ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
05-12-2024, 00:46
378,182
กระทู้ ใน
21,926
หัวข้อ โดย
9,412
สมาชิก
สมาชิกล่าสุด:
MAN4U
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ปฏิทิน
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)
|
ทั่วไป
|
ห้องสาธารณะ
|
รู้จักโรงเรียนอาซิซสถานที่ปัตตานีไหม
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า:
[
1
]
ส่งหัวข้อนี้
พิมพ์
รู้จักโรงเรียนอาซิซสถานที่ปัตตานีไหม (อ่าน 3248 ครั้ง)
คนเหนือ
บุคคลทั่วไป
รู้จักโรงเรียนอาซิซสถานที่ปัตตานีไหม
«
เมื่อ:
29-07-2008, 21:55 »
เค้าว่าโรงเรียนนี้มีอาจารย์ขายชาติ
ชอบแบ่งแยกดินแดน มีแนวคิดหัวรุนแรง
และแขกไม่กินหมูบางคนชอบมาเกรียนแถวนี้
รู้สึกว่าจะชื่อ
โมโม
อะไรสักอย่าง
บันทึกการเข้า
เด็กอาซิซ
บุคคลทั่วไป
Re: รู้จักโรงเรียนอาซิซสถานที่ปัตตานีไหม
«
ตอบ #1 เมื่อ:
31-07-2008, 21:14 »
http://
http://[sup][size=10pt][[font=Verdana]color=blue][[ftp=ftp://tt][list][li][move][i][b]รู้ด้ายไงว่าอาจาร์ยขายชาติด้วยเคยเห็นแล้วหรือไง.ทำไมต้องมากล่าวหาแบบนี้ด้วยหา................ไม่เข้าจายคนสมัยนี้จิงๆ
ถ้าเป็นคนอิสลามว่าโรงเรียนอิสลามด้วยกันนี้ไม่เป็นรัยเพราะมันน่าจะมีเหตุผลรัยบางอย่างไม่ก็เคยอยู่ร.ร.นั้น :slime_doubt:แต่ถ้าเป็นคนพุทธนี้มันยังไงๆอยู่นะ
:slime_whistle:งงจิงๆ[/b[/i][/move][/li][/list][/tt]]tt][list][li][move][i][b]รู้ด้ายไงว่าอาจาร์ยขายชาติด้วยเคยเห็นแล้วหรือไง.ทำไมต้องมากล่าวหาแบบนี้ด้วยหา................ไม่เข้าจายคนสมัยนี้จิงๆ
ถ้าเป็นคนอิสลามว่าโรงเรียนอิสลามด้วยกันนี้ไม่เป็นรัยเพราะมันน่าจะมีเหตุผลรัยบางอย่างไม่ก็เคยอยู่ร.ร.นั้น :slime_doubt:แต่ถ้าเป็นคนพุทธนี้มันยังไงๆอยู่นะ
:slime_whistle:งงจิงๆ[/b[/i][/move][/li][/list][/tt][/ftp][/color][/font[/size][/sup]
[/img]]
]
บันทึกการเข้า
อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 870
Re: รู้จักโรงเรียนอาซิซสถานที่ปัตตานีไหม
«
ตอบ #2 เมื่อ:
31-07-2008, 21:32 »
ตามข่าวกันหน่อย บังโม ณ พันทิพย์ย้ายไปใหนแล้ว ครูเอกชนย้ายเข้าออกบ่อย เพราะเศรษฐกิจนะ ไม่ใช่สถานการณ์ ยิ่งครูไอทีที่ใหนให้เงินเดือนดีกว่า ใครเล่าจะไม่ย้ายไปอยู่
ปล. ถ้าที่นั่นมีพวกแบ่งแยกอยู่ เธอคนนี้คงย้ายไปนานแล้วหละ
-------------------------------------
http://www.isranews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=2904&Itemid=58
ครูแหม่มกับชีวิตที่แปรเปลี่ยนหลังสูญเสียสามีจากเหตุร้าย...ยังคงยืนหยัดเพื่ออนาคตของเด็กเล็ก
วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน 2007 09:41น.
เลขา เกลี้ยงเกลา
สถาบันข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
ภาพ : ครูแหม่ม สุขุมาลย์ อินกะโผะ
เดือนมิถุนายน 2547 หน้าโรงเรียนศาสน์สามัคคี อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ร่างของนายใจ อินกะโผะ ครูแห่งโรงเรียนนี้นอนจมกองเลือดจากฝีมือผู้ไม่หวังดี นับเป็นกรณีแรกๆ ของการเริ่มทำร้ายครูที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นับจากเหตุการณ์ปล้นปืนเมื่อต้นปี 2547
สามปีกว่าที่ผ่านมาที่ครูใจได้จากโลกนี้ไป ทิ้งให้ ครูแหม่ม สุขุมาลย์ อินกะโผะ คู่ชีวิตขาดคู่คิดคู่ใจเผชิญโลกและเลี้ยงดูลูกตามลำพัง หากด้วยความเข้มแข็งของจิตใจที่ครูแหม่มมีเป็นสิ่งที่ทำให้ผ่านคืนวันเหล่านั้นมาได้
ด้วยความเป็นคนเข้มแข็งมาตั้งแต่เด็ก นับแต่ต้องจากบ้านเกิดมาอาศัยแผ่นดินปัตตานี ทำให้ครูแหม่มเป็นสมาชิกของชุมชนปัตตานี เรียนหนังสือตั้งแต่เด็กก่อนจะทำงานในพื้นที่ให้ความรู้แก่เด็กเล็กมาอย่างยาวนานนับสิบปี
พื้นเพพี่เป็นคนนครศรีธรรมราช พอพ่อแม่แยกทางกัน ญาติรับตัวมาอยู่ที่ปัตตานีตั้งแต่ปี 2511 มาอยู่ที่กะลาพอ สายบุรี เรียนที่ปัตตานีแล้วไปจบปก.ศ.ต้นที่วิทยาลัยครูยะลา สอบบรรจุครูครั้งแรกได้ที่โรงเรียนดรุณศาสน์วิทยา สายบุรี สอนวิชาคณิตศาสตร์ พี่ใจ แฟนพี่สอบบรรจุวันเดียวกันสอนที่เดียวกันมา 16 ปี จากนั้นพี่ย้ายมาที่โรงเรียนมูลนิธิอาซิซสถาน อ.โคกโพธิ์ได้ 16 ปีถึงทุกวันนี้ไม่เคยย้ายไปไหน ส่วนพี่ใจเขาเป็นคนโคกโพธิ์ ย้ายมาสอนที่โรงเรียนดรุณศาสน์ได้ 14 ปีจนถึงวันที่ถูกยิง
ด้วยความเป็นคนขยันมาตั้งแต่ยังสาว ทำให้ครูแหม่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปและมีฐานะที่พอมีพอกินตามอัตภาพ
พี่กลับจากโรงเรียนจะส่งเสื้อผ้าไปขายทุกอำเภอ สิ้นเดือนก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปเก็บเงินเป็นรายได้เสริม ในสายบุรีเรารู้จักกันเกือบทุกบ้าน สามทุ่มยังไปไหนมาไหนสบาย มีข้าราชการครูอำเภออื่นมาเช่าบ้านอยู่เยอะ เป็นความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เพื่อนมุสลิมก็มีเยอะ
เมื่อเหตุการณ์ร้ายมาเยือนชีวิตครูแหม่มในวันหนึ่ง หลายสิ่งในชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงไป สิ่งแรกคือครูแหม่มต้องเป็นทั้งพ่อละแม่แก่ลูกทั้งสองคน
หลังเหตุการณ์มีบางอย่างเปลี่ยนไป จากที่เคยอยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกก็ไม่มี ตอนที่เกิดเรื่องลูกชายสุดท้องเรียนชั้นม.5 วันที่พ่อเขาเสียบอกกับลูกว่า แม่ยังอยู่นะ ให้มั่นใจในตัวแม่ ลูกชายจึงได้รับความเอ็นดูจากญาติมากขึ้นเมื่อพ่อเสียและเขาก็ตั้งใจเรียน อาศัยว่าพี่เป็นคนที่ดูแลตัวเองได้ ทั้งทำงาน ขับรถเอง ไม่ต้องพึ่งสามีมาก แต่บรรยากาศของบ้านเหงามาก คนที่เคยจัดการเรื่องต่างๆ คนที่เคยกวาดบ้าน ไปรับไปส่งลูกทุกวันไม่มีอีกแล้ว ลูกก็ต้องย้ายไปอยู่กับยายในเมืองเพราะพี่ต้องสอนหนังสือแต่เช้าเหมือนกัน
ครูแหม่มพูดถึงเรื่องราวพร้อมหยาดน้ำใสคลอนัยน์ตาให้รับรู้ได้ถึงความรู้สึกข้างใน ถ้อยคำที่พรั่งพรูออกมาจึงเป็นสิ่งที่ครูแหม่มอยากบอก
เรื่องแบบนี้เกิดกับใครย่อมต้องเสียใจแน่นอน อาจเป็นบุญของพี่ที่มีญาติที่ดี ตั้งแต่พ่อแม่แยกกัน ญาติก็ให้ความเมตตามาตลอด น้าชายที่เป็นศึกษานิเทศก์เขามีจิตวิทยาพูดตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุว่า ให้คิดว่าพี่ใจตายดี ตายอย่างสงบ ตายหน้าโรงเรียน ตายไปลูกเมียไม่เดือดร้อน รัฐบาลก็ช่วย เขาไม่ได้ตายฟรี เขาให้กำลังใจกันเยอะ ทำให้ปรับเปลี่ยนชีวิตไม่มากเท่าไหร่ ญาติสามคนจากกรุงเทพฯ มาช่วยจัดบ้านและอยู่เป็นเพื่อนเป็นเดือน จากที่เคยต้องบริการเวลาเขามาเยี่ยมครั้งก่อนๆ กลายเป็นเขามาดูแลให้หมดทั้งซักผ้า ดูแลอาหารการกิน เขาจะพูดในสิ่งที่ดีไม่ให้เราคิดมาก ญาติอีกคนอยู่ด้วยกันตลอดเวลาสองปี พอเหตุการณ์หนักขึ้นเขาเพิ่งย้ายไปอยู่บ้านชายทะเล
คดีไม่ไปถึงไหน ไม่อยากไปตาม ถึงจับได้ก็ไม่สามารถไปทำอะไรเขาได้ ให้เหตุการณ์เป็นบทเรียน อย่าให้เกิดกับคนอื่นก็พอแล้ว จบกันแค่นั้น คนที่ตายก็ไม่ฟื้นคืนชีวิต
ไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกันว่ามีพื้นฐานมาจากเรื่องใด จากที่พี่เป็นครูพุทธในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนามานานก็ไม่เห็นมีอะไรที่ทำให้แตกแยกกัน เราอยู่ร่วมกันได้ดี หยอกล้อกันเป็นประจำ ทางผู้บริหารและโต๊ะครูของโรงเรียนก็ให้เกียรติเป็นอย่างดี เขาจะถามความคิดเห็นเวลาประชุมเสมอ ครูแหม่มคิดเห็นยังไง เมื่อก่อนที่นี่มีครูพุทธเยอะ พอโรงเรียนเปลี่ยนเป็นมูลนิธิไม่นานก็มีการเปลี่ยนรัฐบาลที่มีนโยบายให้ข้าราชการไปอยู่ในโรงเรียนเล็กเพราะอาซิซสถานได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล 100 เปอร์เซ็นต์ ทางโรงเรียนต่อรองให้มีครูข้าราชการได้ 3 คน พี่เป็นผู้หญิงคนเดียว รวมทั้งหมดมีสิบกว่าคน ครูทั้งโรงเรียนเกือบ 200 คน นักเรียนสามพันกว่าคน
ทำไมเขาจึงพยายามทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างศาสนา แต่ในความจริงเราก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทำไมจึงยังจับใครจริงจังไม่ได้เสียที ทหารก็มีเยอะในพื้นที่ ทำให้ประชาชนกังขา อาจเป็นเพราะประชาชนไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่จึงไม่ได้รับความร่วมมืออย่างจริงจัง เป็นสิ่งที่ผู้หญิงคนหนึ่งรู้สึก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อบรรดาพี่น้องครูร่วมชะตากรรมเกือบทุกวัน ไม่ได้ทำให้ครูแหม่มคนนี้หวั่นไหว ยังมั่นคงที่จะทำหน้าที่เรือจ้างส่งผู้โดยสารให้ถึงฝั่งต่อไปจนกว่าจะสิ้นแรง
ตอนนี้พี่อายุ 52 ตั้งใจสอนเด็กและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ไม่คิดย้ายไปไหน พี่เป็นคนที่พ่อแม่แยกทาง กว่าที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ต้องเริ่มจากศูนย์มามีพร้อมทั้งรถ บ้าน ที่ดิน ก็เพียงพอแล้ว จะให้ทิ้งไปคงไม่ได้ พี่ผูกพันในพื้นที่มานาน จะไปอยู่ที่อื่นก็ต้องปรับตัวปรับชีวิตใหม่อีก อายุก็เยอะแล้ว อยู่ที่นี่มาเกือบ 40 ปีเหมือนเป็นบ้านเกิดของตัวเอง ญาติพี่น้องก็ขอให้ย้าย ผู้ใหญ่ทางกระทรวงก็ให้ย้ายออกจากพื้นที่จะไปสอนที่ไหนก็ได้ เป็นเพราะตัวเองที่เลือกอยู่เอง คิดว่าจะเกิดอะไรก็แล้วแต่บุญแต่กรรม คิดว่าหากเป็นอะไรไปก็บอกกับทุกคนไว้แล้วว่าไม่เสียใจแล้วในชีวิตนี้ที่ได้ทำคุณประโยชน์ไว้พอควร ห่วงแต่ลูกชายที่เรียนตอนนี้ หากเขาไม่เกเรคงเรียนจบ ส่วนลูกสาวคนโตทำงานที่ภูเก็ตก็หมดห่วงไป
ถ้าสุขภาพยังดีจะทำหน้าที่ครูต่อไป ได้คุยกับเพื่อนๆ ได้คุยกับเด็กเป็นเรื่องราวของชีวิตทุกวัน ยังไม่คิดลาออก
การเป็นผู้สูญเสียย่อมส่งผลกระทบถึงหลายคนที่อยู่ข้างหลัง การมีกำลังใจยืนหยัดสู้ชีวิตต่อได้โดยตัวเองจึงจะเป็นการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างจริงจัง
อย่าคิดว่าเมื่อสามีเสียชีวิต รัฐบาลต้องดูแลทุกอย่าง มันไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน สิ่งที่รัฐช่วยก็ขอบคุณเขา เราต้องดูแลกันเอง ถ้าเราช่วยเหลือตัวเองได้ก็จะดีกว่า พึ่งพาตนเองให้ได้จะภูมิใจและมีศักดิ์ศรี ครูแหม่มปิดท้ายการสนทนาถึงผู้สูญเสียเช่นเธอ
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2008, 21:59 โดย อิรวันชาห์ IrWanSyah
»
บันทึกการเข้า
http://www.youtube.com/watch?v=JJ8C070v3CM
西施无情
ขาประจำ
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 456
ไซซีไ้ร้ใจ
Re: รู้จักโรงเรียนอาซิซสถานที่ปัตตานีไหม
«
ตอบ #3 เมื่อ:
02-08-2008, 15:26 »
มาเกรียนจริงๆด้วยแฮะ
บันทึกการเข้า
我愛你, 陈一冰,
saoda
บุคคลทั่วไป
Re: รู้จักโรงเรียนอาซิซสถานที่ปัตตานีไหม
«
ตอบ #4 เมื่อ:
05-08-2008, 12:42 »
เป็นศิษย์เก่าที่เก่ามากปี 36 ตอนนั้นไปเรียนแล้วมีความสุขมากบ้านอยู่หาดใหญ่เวลาไปต้องไปทางรถไฟ
กับเพื่อนที่เป็นรูมเมทหลายคนเป็นเด็กหาดใหญ่ทั้งหมดเรยจำได้ว่าเวลาไปเรียนสามัญตอนนั้นเรียนกันตอนเย็น ไม่ทราบว่าตอนนี้เปลี่ยนเป็นแบบใหนแล้ว
ไม่เคยคุยกับเพื่อนทีเป็นผู้ชายร่วมห้องเราเรียน /2เป็นสายอังกฤษ คณิต แล้วทั้งห้องที่เป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมดพูดไทยแต่ผู้ชายเกือบทั้งหมดพูดมาลายู
สนุกมากเวลาทะเลาะกัน ต่างคนก็ต่างพูดภาษาต้วเองเราก็ฟังมาลายูไม่ออก พวกมัน (ผู้ชาย) ฟังไทยได้เล็กน้อยแต่พวกเราซัดภาษาใต้เรยมันก็ฟังไม่ออกเหมื่อนกัน เรียนอยู่ 3ปีจบม.6 ก็ยังไม่เคยได้คุยกันดีๆ เลย
จนกระทั้งหลังจากนั้นผ่านไปหลายปีได้มีโอกาสเจอกันเนื่องจากไปเลี้ยงส่งเพื่อน(ผู้ชาย)ในห้องไปเรียนต่อออสเตรเลียก้เลยยได้มีโอกาสคุยกันและเล่าความหลังครั้งเรียนด้วยกัน สนุกมาก ก็เลยมีการตกลงกระชับไมตรีกันใหม่โดยมีการเลี้ยงรุ่นกันตอนนั้นเป็นที่กล่าวขวัญกันมากว่าเป็นรุ่นที่มึความสมัครสมานสามัคคีกัน ไม่เคยขาดการติดต่อนกันเรยแม้กายห่างกันแต่ใจ อาซิซ 36 ก็ไม่เคยลืมกัน แม้ตอนนี้พวกเราก็ยังคงมีการติดต่อกันอยู่สมำเสมอและนัดเจอกันเมื่อมีโอกาส
รักและคิดถึงเพื่อนทุกคนจากใจอาซิซ ปี36
บันทึกการเข้า
หน้า:
[
1
]
ส่งหัวข้อนี้
พิมพ์
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
ทั่วไป
-----------------------------
=> ตะกร้าข่าว
=> ห้องสาธารณะ
=> สภากาแฟ
=> ชายคาพักใจ
=> ร้อยรักษ์กวีวรรณ
=> สโมสรริมน้ำ
-----------------------------
ด้านเทคนิค
-----------------------------
=> ปัญหาการใช้งาน
=> ห้องทดสอบ
===> ทดสอบบอร์ดย่อย
Powered by SMF 1.1.20
|
SMF © 2005, Simple Machines
|
Thai language by ThaiSMF
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.085 วินาที กับ 22 คำสั่ง