ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
03-12-2024, 20:49
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ห้องสาธารณะ  |  ขอให้กำลังใจสนับสนุนชาว อสมท สู้กับไอ้จิตวิปริตจีบปากจีบคอ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ขอให้กำลังใจสนับสนุนชาว อสมท สู้กับไอ้จิตวิปริตจีบปากจีบคอ  (อ่าน 1571 ครั้ง)
พองลม
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 29-04-2008, 04:31 »

http://manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9510000049696

ผู้ถือหุ้น อสมท ดับเครื่องชน ปธ.บอร์ด ล้างคราบ 5 นอมินี "เจ๊เพ็ญ"
โดย ผู้จัดการออนไลน์    28 เมษายน 2551 18:58 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

      
กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย อสมท บุกจี้ต่องสำนึก ปธ.บอร์ด กำลังพาองค์กรในตลาดหุ้น กลับเข้าสู่แดนสนธยา ลั่นคัดค้าน 5 รายชื่อเด็กนักการเมืองขาโจ๋ หากดื้อแพ่งไม่ผ่านมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดนฟ้องศาลปกครองแน่ ชี้สายสัมพันธ์ "ธงทอง" โยงใย "เจ๊เพ็ญ" แนบแน่น เพราะเป็นบิดาเลขาฯ หน้าห้อง
       
       วันนี้(28 เม.ย.) นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ ผู้ถือหุ้นรายย่อย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT เปิดเผยว่าวันนี้ ตนเองได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายวิทยาธร ท่อแก้ว โฆษกคณะกรรมการ (บอร์ด) อสมท ที่อาคารสำนักงานใหญ่ ซ.ทวีมิตร ถ.พระราม 9 กทม. เพื่อให้เลื่อนการเสนอชื่อเพิ่มเติมว่าที่ 5 บอร์ด อสมท ออกไปก่อนเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งจากเดิมจะพิจารณาในวันพุธที่ 30 เม.ย.นี้
       
       ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเสนอรายชื่อบุคคลอื่นๆ เข้าร่วมเป็นบอร์ดด้วย ไม่ใช่มีแต่รายชื่อจากฝ่ายการเมืองอย่างเดียว แต่หากยังพิจารณาแต่งตั้งบอร์ด กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนหนึ่งจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองทันที
       
       "การแต่งตั้งบอร์ดไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล หรือกระทรวงการคลังที่ถือหุ้นใหญ่แล้วจะตั้งใครเป็นบอร์ดก็ได้ เนื่องจาก อสมท เป็นสื่อสารมวลชน และจดทะเบียนในตลาดหุ้น ต้องได้คนที่โปร่งใสมีความรู้ความสามารถ รับผิดชอบทั้งผู้ถือหุ้นรายใหญ่-รายย่อย และได้รับการยอมรับจากพนักงาน เพราะพนักงาน อสมท เองก็ไม่สบายใจที่ฝ่ายการเมืองเข้ามาล้วงลูก" นายพิเชียรกล่าว และเพิ่มเติมว่า
       
       "ผมแน่ใจว่าบอร์ดไม่มีอำนาจอนุมัติรายชื่อ 5 บอร์ดใหม่ได้เอง เพราะถ้าเป็นอำนาจบอร์ดทำไมต้องเสนอชื่อขอความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นก่อน และที่ผ่านมาการอนุมัติบอร์ด อสมท ตั้งแต่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น ก็ทำผ่านที่ประชุมผู้ถือหุ้นทุกครั้ง ถ้ายังดึงดันเสนอบอร์ดอนุมัติเอง ก็ต้องนำเรื่องไปฟ้องศาลปกครองต่อไป" พิเชียรย้ำ
       
       โดยข้อมูลเบื้องต้นพบว่า รายชื่อของทั้ง 5 คน ที่ถูกเสนอเข้ามา กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยเชื่อว่า น่าจะเป็นใบสั่งทางการเมือง อาทิ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เป็นบิดาของเลขาฯนายจักรภพ หรือนายปราโมทย์ นักธุรกิจ แต่ไม่มีประวัติว่ามีประสบการณ์ในด้านการสื่อสารมวลชน หรือคุณสมบัติอื่นใดที่จะช่วยสนับสนุนงานของ อสมท แต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้ ผู้ถือหุ้นรายย่อยต้องขอใช้สิทธิตรวจสอบเพื่อขัดขวางกระแสการเมือง เพราะมีการกดดันเอาคนเข้าไปนั่งเป็นบอร์ดใน อสมท อย่างไม่คาดฝัน
       
       สำหรับ 5 รายชื่อว่าที่บอร์ด อสมท ประกอบด้วย นายธงทอง จันทรางศุ , นายนฤนารถ พระปัญญา , นายปราโมทย์ โชคศิริกุลชัย , นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และนายประสาน หวังรัตนปราณี ซึ่งเป็นรายชื่อที่นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เสนอเข้ามา
       
       นายพิเชียร กล่าวว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อยกลุ่มหนึ่งจะประชุมร่วมกันในวันที่ 7 พ.ค. เพื่อนำเสนอให้บอร์ด อสมท ชุดใหม่ และจะเร่งรัดดำเนินการ 2 เรื่องหลัก คือ กรณีการสอบสวนคดีบริษัทไร่ส้มฯ และการจัดซื้อที่ดินย่าน ถ.รัชดาภิเษก จำนวน 50 ไร่ สมัยนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้อำนวยการ อสมท ว่าโปร่งใสหรือไม่
       
       ผู้ถือหุ้นรายย่อย ยังระบุว่า การกำกับดูแล อสมท.ของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีการดำเนินการไม่ถูกต้องหลายประการ และสร้างความเสียหายให้แก่องค์กรเป็นอย่างมาก เริ่มตั้งแต่เรื่องการส่งสัญญาณปลดนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผอ.อสมท.ด้วยการกล่าวคำพูดจูงใจให้บอร์ด อสมท.มีความเข้าใจผิด และเป็นการใช้อำนาจเข้าไปแทรกแซงสื่อโดยตรง
       
       นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการเปิดเผยข้อมูลลับขององค์กรที่เกี่ยวกับผลประกอบการ โดยการนำความลับขององค์กรมาเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือว่าเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศ และผู้ถือหุ้นรายย่อย จนทำให้หุ้น อสมท.ตกลงไป 1.50 สต. หรือจาก 29.50 สต. เป็น 28 บาท สร้างความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ตามมาในวันถัดไป
       
       ดังนั้น นายจักรภพ ในฐานะกำกับดูแลสื่อรัฐต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ที่สำคัญการปลด ผอ.อสมท.หรือไม่ เป็นหน้าที่ของบอร์ด ไม่ใช่หน้าที่ หรืออำนาจของนายจักรภพ ซึ่งการแสดงท่า และคำพูดออกมาแบบนี้ ถือเป็นแทรกแซงการทำงานสื่อรัฐ ซึ่งกำลังต้องการให้องค์กรแห่งนี้ กลับไปสู่ภาวะแดนสนธยา ที่มีนักการเมืองคร
---------------------------------------------------------------------
ขอสนับสนุนให้ ต่อสู้กับ  พวกคางคกขึ้นวอ  ที่เข้ามาเพื่อใช้หน้าที่ แสวงหาอำนาจ  กอบโกยผลประโยชน์ให้กับพรรคพวก ญาติพี่น้อง
คืนยศร้อยตรีให้ลูกตัว (น่าสมเพชมาก) ตอนนี้ใช้อำนาจ รังแก  ฝ่ายตรงข้าม  พรรคปล้นชาติ เต็มไปด้วยคนประเภทนี้

แสดงชัดเจนว่า  แม้ว  ไม่เคยหยุด สนับสนุน  คนพวกนี้  ส่งเสริมให้  ทำลายประเทศ  โดยอ้างเสมอว่า เข้ามาตามระบอบ ปชต
แต่พฤติกรรม  แสดงให้เห็นถึงความใช้อำนาจเผด็จการ ในทุกตำแหน่งหน้าที่  ถืออำนาจบาตรใหญ่ และ ไม่เห็นหัว ปชช แม้แต่น้อย

นับวัน ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็น เจตนา ของพรรคปล้นชาติ และพรรคร่วม รบ ก็สนับสนุน ให้จัดตั้ง รบ ได้ ทั้งที่ ตอนหาเสียง
บอกจะไม่ร่วมมือกับ พรรคปล้นชาติ  แต่เมื่อมีผลประโยชน์แลกเปลี่ยน  ก็กลายเป็นพวก พรรคปล้นชาติ
ทำให้บ้านเมืองต้องถึงภาวะวิกฤตอีกครั้งหนึ่ง 

นักเลือกตั้งไม่เคยเลยที่จะทำเพื่อชาติ  ยอมร่วมมือ กับ แม้ว ได้  ทั้ง ๆ ที่เคยอาศัยเวทีพันธมิตร ด่า แม้ว

ขอให้ทุกคนลุกขึ้นมาต่อสู้กับพวกคางคกขึ้นวอ  หากมัวแต่กลัว คางคก  อึ่งอ่าง จะได้ใจ  เอาแบบ คางคก
บ้านเมืองคงมีแต่ คางคก อึ่งอ้าง  กับพวกตัวเหรี้ย  เพ่นพ่านเต็มเมือง

ต้องช่วยกันจัดการ กำจัด  สัตว์ เหล่านี้  เพราะมันเยอะมาก  และเริ่มพองตัวโอหัง คับบ้านคับเมืองแล้ว


บันทึกการเข้า
แฟนพี่คิล
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 29-04-2008, 10:41 »

ตอนนี้ถ้าเป็นอังกฤษ ร้านพนันเขาคงไม่รับแทงแล้วว่าเพ็ญจะติดคุกหรือไม่

แต่ต้องมาแทงว่าจะติดคุกคดีไหนก่อนกัน 
บันทึกการเข้า
พองลม
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 02-05-2008, 11:57 »

 นักข่าวพร้อมใจ ต้านรัฐฯ - นายทุน ใช้อำนาจแทรกแซงสื่อ
โดย ผู้จัดการออนไลน์    2 พฤษภาคม 2551 11:27 น.      

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
      
วันนี้( 3 พ.ค.) บรรดานักข่าว-ช่างภาพที่รัฐสภาและทำเนียบรัฐบาล พร้อมใจกันใส่เสื้อสี่ขาว ที่ปักข้อความว่า "คุกคามสื่อ คุกคามประชาชน" เตรียมเข้าร่วมประชุมปรึกษาหารือ เนื่องจากขณะนี้ปรากฏมีการแทรกแซงกดดันหลายรูปแบบทั้งจากอำนาจรัฐและอำนาจทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อปิดปากสื่อมิให้ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักวิชาชีพ ในการเสนอข้อมูลข่าวสารให้สังคมได้รับรู้อย่างทั่วถึงและรอบด้าน ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน ตรงข้าม  ร.พ.วชิระ

http://manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9510000051402

-------------------------- ขอให้ทุกท่านสู้เพื่อ ประเทศชาติและ ปชช  ด้วยวิธี สันติ  แต่เด็ดขาด  กล้าหาญ
อย่าให้  ไอ้วิปริต จีบปากจีบคอ มาข่มขู่คุกคาม  พูดจาภาษาวิบัติ เพราะจิตวิปริต


และขอให้  ปชช  ทุกภาคส่วน ลุกขึ้นต่อต้าน เผด็จการ พรรคปล้นชาติ  ที่ ล้ม  รธน  เพื่อให้ แม้ว  พ้นผิด
บันทึกการเข้า
ชัย
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 07-05-2008, 20:04 »

เจ้าของกระทู้ ตั้งหัวข้อผิดหรือเปล่า
ผมไม่เห็น ไอ่ หรือ E หน้าไหน
ออกมาจุดตะเกียงต่อสู้ สัก ตั ว
มีแต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ออกมาสู้
บันทึกการเข้า
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #4 เมื่อ: 07-05-2008, 20:44 »

สกู๊ป-เปิด2แนวทางยื่นศาล รธน.ชี้ขาด'จักรภพ'สิ้นสภาพรัฐมนตรีพฤติการณ์เข้าข่ายขัด รธน.?

     วันที่ 26 มีนาคม 2551 - เวลา 12:49:21 น. 
 
 
 

ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมา นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมีพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ

 2 ประการซึ่งอาจทำให้นายจักรภพต้องสิ้นสภาพการเป็นรัฐมนตรี ดังนี้



ประการแรก นายจักรภพ ออกมาให้สัมภาษณ์หลายครั้งหลายหนให้นายวสันต์ ภัยหลีกลี้

กรรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อสมท จำกัด(มหาชน) พิจารณาตัวเองโดยอ้างว่า บริหารงานขาดทุนจนเป็นที่กังวลของผู้ถือหุ้น

 แต่ถ้านายวสันต์ไม่ยอมพิจารณาตัวเอง อาจจะนำข้อมูลมาการบริหารมาเปิดเผย

นอกจากนั้น หลังจากแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่แล้ว อาจมีการพิจารณาเปลี่ยนแปลงตัวกรรรมการผู้อำนวยการใหญ่

ประการที่สอง นายจักรภพ ยอมรับว่า สั่งให้กรมประชาสัมพันธ์ ยึดคืนคลื่นวิทยุ 5 สถานีกลับมาบริหารเองได้แก่ คลื่นเอฟเอ็ม 88 เมกะเฮริทซ์

เอฟเอ็ม 93.5 เมกะเฮริทซ์ เอฟเอ็ม95.5 เมกะเฮริทซ์ เอฟเอ็ม 97 เมกะเฮริท์ และวิสดอมเรดิโอ เอฟเอ็ม 105 เมกะเฮริทซ์ โดยอ้างว่า

เหตุผลในการเสนอข่าวที่ต้องการสร้างความสมดุล เป็นกลางให้บ้านเมือง ไม่ใช่เป็นสถานีวิทยุของรัฐ

มีแต่รายการชี้แต่ข่าวร้าย ความพินาศของสังคม เหมือนโกรธแค้นบ้านเมืองมาร้อยปี
 

แม้นายจักรภพ มีฐานะเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล บริษัท อสมท จำกัด(มหาชน)ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ 

แต่เนื่องจาก อสมท เป็นบริษัทมหาชน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

อำนาจในการแต่งตั้งถอดถอนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่เป็นของคณะกรรมการบริษัทและที่ประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่

รัฐมนตรีไม่มีอำนาจหน้าที่ใดๆ ในการปลด เปลี่ยนแปลงกรรมการผู้อำนวยการใหญ่

มีอำนาจหน้าที่เพียงกำกับดูแลผ่านคณะกรรมการบริษัทให้การดำเนินการของ อสมท เป็นไปตามกฎหมายและนโยบายของรัฐบาลเท่านั้น

หลังจากนั้นคณะกรรมการบริษัทจะดำเนินการในรายละเอียดอย่างไรเป็นเรื่องของคณะกรรมการ 

รัฐมนตรีไม่มีสิทธิไปสั่งให้คณะกรรมการปลดกรรมการผู้อำนวยการใหญ่

เพราะการเปลี่ยนแปลงตัวกรรมการผู้อำนวยการใหญ่เป็นอำนาจของคณะกรรมการที่จะต้องพิจารณาให้เป็นไปตามเหตุผล ข้อเท็จจริงและข้อบังคับของบริษัท

ดังนั้น การที่นายจักรภาพออกมาให้สัมภาษณ์ให้นายวสันต์พิจารณาตัวเองหรือสั่งล่วงหน้าให้คณะกรรมการบริษัท อสมท

ชุดใหม่เปลี่ยนแปลงตัวกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ จึงเป็นการเข้าไปแทรกแซงก้าวก่ายให้พนักงานหรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ

พ้นจากตำแหน่งทั้งๆที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย อันเป็นการกระทำต้องห้ามตาม มาตรา 268 ประกอบมาตรา 266(3)ที่บัญญัติว่า

'รัฐมนตรีต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองของผู้อื่นหรือของพรรคการเมือง

ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมในเรื่องการให้ข้าราชการซึ่งดำรงตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำและมิใช่ข้าราชการการเมือง

พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่หรือราชการส่วนท้องถิ่น พ้นจากตำแหน่ง'

เว้นแต่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการตามนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาหรือตามที่กฎหมายบัญญัติ

เช่นเดียวกับการที่นายจักรภพสั่งให้กรมประชาสัมพันธ์ยึดคลื่นสถานีวิทยุมาบริหารเองและยังเรียกบริษัทเอกชนที่เช่าคลื่นมาพบด้วยตนเองโดยอ้างว่า

เสนอแต่ข่าวร้ายของรัฐบาลนั้น ไม่เสนอข่าวสมดุลตามนโยบาย

(แต่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรียึดเวลาคลื่นวิทยุทุกสัปดาห์ด่าศัตรูทางการเมืองฝ่ายเดียวเป็นการเสนอข่าวสมดุล?)

ทั้งๆที่นายจักรภพมีอำนาจเพียงให้นโยบายให้กรมประชาสัมพันธ์ที่จะบริหารคลื่นความถี่ในลักษณะใด

ส่วนการจะนำมาคลื่นไหนมาคืนหรือให้เอกชนปรับปรุงการนำเสนอข่าวให้สมดุล  หรือการเรียกบริษัทเอกชนมาเจรจาเป็นหน้าที่ของอธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมาย

การที่นายจักรภพยอมรับว่า ได้สั่งให้กรมประชาสัมพันธ์ยึดคลื่นคืนด้วยตนเอง

จึงน่าเป็นการใช้สถานะความเป็นรัฐมนตรีก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติงานของข้าราชการประจำ

อันเป็นการกระทำต้องห้ามตามมาตรา 268 ประกอบ 266(1) ที่บัญญัติว่า

'รัฐมนตรีต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองของผู้อื่นหรือของพรรคการเมือง

ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมในการปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชการ พนักงาน

 หรือลุกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือราชการส่วนท้องถิ่น"

เว้นแต่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการตามนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาหรือตามที่กฎหมายบัญญัติ

เมื่อนายจักรภพมีการกระต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ดังกล่าวข้างต้นผลที่ติดตามมาคือ อาจจะทำให้นายจักรภพต้องหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรีทันทีตามมาตรา 182(7)ที่บัญญัติว่า

 ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวเมื่อกระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 268


แต่ถ้านายจักภพอ้างว่า ไม่ได้แทรกแซงหรือก้าวก่าย การเปลี่ยนแปลงตัวกรรมการผู้อำนวยการใหญ่หรือการปฏิบัติราชการของข้าราชการประจำ

ก็มีกระบวนการวินิจฉัยชี้ขาดซึ่งทำได้ 2 แนวทางคือ

หนึ่ง ส.ส.จำนวน 1 ใน 10 ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมดที่มีอยู่หรือเพียง 48คน(จากจำนวน 480คน)เข้าชื่อกัน

ยื่นเรื่องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพของนายจักรภพว่า

ต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะกระทำอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่(มาตรา 182 วรรคสามประกอบ มาตรา 91)



ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านที่ไม่มัวแต่ไหว้ครู ลงมือตรวจสอบรัฐบาลอย่างจริงจังก็น่าจะรวบรวมรายชื่อ ส.ส.ได้ด้วยเวลาเพียงลัดมือเดียวเพราะ

มี ส.ส.ในมือถึง 164 คน เว้นแต่เป็นพรรคที่พูดเป็นหลัก  แต่ทำงานไม่เป็น  นายจักรภพก็คงอยู่ในตำแหน่งและใช้อำนาจโดยไร้การตรวจสอบอย่างสบาย


สอง ส.ว.จำนวน  1 ใน 10 ของจำนวน ส.ว.ที่มีอยู่ทั้งหมดหรือเพียง 15คน(จากทั้งหมด 150)

เข้าชื่อกันเสนอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยาสถานภาพของนายจักรภพในลักษณะเดียวกัน

การดำเนินการในส่วนของ ส.ว.นี้มีความชอบธรรมอย่างมากเพราะ ส.ว.มีหน้าที่ในการตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายบริหารเช่นเดียวกับ ส.ส.

นอกจากนั้ยังเป็นบททดสอบกลไกการตรวจสอบอำนาจรัฐตามรัฐธรรมนูญว่า มีประสิทธิภาพเพียงใด

และยังเป็นการทดสอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ในเร็วๆนี้ด้วย
 


http://www.matichon.co.th/news_title.php?id=1664



เอามาให้อ่าน....เผื่อใครบางคนจะถึงบางอ้อ...

แค่เอาข้อมูลบริษัทฯ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออกมาเผยแพร่โดยไม่ใช่หน้าที่ก็ผิดเห็นๆ

(เข้าข่าย ทุบหุ้นเพื่อหวังอะไรก็มิทราบ)

เพราะแต่ละบริษัทฯในตลาดหลักทรัพย์ มีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลให้นักลงทุน ผ่านรายงานการประชุมส่งให้อ่านถึงบ้านอยู่แล้ว

ออกมากรี๊ดกร๊าด...โวยวายทำหยัง


กลต. ได้แต่ แบ๊ะๆๆๆๆ

บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 08-05-2008, 13:13 »

^
^
^
มันออกมากรี๊ดกร๊าด โชว์พาวด์ เสร็จแล้วก็ให้ คนใกล้ชิดไปซื้อหุ้นที่ถูกทุบตกไปหลายบาทเก็บไว้ รอหุ้นขึ้นอีกรอบ ค่อยขาย

กำไรเหนาะๆ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
หน้า: [1]
    กระโดดไป: