หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ สนับสนุนรัฐบาลประชาธิปไตยล้างคราบไคลเผด็จการ ฉบับนี้ประจำวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2551
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ สนับสนุนรัฐบาลประชาธิปไตยล้างคราบไคลเผด็จการ ฉบับนี้ประจำวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2551
เห่าไฟ ขอย้ำอีกครั้ง หาก เสียงข้างน้อย ของ ชนชั้นกลาง อยากจะกลายเป็น เสียงข้างมาก เพื่อกำหนดทิศทางการเมืองให้ได้ วิธีเดียวที่ต้องทำก็คือ เลิกเห็นแก่ตัว และ พยายามเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มากกว่านี้!!!
ว่ากันตรงไปตรงมา ชนชั้นกลางต่างก็มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ สุขสบาย ทุกอย่างในเมือง ขณะที่ชาวชนบทระดับรากหญ้าต้อง ลำบากยากเข็ญแสนสาหัส คนชนบทซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ก็เลยต้อง กำหนด ทิศทางการเมือง ให้เน้นหนักไปทางด้านการพัฒนาประเทศมากกว่าการคำนึงถึงคุณธรรม เพราะคนที่อดมื้อกินมื้อ จะไม่มีทางคิดอะไรที่นอกเหนือไปจากเรื่อง ปากท้องของตัวเองและครอบครัวเด็ดขาด!!!
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลทักษิณ รวมถึง รัฐบาลสมัคร ก็เลยได้รับเสียงสนับสนุนจาก ชนชั้นรากหญ้าชนิดถล่มทลาย จริงๆแล้ว หากมองโลกในแง่ดี ความขัดแย้งระหว่างคน 2 ชนชั้น ในบ้านเมือง น่าจะเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำไป เพราะทำให้มองเห็น ปมปัญหา ของบ้านเมืองชัดเจนขึ้น!!!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพ่ายแพ้อย่าง ยับเยิน ของชนชั้นกลางในการเลือกตั้ง แสดงว่า ประเทศไทยมี ชนชั้นรากหญ้า ที่ยากจนข้นแค้นอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อเรานำระบอบประชาธิปไตยมาใช้ในการปกครองประเทศ ก็ต้องยอมรับการกำหนดทิศทางของ เสียงส่วนใหญ่ ที่ต้องการใช้อำนาจทางการเมืองเน้นไปที่การพัฒนาประเทศ ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นหลัก!!!
เห่าไฟ เชื่อว่า หากชนชั้นกลางเปิดใจให้กว้าง เอาใจเขามา ใส่ใจเรา รู้จักอดกลั้นอดทน อีกไม่นาน ชนชั้นรากหญ้าก็จะถูกยกระดับให้กลายเป็นชนชั้นกลาง จากนั้น เสียงของชนชั้นกลาง ก็จะเป็น เสียงข้างมาก ได้ในที่สุด!!!
จริงๆแล้ว ระบอบประชาธิปไตยก็ง่ายๆแค่นี้เอง แต่เนื่องจากลักษณะโครงสร้างอำนาจของเมืองไทยเป็นแบบ เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ก็เลยทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่สิ่งดีๆ เกิดความสับสนบ้าง แต่สุดท้าย ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตาม ครรลองประชาธิปไตยอยู่ดี ยังไงเสียงส่วนใหญ่ก็ต้อง กำหนดชะตากรรม ให้กับบ้านเมืองวันยังค่ำ!!!
ถกกันเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการบ้าง เห่าไฟ สนับสนุน เสียงข้างมากในรัฐสภา ซึ่งถือเป็น ตัวแทนของประชาชนทั้งประเทศ แก้ไขรัฐธรรมนูญไปตามความเห็นร่วมกันของ เสียงส่วนใหญ่ ส่วนฝ่ายคัดค้านเสียงข้างน้อยที่ชอบขู่ก่อม็อบป่วนเมืองนั้น ต้องอย่าไปให้ราคาเด็ดขาด!!!
โดยเฉพาะนักการเมืองบางคน ออกมาพูดจาไร้หลักการว่า อย่าใช้วิธีพวกมากลากไป ไม่งั้นเกิดปัญหาแน่ เห่าไฟ ฟังแล้วหมดศรัทธาในตัวคนพูดจริงๆ เพราะหาก ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ก็น่าจะรู้ว่า ระบอบการปกครองนี้ เขาใช้ เสียงข้างมากชี้ขาดปัญหา และ ยุติความขัดแย้งทั้งหมด ถ้าคนเป็นนักการเมืองยังไม่ยึดมั่นในสิ่งเหล่านี้ ก็ยิ่งทำให้เกิด ความสับสน ในบ้านเมืองมากขึ้น ทีนี้รู้หรือยังว่า ต้นเหตุของความวุ่นวายสับสนในบ้านเมืองมาจากฝ่ายไหนกันแน่!!!
มิหนำซ้ำ พรรคการเมืองบางพรรคยังชอบออกมา เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นตลอดเวลา หาว่า พรรคอื่นซื้อเสียงถึงชนะเลือกตั้ง ส่วนพรรคตัวเองไม่ซื้อเสียง ก็เลยแพ้ พิโถ น่าสงสาร แต่หารู้ไม่ว่า ในการเลือกตั้งเกือบทุกครั้ง กกต. ได้แจก ใบแดงใบเหลือง ให้กับทุกพรรค การเมือง ฉะนั้น ถ้ายึดมาตรฐานเดียวกัน ก็ต้องบอกว่า ทุกพรรคซื้อเสียงเหมือนกันหมด ต่างกันตรงที่ว่า ซื้อแล้วยังแพ้ แสดงว่า ชาวบ้านเขา เอือมระอา ต่างหากเล่า!!!
เห่าไฟ อยากให้พี่น้องประชาชนยึดมั่นในเรื่องการปกครองประเทศด้วย เสียงข้างมาก เอาไว้เหนือสิ่งอื่นใด เพราะหนทางนี้เท่านั้น ที่จะทำให้บ้านเมืองก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้องได้ ส่วนพวกศรีธนญชัยเสียงข้างน้อย นั้น อย่าไปให้ความสนใจเป็นดีที่สุด เพราะคนพวกนี้ วันๆเอาแต่คิด จุดไฟเผาบ้านเผาเมือง ยุยงให้คนไทยฆ่าฟันกันเอง ช่างเป็นลูกหลานจั***จริงๆ!!!
ข้อสำคัญ พ่อแม่พี่น้องประชาชน จะต้องไม่หลงเชื่ออะไรง่ายๆ โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่า เสียงข้างมากจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ตัวเองพ้นผิดนั้น เป็นการพูดเพื่อปลุกระดมให้เกิด ความแตกแยก ในบ้านเมืองชัดๆ เพราะความจริง คนที่ทำผิด จะไม่ได้รับการยกเว้นโทษแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้าม คน ที่ไม่ได้ทำผิดต่างหาก จึงจะถูกกันออกมา ไม่ให้โดน เหมารวม ไปด้วย!!!
และที่ เห่าไฟ รับไม่ได้ ก็คือ คนที่เคยพา ประชาชนไปตาย ในเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ เพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญปี 40 กลับออกมา คัดค้าน การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ทั้งที่จะมีการนำเอารัฐธรรมนูญปี 40 มาเป็นหลักในการแก้ไข แบบนี้หมายความว่าอย่างไร วีรชนในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬต้องเสียสละชีวิตเพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญปี 40 แต่คนที่พาวีรชนไปตาย กลับไป เห็นดีเห็นงาม กับรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการซะยังงั้น!!!
จริงๆแล้วทุกคนก็มี วิจารณญาณ เป็นของตัวเอง ก็ควรพิจารณากันเอาเอง บ้านเมืองสับสนวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะคนสองจำพวกใช่หรือไม่ เริ่มจากพวกแรก เป็นกลุ่มคน เสียงข้างน้อย ที่ไม่ยอมรับเสียงข้างมาก หรือเรียกง่ายๆว่า พวกขี้แพ้ชวนตี ส่วนพวกที่สอง ก็เป็นคนประเภท ชอบค้านทุกเรื่อง ด่าคนอื่นผิดหมด ทั้งนี้ก็เพื่อยกตัวเองให้ดูดีขึ้นนั่นเอง!!!
http://www.thairath.com/society.php?content=86725