ปฐม
|
|
« เมื่อ: 19-05-2006, 16:53 » |
|
ไคลตี เป็นดรุณีโฉมสะคราญคนหนึ่งในยุคปกรณัมกรีก - โรมันเฟื่องฟู เธอผู้นี้มีใจปฏิพัทธ์ในตัวองค์เทพอพอลโล เทพอพอลโล ใน เทวคตินั้นเป็นพระอาทิตย์ที่ดำเนินอยู่บนรถม้าในยามเช้าเพื่อมอบความสว่างกับโลก นางไคลตีผู้นี้ก็ได้แต่เหม่อมองขึ้นไปและเฝ้าวิงวอนต่อนภากาศทุกวันเพื่อหวังว่าวันหนึ่งเทพองค์นี้จะผินพระพักต์มามองบ้าง....
แต่วันนั้นมิเคยมาถึง
เธอรอทุกวันและเฝ้าตั้งมั่นอยู่อย่างนั้นวันแล้ววันเล่าแม้ชั่ววันผันเป็นเดือนเคลื่อนเป็นปีจิตของนางก็หาผันแปรจากองค์เทพไม่ เธอเป็นมนุษย์ที่มีร่างกายพ่ายแพ้ต่อความเสื่อมของสังขาร ผิวหนังเธอก็เหือดแห้งและเหี่ยวลงทุกวัน........
ทวยเทพต่าง ๆ ทั้งบนและล่างเขาโอลิมปัสเห็นดั่งนี้ก็เกิดจิตเวทนาเป็นที่ตั้งจึงได้ใช้กฤษดาภินิหารกลายร่างของเธอเป็น "ดอกทานตะวัน"
แม้กายเธอเปลี่ยนไปแต่ดวงหฤทัยที่ตั้งมั่นก็มิเปลี่ยนแปร จิตเธอยังแน่วแน่กับองค์เทพผู้เป็นที่รัก เธอยังคงเฝ้ามองพระองค์ผ่านร่างอันเปลี่ยนแปรของเธอ พระองค์เสด็จไปทางไหน... ไคลตีก็หันไปทางนั้น เธอยังทานหน้ารับแสงกล้าจากตะวันเพื่อเหม่อมองคนที่ปองอย่างไม่ถอยหนี
ไม่ว่าวันนี้พระองค์จะแรงกล้า หรือจะอ่อนกำลัง นางไคลตียังจดจ้องมององค์อพลอลโลอย่างไม่ลดละ
เธอจึงถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความแน่วแน่
ถึงวันนี้นางไคลตีก็ยังคงติดตามการโคจรอันจรัสแสงข้ามทางแห่งนภากาศด้วยใบหน้าที่แน่วแน่ดุจเดิม
มันคงเป็นสิ่งที่ดีนะครับถ้ายังมีคนอย่างนางไคลตีเหลืออยู่ในโลกอันบิด ๆ เบี้ยว ๆ ใบนี้ เพราะแม้เหล่าชายจะถูกมองว่าเป็นอาชญากรของสตรีเพศแต่ในใจก็ยังโหยหาความรักแท้ที่เป็นอมตะอยู่เสมอ เราผู้เป็นชายชาติยังฝันเสมอว่าจะได้รับความรักจากหญิงเหล่านั้น แต่หลาย ๆ อย่างในโลกนี้ล้วนเป็นอนิจจัง บางทีคุณเคยถามตัวเองไหมครับว่า คุณมีไคลตีประจำตัวคุณอยู่หรือไม่ แน่นอนว่า บางคนตอบว่ามี และ บางคนตอบว่าไม่ เพราะอะไร...
ความรักเป็นไปไม่ได้ถ้ามีการกระทำจากฝ่ายเดียว.... บางทีเราอาจจะไม่รักไคลตีของเราเพราะเธอไม่สวยหรือขาดคุณสมบัติที่เราต้องการ แต่ในขณะเดียวกันเรากลับวิ่งไล่ตามอนงค์นางที่ไม่เคยแม้แต่จะปรายตามาถึงแววตาอันท้อแท้แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยหวังของเราเลย... โลกขาดความยุติธรรมเสมอ
ในทางกลับกันผมก็รู้สึกสงสารและอยากตำหนินางไคลตี ที่มีความรักโดยไร้สมองขาดความนึกคิด การกระทำแบบนี้เป็นดั่งว่า เธอผู้นั้นลดค่าของตัวเองลง ผู้หญิงทุกคนมีค่าในตัวเองดั่งเพชรยอดมงกุฏเพียงแต่เธอแต่ละคนจะหาจุดเด่นในตัวเองได้หรือไม่
บางทีถ้าหญิงคนนั้นรักชายคนหนึ่งมาเกินและปฏิบัติอย่างไม่ยั้งคิด มันก็จะออกมาในรูปแบบเสียจริตอีกด้วย
ความรักที่สัตย์ซื่อเป็นสิ่งที่ดี แต่เราต้องยั้งคิดใคร่ครวญว่า... คุ้มไหม
เมื่อรักแล้วไม่ได้ดั่งหวังก็ทุกข์ เมื่อรักแล้วได้ดั่งหวังแต่ไม่ยั่งยืนก็ทุกข์ หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอโดยกำเนิด เธออาจจะมีสมองที่สู้ผู้ชายได้แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอก็ยังต้องอาศัยผู้ชาย ดังนั้นจงมีสติเพื่อป้องกันการเอาเปรียบ สัตว์โลกล้วนมีทั้งพันธ์ที่ดุร้ายและเชื่องแถมบางประเภทยังมีเล่ห์กลนานา ถ้าเรารักเขามากไปแต่เขาไม่เห็นความรักนั้นกลับมองเห็นแต่ประโยชน์บนเรือนร่างและทรัพย์สิน... เราควรมีความรักให้เขาแล้วเหรอ
แม้ปกรณัมเรื่องนี้จะตีความออกไปได้ไม่รู้จบแล้วแต่มุมของคนที่มอง แต่ข้าพเจ้ากลับเลือกที่จะมองมุมนี้ มิใช่ว่าข้าพเจ้าจะเป็นคนดีแต่หากว่าข้าพเจ้าได้พบการหลอกลวงนานาประการของผู้ชายที่จิกขย้ำลงไปบนหลังคอของผู้หญิงที่โชคร้าย ถ้าเจอแค่บาดเจ็บก็โชคดีแต่ถ้าโดนสูบเลือดสูบเนื้อจนหมดราคาค่างวดมันเป็นความเจ็บปวดที่หนักหนาของชีวิตคน ๆ หนึ่ง
มีความรักเป็นสิ่งดี ซื่อสัตย์ต่อความรักย่อมดีคูณสอง แต่จะประเสริฐถ้าผู้มีความรักทุกคนใช้สติในการพิจารณา
โศกนาฏกรรมความรักอย่างหนึ่งคงจะลดไปและคนกลุ่มหนึ่งจะรอดพ้นความเจ็บปวดอย่างแน่นอน
*******************************************************************************************************
(ขออนุญาติสงวนลิขสิทธ์นะครับ เพราะบทความนี้ข้าพเจ้าต้องแก้ไขเพื่อทำการรวมเล่มในหนังสือลำดับต่อไปของข้าพเจ้า)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้าจะอยู่ ก็ขออยู่อย่าง เย้ยฟ้าท้าดิน
|
|
|
|
see - u
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 20-05-2006, 11:57 » |
|
คุณ ปฐม...เป็นคนที่เขียนได้ดีในระดับหนึ่งเลย นะคะ อ่านที่ คุณ เขียน..ทำให้นึกถึงเพลง ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน ของพี่ตุ๊ก วิยะดา นางไคลตี ของคุณ ปฐม.. คงเป็นดอกทานตะวันที่มีสถานะเหมือนไม้ขีดไฟ ในเพลงนี้ ........................................................... ** ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน ** เจ้าไม้ขีดไฟ ก้านน้อยเดียวดาย แอบรักดอกทานตะวัน แรกแย้มยามบาน อวดแสงตะวัน ช่างงดงามเกินจะเอ่ย ดอกเหลืองอำพัน ไม่หันมามอง แม้เหลียวมายังไม่เคย ไม้ขีดเจ้าเอ๋ย เลยได้แต่ฝัน ข้างเดียว * ดอกไม้จะบานและหันไปตาม แต่แสงจากดวงอาทิตย์ จุดตัวเองก็ยอมทันใด ให้ลุกเป็นไฟขึ้นมา เพียงปรารถนา ให้มีลำแสงสีทอง จุดตัวเองก็ยอมทันใด ให้ลุกเป็นไฟขึ้นมา เพียงปรารถนา ดอกทานตะวันหันมอง...สักครั้ง เจ้าไม้ขีดไฟ ก้านน้อยเดียวดาย สาดแสงในใจไม่นาน ดอกเหลืองอำพันจึงหันมามอง และพบเพียงกองเถ้าถ่าน เจ้าไม้ขีดไฟ ก้านน้อยเดียวดาย เพราะรักจริงใจอย่างนั้น เพียงแค่เธอหัน เพียงแค่เธอมองก็พอ ................................................................ http://www.ip-tv.tv/music/searchResult.php?CastID=729 ( เพลงที่ 15 ค่ะ )
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2006, 12:07 โดย see_you »
|
บันทึกการเข้า
|
" I will unforgive you to do the bad thing like this. " * The fox changes his skin but not his habits. * Superman ( It's Not Easy ) >> http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD " กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี ........ ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย "
|
|
|
ประกายดาว
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 20-05-2006, 13:50 » |
|
คุณ ปฐม ฯ รีบๆ พิมพ์ออกมาขายแล้วกันค่ะ เชื่อว่า ใน บรรณภพ ...คงมีนักเขียนชาย มาประดับอีกหนึ่งคน เหมือนหนังสือ พี่สเลเต ที่ หนูเชียร์สุดชีวิต เป็นหนังสือน่ารัก ลึกซึ้ง และ แสนจะ ผู้หญิ๊ง ผู้หญิง คุณ ปฐมฯ เขียนหนังสือน่าสนใจ หาประเด็นก็น่าสนใจ ไปอ่าน ตำนานดอกไม้ ... เล่าถึง ทานตะวันว่า เป็นสัญลักษณ์ ของความแน่วแน่ในความรัก และ การขอ คืนดี เพิ่งรู้นะนี่ แต่ ประกายดาว คิดว่า ประเด็นความรัก นี่ มนุษย์เราเรียกหา มันง่ายเกินไปหรือเปล่า? โดยบางครั้ง ยังไม่รู้จักตัวเองให้ดีๆ เลย ...สงสัย คิวปิด ออกบินว่อน...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภูพาน
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 20-05-2006, 13:54 » |
|
การจะรักใครสักคน จำต้องมีเหตุผลหรือไม่ ความรักมาเจ้ามาจากไหน จะไปสู่แห่งใด..... บ้างว่าความรักเหมือนสายลม พัดมา....แล้วผ่านไป หยิบจับต้องไม่ได้ แต่สำผัสด้วยใจ....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ขอกันข้าให้ไกลห่างจากคนที่กล่าวว่า "ข้าเป็นดวงเทียนที่นำความสว่างให้หนทางของประชาชน" หากแต่ผู้ที่แสวงหาหนทางของตนจากแสงแห่งประชาชนนั้น ขอจงนำข้าเข้าไปใกล้ชิดด้วยเถิด ~ คาลิล ยิบราน
|
|
|
ประกายดาว
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 20-05-2006, 14:06 » |
|
การจะรักใครสักคน จำต้องมีเหตุผลหรือไม่ ความรักมาเจ้ามาจากไหน จะไปสู่แห่งใด..... บ้างว่าความรักเหมือนสายลม พัดมา....แล้วผ่านไป หยิบจับต้องไม่ได้ แต่สำผัสด้วยใจ....
Touching !!! ไม่ต้อง มีเหตุผลอะไรเลย ....แต่ ความรัก ควรจะเป็นสิ่งที่ เมื่อมาเยี่ยมเยือน ไม่ใช่ แค่ชั่วข้ามวัน ......หรือ เพียงแค่ ชั่วครู่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปฐม
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 20-05-2006, 14:16 » |
|
นัยยะนั้นก็มีความหมาย แต่ถ้าจะหาสิ่งที่เป็นแก่นล่ะ
ถ้ามันพัดมาแล้วผ่านเลย ก็คงไม่มีการแต่งงาน จริงไหม....
ความรักที่จะเป็นแบบนั้นได้ ก็ต้องเป็นประเภท
ตราบใดที่ยังมีการแต่งงานและมีความหวังของมนุษย์ ความรักควรเหมือนกระแสลมและหน่วงหนักดั่งหินผา
หาใช่จะลอยลมพริ้วไหวไปไกลเท่าไกล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้าจะอยู่ ก็ขออยู่อย่าง เย้ยฟ้าท้าดิน
|
|
|
ประกายดาว
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 20-05-2006, 14:23 » |
|
นัยยะนั้นก็มีความหมาย แต่ถ้าจะหาสิ่งที่เป็นแก่นล่ะ
ถ้ามันพัดมาแล้วผ่านเลย ก็คงไม่มีการแต่งงาน จริงไหม....
ความรักที่จะเป็นแบบนั้นได้ ก็ต้องเป็นประเภท
ตราบใดที่ยังมีการแต่งงานและมีความหวังของมนุษย์ ความรักควรเหมือนกระแสลมและหน่วงหนักดั่งหินผา
หาใช่จะลอยลมพริ้วไหวไปไกลเท่าไกล
ตราบใดที่ยังมีการแต่งงานและมีความหวังของมนุษย์ ความรักควรเหมือนกระแสลมและหน่วงหนักดั่งหินผา???ความรัก ถูกพันธการ ไว้ได้ ด้วย หรือ?น้องดาว ว่าไม่นา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปฐม
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 20-05-2006, 14:31 » |
|
เราต้องแยกให้ออก ระหว่าง "ลงเอย" กับ "พันธนาการ"
"ลงเอย" คือ เห็นชอบด้วยกัน
"พันธนาการ" คือ เห็นชอบฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
ความรัก คำนี้เหมือนน้ำอยู่ได้ทุกสภาวะ แต่เราต้องจัดความสำคัญและเข้าใจ "รัก" แบบไหนและอย่างไร
มิฉะนั้นแล้ว.... เราก็จะมองอย่างไม่เข้าใจและไม่มีการเตรียมตัวที่จะปรับสภาพเมื่อถึงเวลา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้าจะอยู่ ก็ขออยู่อย่าง เย้ยฟ้าท้าดิน
|
|
|
ประกายดาว
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 20-05-2006, 14:52 » |
|
ว้าว สหายพี่ ล้ำลึก ยิ่ง แบบนี้ต้อง มอบ ชา ให้ เอาไป หนึ่งกาน้ำชาค่ะ ลองมาดูกันสิว่าชาชนิดไหนที่เหมาะจะมาเป็นเครื่องดื่มถ้วยโปรดของเรา..... 1. ผู้ที่ทำงานแบบใช้สมอง ต้องซีเรียสเครียดทั้งวัน หรือ นักเรียนนักศึกษาที่ตรากตรำอ่านตำหรับตำราจนดึก ดื่น ควรดื่ม ชามะลิ 2. ผู้ที่รักการออกกำลังกาย หรือทำงานที่ต้องใช้แรง เสียเหงื่อมากเหมาะกับ ชาอูหลง 3. ผู้ที่ต้องผจญสูดดมอากาศเป็นพิษอยู่เสมอ อาทิ ผู้ที่ขับขี่ หรือ สัญจรไปมา ด้วยรถจักรยานยนต์เป็น ประจำ เหมาะกับชาเขียว 4. ผู้ที่ในแต่ละวันนั่งตัวติดกับเก้าอี้ ไม่ค่อยขยับเขยื้อนกายไปไหนเลย อีกทั้งปกติไม่ชอบออกกำลังกายด้วยแล้ว เหมาะอย่างยิ่งกับ ชาเขียว หรือ ชาดอกไม้ 5. ผู้ที่ชอบดื่มสุรา เครื่องดื่มมึนเมา ควรดื่ม ชาเขียว 6. ผู้นิยมรับประทานเนื้อสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ เหมาะกับ ชาอูหลง 7. ผู้ที่เข้าห้องน้ำแต่ละครั้งช่างทุกข์ทรมานเสียเหลือเกินแล้วยังมักท้องผูกเสมอๆ เหมาะกับ ชาผสมน้ำผึ้ง 8. ผู้ที่มีระดับคอเรสเตอรอลสูง ไขมันในเลือดสูง เหมาะที่จะดื่ม ชาอูหลง หรือชาเขียว 9. สำหรับมนุษย์ยุคไฮเทคทั้งหลายที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันทั้งคืน หากได้ดื่มชาเป็นประจำจะดีมากๆ (ชาอะไรก็ได้ทั้งนั้น) เช่น ว่างเมื่อไหร่ก็คว้าแก้วน้ำชาข้างมือยกมาดื่มสักอึกสองอึกแก้กระหาย จะช่วย ป้องกันรังสีที่แผ่ออกมาจากเครื่อง อีกทั้งช่วยคลายเส้นคลายกระดูก ลดความอาการอ่อนเพลียได้อย่างชะงัดนักแล ค้นพบชาถ้วยโปรดแล้ว รีบชงมาดื่มนะคะ BUT I STILL HAVE QUESTION
ในสภาวะ ก๊าช ...ความรัก จะ ฟุ้งกระจายอย่างไรคะ ควรหรือ หรือ มิควร?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปฐม
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 20-05-2006, 15:04 » |
|
เมื่อน้องหญิงพูดเรื่องชา พี่นี้หรือจะถอย เอาล่ะพี่ก็คงไม่พูดอะไรมากและคงไม่พูดเข้าเรื่องพี่จะทิ้งไว้ให้ตีประเด็นก็แล้วกันนะคะ
พี่มีป้านชาอยู่ 5 ใบ สีผิวส้มทั้งนั้น ทุกใบเป็นดิน "จื่อซา" ทั้งนั้น บางใบพี่ใช้ไม่นานเพราะไม่ถูกโฉลกแต่บางใบพี่ใช้จนป้านเปลี่ยนสี มีอยู่ใบหนึ่งรักมาก... ปัจจุบันเป็นสีม่วงไปแล้วซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ในความพอใจของผู้พี่ที่มีต่อกาใบนี้
แต่ใด ๆ เมื่อร้านเสนอเมื่อเห็นว่ามีป้านชาแบบใหม่ของศิลปินผู้รังสรรค์ป้านที่พี่ชื่นชอบ เขาก็จะนำมาเสนอให้พี่ซื้อซึ่งก็น้อยครั้งที่จะปฏิเสธ ดังนั้นพี่ 5 ใบใช้งาน อีก 3 ใบใช้โชว์ แต่น้องนางรู้ไหมว่า พี่ดื่มชาเพียงแบบเดียว... พันธ์เดียว
คือ อู่หลง ทิกวนอิม (ทิกวนอิม ก็คือ อู่หลง พันธ์หนึ่ง) พันธ์ จั่งตั๊ง
แต่มิใช่ว่าผู้พี่มิเคยผ่านการลิ้มรสชาอื่นเลย ชามะลิ ก็เคย , อู่หลงก้านอ่อน ก็เคย , หล่อปี้จ๊วน ก็เคย , ชาขาว เฮอหนาน ก็เคย แต่มิเคยซื้อติดมือมาเกิน 1 ห่อ ( 4 ห่อเป็น 1 ชั่ง) จนมาเจอชาพันธ์ดังกล่าวพี่ก็ปักใจดื่มแต่มันแม้ชาจะหมดพี่ก็มิหาอันอื่นมาทดแทน เพราะของมันไม่เคยลิ้นไม่ต้องจริต
ป้านชาทั้ง 5 ใบเป็นที่รองรับชาชนิดนี้อย่างเดียว มิเคยมีชาแบบใดมาสัมผัสได้ มีแต่ จั่งตั๊ง เท่านั้น
ป้านชา 5 ใบ ต่างทรง สีอาจจะเหมือนกันแต่ความอ่อนแก่ของเนื้อดินต่างกัน แต่น้ำชาที่อยู่ในนั้นกลับเป็น "ใบชาแบบเดียวกัน"
นี่คือสภาวะแปรรูปใช่หรือไม่ - - - - - - - -
แต่ทำไมเล่า เนื้อหาสาระยังเป็นประดุจเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้าจะอยู่ ก็ขออยู่อย่าง เย้ยฟ้าท้าดิน
|
|
|
ประกายดาว
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 20-05-2006, 15:06 » |
|
ว้า แม่เรียก เดี๋ยวมาค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
see - u
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 20-05-2006, 15:23 » |
|
เราต้องแยกให้ออก ระหว่าง "ลงเอย" กับ "พันธนาการ"
"ลงเอย" คือ เห็นชอบด้วยกัน
"พันธนาการ" คือ เห็นชอบฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
ความรัก คำนี้เหมือนน้ำอยู่ได้ทุกสภาวะ แต่เราต้องจัดความสำคัญและเข้าใจ "รัก" แบบไหนและอย่างไร
มิฉะนั้นแล้ว.... เราก็จะมองอย่างไม่เข้าใจและไม่มีการเตรียมตัวที่จะปรับสภาพเมื่อถึงเวลา
.................................................. เรื่องของใจ..บางครั้งมันก็พูดยาก ใจคน..บางครั้งมันแข็งยิ่งกว่าก้อนหิน แต่..บางครั้งก็อ่อนยิ่งกว่าปุยนุ่น "พันธนาการ" ของ ความผูกพันระหว่างใจ...บางครั้งไม่ใช่มาจากฝ่ายใดฝายเดียว น้ำอยู่ได้ทุกสภาวะ และ น้ำก็ระเหยเป็นไอ..ได้เมื่อเจออุณหภูมิที่พอเหมาะ เรียนรู้ที่จะ รัก..อย่างเข้าใจ เรียนรู้..ที่จะรักษาใจไว้เมื่อ..รัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
" I will unforgive you to do the bad thing like this. " * The fox changes his skin but not his habits. * Superman ( It's Not Easy ) >> http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD " กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี ........ ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย "
|
|
|
ทิมมี่
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 20-05-2006, 16:38 » |
|
อ่านแล้วผมก็เปรียบ ทาน ตะวัน
รอแล้วรอเล่า ไม่รู้ว่า จะได้เจอ ชาตินี้ หรือชาติหน้า เฮ้อ ! ก็จะรอต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เชือกว่าว
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 20-05-2006, 16:51 » |
|
เฮ้อ.......ถอนหายใจให้เรื่องของความรัก มันผ่านมานาน จนรู้สึกว่า เรื่องของความรัก ไอ้ที่ว่าเข้าใจกลายเป็นไม่เข้าใจ ไอ้ที่ว่าไม่เข้าใจกลายเป็นเข้าใจ ยากแท้หยั่งถึง.... ยังไงบทความของท่านถม ก็ประทับใจผมตลอดมา คารวะท่านพี่ สักจอก...เอื้อก แล้วจะแวะมาใหม่....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เชือกว่าว
|
|
|
สเลเต
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 20-05-2006, 20:43 » |
|
แวะเอากาน้ำชามาฝาก เผื่อคอแห้งจะได้ดื่มชาไปพลาง ถกเรื่องความรักไปพลางค่ะ กาดอกแมกโนเลียสวยๆแบบนี้ คงเหมาะกับน้องประกายดาวมากที่สุดเลยนะคะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2006, 20:45 โดย สเลเต »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกายดาว
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 21-05-2006, 11:48 » |
|
แวะเอากาน้ำชามาฝาก เผื่อคอแห้งจะได้ดื่มชาไปพลาง ถกเรื่องความรักไปพลางค่ะ กาดอกแมกโนเลียสวยๆแบบนี้ คงเหมาะกับน้องประกายดาวมากที่สุดเลยนะคะ ขอบคุณ นะคะ พี่ สเลเต กา น้ำชา สวยจัง เป็นหนึ่งในของสะสมของ หนูด้วย ดาวชอบดอก แมกโนเลีย ที่สุด ... หอมมากๆ...มีน้ำหอมของ ล๊อกซิทาน กลิ่น นี้ หอมมากๆ ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปฐม
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 22-05-2006, 03:31 » |
|
กลายเป็นกระทู้ถกเรื่องน้ำชาและกาน้ำชาซะแล้ว อุบ๊ะ.... (โกรธนะเนี่ย สังเกตุใบหน้าที่หล่อเหลาและบวมเป่งของข้าพเจ้าดู)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้าจะอยู่ ก็ขออยู่อย่าง เย้ยฟ้าท้าดิน
|
|
|
ผู้ทำลาย
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 22-05-2006, 04:16 » |
|
ดอกทานตะวันเป็นสัญลักษณ์แทนความมั่งคงในความรัก
ผมชอบดอกทานตะวันมาก และก็ได้คุยเรื่องดอกทานตะวัน กับคนๆ หนึ่ง
มันเป็นความประทับใจสุดๆ จนผมก็ยังจำได้ทุกคำที่เราคุยกัน
มันทำให้ผมปักใจเชื่อว่า ดอกทานตะวัน เป็นดอกสัญลักษณ์แทนความรักที่มั่นคงจริงๆ
และผมก็อยากจะมั่นคงกับคนๆเดียวตลอดไป
แต่เหตุการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้วล่ะครับ
ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เคยเกลียดดอกทานตะวัน
ผมแค่อยากลืมว่าตัวเองเคยชอบดอกทานตะวันน่ะครับ
ผมไม่อยากมั่นคงในความรักเหมือนดอกทานตะวัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
|
|
|
ประกายดาว
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 22-05-2006, 09:46 » |
|
กลายเป็นกระทู้ถกเรื่องน้ำชาและกาน้ำชาซะแล้ว อุบ๊ะ.... (โกรธนะเนี่ย สังเกตุใบหน้าที่หล่อเหลาและบวมเป่งของข้าพเจ้าดู)
โอ๋ๆ ...เฮ้ พี่ปฐม สรุป งั้น มาพูดเรื่อง รักมั่นคง แบบเดียวดาย ของทานตะวันดีกว่า ก็ได้จ้ะ หรือจะเปลี่ยนประเด็น เป็น เรื่อง ใบหน้าที่หล่อเหลา แบบบวมเป่งดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปฐม
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 22-05-2006, 18:29 » |
|
ดอกทานตะวันเป็นสัญลักษณ์แทนความมั่งคงในความรัก
ผมชอบดอกทานตะวันมาก และก็ได้คุยเรื่องดอกทานตะวัน กับคนๆ หนึ่ง
มันเป็นความประทับใจสุดๆ จนผมก็ยังจำได้ทุกคำที่เราคุยกัน
มันทำให้ผมปักใจเชื่อว่า ดอกทานตะวัน เป็นดอกสัญลักษณ์แทนความรักที่มั่นคงจริงๆ
และผมก็อยากจะมั่นคงกับคนๆเดียวตลอดไป
แต่เหตุการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้วล่ะครับ
ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เคยเกลียดดอกทานตะวัน
ผมแค่อยากลืมว่าตัวเองเคยชอบดอกทานตะวันน่ะครับ
ผมไม่อยากมั่นคงในความรักเหมือนดอกทานตะวัน
ผมไม่อยากไปสะกิดต่อมอะไรของใคร แต่เท่าที่อ่านมาพบว่า ผู้พี่มีปัญหาไม่ต่างจากผู้น้องครับ ผู้น้องอยากบอกว่า ทุกวันนี้ผู้น้องก็ยังเป็นทานตะวันอยู่สำหรับคน ๆ นั้น
แต่สำหรับคนอื่น ๆ ที่บังเอิญเดินผ่านเข้ามาในชีวิต ผู้น้องพร้อมจะเป็นดอกใดก็ได้ (ยกเว้น "ดอกทอง" หมายถึงตัวน้องและผู้ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผู้น้อง) ต่างกรรมต่างวาระครับ...
แต่ผมยังคิดอยู่เสมอว่า... ผมยังอยากกลับไปเป็น ดอกทานตะวัน กับใครสักคนที่พอจะเป็นไปได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้าจะอยู่ ก็ขออยู่อย่าง เย้ยฟ้าท้าดิน
|
|
|
ผู้ทำลาย
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 23-05-2006, 12:32 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
|
|
|
ปฐม
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 23-05-2006, 20:23 » |
|
น่าสนใจดีเหมือนกันครับกับการเป็นดอกหญ้า แต่ผมเสียวว่า เมื่อผมอายุ 55 เหลียวมองรอบกายมันจะไม่พบใครเลยน่ะซิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้าจะอยู่ ก็ขออยู่อย่าง เย้ยฟ้าท้าดิน
|
|
|
ผู้ทำลาย
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 24-05-2006, 14:43 » |
|
วัย 55 นี่เป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงตอมมากที่สุดนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
|
|
|
ปฐม
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 24-05-2006, 19:26 » |
|
ถึงเวลานั้น ผมคงเรียนรู้วิธีตะบันน้ำกิน มากกว่าหาความรักแล้วล่ะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้าจะอยู่ ก็ขออยู่อย่าง เย้ยฟ้าท้าดิน
|
|
|
เสลา
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 24-05-2006, 19:42 » |
|
น่าสนใจดีเหมือนกันครับกับการเป็นดอกหญ้า แต่ผมเสียวว่า เมื่อผมอายุ 55 เหลียวมองรอบกายมันจะไม่พบใครเลยน่ะซิ
พบป้าเสลานั่งเล่นอินเตอร์เน็ทอยุ่นี่ไง คุณปฐม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปฐม
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 24-05-2006, 19:46 » |
|
อย่างนี้ ป้าจะต้องการ ดอกไม้หรือแหวนเพชรเป็นของหมั้นดีล่ะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้าจะอยู่ ก็ขออยู่อย่าง เย้ยฟ้าท้าดิน
|
|
|
เสลา
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 24-05-2006, 20:05 » |
|
ขอแค่ความจริงใจเท่านั้นจ้ะ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปฐม
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 24-05-2006, 20:24 » |
|
ผมว่าเรานัดเวลาและสถานที่จีบกันตัวเป็น ๆ เลยดีกว่าไหมป้า ออกเดทด้วยการทำสังฆทานและปล่อยนกปลา คนอื่นเขาไปดูหนังเราไปดูละครธรรมมะที่วัดบวร ผมว่าน่าจะเวิร์ค...นะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้าจะอยู่ ก็ขออยู่อย่าง เย้ยฟ้าท้าดิน
|
|
|
|
|