ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
16-03-2025, 10:39
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  [ถึงลุงปุถุชน] ภูมิคุ้มกันคอรัปชั่น : แก้ไขข้อมูลเทสโก้ฟ้อง 100 ล้าน 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
[ถึงลุงปุถุชน] ภูมิคุ้มกันคอรัปชั่น : แก้ไขข้อมูลเทสโก้ฟ้อง 100 ล้าน  (อ่าน 1443 ครั้ง)
Kittinunn
Aloha007
Global Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,127


ไปได้สวย...ด้วยเกียร์ต่ำ!!!


เว็บไซต์
« เมื่อ: 07-04-2008, 11:47 »

ภูมิคุ้มกันคอรัปชั่น : แก้ไขข้อมูลเทสโก้ฟ้อง 100 ล้าน

กมล กมลตระกูล ศูนย์วิจัยธรรมาภิบาล มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม

ในคอลัมน์นี้ เมื่อปีที่แล้วในช่วงที่กำลังมีการพิจารณา พ.ร.บ.ค้าปลีกในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผมได้เขียนวิจารณ์ว่าพ.ร.บ.ที่คณะรัฐมนตรีได้ผ่านความเห็นชอบในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2550 นั้นค่อนข้างจะไม่ทันกาล และไม่แก้ปัญหาของผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อย ที่ได้รับผลกระทบจากห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ที่เรียกว่าซูเปอร์สโตร์

นี่คือ ประเด็นหลักของบทความ "พ.ร.บ.ค้าปลีก-กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้" ใน คอลัมน์ "ภูมิคุ้มกันคอร์รัปชัน" นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม 2550 โดยมีข้อมูลอื่นๆ ที่ยกมาประกอบ เพื่อสนับสนุนประเด็นหลักของบทความ

ข้อมูลหนึ่งที่ผมยกมาอ้างและกลายเป็นประเด็นหลัก ที่ทำให้ผมถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายถึง 100 ล้านบาท คือ ข้อความที่ผมนำมาจากพาดหัวของนสพ.ผู้จัดการรายวัน ที่ผมเปิดอ่านจากเวบไซต์ที่รายงานว่า ร้อยละ 37 ของยอดขายของเทสโก้มาจากประเทศไทย

การอ้างข้อความข้างต้นเป็นการอ้างอย่างบริสุทธิ์ใจจากข้อมูลที่เผยแพร่ในสื่อ โดยที่ผมไม่ได้สร้างตัวเลขขึ้นมาเอง เพื่อทำลายชื่อเสียงของบริษัท เอกชัย-ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจในชื่อทางการค้า ว่า เทสโก้โลตัส

ผมไม่ได้อยู่ในวงการค้าจึงไม่เฉลียวใจในการคิดคำนวณถึงความผิดปกติของตัวเลขนี้ บัดนี้เมื่อได้ตรวจสอบจากเวบไซต์ของบริษัทเทสโก้ และทราบว่าตัวเลขนี้ไม่ตรงกับความจริง จึงเสียใจ และขออภัยบริษัท เอกชัย-ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด มา ณ ที่นี้

ประเด็นอื่นๆ ที่ยกมาสนับสนุนประเด็นหลัก คือ กล่าวว่า ห้างค้าปลีกยักษ์มักเปิดชนกับตลาดสด ชุมชนเก่า ซึ่งเป็นทั้งวิธีชีวิต วัฒนธรรม และแหล่งค้าขายของคนยากคนจน ชาวบ้าน เกษตรกร และชาวสวนรายย่อย คนไทยเหล่านี้กำลังหายนะเพราะว่าถูกทำลายอาชีพทางอ้อม โดยรัฐไม่ปกป้องสิทธิทำกินของเขา ลูกหลานจะไม่ได้รับการศึกษาและกลายเป็นอาชญากรในที่สุด

และการขยายตัวของห้างค้าปลีกยักษ์ ในขณะนี้ ได้ขับให้ร้านโชห่วยต้องเลิกกิจการ คิดเป็นสัดส่วน 40 ผมได้เขียน % ในจำนวนนี้กว่าครึ่งหนึ่งปิดตัวเอง และอีกครึ่งหนึ่งหันไปทำธุรกิจอื่นที่เลี้ยงตัวไม่ได้ ตัวเลขนี้ก็นำมาจาก นสพ.ผู้จัดการเช่นเดียวกัน

ปัจจุบันห้างค้าปลีกยักษ์ ที่เรียกตัวเองว่าโมเดิร์นเทรดได้ครอบครองตลาดค้าปลีกไปแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยละ 34.2 โดยเฉพาะห้างเทสโก้โลตัสห้างเดียว มีสาขาทั้งหมด 370 แห่ง แบ่งเป็น 4 ขนาด คือ ห้างขนาดใหญ่ที่เรียกว่าไฮเปอร์มาร์เก็ต 75 แห่ง (แยกเป็นวาลูสโตร์ 17 แห่ง) เอ็กซ์เพรส สโตร์ 266 แห่ง และซูเปอร์มาร์เก็ต 29 แห่ง และมียอดขาย 1 แสนล้านบาทต่อปี หรือร้อยละ 10 ของงบประมาณแผ่นดิน

จากการขยายตัวข้างต้นทำให้น่าเป็นห่วงว่า จำนวนร้านค้าปลีกรายย่อยที่จะได้รับผลกระทบจากการขยายตัวของห้างค้าปลีกยักษ์มีจำนวน 680,000 ร้าน และจำนวนตลาดสด 125,000 ตลาด (เอกสารของสมาคมผู้ค้าปลีกไทย 2550)

ถ้าหากว่า แต่ละตลาดสดมีแม่ค้าไม่ต่ำกว่า 50 ราย หากตลาดต้องปิดตัวลงหมด จะมีพ่อค้าแม่ค้าหมดอาชีพจำนวน 6.25 ล้านคน หากแต่ละคนมีครอบครัวละ 3 คน ก็จะมีผู้ได้รับผลกระทบมากถึง 18.75 ล้านคน บวกกับร้านโชห่วยที่เลี้ยงคนอีกร้านละ 3 คน ก็จะมีผู้ได้รับผลกระทบรวมกัน 20.79 ล้านคน (โจรอาจจะเต็มบ้านเต็มเมืองมากกว่านี้หลายเท่า-รั้วเหล็กของบ้านก็อาจจะถูกถอดขโมยไป)

แม้ว่าโชห่วยจำนวนไม่น้อยจะห่วยสมชื่อ คืออาจจะขายของแพงกว่า หรือสินค้าไม่สะอาด หรือเก่า หรือตลาดสดสกปรก ไม่มีที่จอดรถ แต่เขาเหล่านี้ก็เป็นคนไทย ที่มีสิทธิมนุษยชนที่จะมีที่ยืนในสังคมเช่นเดียวกับบุคคลอื่นๆ มิใช่ปล่อยให้ถูกโมเดิร์นเทรดเข่นฆ่าโดยรัฐไม่เข้ามาเหลียวแล

อันที่จริงการที่คนไทยต้อนรับการลงทุนของบริษัทต่างชาติ ที่เข้ามาจดทะเบียนให้มีสถานะเหมือนทุนไทย ก็น่าจะสำนึกในบุญคุณของคนไทยโดยการประกอบการค้าอย่างมีสำนึกต่อผลกระทบต่อชุมชน และอาชีพของผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจมาก่อนหน้ามาเป็นชั่วๆ คนบ้าง เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้ แต่กลับทำตรงกันข้าม เพื่อผูกขาดตลาดจัดจำหน่าย

มีข้อที่น่าสังเกตถึงวิธีการทำธุรกิจของห้างค้าปลีกยักษ์ทั้งหลาย ซึ่งมีลักษณะของการใช้อำนาจเหนือตลาด โดยมีรายงานอยู่ใน นสพ.ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ.2551 รายงานว่า

"ผู้ประกอบการข้าวถุงแฉโมเดิร์นเทรดพลิกลิ้น เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม แถมบีบลดราคาข้าวถุงทันที 30% เพื่อจัดโปรโมชั่นหลังขยายสาขาเพิ่ม หากไม่ลดราคาก็จะไม่ให้วางจำหน่ายในห้าง"

นอกจากนี้ ยังวิธีการประกอบการค้าแบบจับเสือมือเปล่า โดยผลักภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างมาที่ผู้ผลิต อาทิเช่น ค่าปรับปรุงห้าง ค่าเปิดสาขาใหม่

ระยะเวลาการชำระเงินของห้างยาว 45-60 วัน บางห้างขยายออกไปถึง 80 วัน ขณะที่สินค้าที่ถูกส่งไปขายหมดภายใน 10-15 วัน

มีการเก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้าสูงลิ่ว สินค้าบางตัวโดนเก็บเป็นล้านบาท ค่าเมล (ค่าพิมพ์และค่าส่งใบปลิว ใบโฆษณา) ปัจจุบันมีการจัดเก็บราว 2-4 แสนบาทต่อตัวสินค้า อาทิเช่น ข้าวถุง ค่าหักส่วนลด (rebate) ต่างๆ โดยทางโมเดิร์นเทรดขอเพิ่มค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ขึ้นอีก 5-10% และบีบให้ผู้ประกอบการข้าวถุงเข้าร่วมลดราคาสินค้าในช่วงเทศกาลโปรโมชั่นทันที 30% ซึ่งแต่ละครั้งจะมีระยะเวลา 15 วัน แม้ว่าทางผู้ประกอบการได้พยายามชี้แจงถึงต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ทางห้างยังยืนยันข้อเสนอที่เข้มงวด

ผมเขียนบทความชิ้นที่ถูกฟ้องด้วยความกังวลในปัญหาข้างต้น มิได้ต้องการโจมตีห้างเทสโก้โลตัส โดยได้ค่าเรื่อง 1 พันบาท แต่ถูกฟ้องเรียกเงินถึง 100 ล้านบาท ในฐานะของนักหนังสือพิมพ์ตัวเล็กๆ ก็ไม่มีเงินและปัญญาจะสู้คดีกับบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ ที่มียอดขายแต่ละปีมากกว่างบประมาณแผ่นดินไทย 2 เท่า

หนทางเดียวที่จะไม่ต้องติดคุกแทนการจ่ายค่าปรับ ก็ต้องขอรับบริจาคจากผู้อ่านมาเป็นค่าใช้จ่ายต่อสู้คดีนี้ โดยหวังว่าคดีนี้จะทำให้สังคมให้ความสนใจในการเรียกร้องให้มีการทบทวนกฎหมายและกฎระเบียบในการประกอบการค้าที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายที่อ่อนแอกว่า อาทิเช่น พ่อค้าท้องถิ่น เจ้าของโรงงานที่ถูกบีบราคาซื้อ และผู้ประกอบการรายย่อยทุกสาขา ซึ่งเป็นประเด็นที่ผมเรียกร้องในบทความของผม และเป็นสาเหตุให้ถูกฟ้อง

ผู้ที่มีเมตตาและต้องการบริจาคกรุณาโอนเงินเข้า บัญชีออมทรัพย์ในนาม กมล กมลตระกูล ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยซีคอนสแควร์ หมายเลขบัญชี 223-2-00326-6 เพื่อร่วมกันสร้างระบบการค้าที่เปิดพื้นที่ให้ทุกๆ คนได้มีที่ยืนในสังคม ครับ



ความน่าเศร้าของนักวิชาการ ถูกนายทุนฟ้องร้อง
บันทึกการเข้า

“ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย” (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)

ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #1 เมื่อ: 07-04-2008, 13:12 »

ในที่สุดสามารถตกลงกันได้ โดยคุณกมล กมลตระกูลไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ห้างเทสโก้ฯ...

การฟ้องร้องของบริษัทฯ น่าจะเป็นการปรามไม่ให้นักวิชาการหรือนักเคลื่อนไหวต่อต้านคนอื่น ๆเอาอย่างมากกว่า....


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #2 เมื่อ: 07-04-2008, 14:05 »

ในที่สุดสามารถตกลงกันได้ โดยคุณกมล กมลตระกูลไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ห้างเทสโก้ฯ...

การฟ้องร้องของบริษัทฯ น่าจะเป็นการปรามไม่ให้นักวิชาการหรือนักเคลื่อนไหวต่อต้านคนอื่น ๆเอาอย่างมากกว่า....


เทสโก้ไม่กล้าฟ้องจริงหรอกครับ เพราะเป็นไปได้ว่าเรื่องราวอาจลุกลาม
ทำให้บริษัทเสียชื่อเสียงภาพลักษณ์อย่างมากก็ได้

คนไทยมักเห็นใจคนที่ด้อยกว่า อาจมองว่าเทสโก้ใช้อำนาจเงินที่เหนือกว่า
รังแกนักวิชาการสื่อมวลชน โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ

และในอีกทางหนึ่งหากฟ้องร้องดำเนินคดีแล้วทางเทสโก้เกิดแพ้คดีขึ้นมา
หรือศาลอาจให้จ่ายค่าเสียหายเพียงเล็กน้อย (ยังไงคุณกมลก็ไม่มีเงินจ่าย
มากมายตามที่ฟ้องแน่นอน) ก็เท่ากับเทสโก้ไม่ได้อะไรเลย
งานนี้มีแต่เจ๊ากับเจ้งเท่านั้น จึงเป็นแค่การแกล้งฟ้องเพื่อข่มขู่จริงๆ ครับ 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #3 เมื่อ: 07-04-2008, 20:22 »

เทสโก้ไม่กล้าฟ้องจริงหรอกครับ เพราะเป็นไปได้ว่าเรื่องราวอาจลุกลาม
ทำให้บริษัทเสียชื่อเสียงภาพลักษณ์อย่างมากก็ได้

คนไทยมักเห็นใจคนที่ด้อยกว่า อาจมองว่าเทสโก้ใช้อำนาจเงินที่เหนือกว่า
รังแกนักวิชาการสื่อมวลชน โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ

และในอีกทางหนึ่งหากฟ้องร้องดำเนินคดีแล้วทางเทสโก้เกิดแพ้คดีขึ้นมา
หรือศาลอาจให้จ่ายค่าเสียหายเพียงเล็กน้อย (ยังไงคุณกมลก็ไม่มีเงินจ่าย
มากมายตามที่ฟ้องแน่นอน) ก็เท่ากับเทสโก้ไม่ได้อะไรเลย
งานนี้มีแต่เจ๊ากับเจ้งเท่านั้น จึงเป็นแค่การแกล้งฟ้องเพื่อข่มขู่จริงๆ ครับ 



ธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ ขนาดยักษ์ ต้องพึ่งพา'ภาพพจน์' อย่างยิ่ง...
ถ้าห้างยักษ์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ การไม่ลดราวาศอก จิตใจคับแคบ บิดเบือนข้อเท็จจริง การไม่มีส่วนร่วมกับสังคม....ตายแน่ครับ

เนื้อหาของบทความนี้ ไม่ได้บิดเบือนข้อเท็จจริง(ยกเว้นรายได้)
หรือใส่ความธุรกิจการค้าปลีกในขณะนี้
หลายคนได้ให้สัมภาษณ์หนักหนากว่านี้ด้วยซ้ำ.....

เชื่อว่าศาลยุติธรรมจะให้ความเป็นธรรมแก่คุณกมลอย่างเหมาะสมครับ....



บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1]
    กระโดดไป: