก็เหมือนกัน ทราบมาว่า ขณะนี้นายจักรภพ พยายามประสานบุคคลระดับบน เพื่อแสดงถึงเจตนาว่าไม่มีเจตนาตามที่พูดแล้ว ซึ่งเรื่องนี้นายจักรภพ พยายามทำให้จบ และทุกฝ่ายก็ไม่ติดใจ เหลือเพียงแค่พรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียวเท่านั้น ที่พยายามดึงสถาบันมาเป็นประเด็นทางการเมือง เข้าใจว่ามีการกระทำอย่างเป็นขบวนการ แต่เชื่อว่าสุดท้ายคนพูดจะเสียหายเอง เพราะถ้าคนจงรักภักดี เทิดทูนสถาบัน คงจะไม่พูด และจะระมัดระวังมากกว่านี้”นายสุทิน กล่าว

http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000057081

ที่พยายามดึงสถาบันมาเป็นประเด็นทางการเมือง เข้าใจว่ามีการกระทำอย่างเป็นขบวนการ แต่เชื่อว่าสุดท้ายคนพูดจะเสียหายเอง เพราะถ้าคนจงรักภักดี เทิดทูนสถาบัน คงจะไม่พูด และจะระมัดระวังมากกว่านี้”นายสุทิน กล่าว

พรรคลูกกรอก นี่  มันหน้าด้านทุกคน  ต่อหน้า พูด ดี  แต่ลับหลัง  กลับทำตรงข้าม  และทำได้ ยำยำตำบอน
ไอ้พวกนี้  ควรส่งไปอยู่  รวันด้า ให้ หมด  เพราะเนรคุณ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

ไม่รู้จะใช้คำเรียกว่าอะไร  นอกจาก พวก  ใจสัตว์เดรัจฉาน 


บันทึกการเข้า
ใครก้ได้ เอาไปถ่วงน้ำที
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 16-05-2008, 06:07 »

 การเมือง

บันทึกหน้า 4

16 พฤษภาคม 2551    กองบรรณาธิการ

อิทธิพลการเป็นนักเรียนเก่าสหรัฐ ทำให้ "จักรภพ เพ็ญแข" มองเมืองไทยไม่เหมือนคนไทยทั่วๆ ไปมองเช่นนั้นหรือ คำตอบคืออาจใช่ แต่ไม่ทั้งหมด กรณีของ "จักรภพ เพ็ญแข"

    นี้ ปัจจัยหลักน่าจะอยู่ที่บุคคลแวดล้อมในระบอบทักษิณที่มีอดีตคน  14  ตุลา.เป็นกลไกหลักมากกว่า  เพราะหลังคำบรรยายที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศถูกเผยแพ่รออกมาชนิดคำต่อคำ   นักการเมืองสายพันธุ์ "ตอน"  ดูเป๋ไปป๋ามา จนแน่ใจได้ว่าเขาไม่ใช่ ตัวหลัก ในแนวคิดล้มล้างระบบอุปถัมภ์นี้...๐

    หากอ่านคำปรารภของ   พล.อ.ชวลิต   ยงใจยุทธ  ในหนังสือ แนวทางประเทศไทย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี  การต่อสู้เอาชนะภัยความมั่นคงแห่งชาติ  "สงครามเปิดโปง  ขบวนการ ล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า" พบว่าสิ่งที่  "บิ๊กจิ๋ว" สื่อออกมานั้นน่ากลัว ยิ่ง   "ได้ทราบว่ามีกลุ่มบุคคลผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ดื้อรั้นบางกลุ่มหันมาใช้ยุทธวิธีแนวร่วมแทนอย่างเต็มที่ โดยพยายามใช้วิธีการต่างๆ  เช่น  ชุบตัวในสถาบันวิชาการ   เข้าร่วมทำเศรษฐกิจทุนนิยม   เข้าร่วมถืออำนาจรัฐยุยงให้ทั้งฝ่ายรัฐ  และฝ่ายทุนทำผิดให้มากๆ จึงมีการกล่าวกันว่าปัจจุบันมีขบวนการบ่อนทำลายประเทศ โดยใช้ระบบเผด็จการรัฐสภาเป็นเครื่องมือดำเนินยุทธวิธีแนวร่วมเพื่อก่อสงครามกลางเมือง  เพื่อเปลี่ยนรูปของประเทศจากราชอาณาจักรไปสู่สาธารณรัฐ  โดยใช้รัฐธรรมนูญเป็นอาวุธหลัก"  ประเด็นอยู่ที่ว่าขบวนการนี้ใครอยู่เบื้องหลัง และใครเป็นผู้ดำเนินการ...๐

    ที่จริง  "จักรภพ" ไม่ใช่คนอ่อนหัด แต่เขาหัดเป็นคนแข็งกร้าวเร็วเกินไป ชนิดที่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศตะลึงกับคำพูด   โดยเฉพาะ   โจนาธาน   เฮด   ผู้สื่อข่าวบีบีซี   ซึ่งเป็นกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ในวันที่ 29 สิงหาคม ถึงกับออกปากว่าได้ฟังแล้วตะลึงกันทั้งห้อง  การที่เขาตอบคำถามนักข่าวฝรั่ง  ปฏิเสธว่าเปล่ารออัศวินม้าขาวที่ชื่อ  "ทักษิณ ชินวัตร" มากอบกู้เมือง   เพราะสถานการณ์ปัจจุบันกลับตรงข้าม  "จะไม่จบเหมือนเหตุการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535   ไม่มีใครที่จะทำให้มันจบลงได้   เพราะทุกคนเกี่ยวข้อง   คุณเห็นได้เลยว่า   คราวนี้จะไม่มีผู้ตัดสินต่อจากนี้   อะไรจะเกิด   เป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้"   ขอความกรุณา "จักรภพ" ว่าช่วยแปลคำพูดท่อนนี้ให้พิถีพิถัน เอาให้ตรง ถ้าจะช่วยขยายความหน่อยก็จะเป็นการดี...๐

    เป็นที่รับรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าหลัง   การเข่นฆ่าประชาชนที่ถนนราชดำเนิน วันที่  17  พฤษภาคม 2535  นั้น  เวลา 23.00 น. ของวันที่ 20 พฤษภาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้  พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ผู้นำการชุมนุม  เข้าเฝ้าฯ และทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานตอนหนึ่งความว่า "ทุกคนก็ทราบว่าเหตุการณ์มีความยุ่งเหยิงอย่างไร   และทำให้ประเทศชาติล่มจมได้...ถ้าหากว่าเผชิญหน้ากันแบบนี้ต่อไป  เมืองไทยมีแต่ล่มจมลงไป...ฉะนั้นจะต้องแก้ไข   ฉะนั้นก็ขอให้โดยเฉพาะสองท่านช่วยกันคิด  คือหันหน้าเข้าหากัน   ไม่ใช่เผชิญหน้ากัน  ร่วมกันแก้ไขปัญหา  เพราะปัญหามีอยู่  ที่เวลาเกิดจะใช้คำว่า  บ้าเลือด เวลาคนมีการปฏิบัติรุนแรงมันลืมตัว  ลงท้ายเขาไม่รู้ว่าตีกันเพราะอะไร  แล้วก็จะแก้ปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าจะต้องเอาชนะ แล้วก็ใครจะชนะ ไม่มีทาง อันตรายทั้งนั้น มีแต่แพ้ คือต่างคนต่างแพ้ ผู้ที่เผชิญหน้าก็แพ้   แล้วที่แพ้ที่สุดก็คือประเทศชาติ...แล้วก็จะมีประโยชน์อะไรที่จะทะนงตัวว่าชนะ   เวลาอยู่บนกองซากปรักหักพัง"...๐

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=16/May/2551&news_id=158625&cat_id=500

บันทึกการเข้า
ใครก้ได้ เอาไปถ่วงน้ำที
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 16-05-2008, 15:53 »

เป้าหมายแท้จริงที่สะท้อนผ่านจักรภพ (1) (กวนใจให้สะอาด)

คงไม่มีอะไรที่จะต้องอ้อมค้อมกันอีกแล้วว่า ขณะนี้มีคนกลุ่มหนึ่งในบ้านเมืองกำลังมีพฤติกรรมและการกระทำที่ไม่บังควร อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งการพูดจาและการแสดงออกในลักษณะสะท้อนถึงความต้องการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไปสู่การเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตยในรูปแบบอื่นตามที่คนพวกนี้ใฝ่ฝัน

ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้เริ่มชัดเจนมาตามลำดับในระยะเวลาห้าหกปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ด้วยรูปแบบของการกระทำที่ต่างๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแจกจ่ายแผ่นปลิว ซีดี เว็บไซด์ แพร่กระจายไปทั่วด้วยข้อความที่ใส่ร้ายป้ายสีชี้ชวนให้เกลียดชัง บ่อนเซาะทำลายไปทีละเล็กละน้อย แม้กระทั่งกล้าที่จะท้าทายอย่างไม่หวั่นเกรงด้วยการไม่ยืนขึ้นเมื่อมีเพลงบรรเลงสรรเสริญพระบารมี รวมทั้งการใส่เสื้อยืดที่มีข้อความว่า "ไม่ยืน ไม่ใช่อาชญากร" และ "คิดต่าง ไม่ใช่อาชญากรรม" เป็นต้น

สิ่งที่ปรากฏขึ้นดังกล่าวเป็นสัญญาณบอกเหตุ

บอกให้รู้ว่าบ้านเมืองกำลังตกอยู่ในห้วงอันตรายที่น่ากลัวที่สุด หากพฤติกรรมและการแสดงออกต่างๆเหล่านี้ยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายภายใต้ความไม่ใส่ใจของผู้ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

สิ่งที่สะท้อนผ่านการพูดจาของ นายจักรภพ เพ็ญแข ต่อที่ประชุมของสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย เมื่อเดือนกันยายน 2550 (หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549) บ่งบอกนัยสำคัญหลายอย่างที่ต้องนำมากล่าวให้เห็นและช่วยกันคิดว่าเป้าหมายแท้จริงของเนื้อหาที่นำมาพูดนั้นในที่สุดแล้วคืออะไรกันแน่

นายจักรภพพูดไว้หลายเรื่องหลายราว

จะหยิบยกประเด็นสำคัญๆบางประเด็นให้เห็น ซึ่งแต่ละประเด็นดังกล่าวปรากฏอยู่ทั้งภาพและเสียงใน ซีดี ของการพูดจาของนายจักรภพในวันนั้น

ประเด็นที่ 1 นายจักรภพพูดไว้ว่า

"วิกฤติทางการเมืองในปัจจุบันตามความเห็นของผม คือความขัดแย้งกันระหว่างประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นความขัดแย้งแบบเผชิญหน้า และจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยและรากฐานของประเทศ ซึ่งเดิมพันสูงมากทั้งสองฝ่าย ทั้งประชาธิปไตยและระบบอุปถัมภ์ และถ้าท่านพิจารณาผลการลงประชามติเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม อย่างจริงจัง ท่านจะเห็นว่าเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนจำนวน 56% และ 41% ของประชากรทั้งหมด ไม่เคยปรากฏมาก่อนที่ประชาชนจำนวนมากออกมาบอกว่า "เราไม่ต้องการการอุปถัมภ์ของท่านอีกต่อไป" เราต้องการประชาธิปไตย มิใช่คนที่มาตบหลังเรา ไม่ใช่คนที่บอกเราว่า "เราจะทำชีวิตคุณให้ดีขึ้นเล็กน้อย แต่คุณต้องสำนึกในบุญคุณของเรา" ถึงเวลาแล้วที่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงควรเป็นสิทธิ์ระดับชาติของประชาชนไทย ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ผมเชื่อว่าเราจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ภายในชั่วชีวิตของเรา การเปลี่ยนเเปลงโดยสิ้นเชิงซึ่งกำลังเริ่มขึ้นในขณะนี้"

นายจักรภพว่าไว้อย่างนั้น

" ระบบอุปถัมภ์" ที่นายจักรภพว่าหมายถึงอะไรก็ต้องตามไปดูคำพูดต่อไปของนายจักรภพที่กล่าวไว้ดังนี้ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2

" เราเริ่มต้นด้วยการเป็นประเทศในระบบอุปถัมภ์ ประวัติศาสตร์ชาติไทยถูกเลือกให้เริ่มต้นเมื่อ 700 ปีที่แล้วในสมัยสุโขทัย ซึ่งมีสุโขทัยเป็นเมืองหลวงในรัชสมัยหนึ่งในยุคสุโขทัย เราถูกชักนำให้เชื่อว่ากษัตริย์องค์หนึ่งในสมัยสุโขทัยคือพ่อขุนรามคำแหงเป็น "พี่ชายที่ยิ่งใหญ่" ขอโทษ "พ่อขุนรามคำแหงที่ยิ่งใหญ่" เนื่องจากแนวคิดที่ว่ากษัตริย์เปรียบเหมือนพระเจ้ายังมิได้เข้ามาในแผ่นดินไทยในสมัยสุโขทัย ดังนั้นกษัตริย์ในสมัยสุโขทัยจึงถูกมองว่าเป็น "พ่อที่ยิ่งใหญ่" ผู้ที่มีความเมตตากรุณาต่อประชาชน และให้สิ่งที่ประชาชนต้องการ

ตัวอย่างหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปก็คือ พ่อขุนรามคำแหงได้นำระฆังมาแขวนไว้ที่หน้าวัง ผู้ใดมีปัญหาก็สามารถเคาะระฆังได้ และพระองค์หรือคนของพระองค์ก็จะออกมาช่วยแก้ปัญหาให้ ด้วยเหตุนี้ก่อนที่เราจะรู้ตัว เราก็ถูกชักนำเข้าสู่ระบบอุปถัมภ์เสียแล้ว ในสมัยสุโขทัยเรามีกษัตริย์ที่ทำเช่นนั้น ดังนั้นประชาชนจึงมีหน้าที่ที่จะซื่อสัตย์ ประชาชนมีหน้าที่ที่จะต้องศรัทธาในระบบซึ่งมีผู้มอบให้เขา "

นายจักรภพให้ความหมายของระบบอุปถัมภ์หมายถึงกษัตริย์นั่นเอง เพราะฉะนั้นคำพูดของนายจักรภพตามประเด็นแรกที่ว่า "วิกฤติทางการเมืองในปัจจุบันตามความเห็นของผมคือความขัดแย้งกันระหว่างประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นความขัดแย้งแบบเผชิญหน้า และจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยและรากฐานของประเทศ...การลงประชามติเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมท่านจะเห็นว่าเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชน 56% และ 41% ของประชากรทั้งหมด ไม่เคยปรากฏมาก่อนที่ประชาชนจำนวนมากออกมาบอกว่า " เราไม่ต้องการการอุปถัมภ์ของท่านอีกต่อไป"

นายจักรภพ แปลงความหมายของการลงประชามติในเรื่องรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ไปเป็นอย่างอื่นใช่หรือไม่ และคำพูดของนายจักรภพที่ว่า "เราไม่ต้องการการอุปถัมภ์ของท่านอีกต่อไป" นั้นนายจักรภพกำลังบิดเบือนอย่างรุนแรงหรือไม่เกี่ยวกับความจงรักภักดีของประชาชนที่มีต่อสิ่งที่พวกเขาเทิดทูนสูงสุด

(อ่านต่อวันศุกร์)

ตาโป๋เป่าปี่

http://www.proxyblend.com/browse.php?u=Oi8vZm9ydW0uc2VyaXRoYWkubmV0L2luZGV4LnBocD9QSFBTRVNTSUQ9MjhjZmI5ZDllN2Q5ZGY4ODQyMmI4ZTRiZTlmZTBiOGQmYW1wO2FjdGlvbj1wb3N0O3RvcGljPTI2MDc1LjA7bnVtX3JlcGxpZXM9Mg%3D%3D&b=0


นิทานเรื่อง คางคกขึ้นวอ  ยุค  ดิจิตอล
บันทึกการเข้า
ใครก้ได้ เอาไปถ่วงน้ำที
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 16-05-2008, 15:59 »

เป้าหมายแท้จริงที่สะท้อนผ่านจักรภพ (2) (กวนใจให้สะอาด)

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาได้นำคำพูดของนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ได้ไปกล่าวในที่ประชุมสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย เมื่อเดือนกันยายน 2550 (หลังการรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549) มาเล่าให้ฟังแล้วรวม 2 ประเด็นด้วยกัน คือ ประเด็นที่ว่าด้วยระบบอุปถัมภ์ ซึ่งนายจักรภพ ขยายความหมายไปที่พระมหากษัตริย์เป็นการเฉพาะ โดยยกตัวอย่างตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นต้นมา และประเด็นที่ว่าด้วยการลงประชามติรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งมีประชาชน 41% ไม่เห็นด้วย เรื่องนี้นายจักรภพกล่าวว่า ไม่เคยปรากฏมาก่อนที่ประชาชนจำนวนมากออกมาบอกว่า "เราไม่ต้องการการอุปถัมภ์ของท่านอีกต่อไป"

นายจักรภพตีขลุมเรื่องอย่างนี้ทำไม

ประชาชนไม่ใช่คนพูด แต่นายจักรภพพูด

ทั้งๆ ที่การลงประชามติดังกล่าวไม่ใช่เรื่องอย่างนี้

มาฟังประเด็นที่ 3 กันบ้างว่า นายจักรภพ ยังพูดอะไรต่อไปอีกในที่ประชุมสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทยในวันนั้น นายจักรภพพูดไว้อย่างนี้

" ต่อมาในสมัยอยุธยาซึ่งมีอยุธยาเป็นเมืองหลวงเป็นเวลา 400 กว่าปี แนวคิดที่ว่ากษัตริย์เปรียบเหมือนพระเจ้าถูกนำเข้ามา โดยได้รับอารยธรรมจากเขมร กษัตริย์เป็นกึ่งเทพเจ้า เป็นตัวแทนของเทพในศาสนาฮินดูและพระเจ้าที่อยู่เหนือเทพทั้งหลาย ดังนั้นระบบอุปถัมภ์ซึ่งให้ความช่วยเหลือประชาชน เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นการปกป้อง ถ้าคุณมีความซื่อสัตย์ต่อกษัตริย์ ความซื่อสัตย์โดยไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น คุณจะได้รับการปกป้อง และเพื่อแสดงให้เห็นการปกป้องอย่างชัดเจน ประชาชนที่ทำในทางตรงกันข้ามจะถูกลงโทษ "

การพูดของนายจักรภพอย่างนี้เป็นการพูดที่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกลึกๆที่มีอยู่หรือไม่ว่านายจักรภพกำลังคิดอะไรอยู่

นายจักรภพยังพูดต่อไปในประเด็นนี้อีกว่า

" สมัยอยุธยาสอนให้คนไทยมีชีวิตอยู่กับอำนาจ จะดำเนินชีวิตอยู่กับอำนาจได้อย่างไร จะเอาตัวรอดจากอำนาจได้อย่างไร และจะทำอย่างไรจึงจะไม่ถูกอำนาจทำลาย แต่สมัยอยุธยาก็ได้ก่อให้เกิดความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ขึ้นในประเทศไทย คือความสัมพันธ์ระหว่างนายกับทาส ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นผู้ดีมียศศักดิ์กับสามัญชน "

นายจักรภพพยายามจูงใจให้เกิดความรู้สึกในแง่ลบของสังคมในยุคนั้นจนต้องมีทาส มีการแบ่งแยกชนชั้น ซึ่งเป็นผลที่เกิดขึ้นตามมาจากการปกครองของกษัตริย์ใช่หรือไม่

นายจักรภพไม่เคยหยิบยกแง่ดีของการปกครองของพระมหากษัตริย์ในยุคนั้นมายกย่องแม้แต่เรื่องเดียว เฉพาะอย่างยิ่งความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ผู้ทรงสละได้แม้พระชนมชีพเพื่อรักษาบ้านรักษาเมือง ปกป้องราษฎรทั้งหลายภายใต้ศึกสงครามกับพม่าหลายครั้งหลายหน ไม่ว่าในสมัยของสมเด็จพระนางเจ้าศรีสุริโยทัย หรือพระนเรศวรมหาราช

ถัดจากแง่ลบในประเด็นที่ 3 แล้ว นายจักรภพยังได้พูดถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตามมาเป็นประเด็นที่ 4 ซึ่งนายจักรภพ พูดให้ที่ประชุมวันนั้นฟังดังนี้

" ต่อมาก็เป็นสมัยรัตนโกสินทร์ ผมจะขอข้ามสมัยธนบุรีช่วง 12 ปีไป ในสมัยรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นสมัยปัจจุบันนั้น ราชวงศ์จักรีเป็นราชวงศ์ที่เริ่มต้นสมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างสมัยอยุธยาและทักษะใหม่ๆ ซึ่งผมจะขอเรียกว่า "การบริหารจัดการความรู้" กล่าวคือความรุ่งเรืองของ "พ่อผู้ยิ่งใหญ่" ผสมผสานกับอำนาจสมัยอยุธยา และความสำคัญของความเป็นกษัตริย์กึ่งเทพเจ้า รวมเข้ากับการบริหารจัดการความรู้ในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยเข้าใจกันว่าความรู้คืออำนาจ...

...ขณะนี้เราอยู่ในรัชสมัยของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เรามีทุกสิ่งที่กล่าวมาแล้วรวมกัน และเนื่องจากพระองค์ทรงครองราชย์นานมาก 60 ปีแล้ว พระองค์จึงทรงได้รับยกย่องให้เป็นตำนาน ประชาชนไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังพูดถึงความจริงหรือความเชื่อเกี่ยวกับพระองค์ เพราะพระองค์ทรงครองราชย์มานานมากจนสามารถเป็นได้ทุกอย่างรวมกัน ทั้งกษัตริย์ตามที่สืบทอดกันมา กษัตริย์นักวิทยาศาสตร์ กษัตริย์นักพัฒนา กษัตริย์นักทำงาน และขณะนี้พระองค์ยังทรงเป็นผู้พิทักษ์สิ่งประดิษฐ์ใหม่ของประเทศไทย นั่นคือประชาธิปไตย ทั้งหมดนั่นกำลังเผชิญหน้าเราอยู่ เรามีปัจจัยเหล่านี้มากมายซึ่งเราต้องปรับปรุงและจัดลำดับใหม่ "

นายจักรภพพูดไว้อย่างนั้นในประเด็นที่ 4 นี้

เป็นประเด็นที่สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนที่สุดว่า นายจักรภพมีความต้องการความเปลี่ยนแปลงและจัดลำดับใหม่จากสิ่งต่างๆ ที่ นายจักรภพ สาธยายมาตั้งแต่ประเด็นที่ 1 ถึงประเด็นที่ 4 ซึ่งล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขใช่หรือไม่

เฉพาะอย่างยิ่งคำพูดของนายจักรภพที่มีตามมาหลังประเด็นที่ 4 ดังกล่าวซึ่งจะนำมาให้ทราบต่อไปในคราวหน้าที่ว่า " เราอาจจำเป็นต้องมีผู้นำที่จะช่วยปรับปรุงทุกสิ่งทุกอย่างให้เราใหม่...เราถูกชักนำให้เชื่อว่ารูปแบบของรัฐบาลที่ดีที่สุดคือประชาธิปไตยที่ถูกชี้นำ หรือประชาธิปไตยภายใต้การชี้นำ การนำทางที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าอยู่หัว..."

จักรภพพูดไว้อย่างไรจะนำมาให้ทราบคราวหน้า

(อ่านต่อวันอังคาร)

ตาโป๋เป่าปี่

http://www.naewna.com/news.asp?ID=109074

บรรยากาศพาไป 
บันทึกการเข้า
ถ่วงน้ำไปน้ำก็เน่าเปล่า ๆ
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 16-05-2008, 16:18 »

       “กรณีที่กล่าวหานายจักรภพ ก็เหมือนกัน ทราบมาว่า ขณะนี้นายจักรภพ พยายามประสานบุคคลระดับบน เพื่อแสดงถึงเจตนาว่าไม่มีเจตนาตามที่พูดแล้ว ซึ่งเรื่องนี้นายจักรภพ พยายามทำให้จบ และทุกฝ่ายก็ไม่ติดใจ เหลือเพียงแค่พรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียวเท่านั้น ที่พยายามดึงสถาบันมาเป็นประเด็นทางการเมือง เข้าใจว่ามีการกระทำอย่างเป็นขบวนการ แต่เชื่อว่าสุดท้ายคนพูดจะเสียหายเอง เพราะถ้าคนจงรักภักดี เทิดทูนสถาบัน คงจะไม่พูด และจะระมัดระวังมากกว่านี้”นายสุทิน กล่าว

ที่พยายามดึงสถาบันมาเป็นประเด็นทางการเมือง เข้าใจว่ามีการกระทำอย่างเป็นขบวนการ แต่เชื่อว่าสุดท้ายคนพูดจะเสียหายเอง เพราะถ้าคนจงรักภักดี เทิดทูนสถาบัน คงจะไม่พูด และจะระมัดระวังมากกว่านี้”นายสุทิน กล่าว


พวกไข่แม้วชอบบอกว่าคนอื่นดึงสถาบัน ฯ แล้วไอ้ที่อ้างถึง "บุคคลระดับบน" น่ะหมายถึงใคร นายจักรภพเป็นรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าอยู่ในคณะผู้บริหารสูงสุดของประเทศ แล้วมาอ้างบุคคลระดับบนที่เหนือกว่า รมต เนี่ยหมายความว่ายังไง
บันทึกการเข้า
ใครก้ได้ เอาไปถ่วงน้ำที
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: 17-05-2008, 04:41 »

 ตัดตอนมา ส่วนแรก เป็นการให้สัมภาษณ์ ที่ น่าสังเวชมาก

 อย่างไรก็ตาม  คำแปลที่นายจักรภพพูดที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศเป็นเวลา 1 ชั่วโมง แปลเป็นภาษาไทยออกมา  13  หน้า ส่วนประเด็นที่พบใหม่ทำให้มายื่นล่าช้า เนื่องจากเป็นการไปพูดอีกเวทีหนึ่งของนายจักรภพ ที่ไปพูดปลุกระดมคนไทยในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2550

    มีการนำคำปาฐกถาเรื่องการเมืองไทยหลังเลือกตั้ง  แบบคำต่อคำ  ของนายจักรภพที่สหรัฐอเมริกา   10  พฤศจิกายน 2550 มาเผยแพร่อีกชิ้น และพบว่าหลายตอนสะท้อนความคิดของนายจักรภพซึ่งไม่ต่างไปจากการบรรยายที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ   ซึ่งคราวนี้ไม่ต้องแปล เพราะเขาปาฐกถาเป็นภาษาไทย

    ตอนหนึ่งนายจักรภพกล่าวว่า  ลัทธิชนชั้นนำเนี่ย โดยส่วนตัวผม  ผมไม่ไปปลื้ม  ผมปลื้มกับลัทธิคนธรรมดาสามัญ ที่รู้จักการพัฒนาตัวเอง ที่รู้จักการแบ่งปัน ที่รู้จักการล้มแล้วลุก ที่รู้จักการต่อสู้...
    ประเด็นก็คือว่า  คุณทักษิณเนี่ย ก็เป็นคนที่ผ่าเหล่าผ่ากอมา ในฐานะผู้นำทางการเมือง  เพราะอะไรครับคุณทักษิณถึงไม่เหมือนคนอื่น ท่านก็วิเคราะห์ได้ เพราะหลายคนในที่นี้เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ  เป็น   Professional  ประสบความสำเร็จ  เพราะอะไร  เพราะคุณทักษิณประสบความสำเร็จเร็วเกินควร  คุณทักษิณรวยเร็วเกินไป ในเวลาเพียง 10  กว่าปี คุณทักษิณมาจากเป็นหนี้ต้องแลกเช็คอ่ะ จนเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง  ผลจากการรวยเร็วทำให้เกิดอะไรขึ้นครับ  มันยังไม่มีเวลาพอจะสะสมไพร่พล นี่คือจุดอ่อนอันหนึ่งรัฐบาลทักษิณ

------------------------------------------- แมาซิ ใกล้เจ๊งแล้ว  ขนาดเจ้าของเดิมยังออกมาแสดงความเสียใจ ที่ขายให้ แม้ว
ผู้ดี อังกฤษ ก็เหมือนคนไทย  ใครจะนึกว่า  ไอ้ผ่าเหล่าผ่ากอ ตัวนี้ มันจะเหรี้ยได้ขนาดนี้  และเอาพวก เหรี้ย ๆ มารวมหมู่รวมฝูงได้มากมายขนาดนี้


    ปฏิวัติ 19 กันยา "สูงมาก"
    ซึ่งเราเห็นย้อนหลัง  ตอนนั้นไม่เห็นหรอกครับ  เพราะนายกฯ เก่งมาก นายกฯ เก่งมากจนกระทั่งปิดบังจุดอ่อนและความไม่ได้ท่าของรัฐมนตรีหลายคนได้  นายกฯ  เก่งต่อการ ...... เพราะฉะนั้นรัฐมนตรีก็ทำเป็นเก่งอยู่ด้วย แต่ความจริงรู้ว่าตัวไม่เก่ง เหมือนกับนายกฯ  สร้างเรือ ไม่ใช่ Titanic นะฮะ  เอาเรืออะไรดี เรือ Queen Elizabeth สร้างเรือ Queen Elizabeth ขึ้นมา เอาเรือ May Flower  ก็ได้  นายกฯ  ก็เก่งสร้างเรือแล้วเป็นกัปตันเรือ มีรัฐมนตรีขึ้นมาทำตัวเป็นรองกัปตันและผู้ช่วยกัปตันเยอะ   ที่ยังลอยหน้าอยู่ได้ตอนนั้นก็เพราะว่ากัปตันเก่งเหลือเกิน   อะไรที่เป็นงานผู้ช่วยกัปตัน กัปตันทำแทนหมด
    เพราะฉะนั้นผู้ช่วยก็นั่งทำเป็นเก่งไปงั้นแหละ    แต่พอถึงเวลาเรือจะจมรู้เลยว่าตัวเองเนี่ย   เดินเรือไม่เป็น  รีบกระโดดไปแย่งเรือบดไปก่อน ไม่ใช่เพราะว่าเขาเห็นแก่ตัวอย่างเดียว  แต่เพราะเขารู้ว่าเขาว่ายน้ำไม่เป็น  เขาเลยคว้าเรือบดไปก่อน  ซาร์เศรษฐกิจน่ะไปก่อนคนอื่นเลย  คุณสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์ ไปก่อนคนอื่นเลย (เสียงตบมือ) คุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย  ผมทำงานด้วย ไม่อยากจะวิจารณ์ผู้บังคับบัญชาเลย แต่นี่มันบ้านเมืองใหญ่กว่า ความรู้สึกส่วนตัว  คุณสุรเกียรติ์อยู่ได้จนถึงนาทีสุดท้ายเพราะอะไร  อยู่เพื่อจะกระซิบคุณทักษิณที่   New York ว่าอย่าไปสู้เลย รัฐประหารครั้งนี้เนี่ยสูงมาก ซึ่งเป็นผลให้คุณทักษิณตัดสินใจไม่ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น  เพราะอยากจะเห็นความสมานฉันท์ในบ้านเมือง (เสียงตบมือ) ผมน่ะเสียใจมาก ถ้ารู้ว่ารับมืออยู่กับโจรเนี่ย เชียร์ให้ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นไปซะนานแล้ว


    ทีนี้มาตรงนี้   ในเมื่อเข้าซอยตรงนี้  ก็เล่าตรงนี้ว่า  ทำไมไม่สู้ กำลังก็มี เตรียมไว้แล้วด้วย  ก็ตอบสั้นๆ  เท่านั้นนะครับ  แล้วขอตอบประโยคเดียว ใครถามก็จะร้องเพลงให้ฟังแทน ไม่ตอบเพิ่มว่า เหตุที่ไม่สู้ ก็เพราะว่าเราเตรียมกำลังไว้สู้กับคุณเปรมเท่านั้น  (เสียงตบมือ)  ถ้าเป็นเฉพาะคุณเปรมน่ะเหรอ   จบเกมไปนานแล้ว!  เพราะว่าดูหนังจีนเรื่องเดียวกัน  รู้ว่าจะจัดการกับนางพญาผมขาวยังไง (เสียงหัวเราะ  ตบมือ)  ดูเหมือนกันเรื่องนี้  รู้วิธี ครับ ขันทีก็ได้รู้ว่าเก็บไอ้ถ้วย ของสำคัญไว้ตรงไหน ขันทีนี่เขาต้องตัดของสำคัญแล้วเก็บใส่ถ้วยไว้   แล้วเวลาเปลี่ยนขันทีในจีนเนี่ย   ต้องเอาอวัยวะเนี่ยมา แต่ใส่ภาชนะนะฮะ  แล้วเอามาไว้บนหัวแล้วก็เดินออกไป

    ท่านต้องดูหนังเรื่อง   The  Last  Emperor  ที่ว่าด้วยที่ The Lord ปู้ยี่หรือปูยี กษัตริย์องค์สุดท้ายของจีน ก่อนจะปฏิวัติเป็นสาธารณะ ขันทีเดินเอา (เสียงขาดหาย) เดิน (เสียงขาดหาย) ผมตั้งใจจะไม่พูดภาษาที่มันชัดเจนเกินไป  กรุณาอย่าเอาขึ้นภาพประกอบนะฮะ   เขาทำอย่างนั้นแล้วเขาเดินออกไป  ก็รู้วิธีจัดการ  เพียงแต่ว่าเมืองไทยมันซับซ้อนกว่านั้น

คลิปนี้แพร่หลายมาก  fwm  ว่ากันว่า หยาบมาก  ไม่ต้องแปล  อย่างที่ข่าวบอก  เพราะพูดเป็นภาษาๆไทย
บรรยากาศ พาไป  น่าสังเวช  พ่อแม่  พี่น้อง  ของ นายคนนี้  จะเห็นดีเห้นงาม กับการกระทำ หรือไม่  ช่วยบอกที
ที่จาบจ้วงสถาบัยได้ขนาดนี้  หรือ เห็นดีเห็นงามไปกับการกระทำของลุก

----------------------------------------------------------
    ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวว่า ขอให้นายกฯ  เปิดใจกว้าง  และพิจารณาหลับตาก็ได้ว่าไม่ใช่นายจักรภพ  แต่ว่าเป็นพฤติกรรมของบุคคลคนหนึ่ง  ซึ่งได้พูดสิ่งต่างๆ  เหล่านี้ และยืนยันว่าแนวความคิดยังไม่เปลี่ยน  ซึ่งนายกฯ ต้องพิจารณาว่านายจักรภพเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่

    "ขอเรียนว่าสิ่งที่นายกฯ ได้อ่านในหนังสือพิมพ์ไม่ใช่สิ่งที่ผมนำมาแล้วส่งให้ท่าน เพราะสิ่งที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ที่เป็นคำแปล  ผมเข้าใจว่าเป็นคำแปลที่มีการเผยแพร่กันอยู่  ผมก็ต้องเอาคำแปลต่างๆ  มาดูกับเทปของจริงและขัดเกลาถ้อยคำทั้งหลาย  ที่น่าเป็นห่วงคือบังเอิญนายกฯ พูดว่ามีการแปลผิด  ที่แปลกก็คือที่บอกว่าแปลผิดนั้นผมไม่เคยเห็นคำแปลในลักษณะนั้นมาก่อน  เลยไม่ทราบว่าใครไปจงใจเอาคำแปลที่ผิดให้นายกฯ อ่าน และสาระสำคัญของเรี่องไม่ได้อยู่ที่คำแปลคำใดคำหนึ่ง หรือประโยคใดประโยคหนึ่ง แต่เนื้อหาสาระและเป้าหมายของการบรรยายถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง  เพราะฉะนั้นขอความกรุณาให้นายกฯ ได้พิจารณาสิ่งต่างๆ ที่ส่งไปด้วย และขอให้ท่านได้ตัดสินใจเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง ทั้งในระยาวในการรักษาสถาบันหลักของชาติต่อไป"

    "มาร์ค" เตือนลุกลาม

    นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า  ดูเหมือนว่านายจักรภพคงยอมรับบ้างอย่างแล้วถึงได้บอกว่าพูดนานแล้ว  แสดงว่าเริ่มยอมรับแล้วว่าสิ่งที่พูดไม่เหมาะสม ถึงขั้นพูดด้วยว่ามาเป็นรัฐมนตรีก็ต้องพูดอีกอย่าง  ยิ่งแสดงให้เห็นว่ามีคำพูดที่ไม่เหมาะสม  ขณะเดียวกันนายจักรภพก็ตอกย้ำว่าแนวคิดไม่เปลี่ยนแปลง  ทำให้เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ   จึงอยากให้นายกฯ พิจารณาด้วยความรอบคอบ ซึ่งตนได้เรียนด้วยว่า รายละเอียดต่างๆ ไม่นำมาพูดเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

    หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เตือนนายสมัครว่า  เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าตัดสินใจผิดปัญหาจะลุกลามไปหลายด้าน   นายกฯ คงไม่อยากจะอยู่ในฐานะที่ถูกคนมากล่าวหาว่าไม่สามารถจะตัดไฟแต่ต้นลมได้ เพราะความจริงท่านทำได้

    นายศิริโชค   โสภา  ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้รวบรวมเอกสารเพื่อยื่นหนังสือให้นายสมัครกล่าวว่า   นายจักรภพเป็นตัวปัญหา และมีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อระบอบการปกครอง   ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ  ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นกบฏ เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข   ดังนั้นตนอยากเรียกร้องให้นายกฯ ปรับนายจักรภพออกจากคณะรัฐมนตรี

    นายสาทิตย์   วงศ์หนองเตย   ประธานคณะกรรมการประสาน (วิป) พรรคฝ่ายค้าน กล่าวถึงการยื่นถอดถอนนายจักรภพว่า ได้ติดต่อนัดหมายนายประสพสุข  บุญเดช  ประธานวุฒิสภา เพื่อยื่นคำร้องดังกล่าว ในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ เวลา 09.30 น.

thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=17/May/2551&news_id=158680&cat_id=501

จากคำสัมภาษณ์และการโต้ตอบกับ นักข่าว หรือ ตอบในสภา  เหมือนไม่รู้สึกสำนึกผิดอะไร และ ยัง ท้าทาย  อีกด้วย

ดูเหมือน ทุกตัว ใร รบ ลูก กรอก ออกมาเหมือนกันหมด 

บันทึกการเข้า
ใครก้ได้ เอาไปถ่วงน้ำที
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: 18-05-2008, 15:41 »

 ตร.สอบสวนกลางเผยยังแปลบรรยาย 'จักรภพ' ไม่เสร็จ
        
 ผู้อ่าน 27 คน วันที่ 18 พฤษภาคม 2551 เวลา 14:54:24 น.    


พล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีที่ พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี พนักงานสอบสวน สน.บางมด ช่วยราชการพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน เข้าแจ้งความกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับ นายจักรภพ เพ็ญเข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง จากกรณีที่นายจักรภพ ได้บรรยายให้สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศฟัง เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2550 กล่าวว่า กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำลังถอดคำแปลภาษาอังกฤษแบบคำต่อคำอย่างละเอียด จากดีวีดีที่บันทึกภาพและเสียงจากงานดังกล่าวตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเมื่อได้รับคำแปลแล้ว พนักงานสอบสวนจะนำเข้าที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวน เพื่อพิจารณาว่าเข้าข่าวความผิดตามที่มีการกล่าวหาหรือไม่

พล.ต.ต.สมเดช กล่าวต่อว่า หากพบว่าเข้าข่ายความผิด ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป โดยนายจักรภพยังไม่ได้ประสานเพื่อนำคำแปลเอกสารบรรยายดังกล่าวมามอบแก่พนักงานสอบสวนแต่อย่างใด ซึ่งหากนายจักรภพนำมามอบให้ ก็จะพิจารณาควบคู่ไปกับคำแปลของพนักงานสอบสวนด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกกดดัน แม้ว่าผู้ถูกร้องจะเป็นรัฐมนตรีก็ตาม

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=31621&catid=17

สงสัยต้องชาติหน้าตอนบ่าย ๆ ถึงจะแปลเสร์จ
ตัวอย่างมีแล้ว  ชาติหน้า  มาเร็ว กว่าที่คิด
บันทึกการเข้า
ใครก้ได้ เอาไปถ่วงน้ำที
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: 19-05-2008, 19:44 »

“ชลิต” จับ “เพ็ญ” ขึ้นเขียง วอนสื่อตีแผ่ทัศนคติอันตรายต่อ ปชช.

โดย ผู้จัดการออนไลน์    19 พฤษภาคม 2551 13:47 น.
   
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ.
       ผบ.ทอ.ประกาศกร้าว กองทัพเป็นผู้พิทักษ์สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ย้ำห้ามกลุ่มบุคคลใดมาทำให้เสื่อมเสีย เรียกร้องตีแผ่คำปราศรัย “เจ๊เพ็ญ” ประกอบการตัดสินใจของประชาชน
       
       วันนี้ (19 พ.ค.) พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวถึงกรณีคำปราศรัยของที่นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกข้อกล่าวหาหมิ่นสถาบัน โดยยอมรับว่ารู้สึกกังวล ทหารทุกคนเป็นผู้ที่คำนึงถึงสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของประเทศ กองทัพไม่ต้องการให้ใครมาทำให้สถาบันเสื่อมเสีย
       
       “ผมเห็นว่าเป็นเรื่องดีหากสื่อจะนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้ประชาชนรับทราบว่าเป็นอย่างไร ประชาชนจะวิเคราะห์พิจารณาได้เอง ใครคงไม่สามารถคิดแทนคนอื่นได้ ส่วนกรณีที่ พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุว่ามีรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้บางคนมีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันไม่ขอแสดงความเห็น” ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าว
       
       เมื่อถามถึงกรณีที่อดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) เตรียมเสนอ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มาให้ถ้อยคำในศาลกรณีดักฟังโทรศัพท์ ว่า กฎหมายอยู่เหนือสิทธิส่วนบุคคล และหากเป็นคดีสามารถชี้แจงเป็นเอกสาร หรือทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรแทนได้ แต่ต้องไปดูว่าข้อกฎหมายกำหนดไว้อย่างไร ทุกคนต้องให้ความร่วมมือกับศาล

http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000058120

ยินดีอย่างยิ่ง ที่พวกท่านเห็นว่า  คนพวกนี้ มีทัศนะคติ ที่เป็นอันตราย
บันทึกการเข้า
กรุงศรี ระแวง ไพร่
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: 21-05-2008, 20:54 »

พวกมรึงกะจะสร้างเงื่อนไขนองเลือด ให้คนไทยฆ่ากัน กรู รู้ทันพวกมรึงอ่ะ 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: